ตอนที่ 27 : MY ONLY 1 | 11 : ดวงจันทร์ของผม [1]
สุ่มแจกอีบุคจากคอมเม้นท์ค่ะ
11: My moonlight
17.40 น.
ในวันนี้เจ้าจันทร์กลับจากที่ทำงานมาถึงบ้านตั้งแต่ห้าโมงเย็น ซึ่งหญิงสาวเองก็จัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าตนเองให้เรียบร้อยเพราะอากาศวันนี้อบอ้าวมาทั้งวันคลับคล้ายคลับคลาว่าฝนจะตก ในเวลานี้มีเพียงเธอที่อยู่บ้านส่วนคนอื่นก็ยังไม่กลับ
เหมือนว่ามันควรจะเป็นเรื่องที่เคยชินสำหรับณภัทรที่มักกลับบ้านช้าแบบนี้ทุกครั้ง เจ้าจันทร์ไม่ควรให้ความสนใจแล้วใช้ชีวิตของตัวเองไป แต่ว่าวันนี้กลับแตกต่างออกไป เธอเฝ้ามองคนทุกคนที่เดินผ่านหน้าบ้านจากหน้าต่างห้องนอนตนเองอยู่แทบทุกนาที
ทำไมจะต้องเฝ้ารอเขากลับมาด้วยนะ หญิงสาวไม่เข้าใจตัวเองสักเท่าไหร่
เสียงโทรศัพท์ที่บอกว่ามีสายเรียกเข้าทำให้เจ้าจันทร์ละสายตาออกจากหน้าต่างแล้วเข้าไปคว้าวัตถุต้นเสียงนั้นขึ้นมากดรับสาย
“ค่ะ คุณพ่อ”
[สัปดาห์หน้าเรามีงานเลี้ยงกัน ไม่ได้ลืมใช่ไหมคะ] ปลายสายคือบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเอง
“ไม่ลืมแน่นอนค่ะ ยังไงจันทร์ก็จะกลับไปงาน”
เพราะในทุกๆ ปี ที่บ้านของเธอจะมีงานเลี้ยงฉลองรวมญาติอยู่หนึ่งครั้ง คล้ายกับวันปีใหม่แต่เราแค่มีวันเป็นของตัวเอง ครอบครัวอัศวเมฆาธีร์ค่อนข้างใหญ่มีเชื้อสายหลากหลายครอบครัวที่แยกออกไป สายตรงของอัศวเมฆาธีร์ความจริงแล้วเป็นผู้ที่มีอิทธิพลค่อนข้างมาก แต่ว่าบ้านของเธอเป็นเพียงสายรองเท่านั้น แล้วงานที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้าคือการรวมทุกสายเข้าด้วยกัน
เจ้าจันทร์ไม่ค่อยเข้าใจว่าจุดประสงค์ของงานคืออะไร แต่เธอก็คิดว่ามันสนุกดี
[จองตั๋วเครื่องบินหรือยัง พ่อจะจองให้]
“มาพูดแบบนี้แสดงว่าจองให้แล้วแน่เลย”
ผู้เป็นพ่อหัวเราะผ่านสายออกมาเล็กน้อยเมื่อลูกสาวรู้ทัน
[อืม ส่งไปให้ในอีเมลแล้วค่ะ มีสองใบ]
คำว่าสองใบนั่นทำให้หญิงสาวขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยเข้าใจนักเท่าไหร่ “ทำไมมีสองใบคะ ให้เจ้าตะวันเหรอ? แต่ว่าตะวันจะไปกับปรางนี่”
ใช่แล้ว ยังไงก็ไม่น่าจะใช่ของพี่ชายฝาแฝดเธอ เพราะเขาก็ต้องไปกับครอบครัวของเขาสิ เขาไม่ได้ตัวเปล่าและเป็นแค่พี่ชายเธออย่างเดียวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
[ให้จันทร์มากับนะต่างหาก]
“ณภัทร?” หญิงสาวยิ่งสงสัยมากกว่าเดิมเมื่อได้รับคำตอบ
[ใช่ พ่อดูแล้วว่านะว่าง ให้นะพามา]
“จันทร์จะกลับบ้านนะคะ บ้านก็บ้านของจันทร์ ทำไมต้องมีคนพามา”
[ก็พ่อเชิญคุณภัสสรเขามาด้วย แต่เขาไม่สะดวกเลยจะให้นะมาแทน พ่อก็เลยคิดว่าให้มาด้วยกันเลย] คำตอบของผู้เป็นพ่อทำให้เจ้าจันทร์ลอบถอนหายใจเบาๆ
“ทำไมจันทร์ต้องไปกับเขาด้วย”
[ก็จะเป็นอะไร ตอนนี้ก็อยู่บ้านเดียวกัน ตอนมาก็มาด้วยกันจะได้กลับด้วยกันไง สะดวกออก]
ไม่สะดวกใจเธอน่ะสิ แต่จะขัดอะไรได้ในเมื่อพ่อของเธอเล่นซื้อตั๋วไว้ให้แล้วแบบนี้
“ค่ะ ก็ได้ค่ะ งั้นไว้เจอกันสัปดาห์หน้านะคะ”
[พ่อคิดถึงหนูนะคะ]
“คิดถึงพ่อเหมือนกันค่ะ”
หลังจากที่สายถูกวางไป เจ้าจันทร์ก็กดเข้าไปเช็คข้อความในอีเมล โดยข้อความล่าสุดเป็นรายละเอียดการจองตั๋วจากสายการบินหนึ่งที่ส่งมาจากผู้เป็นพ่อ แถมยังเป็นชื่อของเธอกับณภัทรจริงๆ ด้วย
เจ้าตัวยังไม่กลับบ้านเลยด้วยซ้ำ แถมยังมีวี่แววว่าจะกลับดึกอีกต่างหาก ถ้าจะคุยเรื่องเดินทางก็คงต้องเป็นวันพรุ่งนี้แทน
22.00 น.
เวลาสี่ทุ่มตรง เสียงเปิดประตูรั้วหน้าบ้านก็ดังขึ้น เจ้าของร่างเล็กที่กำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงจึงพับปิดหนังสือแล้ววางมันไว้ด้านข้างตัว เธอลุกขึ้นยืนแล้วทอดสายตามองผ่านหน้าต่างด้านข้างเตียงนอนไปยังด้านล่างก่อนจะพบกับเจ้าของร่างสูงที่เพิ่งกลับอยู่ตรงนั้น
และเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวว่าถูกแอบมองอยู่ เขาจึงเงยหน้าขึ้นมาที่หน้าต่างห้องเธอก่อนจะได้สบตากันในที่สุด ณภัทรยิ้มให้หญิงสาวก่อนจะพูดขึ้นมาจากด้านล่าง
“ลงมามองกันตรงนี้ก็ได้ครับ ไม่ต้องแอบหรอก”
“ฉันไม่ได้แอบนะ” คนที่เพิ่งโดนจับได้มองค้อนใส่อีกฝ่ายก่อนจะรีบดึงปิดหน้าต่างแล้วดึงผ้าม่านเข้าหากัน แล้วหนีกลับมานั่งบนเตียงตามเดิม
เจ้าจันทร์หยิบหนังสือเล่มเดิมขึ้นมาอ่านต่อจากหน้าที่ค้างไว้โดยทำทีไม่สนใจเขาอีกต่อไป แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ยังได้ยินเสียงฝีเท้าของณภัทรที่เดินขึ้นบันไดมาแล้วเปิดประตูห้องของเขา พอเป็นเช่นนั้นหญิงสาวจึงนึกหงุดหงิดตัวเองว่าทำไมจะต้องไปสนใจอีกคนถึงขนาดนี้ด้วย
หรือว่าเธอควรจะนอน? เผื่อจิตใจจะได้เลิกฟุ้งซ่าน
หลังจากที่คิดได้ ร่างเล็กจึงรีบลุกขึ้นไปปิดไฟห้องให้ดับสนิทแล้วเดินกลับทิ้งตัวลงซุกผ้าห่มบนเตียง เธอพยายามที่จะข่มตาให้หลับ ซึ่งมันยากมากเนื่องจากเวลาสี่ทุ่มนั้นเร็วเกินไปสำหรับเธอ ที่แย่ยิ่งไปกว่านั้นคือพอได้หลับตาหญิงสาวกลับมีภาพในหัวที่ฟุ้งซ่านกว่าเดิม ในหัวนั้นมีแต่เรื่องของณภัทรทั้งสิ้น จนอยากจะบ้าตาย
30 นาทีต่อมา
ร่างบางพลิกกายไปมาอยู่แบบนั้นจนกระทั่งเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็ไม่มีวี่แววว่าจะง่วงนอนเลยสักนิด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะห้องของเธอดังชัดเจนทำให้หญิงสาวลุกขึ้นมานั่งบนที่นอนพลางทอดสายตาผ่านความมืดไปที่ประตูอย่างประหลาดใจ
“มีอะไร” เจ้าจันทร์ตะโกนออกไป
“ผมมีปัญหานิดหน่อยน่ะ” เสียงของชายที่อยู่หน้าห้องตอบกลับมา
เธอเดินไปเปิดไฟพร้อมกับเปิดประตูห้องเพื่อคุยกับอีกฝ่ายตรงๆ
“มีอะไร รีบพูดฉันจะนอนแล้ว”
“ผมก็จะนอนแล้วเหมือนกัน” ณภัทรในตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อยืดกับกางเกงตัวยาวตามปกติที่เขาจะใส่นอนทุกคืน แต่ถ้าหากจะนอนแล้วทำไมตอนนี้ถึงได้มาอยู่หน้าห้องของเธอ
“แล้วมีอะไร”
“คือว่าแอร์ห้องผมมันเสียน่ะ ห้องร้อนมากผมนอนไม่ได้” เขาตอบพร้อมกับชี้ไปที่ห้องฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นห้องของเขาเอง “ไม่เชื่อคุณจะไปดูก็ได้นะ”
“ไม่ไป แล้วยังไง นายจะมานอนห้องฉันหรือไง” เจ้าจันทร์แค่ถามไปอย่างนั้น เธอไม่ทันคิดหรอกว่ามันจะเป็นจริง
“ใช่”
“ไม่ได้” ไวกว่าความคิดคือการปฏิเสธที่แทบจะทันที “ตามช่างสิ”
“โห สี่ทุ่มกว่าแล้วนะคุณ ช่างที่ไหนจะมา”
“งั้นก็นอนแบบนั้นไปนั่นแหละ”
“นี่คุณจะใจร้ายให้ผมนอนในห้องร้อนๆ ในวันที่อากาศแบบนี้จริงเหรอ แค่คืนเดียวเอง” สายตาของเขาเต็มไปด้วยความน่าสงสารจนเธอเริ่มไขว้เขวไปเล็กน้อย
“ที่ห้องไม่มีพัดลมหรือไง”
“มีครับแต่ไม่ได้ใช่นาน มันพังแล้วมั้ง”
ที่ห้องของเขามีอะไรบ้างที่ยังไม่พังกันนะ!
ในขณะที่เจ้าจันทร์กำลังคิดหาหนทางออกทางอื่นอยู่นั้น ณภัทรก็พูดต่ออีกว่า “ผมเหนื่อยมากเลยอะ วันนี้ผมแทบไม่ได้พักเลยนะ”
หน้าตาของร่างสูงดูอิดโรยเล็กน้อย เขาดูเหนื่อยเหมือนที่พูดจริงๆ ดูเหมือนว่าชีวิตของนักศึกษาแพทย์มันจะหนักหนามากโขอยู่ นั่นจึงทำให้หญิงสาวเริ่มใจอ่อนลง
“ก็ได้”
เมื่อเธอยินยอม จากหน้าตาที่อิดโรยก็เปลี่ยนเป็นสดใสยิ้มแย้มทันทีราวกับปาฏิหาริย์ อีกคนทำทีจะเดินเข้ามาภายในห้องหลังจากที่ได้รับอนุญาตแต่เจ้าจันทร์ต้องรีบขวางเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยวสิ นายไม่ไปเอาหมอนกับที่นอนในห้องมาล่ะ ในห้องฉันไม่มีที่นอนมาปูให้นายหรอกนะ”
“ทำไมต้องปูที่นอน บนเตียงคุณที่ตั้งกว้าง”
ร่างเล็กเบิกตากว้างเมื่อได้ยินที่เขาบอก นี่เขาคิดจะขึ้นเตียงเธอเลยเหรอ
“ให้เข้ามานอนในห้องไม่ได้แปลว่าจะให้นอนบนเตียงด้วยนะ ไปเอาที่นอนเลยไม่งั้นฉันไม่ให้อยู่ด้วย” เจ้าจันทร์ยื่นคำขาด
“ผมนอนบนเตียงด้วยไม่ได้เหรอ”
Castle-G's Talk
เจ้าคนนี้มันต้องคิดไม่ดีแน่ๆ!! พังจริงหรือแกล้งพังฮะ
ร้ายมาก ร้ายเกินจะทน ร้ายไม่ไหว //หยิบไม้แขวนเสื้อเกียมฟาด
มาหวีดติดแท็ก #ณเจ้าจันทร์
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แปลงร่างเป็นคนอึนมึนเล่ห์ร้ายยยยชั่วข้ามคืน..คืนนั้น