ตอนที่ 2 : MY ONLY 1 | 01 : หนึ่งคนเกลียดหนึ่งคนรัก [1]
- Castle-G -
01
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว
“พ่อแม่ต้องคิดลงโทษจันทร์แน่เลย” หญิงสาวบ่นอุบในขณะที่มือทั้งสองกำลังลากรถเข็นที่ใส่กระเป๋าเดินทางเอาไว้หลายใบ
ในขณะเดียวกันข้างกายของเธอก็มีร่างสูงของเจ้าตะวันผู้เป็นพี่ชายฝาแฝดกำลังเข็นรถช่วย หลังจากที่เครื่องลงจอดยังสนามบินดอนเมืองแล้วเขามารับเธอที่สนามบิน น้องสาวสุดที่รักก็ยังไม่เลิกบ่นเสียที ชายหนุ่มคิดว่าถ้านั่งเครื่องมาด้วยกันก็คงจะบ่นมาตั้งแต่สนามบินเชียงใหม่นู่นเลย
“แล้วจะลงโทษเรื่องอะไร”
“ก็พวกเขาคิดว่าฉันชอบรังแกไอ้เจ้าณภัทรไง เลยจะจับฉันมาอยู่บ้านหลังเดียวกับหมอนั่น” เจ้าจันทร์ถอนหายใจ แค่เธอนึกว่าจะต้องได้เจอหน้าผู้ชายคนนั้นอยู่ทุกวันภายใต้ชายคาเดียวกันเธอก๊อกจะแตกตาย
“อ้าว แล้วจันทร์ไม่ได้รังแกเขาจริงๆ เหรอ” ผู้เป็นพี่ชายหัวเราะขำ
“นี่วันก็เป็นอีกคนที่หลงเชื่อในความดีเสแสร้งนั่นเหมือนกันเหรอ วันต้องเข้าข้างจันทร์สิ เราเกิดมาด้วยกันและสัญญาจะปกป้องกันไม่ใช่เหรอ”
“เห้ยใจเย็น ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย” เจ้าตะวันยกมือขึ้นมาเพื่อปรามน้องสาวจากนั้นเขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ถ้าไม่ชอบหน้าเขาก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเขาดิ อย่างน้อยป้าภัสสรเขาก็ใจดีจริงๆ นะ”
“ก็รู้น่า แต่มันก็ยังทำใจไม่ได้นี่”
“จันทร์เกลียดอะไรไอ้นะมันนัก”
“ก็เขาไม่ใช่คนดีอะ” สาวเจ้ายังคงยืนยันคำเดิม
ตอนนี้ทั้งสองคนเดินมาถึงบริเวณรอรถกันแล้วซึ่งจะมีรถตู้มารับไปส่งที่บ้านเป้าหมาย ก่อนจะที่ได้แยกย้ายร่ำลากันสองพี่น้องฝาแฝดจึงหยุดคุยกันต่ออีกสักพัก
“วันไม่รู้ว่าจันทร์เกลียดอะไรนะ แต่ถ้าไอ้นะมันทำอะไรจันทร์ก็บอกวันได้”
“อื้ม ไปหาได้ใช่ไหม”
“ได้สิ” เจ้าตะวันพยักหน้า “งั้นวันมารับมาส่งแค่นี้นะ แน่ใจใช่ไหมว่าจะไม่ให้พาไปถึงที่บ้านนั้นด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอก บ้านนั้นอยู่ห่างจากที่อยู่ของตะวันมากเลยนะ เสียเวลาเดินทางเปล่าๆ กว่าจะไปจะกลับ มาหาแค่นี้ก็ดีแล้ว” เจ้าจันทร์มองกระเป๋าสัมภาระของตัวเองที่กำลังถูกคนมาขนย้ายขึ้นใส่รถตู้แล้วก็หันมาสบตากับพี่ชายอีกครั้ง “ไปนะ”
“โชคดี ขอให้ผ่านการฝึกงานแล้วได้ไปญี่ปุ่น”
“งั้นไว้มีวันหยุดจะไปหานะ” ร่างบางยกมือขึ้นมาโบกลาเล็กน้อย ซึ่งก่อนจะไปก็ยังไม่วายพูดถึงหลานชายตัวน้อย “อยากไปหาเจ้าปัถย์ด้วย ป่านนี้คิดถึงอาจันทร์แย่แล้ว”
“เออ ไปได้แล้วเดี๋ยวจะค่ำก่อน”
ณ บ้านจารุวิรงภักด์
หลังจากที่ใช้เวลาเดินทางร่วมสองชั่วโมงเต็มจากสนามบินมายังเป้าหมาย เจ้าจันทร์ก็ลงจากรถด้วยท่าทีเหนื่อยล้า เธอรู้สึกเสียใจที่ไม่เดินทางมากรุงเทพให้เร็วกว่านี้ลืมคิดไปว่าการจราจรตอนเย็นของที่นี่มันนรกมากแค่ไหน คนที่เพิ่งเดินทางมาถึงลงมามองบ้านสไตล์โมเดิร์นสองชั้นตรงหน้าก่อนจะช่วยคนขับรถขนกระเป๋าสัมภาระลงมา
“มา ให้ป้าช่วยไหมคะคุณเจ้าจันทร์” หญิงวัยสี่สิบกว่าเดินเข้ามาหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเป็นการต้อนรับอย่างดี
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มีไม่กี่ใบจันทร์จัดการเองแล้วกันค่ะ” เธอไม่อยากให้เจ้าของบ้านต้องมาลำบากช่วยเธอขนของอีก ลำพังคุณป้าภัสสรแกก็อายุค่อนข้างเยอะแล้ว
“ไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวป้าตามเจ้านะมาช่วยนะ” คุณป้าภัสสรพูดจบก็หันหน้ามองเข้าไปในตัวบ้านพร้อมตะโกนเรียกผู้เป็นลูกชาย “นะ! ออกมานี่หน่อยสิลูก มาช่วยหนูจันทร์เขาเก็บกระเป๋า”
อ่า วันนี้เขาอยู่บ้านหรอกหรือเนี่ย ช่างสร้างความผิดหวังให้เธอชะมัด
“ครับ” เสียงขานรับดังขึ้นหลังจากนั้นก็ปรากฏร่างของชายคนหนึ่งกำลังสวมรองเท้าแล้วเดินออกมาหน้าบ้าน
ร่างสูงร้อยแปดสิบเศษเดินออกมาพร้อมกับผมเผ้าที่ไม่เป็นทรง ใบหน้าเรียวที่รับกับจมูกเป็นสันพอดี บนร่างกายสวมเสื้อยืดแขนยาวซึ่งถูกพับไปอยู่บนข้อศอกเผยให้เห็นเรือนผิวขาวที่โผล่พ้นขอบเสื้อมาและท่อนล่างเป็นกางเกงวอร์มขายาวดูสบายๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถลดความดูดีของเจ้าตัวได้
ชื่อของเขาคือ ณภัทร จารุวิรงภักดิ์ ผู้ชายที่เจ้าจันทร์เกลียดมาตั้งแต่ยังเด็ก
“ส่งมาสิครับ” เขาจะเข้าไปคว้ากระเป๋าที่อยู่ในมือของเจ้าจันทร์หลังจากที่เพิ่งก้มลงไปหยิบกระเป๋าอีกใบที่วางแหมะอยู่กับพื้นขึ้นมาได้ แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงยื้อไว้อยู่นั้นณภัทรจึงอดถอนหายใจไม่ได้ “คุณจะเข้าบ้านไหมครับ”
“ก็เอาไปสิ ขนเองให้หมดเลยนะ” เจ้าจันทร์ยอมปล่อยมือจากกระเป๋าของตนเองจากนั้นจึงเดินนำหน้าร่างสูงเข้าไปด้านในบ้าน
เมื่อเข้ามาถึงคุณป้าภัสสรก็พาเธอขึ้นไปยังห้องนอนที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้มาก่อนที่เธอจะมาถึง
“หนูเจ้าจันทร์พักห้องนี้แล้วกันนะคะ อยู่ได้ใช่ไหมคะ บ้านป้าอาจจะไม่ใหญ่โตเหมือรบ้านอัศวเมฆาธีร์” หญิงวัยกลางคนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
“ได้ค่ะ ที่นี่ไม่ได้ลำบากอะไร” เธอเองก็ไม่ใช่คนที่อยู่ยากขนาดนั้น
ก่อนจะมาถึงเจ้าตัวก็ได้ทำการสอดส่องมาแล้วก่อนหน้านั้นว่าที่นี่อยู่ไหนแล้วเป็นยังไง แต่เดิมแล้วบ้านพร้อมที่ดินของจารุวิรงภักดิ์ถูกนำไปจำนองสาเหตุก็เพราะปัญหาในครอบครัวของคุณป้าภัสสร แล้วนั่นจึงทำให้อดีตแม่บ้านและลูกชายต้องเข้าไปอยู่และช่วยทำงานที่บ้านของเธอ จนกระทั่งเวลาผ่านไปคุณภัสสรก็สามารถเก็บเงินมาไถ่บ้านคืนได้แล้วย้ายออกมาอยู่กับลูกชาย
“เฮ้อ ป้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคุณๆ เขาถึงให้คุณหนูมาอยู่ที่นี่กับป้า”
“พ่อกับแม่เขาคงไว้ใจให้จันทร์อยู่กับคุณป้าน่ะค่ะ” ถึงแม้ว่าเธอจะรู้จุดประสงค์ในใจจริงๆ ของพ่อแม่เธออยู่แล้วก็เถอะแต่ก็ต้องทำทีเข้าใจเป็นอย่างอื่นไปเสียก่อน
“คุณก็พักผ่อนนะคะ ขาดเหลืออะไรก็เรียกเจ้านะได้เลย”
นั่นคือคนสุดท้ายที่เจ้าจันทร์จะยอมพูดด้วย
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
เมื่อประตูห้องนอนถูกปิดลงและสัมภาระทุกชิ้นถูกนำมาส่งให้จนครบแล้ว หญิงสาวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อส่งข้อความไปบอกคนในครอบครัวว่าเธอมาถึงที่บ้านนี้แล้ว และกำลังจะจัดเก็บข้าวของให้เข้าที่เข้าทาง ในห้องนอนนี้มีเฟอร์นิเจอร์ครบทุกอย่างและใหม่เอี่ยมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเตียงนอนหรือตู้เสื้อผ้า โต๊ะทำงานโต๊ะเครื่องแป้งต่างๆ และแน่นอนว่าทุกอย่างนี้เธอเป็นคนเลือกซื้อเข้ามาไว้เองแล้วก่อนหน้านี้
คุณป้าภัสสรหลังจากที่ลาออกจากการทำงานที่บ้านอัศวเมฆาธีร์ เธอก็เปิดกิจการขายขนมเป็นธุรกิจเล็กๆ โดยใช้เงินเก็บที่มีทั้งหมด ขนมที่ป้าเธอทำอร่อยทุกอย่างแถมยังไม่เหมือนใครจึงทำให้มีลูกค้ามากขึ้นในทุกๆ เดือน เหมือนว่ากิจการนั้นไปได้ดีเชียวหละ มิหนำซ้ำยังไม่ต้องใช้จ่ายไปกับลูกชายมากนักด้วยเพราะณภัทรได้ครอบครัวอัศวเมฆาธีร์อุปถัมภ์ไว้อยู่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูของห้องดังขึ้นในขณะที่หญิงสาวกำลังเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้ เจ้าของร่างบางเงยหน้าขึ้นไปมองที่ประตูไม้จากนั้นจึงเดินไปเปิดมันออก
แต่พอเห็นว่าใครอยู่หน้าห้องเธอก็แทบจะปิดประตูใส่
“เดี๋ยว แม่ให้ผมเอาขนมกับนมมาให้คุณ เห็นว่าคุณเพิ่งเดินทางมาถึงคงหิว” เป็นณภัทรที่กำลังยืนถือถาดใส่จานขนมพร้อมกับนมแก้วหนึ่งอยู่ “รับไว้สิครับ”
“ฝากขอบคุณคุณป้าด้วย แล้วก็จะดีมากถ้าตลอดเวลาที่ฉันอยู่ที่นี่นายจะเข้ามายุ่งกับฉันให้น้อยที่สุด” เธอเอื้อมมือไปรับถาดนั้นมา
“นี่ ผมรู้ว่าคุณอคติกับผม แต่เพราะคุณต้องอยู่ที่นี่อีกนานผมว่าคุณทำใจให้ชินเถอะที่จะได้ยุ่งเกี่ยวกับผมแบบนี้บ่อยๆ” เขาตอบก่อนจะเอ่ยต่ออีกว่า “อีกอย่างนี่คือบ้านของผม คุณเป็นผู้อาศัยนะ”
“ฉันก็ไม่ได้อยากมาอยู่บ้านของนายเท่าไหร่หรอก”
“งั้นก็ช่วยไม่ได้แล้วหละ”
“ออกไปได้แล้ว ฉันจะเก็บของ ไม่อยากเห็นหน้านายนานๆ” เจ้าจันทร์ตัดบทและเตรียมจะปิดประตูห้องแต่มือหนาของอีกคนกลับดันเอาไว้ไม่ยอมผ่อนแรง สาวเจ้าจึงจิ๊ปากใส่อย่างหงุดหงิด “อะไรของนายอีก”
“จัดเสร็จก็ลงไปทานข้าวด้วยนะครับ คุณเจ้าจันทร์” สิ้นประโยคนั้นณภัทรก็ยอมปล่อยมือจากบานประตูของหญิงสาวแล้วหมุนตัวเดินออกไป
เธอยืนมองแผ่นหลังนั้นของอีกฝ่ายแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ เอาแค่วันแรกที่มาถึงเธอก็เริ่มประสาทเสียกับผู้ชายคนนี้แล้ว แล้วอย่างนี้เธอจะทนมองหน้าทนอยู่ร่วมชายคาเดียวกับเขาไปได้อีกนานแค่ไหนโดยที่ไม่อกแตกตายก่อน
อุตส่าห์ไม่เจอหน้าตั้งหลายปีแต่ความเกลียดที่มีอยู่ในใจกลับไม่เคยจางหายเลยสักนิด
Castle-G's Talk
นิยายเรื่องนี้นางเอกเกลียดพระเอกมาก
ส่วนพระเอกรักนางเอกมากนะคะ ;-;
ส่วนสาเหตุที่นางเอกเกลียดจีเกริ่นไว้แล้วในบทนำ
จะมาลงรายละเอียดและสาเหตุชัดเจนในตอนต่อๆ ไปจ้า
รออ่านกันน้า ฝากคอมเม้นท์ด้วยค่า แงงง

มาหวีดติดแท็ก #ณเจ้าจันทร์
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

นางเอกนิสัยไม่ดี