ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #153 : Login 150: ฉันคือ...อิงศร

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 284
      11
      14 ก.ย. 60

                Login 150: ฉันคือ...อิงศร

     

                “…”

                คิดจะทำยังไงต่อไป”

                เขาโดนปีศาจของตัวเองถามแบบนั้น

                “…”

                เจ้าเข้าใจมนุษย์แล้วจริงๆ หรือ”

                ก็ต้องเข้าใจอยู่แล้วสิก็…

                ฉันเป็นมนุษย์นะ”

                แล้วรู้รึเปล่าว่ามนุษย์น่ะคือความผิดพลาด”

                อีกฝ่ายตอบในทันทีราวกับเตรียมคำพูดไว้ก่อน

                ดูเหมือนว่าเขากำลังถูกปีศาจทดสอบอยู่

                ทดสอบอีกแล้วเรอะ”

                อิงศรบ่นด้วยความไม่พอใจ

                จะทำการทดลองอะไรกันนักกันหนาเห็นเขาเป็นหนูทดลองหรือยังไง

                แต่เมอร์คาบาห์ก็ดูจะไม่สนใจท่าทีของเขาเลยแม้แต่น้อยและยังคงพูดต่อไปว่า

                เพราะมนุษย์ต้องดำเนินชีวิตโดยการเลือกหนทางอยู่เสมอมาความผิดพลาดจึงเกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง อย่างเช่นตอนที่เจ้าได้รับตัวข้าเอาไว้แต่เพราะเลือกหนทางผิดจึงต้องสูญเสียสายสัมพันธ์หนึ่งไป”

                จู่ๆ ทิวทัศน์ก็เปลี่ยนไป

                ต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังเมอร์คาบาห์กลายเป็นซากรถยนต์ที่กำลังลุกไหม้

                สถานที่คือจุดที่เขากับพิพัฒน์ถูกราชครูมนุษย์ต่างดาวฆ่า

                คือครั้งแรกที่ได้เห็นพลังของเมล์ตัวจับเวลาตาย

                แล้วในตอนนั้นอาคานาร์ที่ได้รับก็คือเดอะชาริออทที่กลายเป็นเมอร์คาบาห์ในเวลาต่อมา

                เมอร์คาบาห์ยังคงดำเนินคำพูดอย่างต่อเนื่อง

                อาคานาร์คือสายสัมพันธ์ คือชะตากรรม คือทางเลือก มนุษย์ได้เลือกที่จะรับอาคานาร์เอาไว้แทนที่ชะตากรรมเดิมเพราะอยากจะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตัวเองแต่แบบนั้นคือความผิดพลาด”

                สถานที่ถูกเปลี่ยนกลับมายังเนินทุ่งหญ้าอีกครั้ง

                มนุษย์คือความผิดพลาดใช่ไหม”

                แล้วจากที่พูดต่อว่ามนุษย์ก็กลายเป็นคำถามเสียอย่างนั้น

                “…”

                แล้วควรจะตอบอย่างไรดีล่ะ

                อิงศรพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ว่าที่แท้จริงแล้วตัวเองอยู่ที่ไหนแล้วกำลังทำอะไรอยู่

                กำลังฝันหรือว่าตายไปแล้วกันแน่

                “…”

                ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนออกมาเลยที่มีก็แค่

                “แต่ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะ”

                ความรู้สึกที่อยากจะตอบรับคำถามของอีกฝ่าย

                “ทำไมล่ะ”

                เขาถูกปีศาจถามแบบนั้น

                “มนุษย์น่ะยังอ่อนหัดถึงได้เลือกทางเดินผิดไปบ้างแต่ว่าเพราะแบบนั้นแหละถึงเปลี่ยนแปลงได้ ถ้ามีโอกาสอีกซักครั้งมนุษย์ก็จะเปลี่ยนแปลงได้แน่ๆ”

                “แล้วเธอก็จะร้องขอโอกาสไปไม่สิ้นสุดอยู่ดีน่ะเหรอ”

                “ไม่ใช่แบบนั้นสิ”

                “แล้วอะไรกันล่ะคำตอบที่เธอมองเห็น ณ ปลายทางที่ถูกถมฝังไปด้วยความผิดบาปของมนุษย์”

                “…”

                ไม่รู้ว่าทำไม

                ทั้งที่กำลังคุยกับเมอร์คาบาห์แต่กลับรู้สึกเหมือนคุยกับตัวเอง

                เรื่องที่เมอร์คาบาห์พูดมาคือความลังเลในใจของเขา

                ลังเลมาตลอดว่าทางเดินที่เลือกนั้นผิดหรือเปล่า

                หลังจากรับรู้ชะตากรรมของมนุษยชาติแล้วเขาก็คิดทบทวนเสมอมา

                เหตุใดมนุษย์จึงถูกตัดสินว่าผิดพลาด

                เหตุใดมนุษย์ถึงหยุดก้าวเดิน

                “…”

                พอคิดถึงตรงนี้สถานที่ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปอีก

                คราวนี้กลายเป็นถนนกลางเมืองที่ผู้คนสัญจรกันขวักไขว่

                ท่ามกลางฝูงชนนั้นเขามองเห็นตัวเองในวัยเด็กกำลังเดินไล่หลังน้องชายที่พ่อแม่พาจูงเดินนำอยู่ข้างหน้า

                อิงศรคิด…

                ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เขาเริ่มตีตัวออกห่างจากครอบครัวของตัวเอง

                ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เขาคิดว่ามิ่งขวัญได้แย่งทุกอย่างไป

                ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เขาได้หยุดก้าวเดินแล้วล้มเลิกทั้ง ความฝัน ความหวัง ความตั้งใจทั้งหมดไป

                ในตอนนั้นเองก็มีเสียงดังสวนมาว่า

                “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่พี่ศรเหินห่างออกไป”

                เสียงของมิ่งขวัญวัยเด็กที่กำลังเดินห่างตัวเขาในปัจจุบันออกไป

                “พี่ศรคงจะเกลียดขวัญแล้ว”

                น้องชายเองก็คิดแบบเดียวกันอย่างนั้นเหรอ แต่นั่น…

                “ไม่มีทางที่ขวัญจะคิดเรื่องซับซ้อนพรรค์นี้ได้หรอก คนที่น่าจะคิดแบบนั้นน่ะ”

                ก็มีแต่ตัวเองเท่านั้น

                ทุกอย่างที่นี่มีแต่ความคิดความอ่านของตัวเองปะปนเต็มไปหมด

                ถ้าอย่างนั้น…

                อิงศรหันไปทางที่เมอร์คาบาห์อยู่แล้วพูดคำตอบ

                “นายคือฉันสินะ”

                เปรี้ยะ เสียงร้าวดังลั่นออกมาจากตัวเมอร์คาบาห์แล้วหน้ากากเหล็กของเทวทูตก็ปริร้าว

                “อะ”

                อิงศรตกใจจนถอยเท้าไปข้างหลังก้าวหนึ่ง

                เศษชิ้นส่วนของหน้ากากหลุดลอกเป็นแผ่นทำให้เริ่มมองเห็นเค้าโครงของใบหน้าภายใต้หน้ากากนั่น

                มองเห็นส่วนปากที่โผล่พ้นออกมา

                ริมฝีปากอันอวบอิ่มสีชมพูอ่อนเหมือนผู้หญิง

                เมอร์คาบาห์ได้กล่าวว่า

                “เจ้าคือข้า”

                อิงศรนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง

                “…”

                หลังจากตีความคำพูดนั้นเขาก็ได้คำตอบแล้วว่าทำไมตัวเองจึงมาอยู่ที่นี่

                “นั่นสิทำไมถึงได้ลืมไปได้นะนาย…ไม่สิ เธอคือฉัน ดังนั้นถึงได้เข้าใจกัน”

                ตลอดมา…

                อิงศรเฝ้าถามว่าตัวเองเลือกเดินทางผิดมาตลอดหรือไม่

                เคยเลือกที่จะปิดกั้นตัวเองเพราะอยากหนีจากความสูญเสีย

                แต่ถึงทำอย่างนั้นไปก็ยังสูญเสียอยู่ดี

                เขาไม่สามารถปกป้องพิพัฒน์ไว้ได้ทำให้อาคานาร์ของเมอร์คาบาห์ต้องปิดผนึกมาตลอด

                เพราะตระหนักว่าตัวคนเดียวมันเป็นทางเดินที่ผิดและโทษว่าเป็นบาปของตัวเองเสมอมา

                แล้วต่อจากนั้นก็เลือกเปิดใจรับเอาพวกพ้องอีกครั้งทำให้ได้รับพลังของอาคานาร์มา

                อาคานาร์คือสายสัมพันธ์ที่ถักทอเป็นรูปร่างดังนั้น

                เมษา

                มีนา

                กวินทร์

                เพราะเปิดรับเอาคนเหล่านั้นเข้ามาจึงทำให้อาคานาร์ตื่นขึ้นใบแล้วใบเล่า

                แต่ เดอะ แชริออทของเมอร์คาบาห์ก็ไม่เคยตื่นขึ้นเลย

                แม้แต่ตอนนี้ก็ยังเป็นแค่สภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น

                เขาไม่เคยรู้สึกเลยว่าเมอร์คาบาห์จะทรงพลังได้เท่ากับปีศาจของมิ่งขวัญหรือแม้แต่ของกวินทร์

                หลังจากนั้นเขาก็สูญเสียนรินทร์เพราะตนเองมีพลังไม่พอ

                ทำอะไรไม่ได้และได้แต่โทษตัวเองที่อ่อนหัด

                แต่มันก็ทำให้ตัวเองตั้งคำถามขึ้นมาด้วย

                คำถามว่าการเลือกทางเดินที่ผ่านมามันผิดอย่างนั้นหรือ?

                จนเดี๋ยวนี้เองที่เมื่อถูกฆ่า

                ถูกไล่ต้อนให้จนมุม จนรู้สึกสิ้นหวัง

                รู้สึกเสียใจกับการเลือกหนทางเขาถึงเข้าใจขึ้นมาว่า

                มันไม่ได้เกี่ยวกับพิพัฒน์แล้วก็ไม่ได้เกี่ยวกับอาคานาร์

                มันไม่ได้เกี่ยวว่าการเลือกทางของเขาผิดพลาดแต่ความผิดพลาดนั่นก็คือพลังของเขาเอง

                ปัญหามันอยู่ที่ตัวเขาเองมาแต่แรก

                “เพราะฉันไม่ยอมยกโทษให้ตัวเองสายสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเธอก็เลยครึ่งๆกลางๆอยู่แบบนั้นสินะ”

                เพราะไม่อยากจะยอมรับเอาความผิดพลาดนั้นไว้จึงเท่ากับปฏิเสธพลังของตัวเองมาโดยตลอด

                ชุดเกราะของเมอร์คาบาห์ก็คือหลักฐานว่าเขาได้จองจำความรู้สึกของตัวเองไว้ภายในเสมอมา

                อิงศรโผเข้าไปกอดเมอร์คาบาห์

                “ขอโทษนะที่เมินกันมาตลอดเลยน่ะ”

                “…”

                และแล้ว

                ที่นี่ ในเวลานี้

                อิงศรก็ได้ผูกสายสัมพันธ์กับตัวเอง

                ร่างของเมอร์คาบาห์เปล่งแสงออกมา

                ชุดเกราะพันธนาการทยอยปริร้าวและกะเทาะแตกหลุดลอกออก

                “…”

                พอได้ยกโทษให้ตัวเองก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก

                รู้สึกเหมือนร่างกายเบาหวิวจนแทบจะลอยได้

                รวมถึงสัมผัสความคิดของเมอร์คาบาห์ได้ด้วย

                ‘ฉันอยากจะปกป้องพวกเขาเอาไว้ทั้งหมดไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตามถึงตอนนั้นแล้วก็ฝากนายด้วยล่ะ’

                นั่นเป็นความนึกคิดของเมอร์คาบาห์ที่ไหลเข้ามาสู่สมอง

                แต่กลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด

                “ฉัน…เคยพูดแบบนั้นนี่”

                “…”

                สติของอิงศรขาดหายไปในตอนนั้น

     

                …

     

                และกลับมาอีกครั้ง

                กลับสู่ความเป็นจริงจากความตาย

                เสียงดังเอี้ยดอ้าดของฟันเฟืองฟังแล้วรู้สึกลื่นหูขึ้นกว่าเดิม

                รู้สึกได้ว่ามีพลังส่งถ่ายเข้ามาไม่หยุด

                หากเป็นตอนนี้ก็รู้สึกว่าน่าจะคว้าเอาคำตอบที่แท้จริงมาได้

                คำตอบว่าเขาจะก้าวเดินต่อไปข้างหน้าด้วยหนทางแบบไหน

                “…”

                อิงศรยังคงถูกตรึงอยู่บนแส้ใบมีด บนหลังฟันเฟืองที่งอกออกมากำลังหมุดพัดกวัดแกว่ง

                รูที่หน้าอกซึ่งโดนทะลวงจนกลวงโบ๋ก็เริ่มสมานตัว

                เริ่มสัมผัสการเต้นของหัวใจได้เฟืองกำลังคืนหัวใจที่ถูกทำลายให้

                เสียงเต้นดังตึกตักๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

                พลังชีวิตทยอยฟื้นกลับมา

     

    อิงศร Lv.93 [/////10500:12500//…]

     

                ถึงบาดแผลกับรอยฟกช้ำที่มาจากการถูกจับฟาดไปมาก่อนหน้านี้จะไม่หายไปก็ตาม

                ขณะเดียวกันฟันเฟืองบนหลังก็เริ่มหดเล็กลงจนกระทั่งหายไปเมื่อพลังชีวิตฟื้นฟูจนเต็ม

                “พี่ศรยังไม่ตายล่ะ”

                “ศร!”

                เสียงของพวกพ้องเรียกดังมาจากทางด้านหลังแต่สภาพถูกตรึงแบบนี้ทำให้จะหันไปมองก็ทำไม่ได้

                แต่แล้วซีลอร์ดที่อยู่เบื้งหน้าก็เริ่มพูด

                “อ้อ ก่อนหน้านี้เพราะเธอใช้เฟืองไปหนหนึ่งแล้วตอนที่สู้กับซีเซียมทำให้ต้องรอเวลาฟื้นฟูจนมาออกเอาตอนนี้สินะ”

                แล้วให้แส้จำนวนหนึ่งมัดรวมกันเหมือนทวนยาวของอัศวินที่ใช้เวลาขี่ม้า เล็งทวนแส้นั่นมาที่หัวใจของอิงศร

                “ครั้งที่สิบสองจบลงแล้ว ต่อไปครั้งที่สิบสามนี่จะเป็นโอกาสสุดท้าย ขอเตือนไว้ก่อนนะว่าถ้าถูกทำลายเฟืองแล้วโดนฆ่าทั้งแบบนั้นเธอก็ต้องตายจริงๆ เหมือนกัน”

                แต่อิงศรกลับยิ้มให้คำพูดข่มขู่นั่น

                “ต้องขอบใจนายแล้วล่ะเพราะว่าฉันมันหัวดื้อ พอถูกไล่ต้อนจนตายไปหนหนึ่งก็เลยตาสว่างเข้าใจขึ้นมา”

                จากนั้นอาคานาร์ เดอะ แชริออท ก็ปรากฏขึ้นในมือข้างขวา

                อิงศรกำอาคานาร์นั้นไว้แน่น

                ตึกตัก

                สัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจของอาคานาร์

                ตึกตัก

                เสียงหัวใจของตัวเอง

                ใจของเขาและเมอร์คาบาห์กำลังประสานเข้าหากัน

                ตอนนี้ฉันได้คำตอบสุดท้ายมาแล้ว”

                ทันใดนั้นเอง หน้าจอระบบก็ดีดตัวกระเด้งเปิดขึ้นมาเบื้องหน้าเด็กหนุ่ม

                บนหน้าจอนั้นเขียนเอาไว้แค่ตัวภาษาอังกฤษที่เหมือนจะไม่มีความหมาย

                ‘AVA-TRANS’

                แต่กลับทำให้ซีลอร์ดเบิกตากว้างและชะงักไปเหมือนกับตกใจ

                พร้อมกันนั้นเองพลังของอิงศรก็ถูกส่งถ่ายไปที่อาคานาร์ในมือ

                พลังที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจกำลังถ่ายไปยังเมอร์คาบาห์ผ่านทางอาคานาร์จนเห็นเป็นแขนข้างนั้นกำลังเปล่งแสงออกมาแล้วแสงนั่นก็ไหลเข้าไปที่อาคานาร์

                ก็เหมือนกับเดม่อนแอพที่ปีศาจส่งพลังให้มนุษย์แต่ตอนนี้กลับตาลปัตรกันแทน

                ด้วยการนี้จะทำให้เมอร์คาบาห์ที่แท้จริงของตัวเองตื่นขึ้นมาอิงศรรู้สึกแบบนั้น

                ขณะเดียวกันพวกที่อยู่ข้างนอกก็เริ่มเอะอะ

                แสงนั่นมันอะไรน่ะ”

                เสียงมิกซ์

                รอเดี๋ยวนะฮะ”

                แล้วก็เสียงของเน็กส์ที่ดูเหมือนเตรียมจะใช้พลังของเมลคีเซเดคที่ได้จากซากิริตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นแต่แล้ว…

                ซีลอร์ดกลับพูดขึ้นมาเอง

                อวาทรานส์ งั้นเหรอ...สวิตซ์ทรานส์เฟอริ่ง(AVA = Switch) สลับหลักการของเดม่อนแอพสินะโดยปกติแล้วมนุษย์จะแข็งแกร่งขึ้นด้วยพลังของปีศาจที่ส่งผ่านมายังร่างต้นแต่นี่กลับกันโดยให้มนุษย์ส่งพลังไปเพิ่มขีดความสามารถให้ปีศาจ โดยทฤษฎีแล้วเป็นไปไม่ได้เพราะว่ามนุษย์อ่อนแอกว่าปีศาจจึงไม่มีพลังอะไรจะจะส่งไปใช้ประโยชน์ได้หรอกแต่เธอก็อุตส่าห์ใช้เทคนิกแบบนั้นได้อีกนะ น่าสนใจจริงๆ ผู้ถูกฟันเฟืองเลือก ไม่สิอิงศร”

                แล้วตอนนั้นเอง ที่ฝั่งด้านนอก

                อาคานาร์ก็ปรากฏขึ้นในมือของมิ่งขวัญกับกวินทร์ด้วย

                ไพ่นี่อีกแล้วเหรอ”

                มิ่งขวัญพูดด้วยความตกใจ

                ทำไมถึงออกมาเองล่ะเนี่ย”

                กวินทร์ก็เหมือนกัน

                อาคานาร์เหล่านั้นก็เปล่งแสงออกมาเช่นกัน แสงพุ่งออกจากอาคานาร์ทั้งสองใบมาที่อาคานาร์เดอะ แชริออท ของอิงศร

                ไม่ใช่แต่พลังของเขาคนเดียวแต่สายสัมพันธ์ทั้งหมด

                สายสัมพันธ์ที่สร้างมากับทุกคนกำลังเป็นพลังให้

                อาคานาร์ทุกใบของเขาเองก็ปรากฏออกมาแล้วส่งพลังให้กับเดอะ แชริออทด้วย

                ซีลอร์ดที่เห็นแบบนั้นเข้าก็พูดว่า

                การดิ้นรนเฮือกสุดท้ายของเฟืองงั้นเหรอจะว่าไปแล้วก็มีแต่เมอร์คาบาห์ของเธอที่อาคานาร์ฟอร์ซไม่สีแห่งพลังอยู่เลยนี่นะ”

                สีแห่งพลัง? มันคืออะไรน่ะ อิงศรไม่ได้ถามออกไปเพียงแค่คิดสงสัยอยู่ในใจเท่านั้น

                แต่ซีลอร์ดที่คงจะอ่านใจเขาไปแล้วก็ตอบมาว่า

                ของมิ่งขวัญคืออาคานาร์ฟอร์ซแห่งความเบิกบาน ของ กวินทร์คือความโกรธที่เที่ยงธรรม

    งั้นตอนนี้ของเธอก็จะออกมาแล้วสินะอิงศรอาคานาร์ฟอร์ซของเธอจะเป็นสีอะไรล่ะ ถึงถามไปก็เท่านั้นมันชัดเจนอยู่แล้วว่าอาคานาร์ฟอร์ซของเธอจะต้องเป็นสีแห่งความเศร้าเสียใจ เพราะมันคืออารมณ์ซึ่งเด่นชัดที่สุดของเธอ อาคานาร์ฟอร์ซก็คืออารมณ์พื้นฐานทั้งสามความเบิกบาน ความโกรธ ความเศร้าเสียใจแต่ว่ามาทำได้เอาป่านนี้มันก็…”

                แล้วแค่นเสียงหัวเราะขึ้นจมูกพลางให้ทวนแส้พุ่งใส่อิงศร

                หึ ไหนลองแสดงความตั้งใจของเธอให้ผมดูหน่อย”

                ตอนนั้นเองอาคานาร์เดอะ แชริออทที่รับเอาพลังเข้าไปมากก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น

                ตัวไพ่กลายเป็นสีทองแล้วหายวับไป

                บรึม!!

                เกิดเสียงระเบิดโทนต่ำดังแว่วมาจากใต้เท้าของศิวะเทพ

                พริบตาถัดมาขาข้างนั้นก็ถูกทำลาย ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ

                ศิวะซึ่งสูญเสียขาช่วยทรงตัวจึงเสียหลักแต่ก็ใช้แขนยันพื้นเอาไว้ไม่ให้ล้มลง

                สิ่งที่ตัดขาของเทพเจ้าบินออกมาจากหลุมที่อยู่ใต้เท้า

                สิ่งนั้นบินตัดหน้าทวนแส้ที่พุ่งเข้าหาอิงศร

                แล้วสะบั้นมันขาดกระเด็นไปอย่าง่ายดาย

                แส้มีดที่แข็งและทรงพลังขนาดทำลายด้วยสกิลหรือพลังของปีศาจตัวอื่นๆ ไม่ได้ หรือแม้แต่พลังของเครื่องทำสวนเองก็ยังไม่สะทกสะท้านจากการที่ซีลอร์ดใช้มันปกป้องศิวะจากพลังของตัวเองก่อนหน้านี้

                แล้วก็ไม่เพียงแต่ทวนแส้เท่านั้นแต่รวมถึงแส้ที่ตรึงร่างอิงศรไว้ก็ยังถูกสะบั้นขาดไปพร้อมกัน

                อิงศรที่ลงพื้นไปแล้วก็ดึงเศษที่พันตามแขนขาออก

                จนกระทั่งดึงเส้นสุดท้ายที่พันแขนซ้ายทิ้งไป ตัวตนของสิ่งที่สะบั้นแส้มีดก็ลอยลงมาอยู่เบื้องหลังเขา

                รูลเบรกเฟส เมอร์คาบาห์ ฮันเซลัชช่า”




    { [Rule Break Phase] Merkabah Hanzelusha

     Alignment: Law , Neutral , Chaos

     Detail: หาใช่ราชรถไม่ หากแต่เป็นสายลมที่ชักนำพายุคใหม่

     Ability: ‘Illusion Breaker’ สะบั้นสิ่งลวงหลอก

     ‘Ultimate Counter’ สวนกลับไม้ตาย

     ‘Messiah Buster’ ดูดกลืนหนึ่งยูนิทแล้วปลดปล่อยการโจมตีที่ยากจะต้านทาน }

     

                รายละเอียดของปีศาจถูกฉายขึ้นบนหน้าจอที่เพิ่งเปิดขึ้น อิงศรเหลือบตามองเพียงครั้งเดียวก็จำได้ทั้งหมด

                เพราะในตอนนี้เขากับเมอร์คาบาห์คือหนึ่งเดียวกันอย่างแท้จริง

                ชุดเกราะที่จองจำได้หลุดออกไปทั้งหมดรวมถึงหน้ากากเหล็กที่ปกปิดใบหน้าก็เหลือเพียงแค่เศษเสี้ยวติดเป็นเครื่องประดับเอาไว้

                ร่างของเทพธิดาผู้งดงามยิ่งจึงแสดงต่อสายตาเป็นครั้งแรก โฉมหน้านั้นคือใบหน้าของอิงศรเองแต่มีเส้นผมสีทอง

                ร่างที่แท้จริงของเมอร์คาบาห์ สวมชุดกระโปรงวันพีชสีขาวสลับลวดลายสีน้ำเงินเข้ม

                ใบมีดที่แขนก็เปลี่ยนเป็นแบบที่ลอยได้ด้วยตัวเอง

                พลังของเมอร์คาบาห์กำลังส่งผ่านกลับคืนมา พลังมากกว่าก่อนหน้าถึงสิบเท่าตัวทำให้พลังที่อิงศรรับไว้ได้ไม่หมดพองตัวออกจนกลายเป็นรัศมีสีทองทอประกายลงมาจากด้านบนราวกับแดดแรกเมื่อรุ่งสางมาเยือน

                ไม่สิ ตอนนี้เป็นเวลารุ่งสางแล้วด้วยต่างหาก พระอาทิตย์ขึ้นมาแล้ว

                ซีลอร์ดที่ได้เห็นร่างของเมอร์คาบาห์ก็พูดว่า

                เมอร์คาบาห์ฮันเซลัชช่า...ไม่เห็นจะรู้จักปีศาจตัวนี้เลย แถมสีของอาคานาร์ฟอร์ซของเธอยังสัมผัสได้ถึงสามอย่างด้วยกันเธอรวมพลังของพวกน้องๆ มาทำให้เส้นทางใหม่ปรากฏขึ้นแล้วสินะทำให้ปีศาจวิวัฒนาการนั่นคือการแสดงความตั้งใจที่จะก้าวต่อไปของเธออย่างนั้นสิ

                อยากฟังขึ้นมาแล้วรึไง

                อิงศรถาม แต่ซีลอร์ดก็ส่ายหน้าปฏิเสธทันที

                ไม่ล่ะถ้ามันทำให้เธอผ่านการทดสอบนี้ไปไม่ได้ก็ยังเป็นแค่คำพูดที่เพ้อเจ้ออยู่ดี

                ก็นั่นสินะ

                อิงศรพูดพร้อมกับก้มลงไปเก็บอาวุธขึ้นมา

                จากนั้นการต่อสู้ก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง

                ครั้งที่สิบสามนี้จะเป็นตัวตัดสิน

                ซีลอร์ดตวัดแส้โจมตีเข้ามาทุกทิศทางพร้อมๆ กัน

                ถ้าเป็นทุกทีคงจะหลบไม่พ้น แต่ว่าตัวเขาที่มีพลังของเมอร์คาบาห์ฮันเซลลัชช่าแล้วนั้นสามารถตามทันแม้พวกนั้นได้

                ความเร็วของแส้ที่พุ่งเข้ามาจู่โจมตกลงไปอย่างชัดเจนหากเป็นตอนนี้คงจะหลบได้ทั้งหมด

                แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น

                เทคนิคัลเวพ่อน

                อิงศรเปลี่ยนคันธนูเป็นหน้าไม้ จังหวะนั้นเองแส้ทั้งหมดก็โถมเข้ามาเกือบจะถึงตัว

                ในพริบตานั้นเองที่เมอร์คาบาห์เงื้อแขนแล้วตวัดใบมีดฟันพร้อมกับกระโดดลงมาบนพื้น

                เสียงโลหะแหลมสูงตัดกันดังฉับ แล้วแส้ทุกเส้นก็ขาดกระเด็นโดยพร้อมกัน

                ด้วยพลังของเมอร์คาบาห์ตอนนี้สามารถตอบโต้แส้ใบมีดได้แล้ว

                อิงศรเล็งหน้าไม้ไปที่ซีลอร์ดแต่ว่าแขนเสื้อขาดไปหมดแล้วยันต์ที่ยัดเอาไว้ก็ถูกเผาไปพร้อมกันจึงต้องเปิดหน้าต่างคลังหยิบใบใหม่ที่สำรองไว้ออกมาเลยทำให้เสียเวลาในการยิงมากขึ้น

                วินด์ช็อค มาร์สไตรค์

                แล้วก็ยิงลูกดอกอาคมที่สร้างวงเวทย์ปล่อยคลื่นไฟออกไปหาซีลอร์ด แน่นอนว่าอีกฝ่ายใช้แส้ปัดทิ้งได้อย่างสบายๆ  แต่จุดประสงค์จริงๆ ของเขาคือนี่ต่างหาก

                บัพ-แอโร่ว!”

                อิงศรลั่นไกปลดปล่อยมหิงสาเพลิงไล่ตามไปพร้อมกับส่งเมอร์คาบาห์ให้นำออกไป

                ซีลอร์ดเพิ่มแส้ใบมีดออกมาจากร่างกายอีกเป็นจำนวนมากเพื่อตั้งรับการโจมตี

                แต่เมอร์คาบาห์ที่บินเข้าไปในดงแส้นั่นก็กางแขนแล้วหมุนตัวตัดแส้ทั้งหมดทิ้งเปิดทางให้มหิงสาเพลิง

                โซเดีย!”

                โดรนของซีลอร์ดลอยลงมาแล้วพ่นกระสุนแสงเล็กๆ ใส่สองถึงสามที มหิงสาเพลิงก็แตกสลาย

                เอ้าๆ ใบหน้าเริ่มออกอาการแล้วนะ

                อิงศรพูด

                ใบหน้าของซีลอร์ดบ่งบอกอย่างชัดเจนว่ากำลังตึงมือเพราะที่ผ่านมาเอาแต่ทำหน้านิ่งอยู่ตลอดจึงสังเกตได้ง่ายๆ เมื่อกล้ามเนื้อใบหน้าเริ่มเปลี่ยนแปลง

                ถ้าคิดว่าสูสีกับผมได้แล้วล่ะก็คิดผิดถนัดเลยล่ะผมยังไม่ได้เอาจริงด้วยซ้ำ

                ก็แค่คำแก้ตัวแหละน่า...ตอนที่อิงศรคิดแบบนั้นน่ะเอง

                ปศุปตะ

                ศิวะก็ขว้างตรีศูลที่ร่ายเวทเสริมพลังมาด้วย

                เพราะมัวแต่สนใจซีลอร์ดจนเผลอลืมไปเลยว่ายังมีปีศาจที่อยู่ข้างหมอนั่นอีก

                ...

                ตรีศูลกำลังใกล้เข้ามา แต่อิงศรไม่หลบเพราะถ้าเกิดหลบขึ้นมาล่ะก็...

                ทันใดนั้นเองแส้ใบมีดก็พุ่งขนาบตัวเขาไปชนกับลูกกรงปิดขวางทางหนีจากทั้งซ้ายและขวา

                ตรีศูลที่โน้นตกลงมาในแนวพาราโบลาร์นั่นจะต้องเข้าเป้ามาที่เขาอย่างแน่นอน

                เสียงระเบิดดังกัมปนาท ตรีศูลระเบิดอย่างรุนแรงราวกับระเบิดนาปาล์มแล้วสร้างกลุ่มควันบดบังทัศนวิสัย

                ศร!!”

                พี่ศร!!”

                เสียงตกใจของพวกพ้องที่อยู่ข้างนอดังแว่วมา

                เขายังไม่ตาย แถมยังไม่รู้สึกเจ็บอีกด้วย

                จนเมื่อหมอกควันจางลงบางส่วนถึงมองเห็นว่ามีบางอย่างเข้ามาขวางตรีศูลเอาไว้

                กำแพงแสงรูปวงกลมสลักด้วยอักขระโบราณจำนวนแปดวงวางเรียงกันเป็นกำแพงสูงช่วยป้องกันไม่ให้ไฟของตรีศูลลามมาถึงตัวเขา

                ...

                พอรู้สึกตัวอีกทีในมือซ้ายที่หน้าไม้เอาไว้ก็กำลังหนีบอาคานาร์อีกใบอยู่

                เดธ อาคานาร์

                นี่มัน..

                อิงศรหยุดคำพูดไว้แค่นั้นเพราะท่ามกลางหมอกควันนี่เองเขามองเห็นอะไรบางอย่างที่ดูโปร่งแสงพอๆ กับกำแพงอาคมนั่นแต่เพราะมีควันจึงทำให้เค้าโครงของร่างนั้นชัดเจนขึ้น

                นรินทร์

                อิงศรพึมพำออกมาโดยที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองนัก

                เห็นเหมือนนรินทร์ที่โป่รงใสคนนั้นกำลังหันมาทางนี้แล้วส่งสายตาให้ก่อนที่ควันจะหายไปทั้งหมดทำให้มองไม่เห็นอีก

                งั้นเองเหรอนายช่วยฉันไว้สินะ

                เขาสรุปเอาเองแบบนั้นถึงจะไม่รู้ว่าเงาของนรินทร์นั่นคืออะไรก็ตามแต่ตอนนี้อยากจะเชื่อแบบนั้น

                เมอร์คาบาห์ที่วกกลับมาช่วยตัดแส้ที่ปิดทางให้ อิงศรจึงออกวิ่งวนไปรอบกรง

                โซเดียราโอ

                ซีลอร์ดสั่งให้โดรนเริ่มสะสมพลังคงคิดจะปิดฉากด้วยการโจมตีที่กวาดทั้งกรงแทนเมื่อเห็นว่าแส้ใช้ไม่ได้ผลแล้ว

                เมอร์คาบาห์ทำลายโดรนพวกนั้นซะ

                อิงศรสั่ง

                พอเมอร์คาบาห์ไล่ตามไปพวกโดรนก็พยายามบินหนีบ้าง กลายเป็นการวิ่งไล่จับไปโดยปริยาย

                แต่ไม่นานพลังงานก็สะสมเสร็จและยิงลำแสงทำลายสวนทางมาแต่เมอร์คาบาห์ก็หลบได้อย่างฉิวเฉียด

                โดรนเครื่องที่สองยิงไล่หลังมาเทวทูตจึงบินอ้อมล่อให้โดรนลากลำแสงวนไปหาอีกเครื่อง

                หยุดก่อน!”

                ซีลอร์ดอ่านแผนออกจึงสั่งให้ไปแบบนั้นทำให้ โดรนทั้งสองเครื่องหยุดยิงรวมถึงหยุดเคลื่อนที่ไปด้วย

                ตอนนี้แหละ!”

                อิงศรตะโกนพร้อมกับลั่นไกยิงลูกดอกใส่ซีลอร์ด

                “…”

                แต่แส้ก็ตวัดออกมาปัดลูกดอกทิ้งไปได้ ถึงอย่างนั้นก็ยังดึงความสนใจของซีลอร์ดไว้ได้พริบตาหนึ่ง

                แล้วช่วงเวลาแค่วินาทีเดียวนั่นเองเมอร์คาบาห์ก็ตวัดใบมีดที่แขนผ่าทำลายโดรนทั้งสองเครื่องจนร่วงตกลงมา

                ทำได้แสบเหมือนกันนี่แต่ผมไม่ได้มีแค่โดรนพวกนั้นนะ

                ซีลอร์ดกล่าวแล้วยื่นนิ้วชี้มาทางนี้

                โซเดียราโอ!”

                ทันทีทันใดลำแสงก็พุ่งออกจากนิ้วมุ่งหน้ามาหาอิงศร

                แต่ว่า

                ฉันชนะแล้ว

                อิงศรกล่าวอย่างมั่นใจแล้วกำเดธ อาคานาร์เอาไว้

                ยามาตะโนะโอโรจิ!”

                กำแพงแสงทั้งแปดปรากฏขึ้นมาขวางทางลำแสง แต่อิงศรไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น

                เขาส่งพลังของตัวเองให้กับเดธ อาคานาร์ เหมือนที่ทำกับ แชริออทอาคานาร์

                ความสามารถที่ซีลอร์ดนิยามให้ว่า อวาแทรนส์ ซึ่งฟังดูคล้ายกับคำว่า อวตาร

                หากอวตารหมายถึงการแบ่งภาคจากต้นฉบับแล้วล่ะก็กรณีของเดม่อนแอพเองก็คงจะคล้ายกัน

                ปีศาจคือร่างอวตารของโชคชะตาที่คอยมอบพลังให้มนุษย์

                ดังนั้นเมื่อ อวาแทรนส์

                มนุษย์ก็จะกลายป็นร่างอวตารที่มอบโชคชะตาให้กับปีศาจ

                กำแพงอาคมทั้งแปดเริ่มแยกย้ายกันแล้วจัดเรียงใหม่เป็นแถวซิกแซกที่ให้มุมองศาพอดี

                ซึ่งพอที่จะต้านรับลำแสงของซีลอร์ดแล้วสะท้อนออกไปด้วยพลังที่ได้รับจากเขา

                ลำแสงของซีลอร์ดกระเด้งไปตามแนวที่กำแพงเรียงตัวกันและ...

                ย้อนกลับไปยิงใส่ตัวซีลอร์ดเอง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×