ตอนที่ 58 : อู๋อี้เทียน
“ตามดูแล...ท่านน้าหรือเจ้าคะ”
“ใช่ พวกเจ้าหาได้สำคัญกับข้าไม่ ข้าสนใจเพียงฟ่านลู่ไป๋ผู้เดียวเท่านั้น” หรือว่าท่านน้าจะรู้จักคนผู้นี้จริงๆ ถึงได้บอกให้นางไม่ต้องสนใจว่าคนผู้นี้จะตามหรือไม่ตามพวกนาง นางเหลียวมองไปด้านหลังเมื่อจับสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังเดินมา “เจ้ารีบกลับไปเถิด ออกมาพบข้ายามดึกเช่นนี้รองแม่ทัพจ้าวคงไม่ค่อยพอใจเป็นแน่”
“พี่หยางเข้าใจข้าทุกอย่างเจ้าค่ะ อีกอย่าง ข้ามาเพราะสงสัยในตัวท่านหาได้คิดเป็นอื่นนะเจ้าคะ”
“จิวเหมย!”
“เหมยเอ๋อร์!”
“อ่า ท่านน้า พี่หยาง ตามข้ามาได้เช่นไรกันเจ้าคะ” ทั้งสองวิ่งเข้ามาหานางหน้าตาเคร่งเครียด คงจะตกใจที่ไม่เห็นนางนอนอยู่ในเปลสินะ “ข้าขอโทษเจ้าค่ะ พอดีว่าออกมาพบคนผู้หนึ่งเพื่อคลายความสงสัยสักหน่อย จริงหรือไม่เจ้าคะท่าน...อ่าว หายไปไหนเสียแล้ว” นางมองขึ้นไปบนต้นไม้แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาของคนผู้นั้น “หายตัวได้ด้วยหรือ!”
“เจ้าไม่ควรออกมาคนเดียวเช่นนี้นะจิวเหมย มันอันตรายเพียงใดรู้หรือไม่”
“เจ้าค่ะท่านน้า แต่ข้าก็เอาเสี่ยวหู่มาด้วยนะเจ้าคะ แล้วคนผู้นั้นเองก็รู้จักท่านน้าด้วย เขาไม่ทำอะไรข้าหรอกเจ้าค่ะ แต่ตอนนี้เขาหายไปเสียแล้ว”
“รู้จักข้าหรือ”
“เจ้าค่ะท่านน้า ก็เขาบอกข้าเองว่าที่เขาตามพวกเรามาเพราะตามดูแลท่านน้า ท่านน้าไม่รู้จักเขาหรือเจ้าคะ”
“ตามดูแลข้า” ท่านน้าหลุบตามองพื้นแล้วเงยหน้ามองรอบๆ ก่อนจะเริ่มเดินหาคนผู้นั้นอย่างจริงๆ อีกทั้งยังท่าทางร้อนรนจนนางกับพี่หยางมองตามอย่างงุนงง “อู๋อี้เทียน! หากเป็นเจ้าก็จงออกมาประเดี๋ยวนี้!” เสียงของท่านน้าดังสะท้อนไปทั้งป่าจนนกแตกรัง “อี้เทียน หากเป็นเจ้าก็ออกมาพบข้า อย่าเอาแต่หลบอยู่เช่นนี้ อี้เทียน!”
“ท่านน้าเจ้าคะ”
“ชายที่เจ้าพบลักษณะเป็นเช่นไรจิวเหมย บอกข้ามาให้ละเอียด”
“ก็เช่นที่ข้าเคยบอกเจ้าค่ะ รูปงามมาก ใส่ชุดสีฟ้าอ่อน รูปหน้าเรียวยาว ผิวขาวละเอียด ผมยาวดำงาม สูงกว่าพี่หยางกับท่านน้าสักหน่อยแต่ไม่มากเจ้าค่ะ ท่าทางองอาจน่าเกรงขาม อ่อ มีตราพยัคฆ์บนเสื้อที่หน้าอกซ้ายด้วยเจ้าค่ะ” พอนางพูดจบท่านน้าก็เริ่มน้ำตาไหล นางกับพี่หยางถึงกับทำอะไรไม่ถูก “ท่านน้าร้องไห้ทำไมเจ้าคะ”
“อู๋อี้เทียน หากเจ้าไม่ออกมาก็อย่าได้มาพบข้าอีกเลยในชาตินี้!”
“เจ้าจะใจร้ายกับข้าถึงเพียงนั้นเชียวหรือไป๋เอ๋อร์” นางตกใจจนต้องกระโดดไปหลบหลังพี่หยาง จู่ๆก็ปรากฎตัวออกมาทั้งๆที่เมื่อครู่นางก็มองหาจนทั่วแล้วแต่ไม่พบ คนหรือผีกันแน่นะ แล้วรอยยิ้มหวานๆนั่นคืออะไรกัน
“อี้เทียน”
“อย่าร้องไห้เลยดวงใจข้า น้ำตาของเจ้ากำลังทำให้ข้าเจ็บปวด” ฟ่านลู่ไป๋มองคนตรงหน้าด้วยตาแดงก่ำ น้ำตาหลั่งรินราวกับระบายความอัดอั้นทั้งหมดที่เคยมีออกมาผ่านน้ำตา “ข้ามาหาเจ้าแล้ว หยุดร้องเถิดนะ”
“นี่มันกี่ปีแล้วอู๋อี้เทียน กี่ปีแล้วที่เจ้าให้ข้าต้องรอ”
“ข้าขอโทษ แต่หลังจากที่เจ้าหายตัวไปขาดการติดต่อข้าก็ออกตามหาเจ้ามาตลอด จนในที่สุดก็พบ ตอนได้รู้ข่าวว่าเจ้าหายตัวไปและอาจจะสิ้นชีพไปแล้วนั้นข้าเหมือนคนเสียสติ ทั้งเจ้ายังขาดการติดต่อจนข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะตามหาเจ้าจากที่ใด โชคดียิ่งนักที่จูจางเหว่ยส่งข่าวมาให้ มิเช่นนั้นข้าก็คงยังหาเจ้าไม่พบ” อู๋อี้เทียนเกลี่ยหยดน้ำตาของคนที่เขารักสุดหัวใจออกจากใบหน้างาม ความงดงามนี้ไม่เหมาะกับน้ำตาเลยสักนิด
“หาข้าพบแล้วใยไม่ออกมาพบหน้า”
“ข้ารู้สึกผิดต่อเจ้าที่ปล่อยให้รอนานถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังไม่ได้อยู่เคียงข้างเจ้ายามเจ้ามีภัย”
“ใช่ความผิดเจ้างั้นหรือถึงต้องรู้สึกผิด ข้ารอวันที่ได้พบหน้าเจ้ามานานเท่าใดแล้ว เรื่องแค่นี้เจ้าคิดว่าข้าจะโกรธเจ้าได้ลงหรือ เจ้ามันคนไม่รู้อะไรเลยอู๋อี้เทียน เจ้ามันไม่รู้อะไรเลย” ฟ่านลู่ไป๋ปล่อยให้น้ำตาที่เก็บมานานไหลออกมาให้สมกับความอัดอั้นที่อดทนเก็บไว้มานาน “ข้าทำทุกอย่างก็เพื่อเจ้า แต่เจ้ากลับให้ข้ารอนานถึงเพียงนี้ได้เช่นไร” ทันทีที่อ้อมแขนอบอุ่นคุ้นเคยรวบตัวเขาเข้าไปกอด ความอดทนทุกอย่างก็พังทลายลง
เสียงร้องไห้ของท่านน้าทำให้จิวเหมยรู้สึกสงสารจนอดจะน้ำตาไหลตามไปด้วยไม่ได้ ไม่ได้พบหน้ากันมาหลายปีแต่ท่านน้าก็อดทนมาตลอดโดยที่ไม่บอกให้พวกนางได้รับรู้ จะเจ็บปวดสักแค่ไหนนะที่มีคนรักแต่ก็ต้องทำเหมือนไม่มี ภายใต้ความร่าเริงที่ท่านน้าแสดงออกคงจะเก็บความทุกข์ระทมไว้สุดใจ
“ตาบวมหมดแล้ว”
“แล้วมันเพราะผู้ใดกันเล่า!”
“หึ เพราะข้าเอง ข้าจะรับทุกอย่างไว้เอง ขอเพียงเจ้าหยุดร้องไห้”
“เอ่อ ข้ากับพี่หยางขอกลับไปนอนก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ เชิญท่านน้ากับคนรักพูดคุยกันตามสบายนะเจ้าคะ” ก็ง่วงแล้วนี่นา ยิ่งร้องไห้ก็ยิ่งง่วง นางเพียงหวังดีใยต้องมองแรงใส่นางด้วยเล่า “หรือไม่ก็กลับไปคุยกันตรงที่พักเถิดเจ้าค่ะ อย่างน้อยก็มีไฟให้มองหน้ากันได้ชัด” นางคิดถึงเปลอุ่นๆยิ่งนัก เสี่ยวหู่เองก็หาวแล้วหาวอีก หาวจนตัวกลม คิกคิก
“เรากลับกันก่อนก็ได้เหมยเอ๋อร์ ท่านลู่ไป๋คงอยากจะพูดคุยตามลำพังกับสหายของท่าน”
“ข้าไม่ใช่สหายของไป๋เอ๋อร์รองแม่ทัพจ้าว”
“ตอนนี้เจ้าเป็นสหายข้า!”
“ไม่เจอกันนานเจ้าลดความสัมพันธ์ของเราเหลือเพียงสหายแล้วหรือ ทั้งๆที่เราลึกซึ้งกันมากแท้ๆ” หืม หูกระดิก
“เจ้าหยุดพูดประเดี๋ยวนี้!”
“ไปกันเถิดเหมยเอ๋อร์”
“แต่ว่า...” นางยังอยากรู้นี่นา
“ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขาสองคนเถิด เจ้าง่วงมิใช่หรือ กลับไปนอนได้แล้ว คราวหน้าอย่าออกมาคนเดียวเช่นนี้อีก ถึงจะมีเสี่ยวหู่แต่พี่ก็เป็นห่วงเจ้า หากเจ้าเป็นอะไรไปพี่จะอยู่ได้เช่นไรเหมยเอ๋อร์”
“เจ้าค่ะ ข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีกแล้ว” คล้อยหลังของคู่รักกับสัตว์อสูรหนึ่งตัว ฟ่านลู่ไป๋ก็หันกลับมาจ้องเล่นงานผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักทันที อู๋อี้เทียนทำเพียงยิ้มเช่นที่เคยทำมาตลอด กับคนอื่นล่ะหน้าตายไม่รับแขก มีเพียงเขาเท่านั้นแหละที่จะได้เห็นใบหน้ายิ้มราวกับคนบ้าเช่นนี้ ให้ข้ารอตั้งหลายปีอย่าคิดว่าจะให้อภัยง่ายๆนะ
“พี่คิดถึงน้องยิ่งนักไป๋เอ๋อร์”
“อย่ามากอดข้า!”
“พี่นอนหนาวมาหลายปีแล้ว น้องจะไม่ให้พี่กอดเลยหรือ เราเป็นคนๆเดียวกันแล้วนะ ใยน้องหมางเมินพี่เช่นนี้” ฟ่านลู่ไป๋เงียบและปล่อยให้ตัวเองถูกกอดอยู่แบบนั้น แม้จะมีคำพูดที่อยากจะพูดและถามมากมายแต่พอเอาเข้าจริงๆเขากลับไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยสิ่งใดออกมา “พี่คิดถึงน้องยิ่งนักไป๋เอ๋อร์ของพี่”
“แค่พูดก็พอ มือเจ้าไม่ต้องปลดชุดข้า”
“ไป๋เอ๋อร์ พี่ต้องการน้อง”
“ปล่อย ปล่อยประเดี๋ยวนี้ เจ้าคิดว่าที่นี่เป็นโรงเตี๊ยมหรืออย่างไร ข้าจะกลับไปนอนแล้ว หากเจ้าจะนอนหลับบนต้นไม้ต่อไปก็เรื่องของเจ้า ปล่อยเลยไม่ต้องมาจับ”
“ไป๋เอ๋อร์ รอพี่ด้วย”
จิวเหมยที่กำลังจะมุดเปลนอนอีกครั้งถึงกับสะดุ้งเมื่อจู่ๆท่านน้ากับคนรักก็โผล่ออกมาจากความมืด จะว่าไปพอท่านน้าอยู่ท่านอู๋อี้เทียนแล้วช่างดูบอบบางยิ่งนัก ยิ่งมองด้านหลังเช่นนี้ยิ่งเห็นได้ชัด ไม่ต้องคิดให้มากความอีกแล้วว่าผู้ใดอยู่บนหรืออยู่ล่างกันแน่ ว่าแต่ สองคนจะนอนเปลเดี๋ยวกันได้เช่นไรนะ
“น้องนอนเถิดไป๋เอ๋อร์ พี่จะอยู่ข้างๆไม่ไปไหนอีกแล้ว”
“น้อง...พี่...ทำไมจู่ๆก็ขนลุก”
“หลิวจิวเหมย”
“นอนแล้วเจ้าค่ะ” แต่เพราะอากาศหนาวนางจึงต้องแอบเข้ามิติแล้วเอาผ้าห่มกับหมอนออกมาให้ท่านอู๋อี้เทียน หากจะนอนเฝ้าท่านน้าก็ควรจะมีที่นอนไม่ใช่นั่งพิงต้นไม้หลับไปทั้งอย่างนั้น “ในป่าเช่นนี้แม้จะผ่านช่วงฤดูเหมันต์มาแล้วแต่ก็ยังหนาวอยู่มาก ท่านอู๋อี้เทียนใช้ผ้าอีกผืนปูนอนนะเจ้าคะ มันหนาพอที่จะช่วยให้ท่านคลายหนาวได้เจ้าค่ะ”
“ขอบใจเจ้ามากสาวน้อย เจ้าเรียกข้าว่าท่านน้าเช่นที่เรียกลู่ไป๋เถิด”
“เจ้าค่ะ ข้าขอถามได้หรือไม่เจ้าคะว่าเหตุใดท่านน้าอี้เทียนถึงได้เรียกข้าว่าสาวน้อย”
“ข้าเรียกเช่นนี้ไม่ได้หรือ”
“ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ เพียงแต่ข้าไม่ได้ยินผู้ใดเรียกเช่นนี้มานานแล้ว ข้าไปนอนก่อนนะเจ้าคะ อีกไม่นานก็จะเช้าแล้ว เราต้องรีบเดินทางไปที่หมู่บ้านจินหลันกันต่อ ท่านน้าอี้เทียนจะร่วมเดินทางกับพวกเราหรือไม่เจ้าคะ”
“ข้าต้องตามดูแลลู่ไป๋ จากนี้จะไม่แยกจากกันอีกแล้ว” นางรับคำแล้วเดินไปยังเปลของตัวเอง มีเสี่ยวหู่นอนกรนอยู่ข้างล่างพร้อมกับผ้าห่มผืนใหญ่ที่ปิดตัวมันแทบไม่มิด เนื้อที่ย่างไว้ก็ต้องทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย
รุ่งขึ้นจ้าวไท่หลงที่นอนเต็มอิ่มมองคนแปลกหน้าที่อยู่ข้างๆท่านน้าลู่ไป๋อย่างแปลกใจ ท่านน้าเดินไปที่ใดก็เดินตามไปที่นั้น จะว่าแปลกหน้าก็พูดได้ไม่เต็มปากนักเพราะเขาจำได้ว่าเป็นคนที่เขากับจิวเหมยพบเมื่อครั้งเมื่อไปเก็บฟืนและเห็ดในป่า อยากจะถามว่าเป็นผู้ใดมาจากที่ใดแต่ตอนนี้ทุกคนดูยุ่งกันมาก จิวเหมยกับพี่ใหญ่กำลังช่วยกันทำมื้อเช้า ท่านน้ากับคนผู้นั้นเองก็ช่วยกันเก็บเปล เหลือเพียงเขาที่กำลังตำเครื่องเทศให้สหายเพื่อทำข้าวต้ม
“จิวเหมย”
“ถามท่านน้าลู่ไป๋เอาเอง”
“สหายของท่านน้าหรือ”
“เจ้าดูไม่ออกหรืออย่างไร คำพูดคำจาชวนขนลุกกว่าที่พี่หยางเคยพูดกับข้าเสียอีก เช่นนั้นเป็นสหายกันได้หรือ” นั่นสินะ พูดจาหวานหยดเช่นนั้นคงไม่มีสหายใดจะพูดกับสหายของตนเองได้หรอก อืม คงจะเป็นคนรักของท่านน้ากระมัง เขาไม่แปลกใจเพราะใบหน้าของท่านน้าลู่ไป๋เองก็งดงามออกปานนั้น หากจะเป็นต้วนซิ่วก็ไม่แปลก
หลังทานมื้อเช้าพวกเราก็ออกเดินทางกันต่อ ด้วยจำนวนม้าที่จำกัดทำให้ท่านน้าอี้เทียนต้องนั่งม้าตัวเดียวกับท่านน้าลู่ไป๋ ใบหน้าของคนที่นั่งซ้อนด้านหลังนั่นยิ้มกว้างเปี่ยมไปด้วยความสุขเพราะได้กอดเอวท่านน้าลู่ไป๋ไว้เต็มแขน แต่ท่านน้าลู่ไป๋ของนางนี่สิ ใบหน้างดงามนั้นหงิกหงอพยายามแงะมือปลาหมึกของท่านน้าอี้เทียนออกจากเอวอย่างไม่สบอารมณ์ นางกับไท่หลงเห็นแล้วก็ได้แต่เบือนหน้าหนีด้วยความขบขัน
“น่าจะใกล้ถึงทางเข้าหมู่บ้านแล้วนะเหมยเอ๋อร์ แต่พี่มองไม่เห็นสิ่งใดเลย”
“เหตุใดหมอกถึงได้หนาเช่นนี้ ฝนไม่ได้ตกเสียหน่อย”
“หมอกของผู้ใช้เวทย์ วิธีปกปิดตัวตนของหมู่บ้าน พวกเจ้าเห็นทางเข้าหมู่บ้านหรือไม่จิวเหมย”
“พวกท่านไม่เห็นหรือเจ้าคะท่านน้าลู่ไป๋ มันอยู่ข้างหน้าเราไปไม่เกินหนึ่งลี้เจ้าค่ะ”
“ข้าไม่เห็นสิ่งใดเลยนอกจากหมอกหนาพวกนี้” จิวเหมยขมวดคิ้ว เหตุใดมีเพียงนางที่เห็นทางเข้าหมู่บ้าน นางเห็นทุกอย่างเต็มสองตาแม้จะมีหมอกจางๆบดบังแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับการมองเห็น “เหตุใดเป็นเช่นนี้”
“มองไม่เห็นนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เจ้าที่มองเห็นต่างหากที่แปลกแม่นางหลิว เวทย์หมอกบังตานี้หากไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ใช้เวทย์ก็ยากจะผ่านหมอกหนาพวกนี้เข้าไปถึงหมู่บ้านได้ แต่เจ้ากลับมองเห็นทางเข้าหมู่บ้านได้โดยง่าย เจ้าช่างน่าสนใจเช่นที่ข้าเคยพูดจริงๆ”
“ท่านน้าอี้เทียนเห็นทางเข้าเช่นที่ข้าเห็นหรือไม่เจ้าคะ”
“หึ” บุรุษรูปงามชักกระบี่ออกมาแล้วโบกไปในอากาศ ไม่นานก็เห็นอักขระบางอย่างเกิดขึ้นก่อนที่หมอกหนาจะจางหายไป นางกับไท่หลงถึงกับอ้าปากค้างกันไปเลย เพิ่งจะเคยเห็นเซียนกระบี่ก็วันนี้
“ไม่ทราบว่าผู้มาเยือนมาจากที่ใดหรือขอรับ” นางกับไท่หลงร้องเฮ้ยออกมาอย่างตกใจเมื่อจู่ๆก็มีบุรุษชุดขาวผู้หนึ่งเอ่ยทักขึ้น ใบหน้าอ่อนเยาว์ยิ้มแย้มนั้นดูเป็นมิตรไม่น้อย “ทำลายเวทย์ของข้าได้เช่นนี้นับว่าเป็นยอดฝีมือ พวกท่านมาเยือนหมู่บ้านจินหลันด้วยเรื่องใดหรือขอรับ”
“ขออภัยขอรับ พวกเรามาจากเมืองหลวงแคว้นซาน ตั้งใจผ่านมาทางนี้เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านตามหมู่บ้านต่างๆ ข้าน้อยรองแม่ทัพจ้าวไท่หยาง แม่นางผู้นี้คือหลิวจิวเหมย บุตรสาวท่านแม่ทัพหลิวตงเฉิน และ...” พี่หยางเอ่ยแนะนำพวกนางทุกคนจนหมดแล้วกระโดดลงจากหลังม้าเดินเข้าไปหาคนผู้นั้น “ขออภัยที่พวกข้ามารบกวน แต่พวกข้ามาด้วยเจตนาดีขอรับ ไม่ทราบว่าท่านพอจะให้พวกข้าเข้าไปในหมู่บ้านได้หรือไม่ขอรับ” คนผู้นั้นหันมาสบตานางแล้วยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะเชิญพวกนางเข้าไปในหมู่บ้าน ทันทีที่ทุกคนก้าวพ้นทางเข้าหมู่บ้านเข้ามา ด้านนอกก็ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาเช่นเดิม
“ขออภัยที่เสียมารยาท ข้าน้อยกู่จูไห่ เชิญพวกท่านทางด้านนี้ขอรับ” พวกนางเดินตามกู่จูไห่ไปยังบ้านหลังหนึ่ง หลังจากเคาะประตูหน้าบ้านแล้วก็มีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินออกมา กู่จูไห่แนะนำว่าเป็นบิดาของเขา ชายวัยกลางคนมองพวกนางอย่างพินิจวิเคราะห์แล้วก็เชิญให้นั่งลงที่แคร่หน้าบ้าน มีหญิงสาวนำน้ำดื่มออกมาต้อนรับ “ท่านพ่อเป็นหัวหน้าหมู่บ้านจินหลันขอรับ ท่านพูดไม่ได้แต่อ่านออกเขียนได้ ข้าเป็นผู้ดูแลทุกอย่างภายในหมู่บ้านนี้ช่วยท่านพ่อขอรับ”
“ขออภัยที่ข้าเสียมารยาทขอเอ่ยถามเจ้าค่ะ บิดาของท่านพูดไม่ได้มาตั้งแต่เกิดเลยหรือไม่เจ้าคะ”
“หาได้เป็นเช่นนั้นขอรับแม่นางหลิว ท่านพ่อไม่เคยบอกข้าเพราะเหตุใด แต่ท่านลุงท่านป้าในหมู่บ้านเล่าให้ข้าฟังว่าช่วงที่ท่านพ่อยังหนุ่มนั้นชื่นชอบการล่าสัตว์เป็นอย่างมาก แต่วันหนึ่งหลังจากท่านพ่อเข้าป่าล่าสัตว์ออกมาท่านก็พูดไม่ได้อีกเลยขอรับ ข้าเคยถามแต่ไม่เคยได้คำตอบ”
“ลิ้นไม่ได้ถูกตัดใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่ขอรับ” เช่นนั้นก็ต้องมีอะไรสักอย่างที่ทำให้บิดาของกู่จูไห่เป็นเช่นนี้ “ข้าจะพาพวกท่านไปที่พักนะขอรับ ขออภัยหากบ้านที่ข้าพาพวกท่านไปพักนั้นทรุดโทรมไปสักหน่อย ไม่ค่อยมีผู้ใดผ่านมาทางนี้เป็นเวลานานแล้วขอรับ”
“พวกข้าอยู่ได้เจ้าค่ะ ขอเพียงให้มีที่หลบน้ำค้างยามค่ำคืนก็พอ ว่าแต่ชาวบ้านในหมู่บ้านมีมากหรือไม่เจ้าคะ ข้าเป็นหมอและตั้งใจออกท่องยุทธภพเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านทุกหมู่บ้านที่เดินทางผ่าน หรือหากที่นี่มีหมออยู่แล้วข้าก็สบายใจเจ้าค่ะที่ชาวบ้านได้รับการดูแลเป็นอย่างดี”
“ที่นี่ไม่มีหมอหรอกขอรับแม่นางหลิว พวกเราอาศัยสมุนไพรในป่าเพื่อบรรเทาอาการเจ็บป่วยเท่านั้น”
“เช่นนั้นหากข้าจะขอรักษาให้ชาวบ้านทุกคน ท่านกู่จูไห่พอจะแจ้งแก่ชาวบ้านได้หรือไม่เจ้าคะ ข้าไม่ต้องการสิ่งใดขอเพียงได้รักษาให้ทุกคนก็พอ ไม่จำเป็นต้องเอาเบี้ยหวัดมาให้ข้าเลยเจ้าค่ะ”
“หากแม่นางหลิวต้องการข้าจะไปจัดการให้ขอรับ”
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ ข้าจะตั้งโต๊ะรักษาที่ลานหน้าบ้าน รบกวนท่านกู่จูไห่เป็นธุระให้ด้วยนะเจ้าคะ” บ้านที่ท่านกู่จูไห่ให้พวกนางพักนั้นถึงจะทรุดโทรมไปสักหน่อยแต่ก็ถือว่าสภาพดีอยู่มาก ปัดกวาดเช็ดถูก็นอนได้สบาย หน้าบ้านเองก็มีลานโล่งกว้างให้นางได้ตั้งโต๊ะรักษาชาวบ้าน ถือว่าทำเลดีทีเดียว
“ขอรับ เชิญทุกท่านพักผ่อนขอรับ ข้าจะไปแจ้งแก่ชาวบ้านให้ตามที่แม่นางหลิวต้องการขอรับ” นางมองตามหลังของกู่จูไห่ไปจนลับสายตา คนผู้นี้มีพลังเวทย์ที่แข็งแกร่งมาก แต่เป็นเวทย์คนละแบบกับที่นางเรียนมาจากตำราของถ้ำสัจจะมรกต บอกไม่ได้เช่นกันว่าเป็นเวทย์แบบใด แต่ที่แน่ๆคนผู้นี้ต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่
“มีอะไรหรือจิวเหมย”
“ข้าว่าเราต้องระวังท่านกู่จูไห่เอาไว้บ้างเจ้าค่ะท่านน้าลู่ไป๋ พลังเวทย์ของเขาไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม”
“หึ คนที่ควรระวังไม่ใช่กู่จูไห่หรอก แต่เป็นบิดาของเขาต่างหาก”
“ทำไมหรือเจ้าคะท่านน้าอี้เทียน”
“เจ้าจับพลังเวทย์ของกู่จูไห่ได้ แต่จับพลังเวทย์ของบิดาเขาไม่ได้เช่นนั้นหรือสาวน้อย เวทย์สายดำที่ยากจะมีผู้ใดครอบครอง แม้จะมีพลังต่างจากธาตุเฮ่ยที่เจ้าครองแต่ก็อันตรายไม่ต่างกัน ดูเหมือนว่ากูจูไห่จะร่ำเรียนเวทย์จากบิดาของเขามามากพอดู ถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้”
“เวทย์สายดำ”
“ว่ากันว่าเป็นเวทย์สำหรับผู้ต้องการฝึกวิชามาร แต่ข้าเองก็ยังไม่เคยพบผู้ใดสำเร็จวิชามารสักคน เพราะเวทย์สายนี้หากฝึกไม่ถูกวิธีปราณในร่างจะปั่นป่วนจนแตกสลายในที่สุด ที่สำคัญคือ ไม่มีตำราสำหรับเวทย์สายนี้ อยู่ที่การลองผิดลองถูกของผู้ฝึกเท่านั้น บิดาของกู่จูไห่คงมีสิ่งต้องแลกเปลี่ยนมากพอดูถึงได้เวทย์สายนี้มา”
“ทำไมฟังดูน่ากลัวจังเล่าขอรับ”
“เช่นนั้นในป่าก็ต้องมีสักอย่างที่ทำให้บิดาของกู่จูไห่ได้เวทย์สายนี้มา ท่านน้าอี้เทียนคิดเช่นนั้นหรือไม่เจ้าคะ”
“เจ้านี่ช่างแสนฉลาดจริงๆสาวน้อย หากเรามีลูกพี่ก็อยากได้ลูกที่ฉลาดเช่นนางนะไป๋เอ๋อร์”
“มีลูก!/มีลูก!” จะมีได้เช่นไรเล่า หรือว่ายุคนี้ผู้ชายก็สามารถมีลูกได้ แต่นางไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะ
“เจ้าเพ้อเจ้อสิ่งใดอู๋อี้เทียน”
“พี่อยากมีลูกกับน้องนะไป๋เอ๋อร์” ท่านน้าลู่ไป๋มองท่านน้าอี้เทียนแบบสุดจะเอือมระอา “น้องสัญญากับพี่ว่าจะมีลูกให้พี่มิใช่หรือ ตั้งห้าคนเลยนะ หรือว่าน้องลืมสัญญาของเราแล้ว”
“ห้าคน! โอ้โห ท่านน้าลู่ไป๋จะท้องลูกห้าคนเลยหรือขอรับ เช่นนั้นทำไมไม่ท้องหกคนไปเลยเล่าขอรับ”
“จ้าวไท่หลง เจ้ายังอยากมีปากไว้ทานข้าวอยู่หรือไม่”
“เฮ้อ เราไปตั้งโต๊ะเตรียมรักษาชาวบ้านกันเถิดเจ้าค่ะพี่หยาง”
“แล้วเจ้าอยากมีลูกกี่คนเล่าเหมยเอ๋อร์ พี่อยากมีสักสามคนดีหรือไม่”
“หกคนไปเลยขอรับพี่ใหญ่ ข้าจะช่วยเลี้ยงเอง”
“เจ้าจะต้องได้อดข้าวทั้งวันเป็นแน่สหายข้า” จ้าวไท่หลงได้ยินเช่นนั้นก็หุบปากสนิทไม่กล้าพูดสิ่งใดอีก นางให้สหายกับท่านน้าทั้งสองช่วยกันเก็บกวาดบนบ้าน ส่วนนางกับพี่หยางก็หาโต๊ะกับเก้าอี้สองสามตัวเตรียมเอาไว้ ตะกร้าสำหรับใส่สมุนไพรแห้ง นางตั้งใจว่าหมู่บ้านนี้จะไม่ใช้สมุนไพรแบบเม็ดที่นางสกัดมา เช่นไรก็ต้องระวังตัวไว้บ้าง
“ชาวบ้านมากันแล้วเหมยเอ๋อร์”
“พี่หยางไปเรียกไท่หลงให้มาช่วยอีกแรงนะเจ้าคะ จะได้จ่ายสมุนไพรได้เร็วยิ่งขึ้น” กู่จูไห่เดินนำชาวบ้านเข้ามา ดูจากจำนวนชาวบ้านแล้วหมู่บ้านนี้คงใหญ่ไม่น้อย “เชิญเจ้าค่ะ ข้าอยากให้ทุกท่านเข้าแถวนะเจ้าคะ ข้าจะตรวจรักษาให้ทุกคนแน่นอนเจ้าค่ะ เชิญคนแรกเลยเจ้าค่ะ” พี่หยางมาช่วยนางจ่ายสมุนไพร ส่วนไท่หลงก็ไปทำสิ่งที่ถนัดนั่นคือจัดแถวให้ชาวบ้านที่มารอ ทั้งยังชวนคุยเพื่อให้การรอไม่น่าเบื่อนัก
“น้องมาอยู่กับสาวน้อยผู้นี้ได้เช่นไรหรือไป๋เอ๋อร์” อู๋อี้เทียนมองเด็กสาวที่กำลังตรวจรักษาชาวบ้านด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม พลังธาตุที่นางครองอยู่นั้นไม่ใช่ว่าผู้ใดจะครองก็ย่อมได้ นางต้องถูกเลือกมาแล้ว นอกจากพลังธาตุยังมีพลังเวทย์สายอื่นที่เขาคุ้นเคย เพราะเป็นเวทย์จากตำราที่ถ้ำสัจจะมรกตที่เขาเคยร่ำเรียนมา หากนางเข้าไปที่นั่นได้นับว่าไม่ธรรมดา อีกทั้งกระบี่ของไป๋เอ๋อร์ จ้าวไท่หยาง หรือธนูของจ้าวไท่หลงก็เป็นอาวุธที่มาจากถ้ำสัจจะมรกตทั้งนั้น ชักอยากรู้เสียแล้วสิว่านางเป็นผู้ใดมาจากที่ใดกันแน่ คงไม่ใช่เพียงหลิวจิวเหมย บุตรสาวท่านแม่ทัพเป็นแน่
“ข้าบาดเจ็บจนเกือบตายระหว่างเดินทางไปเมืองหลวงแคว้นซาน ได้นางช่วยชีวิตเอาไว้ จากนั้นนางก็ชวนข้าให้ทำงานอยู่กับนางจนถึงตอนนี้ ที่ข้ายึดพรรคหยกจันทราคืนมาได้ก็เพราะได้นางช่วยเหลือ นางมีบุญคุณกับข้าจนชีวิตนี้ไม่รู้จะทดแทนได้หมดหรือไม่”
“เป็นผู้มีพระคุณของน้องย่อมต้องเป็นผู้มีพระคุณของพี่ด้วย”
“เจ้าจะไม่กลับไปหรือ ที่นั่นต้องการเจ้านะอู๋อี้เทียน”
“ถึงตอนนี้ ไม่มีสิ่งใดจะสำคัญไปกว่าน้องอีกแล้วไป๋เอ๋อร์”
“ข้าต้องตามดูแลนางไปตลอดชีวิตของข้าอี้เทียน ข้าจะไม่ไปไหนจนกว่าข้าจะมั่นใจว่าผู้ที่มาดูแลนางนั้นดีพอ”
“น้องดูแลนาง พี่ก็ดูแลน้อง พี่จะไม่แยกจากน้องไปไหนอีกแล้วไป๋เอ๋อร์”
“เอ่อ หยุดเกี้ยวกันสักประเดี๋ยวแล้วมาช่วยข้าตรงนี้ได้หรือไม่ขอรับท่านน้า” อีกแล้วนะจ้าวไท่หลง!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ไท่หลงปากเจ้านี่พาจนซะจริง ๆ
ท่านน้าทั้ง2
ว้ายยยยยยยย ท่านน้าได้คู่ที่คู่ควรแล้ววววววววววว >\\\\<
ว้ายตายแล้ว ซับเลือดไม่ทันไร ไท่หลงมาขัดเขาทำไมคะลูกกกกกกกกก เดี๋ยวให้น้องเหมยหาสามีให้เลยนี่ ขัดคนเขาจะจู๋จี้กันไปทั่วเลยนะค้าาาาาา
ดีงามพระรามแปด นอกจากไม่ใช่ก้างที่มาขัดความหวานของพี่หยางกับอาเหมย ยังเป็นคนรักของท่านลู่ไป๋ชายงามมากความสามารถซะด้วย ดีใจ ท่านลู่ไป๋ได้หนุ่มรูปงามแถมเก่งมาปกป้อง ไม่ใช่พวกน่ารำคาญไร้ความสามารถ กดไลค์รัวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แต่ก้างของจริงดันเป็นน้องชายพี่หยาง ถามจริงๆนะไท่หลง อยากได้คู่บ้างมั้ย? เอาชายหรือหญิงดี? เห็นไปขัดบรรยากาศเขาทุกคู่เลยนะไท่หลง น้อยใจหราาาา กร๊ากกกกกกกก
เป็นสาววายที่หลงมาอ่านเพราะชอบความแสบและเก่งของอาเหมย และหลงรักเนื้อเรื่องๆนี้ ..........แต่พออ่านเจอคู่ท่านน้าลู่ไป๋ กรี๊ดดดค่า กรี๊ดดดดด ขอบคุณนะคะ ขอบคุณมาก!!! ขอบคุณที่มีมาให้เราชื่นตาชื่นใจซักคู่ มีชายชายให้ชื่นตาบูชาใจดวงน้อยๆของเราแล้วปรื้มปริ่ม ขอติดตามไรท์เลนค่ะ กรี๊ดดด
ท่านน้าน่ารักขนาดนี้ไม่ได้อยู่บนแน่นอนคับ ถถถถถถถถถถถถ
นี่เป็นผู้ชายแท้นะ แต่ถ้าเจอคนจริงใจยอมสละยศตำแหน่งและทำเพื่อผมขนาดนี้แบบท่านน้าลู่ไป๋ ช่างผู้หญิงเลย แล้วเอาคนแบบนี้เป็นคู่ชีวิตดีกว่า ผมยอมมองข้ามเพศเลยว่ะ ลู่ไป๋คนจริง2019!!!!!!!!!!
นี่คงสละทุกอย่าเพราะกลัวมี-แก่ข้างใสพรรคมากีดกันแหง
เดี๋ยวออกค่าสินสอดให้ อุ้มเข้าหอเลยท่านอู๋อี้เทียน!!!!!!!!!!!!!!!
ห้ามมาคว่ำเรือนะ แบบนี้ออกจะฟินดี จิวเหมยก็ดูจะเป็นสหายชายวายเหมือนกัน ตั้งแต่สหายท่านน้าละ 55555+
จิวเหมย เราจะฟินไปด้วยกันนน
คือดีอะ ก็ว่าตามมาดูทำไมมมน้า
ที่แท้ก็another half ท่านน้านี่เองงงง
น่ารักเว่ออออ
รอค่ะรอ