ตอนที่ 6 : ตอนที่ 1.3
ตอนที่ 1.3
“บ้าฉิบ...จะไปตายที่ไหนก็ไปซะ!”
อเล็กซ์เอ่ยเท่านั้นเสียงหวานๆ ก็ดังมาจากทางหน้าประตู
“พันช์ เองค่ะคุณอเล็กซ์ ป้านิ่มบอกว่า...”
“พันช์หรือ อยู่ตรงนั้นก่อน รอสักครู่”
อเล็กซ์เอ่ยแล้วถอนใจแรงๆ ดวงตาที่สบญาดารัตน์ทำให้หญิงสาวตัวสั่นสะท้าน เมื่อประกายร้อนแรงและคุกรุ่นไปด้วยไฟปรารถนายังไม่จางหายไปจากเขา แม้จะมีเสียงระฆังมาหยุดยั้งเอาไว้ อเล็กซ์เอามือเสยผมลวกๆ และจ้องเธอเขม็ง ดวงตาสีสนิมเจือทองดูเหมือนสายตาของนายพรานมือฉมังที่ยังไม่จบเรื่องกับกวางสาวดี
“มานี่”
เสียงห้าวเอ่ยจบก็ฉุดเธอจากเตียง และลากหญิงสาวเดินไปด้วยกัน แล้วญาดารัตน์ก็หน้าแดงก่ำเมื่อเขาดึงผ้าคลุมของเธอออก จนหญิงสาวเปลือยกายหมดทั้งร่าง จากนั้นก็หยิบชุดคลุมสีน้ำเงินออกมาจากตู้แล้วสวมให้กับเธอ โดยผูกเชือกให้อย่างอ้อยอิ่งมาก และทันทีที่เขาจับเธอเปลี่ยนผ้าปกปิดกายเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็รีบสะบัดศีรษะออก เมื่ออเล็กซ์เอามือมาวางแหมะบนหัวแล้วโคลงศีรษะเธอไปมา ตามด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ อย่างขบขัน
“ไม่เห็นจะตลกตรงไหนเลย ฉันไม่ได้ตัวเล็กนะ แต่คุณต่างหากล่ะที่ใหญ่อย่างกับยักษ์ สภาพของฉันในตอนนี้มันก็เลยเหมือนเด็กทารกจมลงไปในกองเสื้อผ้าแบบนี้”
หญิงสาวเอ่ยเสียงขึ้นจมูกเมื่อชุดคลุมที่เขาสวมให้มันยาวลากพื้นและใหญ่โตมาก แต่แล้วก็หน้าแดงก่ำเมื่อเขาช้อนปลายคางเธอขึ้น บังคับให้ประสานกับสายตาที่กำลังก้มลงมองสำรวจทั่วทั้งดวงหน้าเธอ
“ยักษ์ใหญ่กับอาราเล่น้อยน่ะเหรอ แต่นั่นมันก็ไม่ได้น่ากลัวใช่ไหม เพราะถึงแม้ว่าฉันจะตัวโตกว่าแต่ก็มีบางสิ่งบางอย่างที่เราเข้ากันได้ดีมาก และฉันก็ไม่เคยรู้สึกอึดอัดใจแม้แต่น้อยเลยเมื่อมีเธอใกล้ชิดติดตัวแบบนี้”
จบคำนั้นญาดารัตน์ก็แก้มแดงปลั่ง เมื่อเขาไม่พูดเปล่า แต่ใช้มือหนาเกาคางอย่างหยอกเย้าราวกับว่าเธอคือเหมียวน้อยแสนรักของเขา และก่อนที่หญิงสาวจะค้อนให้เขาจนหน้าคว่ำไปมากกว่านี้ อเล็กซ์ก็ก้มลงมาจุมพิตที่ปลายจมูกเบาๆ ก่อนจะเดินหนีไปเปิดประตู ญาดารัตน์จึงพาตัวเองไปนั่งบนเก้าอี้ริมห้องอย่างเงียบๆ เพียงไม่นานเขาก็เดินกลับเข้ามาพร้อมสาววัยอ่อนที่สวยมาก รูปร่างดีสุดๆ และดูเหมือนว่าหล่อนจะเป็นคนไทยเหมือนกันกับเธอเสียด้วย หญิงสาวตัวเกร็งเมื่ออเล็กซ์เดินมายืนเยื้องหลังแล้ววางมือลงมาบนบ่าเธอ
“นี่คือพันช์หรือพรรณราย เขาเป็นหลานสาวของป้านิ่ม พันช์อยู่กับฉันมาห้าปีแล้ว รู้จักกันไว้เสียสิ”
สิ้นคำแนะนำนั้น ทั้งสองก็ยิ้มทักทายกัน ญาดารัตน์ขมวดคิ้วเมื่อเห็นพันช์มองเธอไม่ค่อยเต็มตานัก แถมยังมีท่าทางอึกๆ อักๆ
“เอ่อ...แปดปีแล้วค่ะคุณอเล็กซ์ พันช์มาอยู่ที่เกาะแดร์เดฟเวิลตั้งแต่ตอนสิบขวบแล้วนะคะ ส่วนตอนนี้ก็อายุสิบแปดปีแล้วค่ะ”
คำอธิบายพร้อมดวงตาที่หลุบลงทำให้อเล็กซ์หัวเราะเบาๆ
“อืม...แปดปีก็แปดปี แล้วฉันจะพยายามจำใหม่นะ แต่ที่เรียกเธอมานี่ก็เพราะอยากจะให้ช่วยเหลืออะไรบางอย่าง คือว่า...”
อเล็กซ์เอ่ยภาษาไทยคล่องปร๋อจนน่าทึ่ง แต่แล้วก็มาสะดุดเมื่อเขาก้มลงมองหน้าเธออย่างงงๆ ญาดารัตน์เห็นคิ้วเข้มสีดำขมวดเข้าหากันอย่างยุ่งยากใจอยู่พักหนึ่ง ต่อมาเขาก็ไหวไหล่
“ญาญ่าเพื่อนร่วมห้องของฉัน เธอไม่ได้พกเสื้อผ้าติดตัวมาเลยสักชุด ฉันก็เลยอยากจะให้เธอเรียกช่างมาที่นี่เพื่อตัดชุดให้เขาหน่อย เอาสักห้าสิบชุดก่อนก็ได้ แต่ที่สำคัญต้องมีชุดอยู่บ้าน ชุดออกงาน และชุดว่ายน้ำ เอ่อ…และที่สำคัญต้องไม่ลืมชุดชั้นในและชุดนอนลื่นๆ บางๆ จะได้นอนหลับสบาย”
คำพูดตอนท้ายและการมองเธอด้วยดวงตาปรอยๆ นั้นทำให้ญาดารัตน์แก้มร้อนขึ้นมาอีกหน หญิงสาวชักจะนั่งไม่ติดเมื่อนึกถึงจำนวนเสื้อผ้าที่เขาบอกให้พรรณรายสั่งให้เธอ ถ้ามันเยอะถึงห้าสิบชุด แถมมีให้ใส่ครบทุกงาน นั่นย่อมหมายความว่าเธอจะยังไม่ถูกปล่อยตัวในเร็ววันนี้แน่ เพราะอเล็กซ์ใช้คำว่า ‘เอาสักห้าสิบชุดก่อนก็ได้’ นั่นย่อมแสดงว่าเสื้อผ้าเธออาจมีมาเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ เป็นการติดแหง็กที่ไร้อนาคตสิ้นเชิง ขณะที่กำลังคิดอยู่ว่าอเล็กซ์จะเอาอย่างไรกับเธอกันแน่นั้น เสียงหวานละมุนของพรรณรายก็ดังขึ้น
“เอ่อ…คุณอเล็กซ์จะให้ช่างตัดเสื้อมาที่นี่เลยหรือคะ แต่ทุกทีพันช์จะแจ้งให้เขาไปที่…”
“ญาญ่าต้องอยู่ที่นี่ และเขาอยู่ในช่วงโดนกักบริเวณ เพื่อป้องกันไม่ให้ไปก่อเหตุวุ่นวายกับชีวิตแต่งงานของดุ๊กอีกได้ ช่างเลยต้องมาวัดตัวที่นี่!”
“ค่ะ” พรรณรายรับคำ พยายามมองสองคนให้น้อยที่สุด ความรู้สึกในตอนนี้ยากจะอธิบายนัก อเล็กซ์คือผู้อุปถัมภ์และเปรียบดังผู้ปกครองเจ้าชีวิตของเธอ และเขากำลังให้ความสำคัญกับผู้หญิงที่ไม่พร้อมจะเอาใจใส่เขาเลย นอกจากสายตาที่เป็นปรปักษ์ เขาไม่สมควรได้รับความกระด้างกระเดื่องแบบนี้จากผู้หญิงคนไหน เพราะว่าเขาเป็นคนที่เธอเทิดทูนบูชามากกว่าใคร
“เขาชอบใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์แบบง่ายๆ ดูไว้หลายๆ ชุดหน่อย ส่วนเสื้อยืดเอาที่ใส่พอดีตัว ขอแจ๊คเก็ตหนังกับยีนส์ให้เขาด้วย อันนี้จัดเป็นรายการนอกเหนือจากชุดที่ให้ตัดห้าสิบชุด ที่เหลือขอเป็นเสื้อกระโปรงสวยๆ และพวกชุดค็อกเทลที่เหมาะกับตัว เดรสที่เข้ากับตัว พวกชุดแนวโบฮีเมียนก็ได้ ฉันว่ามันดูเข้ากับตาโตๆ เฉียงๆ ดูลึกลับของเขาดี”
“รับทราบค่ะ”
จบคำนั้นญาญ่าก็อึดอัดเมื่อถูกมองอย่างพินิจจากคนสองคน
“จบเรื่องแล้วละ จำเอาไว้ด้วยนะว่าระหว่างนี้อย่าให้เครื่องมือสื่อสารใดๆ กับเขา ฉันยังไม่มั่นใจ”
“เรื่องนั้นป้านิ่มบอกพันช์เรียบร้อยแล้วค่ะ แต่มีอีกเรื่องตอนที่คุณอเล็กซ์ไม่อยู่ คือว่าแม่ม่ายคนนั้นมาโวยวายเรื่องเด็กในท้องกับคุณอเล็กซ์อีกแล้ว”
คำพูดพร้อมสายตาที่แฉลบมาทางญาดารัตน์เหมือนจะบอกเธอโดยตรงและมีความสะใจหน่อยๆ นั้นทำให้หญิงสาวรู้สึกประหลาดใจ
“เหลวไหล! ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ท้องหรอกน่า” อเล็กซ์เอ่ยพลางโคลงศีรษะ ดวงตาคมกริบสีสนิมเปล่งประกายรู้ทัน “ถ้าเขาท้องขึ้นมาจริงๆ ก็คงเกิดขึ้นหลังจากที่ฉันออกจากเกาะไปแล้ว แต่เธอพูดออกมาแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะพันช์ ในเมื่อหล่อนยังเล่นไม่เลิกและพยายามจะดึงฉันออกมาจากความโสดให้ได้อย่างนี้ ฉันก็จะไม่โสดเพื่อให้หล่อนมีความหวัง” อเล็กซ์เอ่ยแล้วกระตุกยิ้มร้าย และปรายตามองมาทางญาดารัตน์แว่บหนึ่ง “ไม่แน่นะ การที่ฉันยอมทิ้งความโสดในครั้งนี้ อาจได้ประโยชน์สองอย่างไปเต็มๆ ก็ได้ หนึ่งพ้นจากบ่วงรักกับดักแม่ม่าย และสองฉันก็จะได้มีสิทธิอำนาจในการบังคับใครบางคนไม่ให้กลับไปก่อความวุ่นวายกับดุ๊กได้อีก”
“คุณอเล็กซ์!”
“นี่คุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่น่ะ”
สองเสียงที่ดังขึ้นพร้อมกันนั้นทำให้อเล็กซ์เลือกที่จะหันไปมองสตรีแค่คนเดียว ขณะที่พรรณรายหน้าซีดเผือดลง ร่างระหงสมส่วนเซน้อยๆ แล้วหญิงสาวก็เบิกตากว้างเมื่อเสียงของอเล็กซ์ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“เพื่อจบปัญหาการถูกตามล่าครั้งนี้ ฉันจะแต่งงานกับญาญ่า!”
“ไม่!”
เสียงปฏิเสธหนักแน่นนั้นทำให้พรรณรายโล่งใจ แต่ไม่นานเธอก็ยืนตัวแข็งทื่อ เมื่อเสียงของคนที่เธอเทิดทูนบูชานั้นแข็งขึงอย่างไม่ยอมรับการปฏิเสธใดๆ ทั้งสิ้น
“เธอปฏิเสธอะไรในถิ่นของฉันไม่ได้หรอกนะญาญ่า” เสียงเยียบเย็นเปล่งออกมาจากริมฝีปากบางเฉียบได้รูปสวย ก่อนที่มันจะกระตุกยิ้มร้ายกาจใส่ “เรื่องที่ฉันประกาศออกมาไม่ได้ขอร้อง หรือต้องการความเห็นชอบจากใครทั้งสิ้น มันเป็นเจตนาของฉัน และแน่นอนว่านี่คือสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้น!” เสียงทุ้มกังวานไปด้วยพลังอำนาจ แล้วรอยยิ้มชั่วร้ายก็คลี่กว้าง ในขณะที่ดวงตาคมเจือทองนั้นเต็มไปด้วยความเผด็จการ
“อยู่ที่นี่เธอต้องเรียนรู้ที่จะปฏิบัติตามความสะดวกใจและพอใจของฉันเป็นที่ตั้ง การแต่งงานกับเธอมันก็เหมือนการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวนั่นแหละ หนึ่ง ฉันจะได้ยุติเรื่องน่ารำคาญอันเกิดจากชะนีม่ายผู้หิวโหยการวิ่งล่าหาสามีเสียที และสอง เธอก็จะเป็นของฉัน ภรรยาสาวผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของสามี ชนิดที่กระดิกตัวไปไหนไม่ได้เลย!”
“จะบ้าเหรอ คุณคิดจะมาบังคับฉันแต่งงานง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้นะ” ญาดารัตน์ร้องอย่างตกใจ เห็นอีกฝ่ายทำเพียงเลิกคิ้วสูง ไหล่กว้างไหวขึ้นอย่างไม่ยี่หระ แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาไม่สนใจความคิดของเธอ
“อเล็กซ์ฟังนะ ฉันไม่สนใจความลำบากของคุณหรอก และที่คุณเจอแบบนี้คุณต้องถามตัวเองแล้วละว่าไปให้ความหวังอะไรกับม่ายสาวคนนั้นไว้ คุณก็ต้องกลับไปแก้ให้ถูกจุด และถ้ามันจะทำให้คุณเลิกคิดทำอะไรบ้าๆ และยัดเยียดตำแหน่งสามีถาวรให้กับฉันละก็ ฉันขอสัญญาตรงนี้เลยก็ได้ว่าจะไม่หนี คุณเลิกระแวงว่าฉันจะทำลายชีวิตแต่งงานของดุ๊กเสียที เกรซคือเพื่อนที่ฉันรักมาก และเมื่อเขาเข้าใจกันดีแล้ว ฉันจะไม่เข้าไปแทรกแซง”
ญาดารัตน์เอ่ยออกมาด้วยคำมั่น แล้วก็สะอึกกับประโยคถัดมา
“ฉันไม่ขอลดตัวไปเจรจาใดๆ กับเชลยทั้งสิ้น และฉันจะไม่เปลี่ยนใจเมื่อตัดสินใจแล้ว ที่สำคัญอีกอย่าง ถ้าจะมีใครท้องกับฉันสักคน มันก็คงจะเป็นเธอนั่นแหละที่ฉันไม่ได้ป้องกัน”
คำประกาศย้ำความสัมพันธ์นั้นทำให้ญาดารัตน์หน้าชา หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองไปทางหน้าหวานๆ ของพรรณราย เห็นอีกฝ่ายยืนอึ้งแววตาหมองหม่น และมันก็ทำให้เธอดวงตาสว่างวาบ เมื่อเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา ตายแล้ว! แม่สาวน้อยแสนหวานที่ยอมตัวเป็นข้ารับใช้ผู้จงรักภักดีต่ออเล็กซ์นั้น ต้องแอบหลงรักเขาอยู่แน่ๆ และก่อนที่เธอจะค้นคว้าหาคำตอบได้มากกว่านี้ ก็ต้องหัวเสียเมื่ออเล็กซ์เริ่มจะเลอะเทอะคิดไกลไปกันใหญ่แล้ว นี่พรรณรายคงจะปวดใจหนักมาก เมื่อแผนการคิดจะกวนใจเธอเรื่องผู้หญิงอื่นทำให้อเล็กซ์เกิดบ้าคิดจะใช้เธอบังหน้าเพื่อจะกันตัวเองออกจากสาวๆ ที่ต้องการพรากความโสดออกไปจากเขาอย่างจริงจัง
++++++++++++++++++++++++++++
จบตอน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
