คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #152 : Login 149: สายลมที่หยุดพัด
Login
149: สายลมที่หยุดพัด
“จ้าวแห่งเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์ยังไงล่ะ”
ซีลอร์ดพูดมาแบบนั้นหลังจากทำให้ท่าไม้ตายของเขาหายไป
“หมายความว่าแกเป็นราชาของพวกมันเรอะ”
“…”
“แต่ซีลอร์ดไม่ตอบ”
ตอนนั้นเองเวลาแสดงผลของสเลปเนียร์ก็สิ้นสุดลง
“เหวอ!”
อิงศรจึงร่วงลงจากความสูงเกือบสิบเมตร
พวกพ้องที่อยู่ด้านนอกกรงต่างก็ร้องเรียกเสียงหลงขึ้นมา
“ศร!!”
“พี่ศร!!”
ทว่า
แส้ก็โจมตีเข้ามาอีก ไม่คิดจะให้พักหายใจกันเลย
อิงศรเดาะลิ้นในใจแล้วเค้นหาวิธีรับมือทันทีจึงเรียกอาคานาร์ออกมาอยู่ในมือซึ่งก็คือ…
“ดิ เอ็มเพอเรอร์!”
ที่ใช้เรียกปีศาจออกมาที่ถือครองออกมาซึ่งตอนนี้ปีศาจที่ยังไม่ได้ใช้ออกไปก็เหลือแต่โอดินเท่านั้น
เทพปีศาจ ราชันย์เทพแห่งแดนเหนือโอดินปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า
ด้วยกายาที่สูงใหญ่นั่นอิงศรได้แต่หวังให้เทพเห็นใจช่วยรับตนไว้ก่อนจะตกถึงพื้น
ก็ว่าไปนั่น…
“ผู้ทำพันธะสัญญาเอ๋ย
เหตุใดเจ้าจึงมีกลิ่นของเฟนริลที่แท้เจ้าก็หวังจะกลืนกินข้าแต่แรกแล้วสินะ”
เมื่อฟังประโยคของเทพจบอิงศรก็เบ้หน้า
พับผ่าสิฟะให้มันได้แบบนี้ดิ
คงจะเป็นเพราะอาคานาร์
เดอะ สเตร็งที่ได้จากเฟนริลมานั่นแหละมั้ง
โอดินยื่นมือตรงเข้ามา
จะช่วยงั้นหรือ?
เป็นไปไม่ได้หรอกแค่อยากจะขยี้เขาให้แหลกคามือมากกว่า
แต่สภาพร่วงกลางเวหาแบบนี้จะขยับตัวหลบหลีกยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่เมื่ออิงศรเรียกปีศาจออกมา
ศิวะที่ซีลอร์ดอัญเชิญมาก็เริ่มเคลื่อนไหว
ศิวะเทพยกหัตถ์ข้างที่ว่างเพราะขว้างตรีศูลไปขึ้นก่อนจะทำให้ตรีศูลปรากฎอยู่ในมืออีกครั้ง
“ปศุปตะ!”
แล้วขว้างตรีศูลที่ลุกเป็นไฟออกไป
ด้วยอำนาจของตรีศูลเองจึงเกิดเสียงดังเปรี้ยงราวกับฟ้าร้อง
ตรีศูลพุ่งใส่ราชันย์แห่งเทพทำให้ลามือจากอิงศรในทันทีแล้วเรียกหอกยาวออกมาควง
“กุงเนียร์”
ผลคือเกิดลมพายุพัดกรรโชกจนอิงศรลอยกระเด็นไปกระแทกลูกกรง
“อัก”
อาวุธหลุดกระเด็นจากมือไปในตอนนั้น
แรงของสายลมยังทำให้หอกไฟของศิวะชะลอความเร็วลงจึงถูกโอดินตวัดหอกปัดทิ้งไปได้
จากนั้นก็ปล่อยสายฟ้าฟาดสวนกลับไปแต่ศิวะก็รับมันด้วยบาเรียแสงที่สร้างขึ้นมาอย่างไม่ทราบวิธีการ
เพราะการปะทะกันของเทพเจ้าทำให้สภาพภายในกรงเกิดโกลาหลไปหมดและอาจทำอิงศรเสียชีวิตไปเปล่าๆ
ดังนั้นซีลอร์ดจึง
“นี่ๆ
เธอเหลืออีกแค่เก้าชีวิตนะขืนเป็นแบบนี้บททดสอบก็สูญเปล่าน่ะสิ”
พูดอย่างเหนื่อยหน่ายพลางสั่งให้แส้พุ่งขึ้นมาจากใต้ดินล้อมตัวศิวะเทพเพื่อแยกจากโอดินแล้วให้โดรนมาลอยข้างๆ
ตัว หันปากกระบอกออกสะสมพลังจนเห็นแสงสว่างเจิดจ้าสีแดงเปล่งออกมา
ขณะเดียวกันอิงศรที่โดนอัดปลิวไปกระแทกกับลูกกรงก็กำลังร่วงลง
“บ้าเอ้ย”
เขาเบ้หน้าคำรามอย่างหัวเสีย
ในสภาพที่ลอยเคว้งอยู่แบบนี้ทำอะไรไม่ได้เลยซักอย่างอาวุธก็ไม่มีจะโจมตีซีลอร์ดก็ไม่ได้หรือถึงมีแต่กลับหัวยิงแบบนี้โอกาสพลาดก็สูง
“…”
ไม่สิ ต่อให้ยืนบนพื้นตอนนี้ก็ไม่มีอะไรที่จะทำได้อยู่ดี
ต่อให้อยู่ในสภาพนั้นซีลอร์ดก็ยังปกป้องตัวเองจากสายฟ้าของโอดินด้วยแส้ที่พุ่งขึ้นมาใต้ดินช่วยกันเรียงตัวเป็นกำแพง
ความหนาแน่นของการป้องกันนั้นเรียกได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดแล้วกระมัง
ตอนนั้นเองลำแสงสีแดง
ลำแสงแห่งความตายก็ยิงออกมา
“โซเดียราโอ”
ซีลอร์ดร่ายสิ่งที่น่าจะเป็นสกิลแบบเดียวกับที่โดโกบาร์เคยใช้สอยเรดบอสเจ็ดสิบตายรวดเดียวสามตัวมาแล้ว
ลำแสงที่ปล่อยออกมายิงทะลวงร่างเทพโอดินเป็นรูกลวงแต่ยังไม่สิ้นใจในทันที
เทพเจ้าพยายามจะยืนหยัดโดยอาศัยปักหอกลงบนพื้นช่วยค้ำจุนร่างไม่ให้ล้มลงไป
ทว่าโดรนก็พากันหมุนรอบทุกทิศทางจนลำแสงทำลายล้างวิ่งกวาดไปทั้งห้อง
ตูม ตูม ตูม
เสียงระเบิดกัมปนาทดังไม่ขาดสายท่ามกลางแสงสว่างเจิดจ้าจนทำให้เขาตาบอดได้
พวกข้างนอกก็คงจะตาพร่ากันไปหมดความสว่างนี้
“อ่อก”
จู่ๆ
ก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง
ความรู้สึกของช่วงล่างหายไปไม่รู้สึกลำตัวอีกครึ่งหนึ่ง
บางทีตอนที่ลำแสงวิ่งกวาดไปทั่วห้องคงจะระเบิดร่างของเขาไปด้วย
“…”
อิงศรขาดใจตายไปในตอนนั้น
แล้วเมื่อแสงสว่างจากลง
กวินทร์พูด
“ป…เป็นไงบ้างแล้วเนี่ย”
พลางปรือตาขึ้น คนอื่นๆ
ก็เหมือนกัน
“กรี้ดดดด!!!”
จู่ๆ
พลอยก็กรีดร้องจากนั้นก็มีเสียงของคนอื่นๆ ตามมา
เสียงของฟู
“เฮ้ยยย!!!”
เสียงของมิ่งขวัญ
“ศร!”
เสียงของมิกซ์
“พี่ศร!”
เสียงของรุ่นพี่เมษา
“เหวอ!”
กระทั่งคนอย่างรุ่นพี่ก็ยังร้องผวาออกมาตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
กวินทร์พยายามจะลืมตาที่ยังพร่าไม่หาย
ตอนนั้นเองก็ได้ยินเสียงร้องไห้ฟูมฟายจากเน็กส์กับนิวดังกันระงม
“มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ
พี่ศรเป็นอะไรไปครับ”
กวินทร์ลองถามดูแต่ไม่มีใครตอบจนกระทั่งสายตากลับมาเป็นปกติจึงเริ่มทัศนภาพตรงหน้า
“เย้ย!!”
แล้วก็ต้องหวีดร้องแต๋วแตกไปไม่ต่างจากคนอื่นเพราะว่า…
ตรงหน้าลูกกรงที่พวกเขายืนมองกันอยู่นั้นมีศพท่อนบนที่ขาดกระเด็นของอิงศรปลิวมาติดในสภาพห้อยหัว
ดวงตาเหลือก
เลือดไหลจากปาก
เลือดจำนวนมากไหลลงมาจากส่วนที่ขาดของร่างกายครึ่งบนที่ไหม้เกรียมจนมีควันลอยฉุย
นอกจากนี้พอเบนสายตาไปที่ด้านในกรงก็เห็นเศษซากเครื่องในกับอวัยวะชิ้นอื่นๆ
ของอิงศรหล่นเกลื่อนกลาดพื้น
กวินทร์ที่เห็นเช่นนั้นก็เข่าอ่อนจนล้มก้นคะมำ
ปากได้แต่พะงาบๆ
แต่เปล่งเสียงพูดไม่ออก
“อุบ”
รู้สึกคลื่นไส้จนอยากจะอาเจียนจึงใช้มือปิดปากแล้วหลบสายตาจากภาพอันโหดร้ายนั้น
“อีกแปดครั้ง”
ซีลอร์ดที่อยู่ด้านในพูด
แล้วพอดีดนิ้วจนเกิดเสียงดังเปาะชิ้นส่วนของอิงศรที่กระจัดกระจายก็ลอยไปรวมกันที่ร่างครึ่งเดียวซึ่งติดแหงกอยู่บนลูกกรงเบื้องหน้าพวกเขา
เมื่อร่างกายฟื้นฟูสภาพอีกครั้งอิงศรก็เหลือกตากลับมา
“อะ…”
อิงศรตกใจนิดหน่อยที่ตัวเองกลับหัวอยู่แล้วแขนก็สอดติดอยู่กับร่องกรงจึงค่อยๆ
ดึงตัวเองออกแล้วโยนเท้าลงพื้น
พลางก็มองสำรวจตัวเองไปด้วย
เสื้อผ้าขาดวิ่นจนแทบไม่ต่างกับผ้าขี้ริ้ว
เนื้อตัวมอมแมมไปด้วยฝุ่นและคราบเลือด
แล้วก็สำรวจพวกพ้องทุกคนที่ทำสีหน้าหวาดผวาด้วยความสงสัย
แต่ซีลอร์ดก็แทรกเข้ามาว่า
“เก็บอาวุธขึ้นมาสิจะได้ต่อกันซะที”
ตอนนั้นเองแส้ที่ล้อมขังศิวะเอาไว้คลายออกข้างในนั้นยังคงอยู่ดีครบถ้วนและเหยียบเมอร์คาบาห์จนขยับตัวไม่ได้อยู่เหมือนเดิม
แต่โอดินของเขากลับหายไป
แส้กำแพงนั่นทำให้ศิวะรอดจากการลำแสงกวาดล้างนั่นสินะ
“…”
อิงศรเหม่อมองคันธนูที่คืนสภาพจากหน้าไม้กับดาบที่กองอยู่บนพื้นตรงหน้า
ถ้าจับมันขึ้นมาเขาก็จะถูกฆ่าอีก
ในเมื่อใช้ท่าไม้ตายที่เรียกเครื่องทำสวนมาไม่ได้ก็ไม่มีโอกาสจะโจมตีให้โดนอีกต่อไป
เว้นเสียแต่…
อิงศรก้มลงเก็บอาวุธทั้งหมดขึ้นมา
…
อีกฝ่ายยังคงไม่ขยับตัวจนกว่าเขาจะเริ่มบุก
ซีลอร์ดทำแบบนั้นเพื่อให้รู้ซึ้งถึงความแตกต่างหรือจะเพราะอะไรก็แล้วแต่
“ฉันไม่คิดจะเล่นไปด้วยตลอดหรอก!”
เขาตะคอกไปแบบนั้นพลางก็ขึ้นดาบบนคันศรโดยไม่ให้อีกฝ่ายทันตั้งตัว
“ไวลด์วูฟล์!!”
แล้วปล่อยดาบออกไป
แต่แส้ที่หลังของซีลอร์ดก็ตวัดลงมาปัดดาบกระเด็น
จากนั้นแส้เส้นอื่นๆ ก็ขมวดรวมเป็นเส้นใหญ่แล้วพุ่งเข้ามาที่หน้าอกซ้ายของอิงศร
“อ่อก”
โผละ
เสียงดังเหมือนค้อนทุบลงไปบนก้อนหิน
เนื้อบริเวณนั้นถูกดีดออกไปข้างหลัง
หน้าอกกลายเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่
หัวใจถูกดีดกระเด็นไปพร้อมก้อนเนื้อหน้าอก
ไปติดแผละอยู่ลูกกรงซึ่งพวกพ้องยืนอยู่ตรงนั้น
ได้ยินเสียงกรีดร้องผวาดังมา
“แค่ก…แค่ก”
กว่าจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดเจียนตายก็ตอนที่ลมหายใจเริ่มจะไม่เหลือแล้ว
แถบพลังชีวิตว่างเปล่าอย่างง่ายดายอีกครั้ง
ครั้งที่เท่าไหร่กันแล้วนะ
“ครั้งที่สี่”
ซีลอร์ดกล่าวแล้วถอนแส้ออกจากร่างพร้อมกับดีดนิ้วเพื่อฟื้นคืนชีพให้
เนื้อหน้าอกที่หลุดกระเด็นไปกลับมารวมกับร่างกาย
แถบพลังชีวิตกลับมาเต็มอีกครั้ง
ยังอีกตั้งเจ็ดครั้งที่จะต้องรู้สึกเจ็บปวดทรมานแบบนี้งั้นสิ
เหลือแค่เจ็ดชีวิตแล้วนะ
ซีลอร์ดยิ้มไปด้วยขณะที่พูด
ยิ้มเยาะอย่างน่าหมันไส้
“น…หนอย”
อิงศรขบฟันกรอดแล้วเค้นแรงเท่าที่มีอยู่แผลงศรออกไปด้วยความเร็วสูงที่สุด
เป็นความเร็วขนาดที่ว่าตัวเขาเองเพิ่งจะทำได้เป็นครั้งแรก
“…”
จู่ๆ
สติก็ขาดไปที่ตรงนั้น
เขาถูก…ตัดคอ
ศีรษะของอิงศรลอยเคว้งกลางอากาศหลังจากถูกแส้ใบมีดที่พุ่งสวนลูกศรเข้ามาบั่นคอไปพร้อมกัน
แต่ก่อนที่ร่างกายจะล้มลงซีลอร์ดก็ดีดนิ้วเปาะทำให้หัวลอยกลับมาติดกับลำตัว
“ครั้งที่ห้า
เหลืออีกหกชีวิตแล้วนะ”
“…”
เพราะเมื่อกี้ถูกฆ่าตายทันทีอาวุธจึงยังค้างอยู่ในมือ
เขาถูกฆ่าตายซ้ำๆ
กันสามครั้งตรงนี้
ถูกฆ่าต่อหน้าพวกพ้องจนทำให้จิตตกกันไปหมด
เสียงคร่ำครวญของพลอยกับพวกน้องเล็กดังระงมอยู่เบื้องหลัง
“พอทีเถอะ
แบบนี้มันโหดร้ายเกินไปแล้ว”
เสียงของพลอยว่าอย่างนั้นแล้วก็...
คงเป็นความรู้สึกของทุกคนในตอนนี้ซึ่งรวมถึงตัวเขาเองด้วย
อยากจะหยุด
ไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ว
แต่ว่า…
“นี่ก็เพื่อนรินทร์”
เขาพูดปลุกปลอบใจตัวเองแบบนั้น
พยายามจะนึกถึงความเสียใจและความโกรธในตอนที่เสียพวกพ้องไป
“…”
ดังนั้นจะหันหลังกลับไปไม่ได้
จะให้พวกนั้นเห็นใบหน้าที่กำลังขวัญเสียของเขาจนต้องเป็นห่วงมากกว่านี้ไม่ได้
พอวิ่งออกมาได้ระยะหนึ่งก็มีเสียงกระแทกลูกกรงดังมา
พร้อมกับเสียงสบถของมิ่งขวัญ
“โธ่เว้ย!
นี่ได้แต่ดูอยู่ตรงนี้รึไง!”
ตามด้วยเสียงของกวินทร์
“นี่
โดโรธีทำอะไรไม่ได้เลยเหรอครับพี่ศรจะถูกฆ่าอยู่แล้วนะ”
รุ่นน้องหันไปขอร้องกับเครื่องทำสวนอีกเครื่องแต่แน่นอนว่าโดโกบาร์ต้องปฏิเสธ
“ไม่ได้ นี่เป็นการตัดสินใจของออฟิอูคูมันนาร์ข้าไม่อาจเข้าไปก้าวก่ายได้”
“อะไรกันน่ะ
แบบนี้ก็มีด้วยเหรอคนจะถูกฆ่าตายทั้งคนอยู่แล้วนะ”
กวินทร์กำลังพูดตะคอก
แต่ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดเรื่องคุณค่าของมนุษย์กับเครื่องทำสวนที่มีมุมมองว่ามนุษย์เป็นแค่ต้นวัชพืชได้หรอก
ตอนนั้นเอง
มิกซ์ก็เสนอขึ้นมาอย่างขาดสติ
ไม่ไหวแล้วแบบนี้พวกเราพังกรงแล้วเข้าไปช่วยพี่ศรกันเลยดีกว่า
เขาหวังให้มีใครซักคนหยุดมิกซ์เอาไว้แต่ว่าเสียงทุบตีกรงก็ดังก๊องแก๊งมาไม่ขาด
เจ้าพวกนั้นคงเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะเข้ามาช่วย
อย่ามานะ…อิงศรคิดจะหันไปพูดอย่างนั้น
ถ้าเข้ามาจะถูกฆ่าเอา
ถ้าเป็นซีลอร์ดตอนนี้มันทำจริงแน่
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมวันนี้จึงรู้สึกต่างจากทุกทีแต่สัมผัสแรงกดดันที่คละคลุ้งออกมาจากร่างของหมอนั่นได้ชัดเจนเป็นอย่างมาก
นั่นจะต้องเป็นจิตสังหารที่แท้จริง
แต่ทว่า เมื่อหันกลับไปแล้ว…
พวกนั้นก็ยังคงโจมตีกรงอย่างเต็มที่แต่กลับสร้างความเสียหายไม่ได้เลยแม้แต่มิ่งขวัญที่บินขึ้นไปด้วยปีกของร่างโกลด์กาแลนต์ก็ถูกปิดทางเข้าโดยที่เส้นลูกกรงหุบเข้าหากันจนเหลือแค่รูเล็กที่ลอดผ่านเข้ามาไม่ได้
“ผมไม่ยอมให้มาแทรกแซงหรอกนะแล้วก็กำลังรับการทดสอบอยู่ยังจะมีเวลาไปห่วงคนอื่นอีกเหรอ”
ซีลอร์ดพูดพร้อมกับชี้นิ้วมาทางนี้
“โซเดีย”
แล้วโดรนทั้งสองเครื่องก็บินตรงเข้ามาหาพร้อมกับพ่นกระสุนแสงสีแดงใส่โดยไม่ให้ทันตั้งตัว
ร่างของอิงศรที่โดนกระสุนแสงเข้าไปก็แตกโผละจนเครื่องในหลุดกระจายออกมาอย่างน่าสยดสยอง
“อ๊ากก!!!”
เขากรีดร้องอย่างทุกทรมานขณะที่ร่างกายแยกเป็นสองส่วนตกลงไปบนพื้น
โลหิตสาดกระเซ็นไปทั่ว
พลังชีวิตหายหมดเกลี้ยงในพริบตา
ซีลอร์ดดีดนิ้ว
“ครั้งที่เท่าไหร่แล้วล่ะเนี่ย
อืม..หกสินะ”
ตอนที่พึมพำแบบนั้นร่างของอิงศรก็ฟื้นกลับมาเป็นรอบที่หกเท่ากับว่าเหลืออีกห้าชีวิต
“…”
ซีลอร์ดพูดสืบต่อจากเมื่อครู่
“คิดว่าเธอคงจะรู้ตัวไปแล้วล่ะมั้งเรื่องที่พวกเราเครื่องทำสวนคือสิ่งที่มนุษย์เอาไปตีความกันใหม่จากประวัติศาสตร์ในอดีต”
ที่พูดมานั่นก็พอจะเดาได้อยู่หรอกว่าด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ดวงดาวกับปีนักกษัตริย์ตรงกับชื่อของเหล่าเครื่องทำสวนอาจจะมีหลักการบางอย่างเหมือนปีศาจที่มีสังกัดคู่กับอาคานาร์การ์ดทั้ง
22 แบบก็ได้ แต่ทำไมถึงได้มาพูดเอาตอนนี้กันเล่า
“พวกเราคือชะตากรรมของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดแล้วก็ถือเป็นวัชพืชเช่นกัน”
เจ้านั่นบอกว่าพวกตัวเองเป็นวัชพืชด้วยถ้าอย่างนั้น…
“งั้นก็จะกำจัดตัวเองด้วยรึไง”
พอถามไปแบบนั้นซีลอร์ดก็หลับตาลง
“นับแต่ที่สวนแห่งที่หนึ่งและสองเข้ามารวมกันทุกสิ่วก็ถูกกำหนดชะตากรรมเอาไว้แล้วรวมถึงเครื่องทำสวนอย่างพวกเราด้วยเมื่อลบวัชพืชทั้งหมดออกไปวันแห่งการพิพากษาก็จะมาถึงแล้วพวกเราก็จะถูกลบหายออกไปพร้อมกับสวน”
“แบบนั้นมันอะไรกัน
พระเจ้าของนายคิดจะทำอะไรกันแน่”
“ไม่รู้สิ
แม้แต่เธอเองก็ยังเคยคิดเลยนี่ว่าไม่มีใครจะเข้าใจในพระเจ้าได้หรอก”
คำพูดนั่น…เคยเป็นความในใจของตัวเขาตอนที่ไปพบซีลอร์ดในคืนเมื่อวานหลังจากจัดการเรดบอสเลเวล
70 แต่ว่าตอนนั้นก็ยังเป็นการพูดคุยกันในรูนรูมซึ่งเจ้าตัวให้สัญญาและพูดด้วยตัวเองเลยว่าจะไม่อ่านใจเขา
ถ้าอย่างนั้น...
“นี่แกอ่านใจฉันมาตลอดแต่แกล้งทำเป็นเซ่องั้นสิ”
“มันเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรกแล้วเรื่องที่เธอขอน่ะ
เพราะว่ามนุษย์แสนอ่อนแอโชว์ความคิดเป็นตัวอักษรลอยอยู่บนหน้าแบบนั้น ถ้าคุยกับเธอแล้วต้องจ้องหน้าจะไปห้ามสายตาไม่ให้อ่านได้ยังไงกันล่ะมันก็ต้องมีผ่านตาบ้างล่ะ”
ถึงจะฟังดูเป็นข้อแกตัวแต่หมอนี่กำลังตอกย้ำเรื่องคำขอของคนอ่อนแอเป็นเรื่องเพ้อเจ้ออยู่
สำหรับโลกทางฝั่งนั้นแล้ว
‘ความอ่อนแอคือบาป’ อย่างนั้นสินะ
“…”
อิงศรยังคงไม่ขยับตัวทำให้ซีลอร์ดเร่งมาว่า
“คิดจะล้มเลิกแค่นี้หรือไง”
เขาส่ายหน้าแล้วเก็บอาวุธก่อนจะลุกขึ้นยืน
เสียงทุบกรงจากด้านนอกยังคงดังมาแต่ถ้าหันกลับไปมองจะต้องถูกฆ่าอีกแน่
จะกลายเป็นคนอ่อนแอต่อหน้าหมอนี่ไม่ได้แล้วก็ต่อหน้าทุกคนด้วย
จะต้องแสดงคำตอบที่คิดไว้
จะต้องเอาความปรารถนาของตัวเองไปยัดเยียดให้กับหมอนี่ให้ได้
อิงศรกำความต้องการในใจของตัวเอง
ใส่มันลงในอาวุธแล้ว..
“ฉันจะอัดแกจะทำให้เห็นว่าใครกันแน่ที่อ่อนแอ”
กล่าวเช่นนั้น
ซีลอร์ดยิ้ม
“ต้องแบบนั้นสิ”
แล้วการต่อสู้
ไม่สิการฆ่าอยู่ฝ่ายเดียวก็ดำเนินต่อไปควบคู่ไปกับทุบกรง
พวกมิ่งขวัญที่พยายามโจมตีอย่างสุดกำลังหวังจะเปิดรูให้ลอดเข้าไปได้
แต่ความหวังซักเพียงนิดเดียวก็ยังไม่มี
กรงนั้นไร้เทียมทานจนราวกับว่ามันจะไม่มีวันพังทลาย
ระหว่างที่ดำเนินไปแบบนั้น
ชีวิตของอิงศรก็เดินทางมาถึงตอนจบ
เสียงทุบกรงจึงหยุดลง
ทุกคนต่างก็จ้องมองอิงศรที่หมดท่าหมอบราบพื้นแทบเท้าอีกฝ่าย
“...”
เด็กหนุ่มเหลือชีวิตสุดท้ายหลังถูกฆ่าเพิ่มไปห้าครั้งจากตอนนั้น
“ครั้งสุดท้าย...ถ้าถูกฆ่าอีกก็จบแล้วนะยังไม่คิดจะทำอะไรที่มันดีกว่าดิ้นรนเอาตัวรอดไปเปล่าๆ
สามสี่วินาทีซักหน่อยเหรอ”
“....”
ก็แล้วจะให้ทำอย่างไรกันเล่า
เขาลองทุกวิถีทางที่มีแล้ว
แต่ฟูตอบรับข่าวร้ายนั้นเป็นคนแรก
“ว่าไงนะ!”
มิกซ์เบ้หน้า
“ถ้างั้น…”
เมษาพูด
“ถ้าคราวนี้โดนฆ่าอีกเจ้าศรก็จะ…”
มิ่งขวัญตะโกน
“ศร!!”
กวินทร์ก็ด้วย
“พี่ศร!”
ทุกคนต่างก็ตีสีหน้ากล้ำกลืน
อิงศรได้แต่หมอบอยู่บนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงทั้งที่กำลังวังชาก็ถูกฟื้นฟูตอนคืนชีพ
เพียงแต่ไฟแห่งการต่อสู้ในจิตใจได้มอดดับไปแล้ว
หลงเหลืออยู่ก็แต่ความกลัวเท่านั้น
กระทั่งเสียงของเอลิกอร์ยังเงียบหายเพราะถึงขีดจำกัด
เจ้าปีศาจนั่นบอกกล่าวด้วยเสียงขี้ขลาดก่อนจะหายไปหลังจากเขาถูกฆ่าเป็นรอบที่สิบเอ็ด
‘ต่อให้เป็นข้าผู้นี้แต่คงทนตายไปพร้อมกับเจ้าอีกไม่ไหวแล้วล่ะ
มัน…น่ากลัวเกินไป’
บอกว่าเกรงกลัวอำนาจของเครื่องทำสวนแล้วก็ทิ้งเขาไว้เพียงลำพัง
เว้นแต่เมอร์คาบาห์ที่ยังส่งพลังมาให้ถึงจะถูกศิวะเหยียบจมธรณีอยู่ก็ตาม
“เก็บดาบขึ้นมาสิ”
ซีลอร์ดกล่าวเร่งมาแล้วส่งแส้เส้นหนึ่งให้มาลอยอยู่ใกล้ๆ
เหมือนกับจะข่มขู่
อิงศรเอื้อมมือไปจะแตะดาบ
แต่แล้วเขาก็ตระหนักขึ้นมา
หากจับดาบนี้แล้วก็จะถูกฆ่าจริงๆ
ครั้งนี้จะไม่มีการแก้ตัวอีกแล้ว
เขาจะถูกฆ่าตาย
“ม…ไม่”
ดวงตาของเด็กหนุ่มเบิกกว้าง
พอความคิดด้านลบแล่นขึ้นมาแบบนั้นก็เหมือนเห็นภาพหลอน
เห็นร่างของตัวเองนอนเป็นศพอยู่เบื้องหน้า
อิงศรกรีดร้อง
“วะ…เหวอ!”
แล้วชักมือกลับพลางคลานถอยหลังจนไปชนลูกกรงอย่างน่าสมเพช
ขนาดตัวเองยังรู้สึกรับไม่ได้
แต่ว่าร่างกายกำลังต่อต้านไม่ให้สู้
สัญชาตญาณกำลังบอกให้หนีไป
ช่างหัวมันแล้วการทดสอบอะไรนั่นแต่เขายังไม่อยากตายที่นี่
ถึงจะเป็นทหารของเมตไตรย
ถึงจะต่อสู้มามากและประสบกับเหตุเสี่ยงตายหรือไม่ก็ตายจริงๆ
มาหลายครั้ง
แต่ทุกครั้งก็ไม่ได้ถูกฆ่าซ้ำๆ
จนหมดสิ้นหนทางขนาดนี้
เขาถูกฆ่าไปถึงสิบเอ็ดหนแถมยังไม่เห็นหนทางเอาตัวรอดเลย
ร่างกายจึงตอบสนองต่อความคิดที่ถูกฟันธงลงไปแล้วว่าจะถูกฆ่าอย่างแน่นอน
“ไม่…ไม่ไหวแล้ว”
น้ำเสียงของเขาสั่นเทาเหมือนกับร่างกายที่กำลังสั่นสะท้านไปหมดจนต้องก้มตัวหดหัวเป็นเต่า
เป็นเต่าน่าสมเพชที่กำลังจะถูกอสรพิษจับกิน
แล้วเสียงนั้นก็ชักนำสายตาของพวกพ้องมา
รู้สึกได้ถึงสายตาที่กำลังตำหนิของพวกพ้องถึงจะรู้อยู่แล้วว่าทุกคนจะต้องกำลังเป็นห่วงเขาและพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเข้ามาช่วยแต่นั่นก็ไม่ต่างจากแรงกดดันที่คอยบอกอยู่ว่าตนนั้นอ่อนแอขนาดไหน
ซีลอร์ดเหม่อมองอิงศรที่น่าอดสู
“…”
แล้วเดาะลิ้นพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ชิ
อย่ามาทำตัวน่าสมเพชแบบนั้นนะ”
แส้จำนวนสี่เส้นพุ่งเข้ามามัดแขนขาฉุดดึงขึ้นไป
แล้วฟาดลงมา
“อัก”
แล้วยกแล้วก็ฟาดอีก
“อ่อก”
เขาถูกเหวี่ยงไปกระแทกลูกกรง
ถูกจับฟาดลงพื้นจนร่างกายโทรมไปหมด
จนเมื่อซีลอร์ดหยุดมือแล้วจับเขาตรึงแส้ไว้กลางอากาศ
“ผิดหวังจริงๆ
นี่ผมดูคนผิดไปเหรอเนี่ย”
ซีลอร์ดกล่าวขณะใช้สายตาคมกริบนั่นจดจ้องมา
พอถูกตรึงอย่างนี้แล้วก็เหมือนกับอยู่บนลานประหารไม่มีผิด
ความกลัวพุ่งขึ้นมาจับใจ
“มะ…ไม่”
ยังไม่อยากตาย...อิงศรคิดเช่นนั้นแต่ความละอายยั้งปากเขาไว้
ทว่า ก็ไม่อาจสู้กับสัญชาตญาณเอาชีวิตรอดที่ฝังอยู่ในพันธุกรรมมาตั้งแต่สมัยเป็นมนุษย์หินไร้อารยะ
“อย่า..อย่าฆ่าฉันเลย”
คำพูดน่าสมเพชหลุดออกมา
วิงวอนขอชีวิตอย่างไม่กลัวอายเพราะความกลัวที่จะตายได้ครอบงำสติไว้ทั้งหมด
ถึงตอนนี้เองที่ข้างนอกกรงนั่นเริ่มจะเอะอะกันใหญ่
“เฮ้ย!
แกน่ะปล่อยศรเดี๋ยวนี้นะ!!!”
มิ่งขวัญตะโกนเสียงดังมากกว่าทุกทีในน้ำเสียงนั้นแฝงเสียงสะอื้นเหมือนกำลังร้องไห้ปนมาด้วย
กวินทร์เองก็เช่นกัน
ถ้าอยากจะทดสอบล่ะก็ให้ผมทำแทนก็ได้พวกเราก็มีเฟืองเหมือนกับพี่ศรอยู่นะ
ทุกคนต่างก็ร้องขอชีวิตให้เขา
แต่จ้าวแห่งเครื่องทำสวน
ผู้ถูกลืมเลือน
ซีลอร์ด
ผู้เลือดเย็นหรือไม่รู้จักอารมณ์ของมนุษย์นั้นก็ตอบไปว่า
“งั้นก็รอจนกว่าวัชพืชต้นนี้จะตายก็แล้วกันจากนั้นจะเป็นตาของเธอมิ่งขวัญ
กวินทร์ แล้วก็คนอื่นๆ
ที่อยู่ตรงนั้นผมจะฆ่าทิ้งทั้งหมดเพราะว่าพวกเธอเป็นเพียงวัชพืชอย่างที่แอดมินิสเทรเตอร์ว่าไว้
วัชพืชที่ไร้ค่าไม่สมควรจะมีอยู่อีกต่อไปให้รกสวน”
แล้วจึงเบนสายตามาที่เขา
“อุตส่าห์นึกว่าการมาช่วยมอบทางเลือกให้กับเธอจะนำความเป็นไปได้ใหม่ๆ
ออกมาซะอีก”
เพราะเมื่อครู่หมอนี่บอกว่าจะฆ่าน้องชายจะฆ่าเหล่าพวกพ้องที่แสนสำคัญจึงทำให้ความหวาดกลัวหายไป
อย่างที่เคยได้กล่าวไว้
การที่ตรงหน้ามีอะไรบางอย่างถูกทำลายหรือหายไป
แล้วตัวเองทำอะไรไม่ได้เลยมันเจ็บปวด
ทรมานยิ่งกว่าตัวเองโดนเป็นร้อยเป็นพันเท่า
เพราะแบบนั้นล่ะมั้งตอนนี้ถึงได้เย็นใจลงจนพอจะสังเกตเห็นแววตาของซีลอร์ด
เมื่อรวมกับคำพูดเมื่อครู่ก็เหมือนกับว่า...
“นาย…เสียใจอยู่งั้นเหรอ”
“ใช่ ดูท่าผมคงจะคิดผิดสินะที่ว่ามนุษย์ยังเก้บซ่อนความเป็นไปได้เอาไว้...ลาก่อน”
สิ้นคำแส้ก็ตวัดเข้าสู่หัวใจ
พลังชีวิตหมดลงเป็นครั้งที่สิบสอง
อิงศร Lv.93 [.....0:12500.....]
“...”
เมื่อสัมผัสรับรู้กลับคืนมา
เขาก็มายืนอยู่ในที่โล่งกว้างสีขาวโพลนเหมือนกระดาษ
คล้ายกับความฝันเมื่อก่อน
ฝันที่เคยเจอกับมิ่งขวัญ
ฟู มิกซ์ พลอย เน็กส์ นิว ที่มาบอกลาเพื่อให้เขาได้ก้าวต่อไป
แต่บัดนี้คนที่รอเขาอยู่กลับเป็นนรินทร์
“นายมารับฉันสินะ”
อิงศรเข้าใจทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว
ที่นี่คงจะเป็นการเดินทางไปยังโลกหลังความตายแบบที่เคยได้ยินกันมาจากสื่อต่างๆ
ก่อนโลกจะล่มสลาย
เรื่องของพวกลวงโลกที่บอกว่าได้ไปเยือนโลกหน้าแต่รอดกลับมาได้
ตอนนี้กำลังเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นกับตัวเองถึงได้เข้าใจ
เข้าใจว่าทำไมนรินทร์จึงมายืนรอรับอยู่ที่นี่
เขาถูกซีลอร์ดฆ่าตายไปเรียบร้อยแล้วนั่นเอง
พอเริ่มก้าวเท้าเพื่อจะเข้าไปหานรินทร์
“จะข้ามมาทางนี้ไม่ได้นะ”
อีกฝ่ายกลับห้ามเอาไว้
แต่ว่าคราวนี้ฉันจะได้กลายเป็นคนของโลกทางนี้แล้ว
พอพูดไปแบบนั้นนรินทร์ก็ส่ายหน้าแล้วแสดงร่างที่แท้จริงออกมา
“เมอร์คาบาห์”
ทำไมเมอร์คาบาห์ถึงมารออยู่ที่นี่
ไม่ใช่ว่าเขาตายไปแล้วหรอกเหรอ
ในตอนนั้นเอง
สถานที่ก็เปลี่ยนไป
ทุ่งหญ้าแผ่กว้างอยู่เบื้องหน้า
โลกอันเขียวจีแทนที่ด้วยต้นไม้นานาพรรณ
ท้องฟ้ายามรุ่งสางเขากับหล่อนยืนอยู่บนเนินทุ่งหญ้าที่ต้นไม้มีผลเป็นสีทองคำยืนต้นอยู่โดดเดี่ยวเพียงลำพัง
เหมือนกับในมโนภาพก่อนหน้านี้
ตอนที่ได้เมอร์คาบาห์มาครอบครอง
เทวทูตผู้สวมหน้ากากเหล็กได้กล่าวถามมาว่า
“ขอฟังความเห็นของเธอหน่อยสิ”
ความคิดเห็น