ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    12Tails: Tails Apocalypse Ⓣ (Turn Bringer Invasion)

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter5.5: The Tragedy of Ritual Order Rebellion

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ค. 59


    The Tragedy of Ritual Order Rebellion โศกนาฏกรรม แห่ง กบฏกองอัศวินพิธีกรรม



    ศาสนจักร องค์กรซึ่งปกครองโดย ราชาคณะ หรือ Pope. ใต้การปกครองจะแบ่งย่อยเป็นภาคี 
    แต่ละภาคีจะแบ่งหน้าที่กันไป
     
    ภาคีอัศวินขัตติยะ(Royal Order) ภาคีต่อสู้สำหรับออกภารกิจภาคสนาม ประกอบด้วยเหล่า พาลาดิน และกองทหารของพระราชวัง
     
    ภาคีอัศวินพิธีกรรม(Ritual Order) หน่วยพิธีกรรมหรือการวิจัยศาสตร์พระเวทต่างๆ รวมไปถึงการเล่นแร่แปรธาตุ ก็จัดอยู่ในส่วนนี้ด้วย
     
    ในส่วนของ ราชอาณาจักร โรจนคร(เมืองแสง) จะมีกลุ่ม อัศวินโต๊ะกลม(Knight of Round) เป็นผู้บังคับบัญชากองกำลังสูงสุดภายใต้การปกครองของ เทพีแห่งแสงอัลคาเซีย
    และเหตุการณ์แห่งโศกนาฏกรรมเมื่อครึ่งปีก่อน ต้นสายทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นที่ ภาคีอัศวินพิธีกรรม
     
    …………ครึ่งปีก่อน……………
     
    คืนหนึ่ง ภายในห้องโถงพิธีกรรมของโบถส์แห่ง โรจนคร ห้องไม่ได้มีการตกแต่งใดๆ จากแท่นยืนขั้นบันได
    สามขั้นใหญ่ จะเป็นแนวเก้าอี้ยาวสำหรับ 2 คนเรียงรายกันไป 4 แถว แถวละ 4 ตัว  บนแท่นพิธีกรรมนั้น
    มีกระถางไฟทองคำ หนึ่งกระถางใหญ่กำลังเผาไหม้วัตถุสำหรับการแปรธาตุ ธูปกำยานนับร้อยๆดอก
    ถูกสุมลงไปในกระถางยามเมื่อมันลุกไหม้ ได้กลายเป็นควันกำยานสีขาวลอยคละคลุ้งตลบอบอวลไป
    ทั่วทั้งห้อง  
     
    “ อา~~~…ข้าแต่ ผู้มอบความเคลื่อนไหวแก่ เทร่า อัสสิอาห์ และ เกเฮนน่า…ขอจงส่งดวงจิตให้ได้ลงจุติในแดนหล้า……… ”
    เหล่าผู้บริกรรมคาถาทั้ง 20 หาง ล้อมรอบกระถางไฟ และกล่าวบทสวดซ้ำไปซ้ำมา ดวงไฟใหญ่ในกระถางโชติช่วงขึ้นเรื่อยๆ
     
    “ พวกท่านทำอะไรลงไป! นี่มันผิดต่อกฏของศาสนจักรนะ!! ”
     เสียงนั้นแทรกเข้ามาและหยุดการดำเนินของพิธีกรรม โลกิ ลิงขนสีแดงผู้เยาว์วัย 
     เขาเป็นหัวหน้ากองอัศวินพิธีกรรมมา 2 ปีแล้วโดยรับตำแหน่งตั้งแต่อายุ 15 นับว่าเป็นผู้บังคับบัญชาที่อายุ
    น้อยที่สุดในประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้แต่แม้จะเป็นเพียงลิงหนุ่มในวัยต่อต้านแต่ก็เป็นที่ยอมรับโดยทั่วกันถึง
    อัจฉริยะภาพของเขา อีกทั้งรูปแบบเวทย์ที่เขาถนัดก็เป็นแบบที่หาได้ยากและเป็นระดับสูงของ
    สายเวทย์เลยก็ว่าได้ มันคือมนตราโบราณ เวทย์อักขระ(Rune Magic)
     
    ลิงหนุ่มจ้องมองพวกเขาเหล่าผู้กระทำพิธีอย่างเดือดดาล อะไรก็ตามที่กำลังดำเนินอยู่นั้น เป็นสิ่งที่ขัดกับหลัก
    ของศาสนจักรที่ร้ายกว่านั้นมันขัดกับหลักของความเป็นไปบนโลกนี้ด้วย ต่อให้เป็นตัวเขาเองก็ยอมรับมัน
    ไม่ได้ การรังสรรค์ชีวิต……คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นใน โถงพิธีแห่งนี้
     
    ปึง!!!!!!!!
    ประตูโบถส์ถูกพังเข้ามา โดยทหารเสือดำซึ่งยกกันมาเป็นสิบๆนาย ทุกตัวมีอาวุธในมือพร้อมสรรพ
     
    “ พวกทหารงั้นเหรอ? ”
    โลกิ พูดขณะเดียวกันทหารเสือดำก็ทยอยเข้ามาในโบถส์ล้อมพวกเขาเอาไว้ ไม่มีใครตอบโต้หรือพูดอะไร
    ออกมามีเพียงสายตาแห่งความสงสัยที่ทอดมองกันไปมาของเหล่าผู้กระทำพิธีและตัวเขาเอง
    ก่อนที่จะได้ไถ่ถามใดๆ หอกเล่มหนึ่งก็ได้พุ่งเข้ามายังกลุ่มของพวกเขา หางหนึ่งในคณะถูกหอกเสียบทะลุ
    ศีรษะขาดจากคอ สิ้นใจคาแท่นพิธีในทันที ความตื่นตระหนกอุบัติขึ้น และ กลายเป็นความโกลาหล
    ในเวลาต่อมา กองอัศวินพิธีกรรม ถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ วิจัยศาสตร์นอกรีต และถูกสั่งคว่ำบาตรภาคี 
    ผู้สังกัดกองอัศวินพิธีกรรมทั้งหมดถูกสังหารหมู่จนหมดสิ้น ในคืนวันนั้น
    ……………………………….
    โลกิ หลบหนีออกมาจากการสังหารหมู่นั้น ตัวเขานั้นเต็มไปด้วยความสับสน และ ความหวาดกลัว
    ความไม่รู้อะไรเลย คือศัตรูที่ร้ายกาจ ภาคีของพวกเขาถูกใส่ร้าย เป็นความจริงตามข้อกล่าวหาที่ว่าพวกเขา
    วิจัยศาสตร์นอกรีต แต่นั่นก็แค่กลุ่มคนบางกลุ่มใน ภาคีแม้แต่ตัวเขาเองที่เป็นหัวหน้าคณะก็พึ่งจะรู้เรื่อง
    มาได้ไม่นานนี้เอง และเป็นอีกหนึ่งข้อสงสัย ทางศาสนจักร ล่วงรู้ว่าพวกเขากระทำละเมิดข้อห้ามได้รวดเร็ว
    เกินไป ราวกับว่าพวกเขาจับตาดูมันอยู่นานแล้ว 
     
    /หรือว่าจะมีผู้ทรยศอยู่ในศาสนจักรกัน….งั้นนี้ก็เป็นการฆ่าปิดปากน่ะสิ/
    สันนิษฐานอันน่าตกใจแล่นเข้ามาในหัว ไม่อาจตีความเป็นอื่นได้ พวกเขาถูกใช้เป็นแพะรับบาปเสียแล้ว
     
    /ต้องไปหาพ่อแล้วก็อธิบายให้ฟัง เรื่องนี้ต้องระดมกำลังจากทุกหน่วยงานลากคอไอคนทรยศออกมา/
    โลกิ คิดและที่ๆตัวเขาจะมุ่งไปก็คือ สำนักงานทำการของส่วนกลางนครแห่งแสง มีเพียงผู้เป็นบิดา โอดิน
    เท่านั้นที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิของตนได้ แต่หนทางก็ไม่ง่ายเลยทหารเสือดำ กำลังไล่ตามเขามา
    กระชั้นชิดขึ้นเรื่อยๆ
     
    โลกิ เลี้ยวเข้าไปยังตรอกข้างโบถส์เขาหวังจะสลัดพวก เสือดำให้หลุดทว่าเส้นทางที่เขาเข้าไปนั้น
    กลับกลายเป็นทางตัน เพราะความรีบร้อนจนลืมเสียสนิทว่าตรอกที่จะผ่านไปยังที่ทำการได้ คือตรอกอีก
    ตรอกหนึ่ง เสียงฝีเท้าใกล้ๆเข้ามาทุกขณะ วินาทีนี้ลิงหนุ่ม หันซ้ายทีขวาทีแต่ก็ไม่พบหนทางใดๆเลย
     
    “ โลกิ! ” เสียงนี้ดูคุ้นเคยต่อโสตประสาทหู ยังไม่ทันที่เขาจะมองหาเจ้าของเสียงนั้น ร่างของลิงหนุ่มก็
    จมหายไปในความมืดของตรอกแห่งนี้
     
    “ มันอยู่ไหน!! ”
    เสือดำ ตัวหนึ่งตะคอกพวกเขามาถึงทางตันแล้ว แต่กลับไม่พบตัวของโลกิ หรือร่องรอยใดๆ
     
    “ มันอาจจะหนีไปอีกทางก็ได้ ค้นให้ทั่วอย่ามันหนีรอดไปได้! ”
    สิ้นคำสั่งทหารเสือดำทั้งหมดก็วิ่งออกจากตรอกไป
     
    “ เสียงฝีเท้าเงียบไปแล้ว ”
    ทอล กระซิบ พี่ชายหมาป่าของ โลกิ ผู้ช่วยดึงเขาลงมาซ่อนตัวยังท่อระบายน้ำ
    ที่อยู่ใต้ตรอกแห่งนี้ 
     
    “ โลกินี่มันเรื่องอะไรกันมีคำสั่งจากองค์สังฆราชเรกกุ ว่าภาคีอัศวินพิธีกรรมก่อกบฏ 
    พวกนายถูกสั่งจับตายกันหมดเลยนะ ”
    ทอล ถามหน้านิ่วคิ้วขมวดท่ามกลางความมืดมิด มีเพียงแสงสว่างของดวงจันทร์ที่ส่องผ่าน
    ร่องน้ำด้านบนลงมาให้พวกเขาได้คลำเส้นทางตามท่อระบายน้ำไป
     
    โลกิ: จริงอยู่มีส่วนหนึ่งของภาคี ยุ่งเกี่ยวกับศาสตร์นอกรีต แต่ว่าผมพึ่งจะรู้เรื่องเมื่อกี้นี้เอง ก็เลยออกมาดู
              ที่โบถส์ถึงได้พบว่ามพวกมันกำลังทำพิธีอยู่แต่น่าแปลก…. 
     
    ทอล: อะไรหรอ? 
     
    โลกิ: ตอนที่ผมไปถึงพิธีกรรมเป็นขั้นตอนชำระกำยาน สำหรับปิดพิธีกรรมหมายความ
                 ว่าพวกมันทำพิธีเสร็จไปนานแล้ว 
     
    ทอล: แต่ว่านายก็แค่เข้าไปตอนที่พวกนั้นกำลังปิดพิธีนี่ บางทีอาจจะพึ่งทำเสร็จก็ได้มั้ง? 
     
     โลกิ: แบบนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่…พิธีชำระกำยานจะกระทำเป็นขั้นสุดท้ายในการปิดพิธี
             หมายความว่าก่อนหน้าทั้งพิธีสรรเสริญ บริกรรม และ ถวายเครื่องเซ่นจบไปแล้ว 
               จึงเป็นไปไม่ได้ที่ของที่พวกมันสร้างจะพึ่งทำเสร็จ ”
     
    “ ของที่พึ่งสร้าง? ” ทอล เน้นเสียงด้วยความฉงน
     
    โลกิ: อืม มันเป็นพิธีกรรมสำหรับการรังสรรค์ชีวิต 
     
     ทอล: รังสรรชีวิต! นั่นมันความผิดมหันต์เลยนะ! 
     
    โลกิ: อือ แล้วก็นั่นแหละที่แปลกอีก ปกติพิธีกรรมรังสรรค์ชีวิต มันใช้เวลาบริกรรมพิธีกันเป็น
               เดือนๆเลยนะ แล้วที่ผ่านมาทำไมถึงไม่มีใครรู้เลยจนถึงตอนนี้
     
    ทอล: นายจะบอกว่ามีคนในศาสนจักรหนุนหลังพวกมันยังงั้นหรือ?
     
    โลกิ: ก็คิดได้แค่นั้นแหละ ว่าแต่เรากำลังจะไปไหนเนี่ย?
     
    ทอล: คูน้ำนอกเมือง ตอนนี้ในตัวนครมีแต่ทหารเสือดำเต็มไปหมด ถ้าวิ่งบนถนนละก็อันตรายแน่ๆ
     
    โลกิ: เราต้องไปหาท่านพ่อ ต้องอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ท่านฟัง!
     
    ทอล: ที่กองบัญชาการตอนนี้น่ะไม่เหมาะหรอกมีแต่พวกทหารเต็มไปหมดเลย รวมถึง
             อัศวินโต๊ะกลมอย่างแม่ทัพอิทารุส กับ แม่ทัพโบลดาสก็ด้วย ทุกคนกำลังไล่ล่ากลุ่ม
              ของพวกนายอยู่ ที่ค่ายพักของภาคีนายตอนนี้ คงกลายเป็นทะเลเลือดไปแล้ว
     
    โลกิ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเจ็บช้ำยามที่ได้ยินเรื่องราวของสหายร่วมภาคี 
    เขาไม่อาจช่วยใครไว้ได้เลย แม้แต่ตัวเขาเองในตอนนี้ก็มืดแปดด้าน
     
    “ ไม่เป็นไรนะโลกิ อีกเดี๋ยวจะออกไปที่คูน้ำแล้ว ระวังอย่าให้เท้าลื่นตกลงไปล่ะ ”
    ทอล พูดพร้อมกับชี้ให้เห็นแสงสว่างที่ปาลายทาง ทั้งสองคลำท่อจนออกมาถึง คูน้ำนอกกำแพงเมือง
    แล้วจึงเดินลุยลำธารตื้นๆที่ไหลผ่านคูน้ำ มาอีกที
     
    “ ..พี่มาช่วยผมแบบนี้จะไม่เป็นไรหรือ? แล้วก็พี่ไม่สงสัยผมเลยหรือ? ”
    โลกิ ถามเพราะความเร่งรีบก่อนหน้านี้จึงไม่ทันได้นึก ทอล ยังไม่ได้พูดเลยว่าเขาเป็นกบฏ
     
    “ พูดอะไรแบบนั้นนายเป็นน้องชั้นนะ ไม่ต้องคิดมากหรอกน่าแล้วก็ชั้นมั่นใจอยู่แล้ว
    ว่าน้องชายชั้นไม่มีทางทำเรื่องเลวร้ายได้หรอกน่า ”
    ทอล พูด ก่อนจะออกเดินนำไปยังเนินหญ้าที่ห่างออกไปจากนครแห่งแสง ไปสู่กระท่อมไม้อันเป็น
    บ้านของพวกเขา
     
    “ นายไปหลบอยู่ในกระท่อมซะ ชั้นจะไปเล่าเรื่องทั้งหมดให้พ่อฟังเอง ”
    นั่นคือคำพูดสุดท้ายของพี่ชาย ก่อนที่เขาจะวิ่งกลับเข้าเมืองไป
    ตัวผมเข้าไปหลบพักอยู่ในบ้านรอพี่ชายด้วยความกระวนกระวายใจ ในยามยากเช่นนี้ 
    พี่คือแสงสุดท้ายของผม
     
    ……………………………..
    สามชั่วโมงหลังจากนั้น ทหารเสือดำได้ บุกเข้ามาที่กระท่อม พร้อมทั้งจับกุมเขาออกมา
    กดให้คุกเข่าลงทั้งสองข้างทั้งยังใช้หอกขัดคอเขาเอาไว้ ต่อหน้าโอดิน หมาป่าขาวผู้ได้ชื่อว่าเป็นพ่อ
    กำลังยืนอยู่ต่อหน้าเขา 
     
    “ ท่านพ่อ!? ”
    ลิงหนุ่ม คร่ำครวญน้ำเสียงสั่นเทาต่อหน้าผู้เป็นบิดา ความสับสนประดังเข้าสู่หัวใจ ใย พ่อของ
    เขาถึงมองเขาอย่างเฉยเมย พี่ชายของเขาไปไม่ทันงั้นหรือ 
     
    “ เอาตัวไปขังคุก รอเวลาสอบสวน! ”
    สังฆราชสิงโตทะเลเรกกุ ออกคำสั่งและแล้ว ทหารเสือดำก็ลากตัวเขาไป ระหว่างทางนั้น
    เขาถึงได้เห็นและรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่เรียกว่า การทรยศหักหลัง พี่ชายหมาป่าของเขา
    ยืนนิ่งหลบอยู่หลังพ่อของเขา โดยไม่แม้แต่จะสบตามองมาที่เขาเลย ไม่แม้แต่จะพูดหรือห้ามใดๆ
    ความสันสนแปรเปลี่ยนเป็นความสิ้นหวัง ความเจ็บปวดในจิตใจกลั่นตัวเป็นหยาดน้ำตาของ
    ความเศร้าโศกเอ่อคลอที่เบ้าตา 
     
    “ พี่ครับ!!พูดอะไรบ้างสิ….พี่!!!!!!!! ”
    โลกิ ตะคอกแต่ ทอล ก็ไม่อาจตอบรับเขา ขณะที่ตัวเขาห่างไกลออกไปเรื่อยๆ
     
    มันเป็นความเงียบกริบที่ไม่อาจบรรยายได้ ทั้งพี่และพ่อต่างก็ไกลออกไปด้วยกันทั้งคู่ มือคู่นี้ไม่อาจ
    เอื้อมไปถึง เสียงไม่อาจดังไปถึง ท่ามกลางความมืดแห่งความสิ้นหวังคือความเงียบสงัด มันเงียบเสีย
    จนเขาไม่รู้เลยว่าตัวเขากำลังลอยอยู่ในอากาศ
     
    “ โลกิ!! โลกิ!!! ”
    เสียงเรียกที่กระเทาะเปลือกของความสิ้นหวังดังเข้ามา ตัวเขาอยู่ในอ้อมกอดของค้างคาวสาวผู้ซึ่ง
    พาเขาหลบหนีสู่ท้องฟ้าที่ พวกทหารข้างล่างไม่อาจตามมาได้
     
    “ มอร์กาน่า? ”
    โลกิ อุทานเขาที่จมอยุ่ในความสิ้นหวังจนถึงเมื่อครู่ไม่ได้รับรู้เลยถึงการช่วยเหลือของนางค้างคาว
    และเมื่อเขามองลงไปยังเบื้องล่าง ที่นั่น แกะสาวผู้เป็นยุวราชแห่งแสง กษัตริยา ก็ปรากฏอยู่ด้วย
     
    “ มอร์กาน่า!!!! ”
    กษัตริยา ทรงแผดเสียงก่อนจะร่ายเวทย์เรียกให้สายลมมาช่วยพยุงตัวแล้วบินตามขึ้นมา
     
    “ ท่านพี่…. ”
    นางค้างคาว เปรยด้วยสีหน้าเศร้าหมอง ก่อนจะเพิ่มความเร็วเพื่อหลบหนีจาก กษัตริยา
    ทิศที่นางและโลกิกำลังจะมุ่งไป ปรากฏรอยแยกของมิติอันดำมืด ขึ้นในอากาศ
     
     
    “ เราจะไปไหนกันน่ะ มอการ์น่า?! ”
    โลกิ ลนลานกับสิ่งที่กำลังจะอุบัติขึ้นกับตัวเขาและเธอ
     
    “ โรจนคร ไม่ต้องการพวกเราอีกแล้ว…เราจะไปยังตำหนักเทพเงา หากเป็นองค์เซร่าล่ะก็จะต้อง
    ช่วยเหลือพวกเราอย่างแน่นอน ”
    มอการ์น่า พูด
     
    ทั้งสองบินหายเข้าไปในรอยแยกมิติ และมันได้ปิดตัวลงก่อนที่ กษัตริยา จะตามมาทัน
     
    “ มอการ์น่า น้องพี่…ทำไมเจ้า….. ”
    หยาดน้ำหยดหนึ่งไหลอาบใบหน้าอันบิดเบี้ยวด้วยความอาวร ของ ยุวราชแห่งแสง
     ค่ำคืนแห่งการพรากจาก ของเหล่าพี่น้องซึ่งถูกเรียกว่าเหตุการณ์ กบฏกองอัศวินพิธีกรรม ในเวลาต่อมา
     
    ………………………………………………………………………………..
    ตัดกลับมา ณ ปัจจุบัน
     
    บัดนี้ภายในห้องประชุมแห่งตำหนักเทพเงา โลกิ มอร์กาน่า และเหล่าสมาชิกแห่งลัทธิเงาได้พร้อมประชุม
    กันเพื่อวางแผนการอันยิ่งใหญ่
     
     
    /นับแต่วันนั้นข้าได้สาบานกับตัวเอง ข้าจะโค่นล้มศาสนจักรแล้วแสดงความถูกต้องที่เที่ยงแท้/
    ปฏิพานเพียงหนึ่งเดียวสำหรับการมีชีวิตที่เหลืออยู่ คือต้นตอของโศกนาฏกรรม ครั้งใหม่….หรือว่ามันจะสร้างขึ้นมาซึ่งปาติหารย์กันนะ?……..
     
    ***************โปรดติดตามตอนต่อไป*********************
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×