ตอนที่ 65 : กลับมาเยี่ยมเมืองหลวง
โฮกกกก
“อืม เจ้าแอบดูเสี่ยวหู่น้อยของข้ามาหลายวันแล้วสินะ” พยัคฆ์เมฆาตัวที่พบใหม่นั้นนางตั้งชื่อให้ว่าเสี่ยวหลาน เป็นตัวผู้ อายุกำลังเป็นหนุ่มแน่น ที่เข้าหาพวกนางก็เพราะว่าต้องการเข้าหาเสี่ยวหู่ “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้เช่นไรหรือเสี่ยวหลาน ที่นี่ไม่ใช่แหล่งอาศัยของสัตว์อสูรมิใช่หรือ” ด้วยสภาพป่าเช่นนี้ ไม่เหมาะที่จะเป็นที่อยู่ของสัตว์อสูรระดับสูง
เสี่ยวหลานบอกว่ามันถูกคนจับมาแล้วหนีมาได้ พบป่าแห่งนี้โดยบังเอิญก็เลยจำเป็นต้องหลบอาศัยอยู่ไปก่อน จนเมื่อไม่กี่วันมานี้มันสัมผัสถึงพลังของเสี่ยวหู่ระหว่างออกมาล่าอาหารจึงแอบตามดูเสี่ยวหู่อยู่ห่างๆ มันดีใจที่ได้พบพยัคฆ์เมฆาเช่นเดียวกับมันจึงตามมา
“เอายังไงล่ะเสี่ยวหู่ เจ้าอยากอยู่ที่นี่กับเสี่ยวหลานหรือว่าอยู่กับข้าเช่นเดิม ข้าเคารพในการตัดสินใจของเจ้านะ” เสี่ยวหู่มองหน้านางสลับกับมองเสี่ยวหลานก่อนจะเดินมาโถมตัวใส่นางจนแทบหงายหลัง เสี่ยวหู่จะอยู่กับนางไม่ไปไหน “รู้แล้วๆ ข้าไม่ได้ไล่เจ้า เพียงถามเท่านั้น เช่นนั้นเจ้าอยากไปอยู่กับข้าด้วยหรือไม่เล่าเสี่ยวหลาน” มันพยักหน้าและให้เหตุผลว่ามันอยู่ตัวเดียวมานาน เมื่อได้พบเสี่ยวหู่จึงรู้สึกเหมือนได้อยู่กับครอบครัวอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้นางจึงได้พยัคฆ์เมฆากลับที่พักด้วยอีกหนึ่งตัว ท่านน้าทั้งสองเห็นเข้าถึงกับตาโต
“ข้าก็เพิ่งได้พบเจอพยัคฆ์เมฆาที่พลังมากมายเช่นนี้เป็นครั้งแรก”
“เสี่ยวหลานอยู่ในวัยหนุ่มแล้วเจ้าค่ะท่านน้าอี้เทียน พลังนั้นย่อมตื่นขึ้นเต็มที่แล้ว”
“อืม เจ้านี่มีเรื่องให้ข้าแปลกใจอยู่ตลอดเลยนะสาวน้อย”
“เหอะ ถ้าเจ้าได้ไปที่บ้านของนางจะยิ่งแปลกใจกว่านี้อีก วันนี้เจ้าจะทำปลาเผาเกลือใช่หรือไม่” ท่านน้าลู่ไป๋เห็นปลาตัวใหญ่ที่จับมาได้ก็ตาลุกวาว เพราะท่านน้าชอบปลาเผาเกลือมากที่สุด ยิ่งกินกับน้ำจิ้มแล้วก็ห่อผักด้วยแล้วยิ่งอร่อย แม้ว่านางจะทำปลาเผาเกลือบ่อยๆแต่ก็ไม่เคยเบื่อเลย
“เจ้าค่ะ เสี่ยวหู่พาเสี่ยวหลานเข้าไปล่าเนื้อที่พวกเจ้าอยากกินเถิด ข้าจะย่างให้” พยัคฆ์น้อยของนางวิ่งนำเสี่ยวหลานเข้าป่าไปอย่างตื่นเต้น ไปสองตัวก็ดีกว่าตัวเดียว แม้จะเก่งแค่ไหนนางก็ยังนึกห่วงทุกครั้งที่เสี่ยวหู่ออกล่าตัวเดียว
“ระหว่างรอหลัวจิงเฉิง เจ้าจะกลับเมืองหลวงก็ได้นะจิวเหมย ทางนี้ข้ากับอี้เทียนจะอยู่จับตาดูให้เอง”
“กลับก็ดีนะจิวเหมย ข้าอยากกลับไปเยี่ยมท่านพ่อท่านแม่แล้วก็เว่ยเอ๋อร์ด้วย”
“เช่นนั้นวันพรุ่งเราจะกลับเมืองหลวงกัน ฝากท่านน้าทั้งสองด้วยนะเจ้าคะ พวกข้าจะรีบกลับมา”
“เจ้าไม่ต้องกังวล”
มื้อเย็นวันนี้นอกจากจะมีปลาเผาเกลือหลายตัวแล้ว ยังมีต้มยำปลาใส่เห็ดสนเอาไว้ซดคล่องคออีกด้วย นางเก็บผักสดๆจากในมิติออกมาไว้ห่อปลากินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ นี่ถ้ามีขนมจีนด้วยจะดีกว่านี้มาก ส่วนอาหารของเสี่ยวหู่กับเสี่ยวหลานก็เป็นหมูย่างเช่นเดิม ล่าหมูทุกวันจนหมูจะหมดป่าแล้วกระมัง
“เนื้อปลาหวาน น้ำจิ้มของเจ้าก็รสชาติดี ช่างเข้ากันยิ่งนัก ไม่แปลกใจที่ไป๋เอ๋อร์จะเจริญอาหารจนมีเนื้อหนังให้ข้ากอดเต็มแขนเช่นนี้ แก้มก็นุ่ม พี่ชอบมาก”
“ใยพี่ใหญ่ไม่ทำแบบนี้กับจิวเหมยเช่นท่านน้าอี้เทียนบ้างเล่าขอรับ”
“แค่กๆ แค่ก”
“หลงเอ๋อร์! น้องช่างพูดไม่รู้ความ” จ้าวไท่หลงยื่นจอกน้ำชาไปให้สหายจิบ เผื่อว่าอาการไอจะทุเลาลง “เป็นเช่นไรบ้างเหมยเอ๋อร์ ดีขึ้นหรือไม่” ไท่หลงสะดุ้งเมื่อพี่ใหญ่ตวัดสายตาคมดุมามอง เขาก็แค่ถามเองนะ ท่านน้าอี้เทียนเกี้ยวพาท่านน้าลู่ไป๋โดยไม่อายฟ้าดินเลย เขาแค่ข้องใจเท่านั้น ใยพี่ใหญ่ไม่เห็นทำเหมือนท่านน้าอี้เทียนบ้าง “เหมยเอ๋อร์เป็นสตรี จะให้พี่ทำเช่นท่านอี้เทียน เห็นทีจะไม่เหมาะนะหลงเอ๋อร์”
“ขออภัยขอรับพี่ใหญ่”
“ถ้าข้าเห็นเจ้าไปทำเช่นนี้กับสตรีอื่นโจ่งแจ้งเช่นท่านน้าอี้เทียนทำล่ะก็ ข้าจะให้เสี่ยวหู่วิ่งไล่กัดตูดเจ้าจนขาดเลยคอยดู” เสี่ยวหู่ส่งเสียงแง้วสนับสนุนแบบสุดๆ เสี่ยวหลานเองก็บอกว่าจะช่วยเสี่ยวหู่วิ่งไล่กัดด้วย “เรื่องนี้เจ้าอย่าเอาท่านน้าทั้งสองเป็นแบบอย่างเลย”
“การแสดงความรักหาใช่เรื่องที่ผิด”
“ไม่ผิดเจ้าค่ะ แต่ผิดที่ผิดทางมากๆ ทานกันอิ่มแล้วก็เก็บล้างกันเถิดเจ้าค่ะ จะได้พักผ่อน” ไท่หลงกับพี่หยางเก็บอุปกรณ์ทำอาหารทุกอย่างไปล้าง ส่วนนางก็เอาผ้าออกมาปูให้ทั้งเสี่ยวหู่และเสี่ยวหลาน ส่วนคนอื่นก็จับจองเปลของของตัวเองกันไป กินอิ่มแล้วนอนก็หลับ สะดวกสบายราวกับอยู่บ้านทีเดียว
รุ่งเช้าหลังทำมื้อเช้าให้ทุกคนได้อิ่มหนำกันแล้วนางก็เดินทางกลับบ้านผ่านทางมิติพร้อมกับพี่น้องตระกูลจ้าวและเสี่ยวหู่เสี่ยวหลาน ที่นางพาเสี่ยวหลานกลับมาด้วยเพราะอยากให้รู้จักกับทุกคนเอาไว้ มาอยู่กับนางจะได้ไม่ตื่นกลัว
“คุณหนู! กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ” พี่เสี่ยวอิงเห็นนางก่อนก็ตะโกนร้องเรียกเสียงดังจนลูกค้าที่เหลาอาหารหันมามอง “เหตุใดไม่ส่งข่าวกลับมาบ้างเล่าเจ้าคะ ท่านแม่ทัพกับฮูหยินเป็นห่วงมากนะเจ้าคะ ทุกคนก็เป็นห่วงเช่นกัน”
“ที่พวกข้าไปนั้นมีหลายหมู่บ้านมากเลยเจ้าค่ะพี่เสี่ยวอิง อีกทั้งมีหลายเรื่องให้ต้องจัดการจึงกลับมาช้า ที่เหลาอาหารกับเหลาสุราเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ” แม้ว่านางจะแอบกลับมาบ้างก็เถอะ แต่ทุกครั้งจะไม่พบผู้ใดเพราะนางเพียงกลับมาเอาของบางอย่างเท่านั้น นึกเป็นห่วงกิจการของตนเองแต่ก็เชื่อว่าพี่เสี่ยวอิงจะดูแลจัดการได้
“เรียบร้อยดีเจ้าค่ะ ขายดีทั้งเหลาอาหารและเหลาสุรา ท่านแม่ทัพกับฮูหยินเข้ามาดูอยู่ตลอดไม่ได้ขาดเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นข้าขอดูบัญชีหน่อยนะเจ้าคะ พี่หยางกับไท่หลงจะกลับจวนเลยหรือไม่เจ้าคะ”
“พี่ว่าจะกลับเลย วันพรุ่งพี่กับหลงเอ๋อร์จะรีบมา” เช่นนั้นนางจึงให้พี่เสี่ยวอิงสั่งให้คนไปเอาม้ามาสองตัวมอบให้พี่หยางกับไท่หลง ก่อนจะแยกย้ายกันที่หน้าเหลาอาหารของนาง
“อ้อ นี่เสี่ยวหลานเจ้าค่ะพี่เสี่ยวอิง จะมาอยู่กับข้าอีกตัว ฝากด้วยนะเจ้าคะ”
นางขึ้นมายังห้องส่วนตัวด้านบนเพื่อตรวจบัญชี เช่นไรพี่เสี่ยวอิงก็ทำไว้ดีอยู่แล้วแหละ แต่นางอยากดูว่ารายได้เป็นเช่นไรบ้าง จะได้วางแผนทำในสิ่งที่คิดไว้ต่อไปได้ถูก ส่วนพี่เสี่ยวจิงนั้นเห็นว่าตอนนี้ปิดตำหนักห้ามผู้ใดเข้าเยี่ยมเป็นอันขาด องค์ฮ่องเต้ทรงเข้มงวดมากเพราะว่าบุตรมังกรจะเป็นอันตราย นางเองก็มีแวบไปตรวจดูครรภ์ของพี่เสี่ยวจิงบางเช่นกันก่อนเข้านอนในบางวัน ยาบำรุงก็ต้มให้เองไม่เคยขาด หลานของนางจะต้องออกมาแข็งแรงที่สุด
“น้ำชาเจ้าค่ะคุณหนู”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ รายได้ถือว่าดีเลยนะเจ้าคะ โดยเฉพาะเหลาสุรา”
“เจ้าค่ะ แม้คุณหนูจะไม่ได้ขายราคาต่างจากเหลาสุราอื่น แต่รสสุราของท่านลู่ไป๋นั้นถือว่าเลิศรส จึงเป็นที่ชื่นชอบเจ้าค่ะ ยังมีพ่อบ้านจากจวนต่างๆมาขอซื้อกลับไปเก็บไว้ที่จวนด้วยนะเจ้าคะ พี่ขายตามราคาที่คุณหนูสั่งไว้เจ้าค่ะ”
“ดีแล้วเจ้าค่ะ ถ้าอยากเอาไปดื่มที่จวนก็สมควรที่จะต้องจ่ายแพงกว่าคนที่ยอมมานั่งดื่มที่นี่” อาจจะเพราะแบบนี้ เหลาสุราถึงได้ทำเงินได้ดีกว่าเหลาอาหาร แม้เหลาอาหารจะขายดีมากอยู่แล้วก็ตาม “แล้วที่ไร่เป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ”
“คนงานช่วยกันดูแลพืชผักแล้วก็สัตว์เลี้ยงเป็นอย่างดีเจ้าค่ะ”
“ดีเลยเจ้าค่ะ หากคนงานไม่เพียงพอก็หาเพิ่มได้เลยนะเจ้าคะ เพียงแต่ดูให้มั่นใจสักหน่อยว่าไว้ใจได้หรือไม่”
“เจ้าค่ะ เรื่องนี้ท่านแม่ทัพเป็นผู้จัดการให้อยู่แล้วเจ้าค่ะคุณหนู” ดูเหมือนว่าท่านพ่อของนางจะเริ่มสนุกกับการเป็นคนสวนมากกว่าเป็นแม่ทัพเสียแล้วสิ อันที่จริงนางก็เห็นดีเห็นงามหากท่านพ่อจะออกจากราชการแล้วมาอยู่บ้านทำสวนช่วยนางดูแลกิจการที่กำลังจะมีเพิ่มมากขึ้น เปลี่ยนจากขุนนางมาเป็นคหบดีก็ไม่เลว
ตรวจบัญชีเสร็จนางก็แวะไปทักทายพี่เอ้อหลางเสียหน่อย โรงหมอนั้นเป็นที่ที่นางกลับมาบ่อยที่สุดแล้ว เพราะต้องเอาสมุนไพรมาไว้เพื่อให้พี่เอ้อหลางขาย ช่วงที่นางไม่อยู่แม้จะมีคนอยากมาตรวจกับนางจำนวนมากแต่ก็ไม่อาจทำได้ หนทางที่ดีที่สุดก็คือซื้อสมุนไพรจากร้านนางไปกินเพื่อบรรเทาอาการจนกว่านางจะกลับมาก็เท่านั้น เมื่อสอบถามเรื่องทั่วไปเรียบร้อยแล้วก็ตรงกลับจวนในทันที
“คารวะท่านพ่อ คารวะแม่ใหญ่เจ้าค่ะ”
“เจ้ากลับมาเสียที พวกเราเป็นห่วงเสียแทบแย่”
“เส้นทางที่ลูกผ่านนั้นมีหมู่บ้านเล็กๆจำนวนมากเจ้าค่ะ ทำให้ใช้เวลาไปมาก ท่านพ่อกับแม่ใหญ่สบายดีหรือไม่เจ้าคะ สมุนไพรบำรุงที่ลูกให้พี่เอ้อหลางจัดไว้ให้ได้กินบ้างหรือไม่”
“ไม่ได้ขาด พ่อเองก็อยากหนุ่มแน่นไปนานๆ” ที่จวนค่อนข้างเงียบเพราะฟางเอ๋อร์กับกุ้ยผิงนั้นท่านพ่อตัดสินใจส่งไปอยู่ที่สำนักศึกษา คล้ายโรงเรียนประจำในโลกก่อนของนางมาสักพักแล้ว ส่วนกุ้ยอันเองก็ยังพูดไม่ได้ แต่ก็กำลังคลานซนเลยทีเดียว จับนิ่งได้ไม่นานก็คลานให้แม่ใหญ่ได้ตามจับอีกแล้ว แต่สังเกตดูความสดใสบนใบหน้าของแม่ใหญ่แล้ว คิดว่าคงมีความสุขมากทีเดียว “มีเรื่องใดเป็นอันตรายระหว่างเดินทางหรือไม่เหมยเอ๋อร์”
“เล็กน้อยเจ้าค่ะท่านพ่อ ตอนนี้ลูกมีผู้ร่วมเดินทางเพิ่มอีกหนึ่งคนแล้วก็หนึ่งตัวเจ้าค่ะ”
“เจ้ามีพยัคฆ์เมฆาในครอบครองถึงสองตัวนับว่าเป็นเรื่องดี พ่อคงไม่ห่วงเจ้ามากนัก เพราะมั่นใจว่าทั้งสองตัวคงจะปกป้องเจ้าได้ แล้วอีกหนึ่งคนที่ว่าเล่า เป็นผู้ใด ไว้ใจได้หรือไม่”
“ไว้ใจได้เจ้าค่ะ เป็นสหายของท่านน้าลู่ไป๋ อ่า จะว่าเป็นสหายก็ไม่ถูกนัก เรียกว่าคนรักจะดีกว่า ชื่อท่านน้าอู๋อี้เทียนเจ้าค่ะ เป็นประมุขตำหนักเซียนวายุ”
“เจ้าว่าเช่นไรนะ! ตำหนักเซียนวายุเช่นนั้นหรือ!”
“เจ้าค่ะ ประมุขของเหล่าเซียน ลูกเองก็ไม่รู้เรื่องของท่านน้าอี้เทียนมากนัก แต่เรื่องฝีมือนั้นลูกคงไม่ต้องพูดสิ่งใดท่านพ่อก็น่าจะทราบ ท่านน้าอี้เทียนตามหาท่านน้าลู่ไป๋มาหลายปีจนได้พบกันก็เลยตัดสินใจเดินทางร่วมกับลูกด้วยเจ้าค่ะ ท่านพ่อคลายกังวลได้แล้วนะเจ้าคะ รอบตัวลูกมีแต่ยอดฝีมือทั้งนั้นเลย”
“ได้ยินเช่นนี้คงได้นอนหลับสนิทเสียที เจ้ามาเหนื่อยๆก็ไปพักผ่อนเสียเถิด ได้เวลามื้อเย็นพ่อจะให้คนไปตาม”
“คือว่า...”
“อึกอักเช่นนี้ เห็นทีจะมีเรื่องให้ทำอีกแล้วกระมังเจ้าค่ะท่านพี่”
“โธ่ แม่ใหญ่เจ้าคะ ไม่ใช่ทุกครั้งเสียหน่อย แต่ก็มีเรื่องอยากจะรบท่านพ่อจริงๆนั่นแหละเจ้าค่ะ แหะๆ” ทั้งสองถึงกับหัวเราะนางที่เอาแต่อึกอัก ก็คิดแล้วคิดอีกมาสักพักแล้ว กิจการทุกอย่างของนางในตอนนี้ก็อยู่ตัวแล้วสมควรจะขยับขยายไปทำอย่างอื่นบ้างสักที
“มีเรื่องใดก็พูดมาเถิดลูกพ่อ พ่อช่วยเจ้าได้ทุกเรื่อง”
“ลูกคิดว่าอยากจะทำโรงเตี๊ยมเพิ่มเจ้าค่ะ ท่านพ่อคิดเห็นเช่นไรเจ้าคะ”
“นี่เจ้ายังยุ่งไม่พออีกหรือเหมยเอ๋อร์” แหม ตอนนี้ก็ไม่ได้ยุ่งอะไรขนาดนั้นหรอก ถ้าแต่งงานกับพี่หยางแล้วนางก็คงไม่ได้ออกไปท่องยุทธภพบ่อยนัก ให้อยู่เฉยๆแต่งตัวสวยงามอยู่ในจวนก็คงไม่ใช่นาง หางานทำให้ยุ่งนี่แหละดีที่สุดแล้ว “แต่เอาเถิด หากเจ้าอยากทำโรงเตี๊ยมพ่อจะให้คนไปดูที่ทางมาให้”
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะท่านพ่อ ลูกรบกวนท่านพ่ออีกแล้ว”
“ไม่ใช่เรื่องรบกวนหรอก หากเจ้าอยากทำพ่อก็จะสนับสนุนเจ้า ตอนนี้เจ้าไปพักเถิด ทำนู้นนี่ทั้งวันไม่เหนื่อยหรืออย่างไรกันเด็กคนนี้” นางอยู่เล่นกับกุ้ยอันอีกพักใหญ่ก็ขอตัวออกมาพักผ่อน แต่แทนที่จะได้พักกลับต้องมาอ่อนอกอ่อนใจกับเจ้าพยัคฆ์เมฆาสองตัวแทน
“นี่มันอะไรกัน” กองเนื้อหมูย่างเป็นชั้นๆอย่างกับภูเขาลูกเล็กนี่มันอะไรกัน นั่น มีคนป้อนให้กินด้วยหรือ “เจ้าจะสบายไปแล้วนะเสี่ยวหู่ เจ้าสองตัวกินเนื้อหมดนี่คงอิ่มไปเป็นเดือนเลยกระมัง” มันไม่สนใจนางสักนิด เสี่ยวหลานเองก็โยนเนื้อเข้าปากไปทั้งชิ้นอย่างเอร็ดอร่อยเหมือนกัน “พรุ่งนี้ห้ามให้อาหารพวกมันอีก” เสี่ยวหู่ตวัดสายตามามองนางในทันทีพร้อมทั้งส่งเสียงประท้วงอย่างหนักว่ามันกำลังกินกำลังโต มันต้องกินเยอะๆเข้าไว้ จะมาสั่งงดอาหารมันไม่ได้เด็ดขาด
โฮกกกกก
เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ!
“สัตว์อสูรก็กินอาหารจำนวนมากเป็นเรื่องปกติขอรับคุณหนู นายท่านจึงให้เตรียมเนื้อพวกนี้ไว้ให้พยัคฆ์เมฆาทั้งสองตัวขอรับ”
“นี่มันมากเกินไปแล้วนะพ่อบ้านหม่า อยู่ในป่าเจ้าสองตัวนี้ก็กินกันไม่หยุด ก่อนกลับมาก็กินหมูป่าไปทั้งตัว ดูพุงเสี่ยวหู่สักหน่อยเถิด แทบจะติดพื้นอยู่แล้ว ไขมันทั้งนั้น แบบนี้ไม่เรียกกำลังโตแต่เรียกตะกละ” มันส่งเสียงต่อว่านางไม่หยุดที่ว่ามันอ้วน เรื่องจริงทั้งนั้น นี่ถ้าพูดภาษาคนได้นางคงได้เห็นมันไปออดอ้อนขอเนื้อคนอื่นกินเป็นแน่
“พ่ออยากให้รางวัลที่ทั้งสองดูแลเจ้าเป็นอย่างดีน่ะเหมยเอ๋อร์”
“เอาเถิดเจ้าค่ะ มื้อต่อไปก็ให้ลดลงกว่านี้สักสามส่วนนะเจ้าคะ ไม่ต้องมาเถียงเลยเสี่ยวหู่ หากเจ้ายังเถียงไม่เลิกข้าจะให้พ่อบ้านหม่าทำอาหารที่มีแต่ผักให้เจ้ากินแทน ดีหรือไม่” แน่นอนว่ามันสงบปากสงบคำนั่งกินเนื้อที่ย่างอย่างดีที่มีคนป้อนถึงปากไปเงียบๆ “กินเสร็จก็พาเสี่ยวหลานไปพักเข้าใจหรือไม่เสี่ยวหู่ อย่าออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนอีกเด็ดขาด” มันรับคำเบาๆแบบงอนๆ เหอะ ตัวแค่นี้รู้จักงอนด้วย “ลูกขอตัวไปพักก่อนนะเจ้าค่ะท่านพ่อ มื้อเย็นวันนี้ก็รบกวนพ่อครัวแม่ครัวของจวนแล้วนะเจ้าค่ะ”
“ข้าจะดูแลอย่างดีขอรับคุณหนู”
“อ่อ ไม่ต้องป้อนมันหรอก ให้มันกินเอง ถ้ากินเองไม่ได้ก็ไม่ต้องกิน เข้าใจหรือไม่เสี่ยวหู่” เลี้ยงมันก็เหมือนเลี้ยงลูก เดี๋ยวนี้ที่นอนไม่นิ่มก็มีบ่นนะ นางถึงทำเปลให้นอน แต่ก็อย่างว่า น้ำหนักตัวขนาดนี้เปลที่ไหนจะเอาอยู่ สงสัยต้องเรียกเสี่ยวหลานมาคุยเสียหน่อย เช่นไรให้พยัคฆ์เมฆาด้วยกันเองสั่งสอนคงดีกว่านางสั่งสอนเอง “รบกวนพ่อบ้านหม่าเตรียมกระดาษไว้ให้ข้าด้วยนะ ข้าจะวาดแบบโรงเตี๊ยมไว้ให้ท่านพ่อสักหน่อย”
“คุณหนูจะทำโรงเตี๊ยมหรือขอรับ”
“เจ้าค่ะ ท่านพ่อจะไปดูที่ทางไว้ให้ หากได้แล้วคงจะดำเนินการสร้างได้เลย ก่อนกลับไปข้าจึงอยากวาดแบบเอาไว้ให้ท่านพ่อน่ะเจ้าค่ะ จะได้ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด”
“ข้าน้อยรู้จักที่หนึ่งขอรับ เมื่อวันก่อนระหว่างไปทำธุระให้นายท่าน ข้าน้อยบังเอิญไปพบเข้า เป็นจวนร้างหลังหนึ่งที่แม้จะไม่ได้อยู่ใกล้ตลาดแต่ก็ไม่ได้ไกลนัก พื้นที่กว้างขวาง หากคุณหนูสร้างโรงเตี๊ยมที่นั้นคงใหญ่โตมากทีเดียวขอรับ หากคุณหนูสนใจข้าน้อยจะพาไปดูขอรับ” สมกับเป็นพ่อบ้านหม่า ไม่มีสิ่งใดหลุดรอดสายตาไปได้
“ข้าสนใจเจ้าค่ะ เช่นนั้นวันพรุ่งพ่อบ้านหม่าพาข้าไปดูหน่อยนะเจ้าคะ”
“ได้ขอรับ แต่น่าแปลกอยู่นะขอรับ เพราะบ้านหลังอื่นที่อยู่ใกล้ๆกับจวนหลังนั้นก็ร้างหมดเลยเช่นกันขอรับ”
“หรือจะเป็นภูตผี”
“ก็อาจเป็นได้ขอรับ”
“ข้าไม่กลัวผีหรอกพ่อบ้านหม่า” เพราะผีที่น่ากลัวกว่าผีไหนๆในโลกกำลังยืนยิ้มหวานอยู่ข้างๆนางนี่ไง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

หางานทำให้ตัวเองไม่หยุดเลยนะ
รับทราบค่ะ รอค่าาาา