21 : 25
ยังไม่มีเสียงใด ๆ เล็ดรอดออกมาจากปากของพี่เขาเลยสักคำ ตั้งแต่กลับมาถึงบ้าน ผมก็ตรงเข้าเปิดตู้เย็นดูว่าพี่เขากินข้าวรึยัง แล้วก็พบว่ายังไม่ได้กิน จึงตัดสินใจเอาข้าวผัดที่ทำไว้เข้าไมโครเวฟเพื่อจะเสริฟให้เขา แต่มันก็ยังวางอยู่ตรงนี้ วางอยู่ตรงหน้าพี่เขามาร่วมครึ่งชั่วโมงแล้ว
เมื่อคิดว่าคงหมดหนทางจะทำให้พี่เขากินข้าวได้แล้วจึงตัดสินใจจะเดินเอามันเข้าไปเก็บ คนที่เอาแต่กดมือถือไม่คิดจะสนใจมันเลยด้วยซ้ำ จนข้าวผัดสีเหลืองถูกเทลงถังขยะไปแล้วเขาก็ยังนิ่ง
ไม่กินก็ไม่ต้องกิน
"ผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ"
ไม่มีเสียงตอบรับเช่นเคย...ผมหันหลังออกมาจากตรงนั้นแล้ว สองเท้าก้าวขึ้นไปบนห้องตัวเอง ถอดเสื้อผ้ายัดลงในตะกร้าและจบลงด้วยการเดินคอตกเข้าห้องน้ำไป
โกรธอะไรก็ไม่ยอมพูด ไม่พอใจอะไรก็ไม่ยอมบอก นี่ถ้าเป็นดินหรืออาทิตย์นะโดนวีนไปแล้ว ผู้ใหญ่อะไรเอาแต่ใจ !
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"หืม?"
ตอนนั้นเองที่กำลังบ่นเจ้าของบ้านอยู่ในใจ เสียงเคาะที่ประตูก็ดังขึ้นมา ถึงกับต้องรีบเปิดฝักบัวชำระล้างฟองสีขาวที่เปรอะเปื้อนอยู่ออกจากตัว แล้วใช้ผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวไว้ลวก ๆ ก่อนจะเดินออกไปหาเจ้าของเสียงนั้น
พี่ภูมิอยู่ในชุดก่อนหน้านี้ แต่มีผ้าเช็ดตัวพาดอยู่ตรงบ่าด้วย ผมมองแล้วก็เผลอเลิกคิ้วด้วยความสงสัย เขามาทำอะไรกัน?
"แชมพูหมด"
เจ้าของใบหน้านิ่ง ๆ พูดด้วยท่าทางนิ่ง ๆ ก่อนจะพาตัวเองเข้ามาในห้องผมงง ๆ ซ้ำยังเดินเข้าห้องน้ำดุ่ม ๆ
"ยืมของผมไปก่อนก็ได้ครับ"
สองขาที่กำลังก้าวเดินหันกลับมามองผมอีกครั้ง ก่อนจะใช้มือข้างขวาเสยผมลวก ๆ
"จะอาบที่นี่"
และคำพูดคำนั้นเป็นคำสุดท้าย ..
"ครับ..."
เอาเถอะ เป็นเจ้าของบ้านนี่นะ จะทำอะไรก็ย่อมได้อยู่แล้ว เต็มที่เลย...
ผมหอบสังขารเปียก ๆ ของตัวเองกลับมาหน้ากระจก จัดการเช็ดตัวใส่เสื้อผ้าเหมือนที่เคยทำทุกครั้ง อาจจะแปลกหน่อยที่วันนี้มีคนอยู่ในห้องด้วยอีกคน
"มีกางเกง..."
"เย้ย !"
ตอนนั้นเองที่คนตรงนี้กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่คนเดียว ใครบางคนก็พุ่งออกมาจากห้องน้ำไม่บอกไม่กล่าว ผมที่กำลังจะถอดผ้าขนหนูออกจากร่างก็เลยสะดุ้งโหยงสุดตัว
"พะ...พี่ภูมิมีอะไรครับ ?"
ใครคนนั้นที่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้องน้ำยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยเล็กน้อย คงจะตกใจไม่แพ้กัน ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกันก็เถอะนะ ของพวกนี้มันก็เป็นของส่วนตัวอยู่ดีไม่ใช่รึไง
"จะยืมกางเกง"
"อ๋อ ครับ...รอเดี๋ยวนะ"
เดินเก้ ๆ กัง ๆ ไปหยิบกางเกงในตู้มาส่งให้พี่เขา ถึงจะงงอยู่เล็กน้อยว่าจะมายืมกางเกงทำไมในเมื่ออาบน้ำเสร็จก็จะกลับห้องตัวเองอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ทันทีที่เจ้าของร่างสูง ๆ นั่นหายเข้าห้องน้ำไปอีกครั้งก็ถึงกับต้องเร่งสปีดใส่กางเกงให้เร็วที่สุด
ถ้าโผล่ออกมาตอนไม่ได้ใส่เสื้อผ้าจะทำยังไงเนี่ย...
ผ่านไปประมาณสิบนาทีก็ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำออกมาอีกครั้ง ผมที่กำลังนั่งเขียนงบบนโต๊ะหันไปมองเขาเล็กน้อย เจ้าของบ้านล้มตัวนอนบนเตียงของผม ความจริงก็เตียงของเขานั่นแหละ แต่ตอนนี้มันเป็นห้องของผมไม่ใช่รึไง
ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าอาบน้ำเสร็จแล้วทำไมไม่กลับห้องตัวเอง แต่ก็คงจะเสียมารยาทถ้าจะถาม ปล่อยให้พี่เขานอนอยู่อย่างนั้นแล้วหันกลับมาทำงานตัวเองต่อดีกว่า
"ไปเที่ยวมาสนุกไหม"
แล้วก็เป็นพี่เขาเองที่เปิดคำถามขึ้นมา ตัวเองเป็นคนเงียบใส่เขาก่อน แล้วก็มาชวนคุยก่อน เป็นคนแบบไหนกันแน่นะ
"ก็สนุกดีครับ"
"ทำไมไปเที่ยวกับคนที่ไม่รู้จักชื่อ"
"รู้จักนะครับ พี่เขาชื่อเสือไง"
"เพิ่งรู้จักตอนที่ถาม"
"ก็รู้จักไหมล่ะครับ"
ผมตอบเขา แต่ก็ไม่ได้หันกลับไปมองเขาหรอก ที่ปล่อยให้ผมถามคำถามเก้อ ๆ ไปเมื่อหัวค่ำนั่นก็ยังจำได้นะ ขอเอาคืนสักหน่อยแล้วกัน
"แบบนี้กำลังเถียงใช่ไหม"
"เปล่าเถียง แต่ถ้าพี่จะคิดอย่างนั้นก็แล้วแต่"
พูดไปด้วยเขียนตัวเลขลงในบัญชีรายวันไปด้วย จนรู้สึกได้ถึงแรงหมุนเก้าอี้แรง ๆ นั่นก็เลยต้องเบิกตากว้างขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อถูกจับให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเจ้าของบ้านที่ยืนทำหน้าดุอยู่ตรงนี้
"แบบนี้เขาเรียกว่าเถียง"
"ผมไม่..."
"นี่ไง กำลังเถียงอยู่"
"..."
ถึงกับต้องกัดปากตัวเองเอาไว้แน่น เพราะโดนดุแบบนั้น เพราะกำลังเถียงเขาอยู่จริง ๆ ก็เลยปฏิเสธไม่ได้
"ในกรุงเทพมันไม่เหมือนที่บ้านนะ อย่าไว้ใจใครง่าย ๆ"
แล้วก็เป็นตัวเองอีกแล้วที่นั่งนิ่งให้เขาพูด ทำไมต้องมาทำเหมือนว่าเป็นห่วงกัน แบบนั้นไม่ดีเลย...
"...เข้าใจแล้วครับ"
สองมือนั้นปล่อยผมให้กลับมามีอิสระอีกครั้ง หันกลับมาสนใจงบในสมุดรายวันต่อ ทำเหมือนกำลังขีดเขียนทั้งที่ความจริงแล้ว ไม่มีหมึกสีใดจรดลงบนกระดาษสีขาวแผ่นนั้นเลยสักหยด
ชอบใครสักคนไม่ใช่เรื่องยาก ..
ไม่อย่างนั้นเขาจะเรียกกันว่าตกหลุมรักหรือ ก็แค่ตกลงไป ใช้เวลาไม่นานด้วยซ้ำ ..
ถ้าเป็นอย่างที่หม่าม้าเคยพูดเอาไว้จริง ๆ ผมก็คงจะตกหลุมเข้าให้แล้วล่ะ
"แต่เขาก็ดูใช้ได้ไม่ใช่รึไง"
เสียงทุ้มยังคงพูดเจื้อยแจ้วอยู่บนเตียงข้างหลังผม เจ้าของบ้านที่ใส่เพียงกางเกงวอร์มขาเต่อ เวลานี้เขาควรจะกลับห้องไปแล้วด้วยซ้ำแต่กลับยังอยู่ ซ้ำยังเอาแต่ถามคำถามไร้สาระที่พี่เขาไม่จำเป็นต้องรู้ด้วยอีก
"ใช้ได้อะไรครับ?"
"ก็ไอ้เด็กที่ขับเก๋งมารับนั่นไง"
พูดอะไรของเขากันนะ ต้นเรื่องยังพูดอยู่หยก ๆ ว่าไม่ให้ไว้ใจใครง่าย ๆ ตอนนี้กลับมาบอกว่าพี่ชายคนนั้นเขาก็โอเค เดาอารมณ์ไม่ถูกเลยจริง ๆ
"จะขับอะไรมาผมก็ไปหมดนั่นล่ะครับ"
"แต่ก็คงจะสบายกว่าถ้าไม่ใช่มอเตอร์ไซค์"
"..."
คำพูดคำนั้นทำให้บัญชีแยกประเภทบนโต๊ะที่ไม่มีความคืบหน้าอยู่แล้วเป็นอัมพาตไปโดยถาวร ผมวางปากกาลงบนกล่องสีเหลี่ยม หมุนเก้าอี้ตัวนั้นกลับมาเพื่อจะมองหน้าคนพูดมันอีกครั้ง เขาก็ยังนอนหนุนแขนตัวเองด้วยท่วงท่าที่แสนจะสบาย กับสายตาที่จ้องมาตรงนี้เหมือนกัน
"พูดแทงใจดำเหรอ"
"ไม่เลยสักนิด"
"งั้นก็แสดงว่าจริง"
"จริงอะไรครับ?"
"ก็ที่ชอบเก๋งมากกว่าไง"
"..."
บรรยากาศกลับมาเงียบอีกครั้ง หมอกจาง ๆ กำลังก่อตัวขึ้นรอบตัวเรา พร้อม ๆ กับที่บางอย่างกำลังก่อตัวจับกลุ่มก้อนขึ้นในใจผม
"ถ้าจะถามว่าชอบอะไรมากกว่าก็คงจะตอบไม่ได้จากรถที่ขับหรอกครับ"
"..."
"มันขึ้นอยู่กับว่าเขาเป็นใครมากกว่า เพราะว่าถ้าเป็นเขา .. ต่อให้ไม่มีรถขับมา .. ก็ยังจะชอบมากที่สุดอยู่ดี"
✏
เช้าวันศุกร์ที่แสนสดใด แต่จะสดใสกว่านี้ ถ้าวันนี้ไม่มีรับน้อง แล้วผมดันตื่นสาย...ผลพวงก็มาจากการนั่งทำงบที่ไม่คืบหน้าให้เสร็จ กว่าจะได้นอนก็ตีหนึ่งกว่าแล้ว นาฬิกามันก็ทำหน้าที่ของมันอยู่หรอกนะตอนเจ็ดโมงน่ะ ถ้าไม่ใช่ว่าผมตื่นมากดปิดไปก่อนจะให้ข้ออ้างกับตัวเองว่าขออีกห้านาทีแล้วเผลอหลับต่อ จนตื่นมาอีกทีเกือบเจ็ดโมงครึ่ง ! จึงต้องใช้สปีดด้วยการอาบน้ำเร็วขึ้นสองเท่า แต่งตัวเร็วขึ้นสองเท่า ที่สำคัญเลยคือ .. มื้อเช้าก็ไม่ได้ทำ
น่าหงุดหงิดตัวเองจริง ๆ เลยต้นข้าว
สองเท้ารีบวิ่งลงมาจากชั้นสอง ก่อนจะพบเข้ากับเจ้าของบ้านตัวสูงที่กำลังนั่งไขว่ห้างเล่นมือถืออย่างสบายใจเฉิบอยู่บนโซฟาตัวนั้น
ชิลจนไม่เกรงใจเสียงหอบกันเลย...
"ตื่นสายนะ"
เขาเอ่ยขึ้นทันทีที่ผมวิ่งหอบมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะยัดเจ้าเครื่องสี่เหลี่ยมลงในกระเป๋ากางเกง
"ผมนอนดึกนิดหน่อย ขอโทษนะครับ ไม่ได้ทำมื้อเช้าให้เลย" เอ่ยด้วยสีหน้ารู้สึกผิด ทั้งที่สัญญากับตัวเองไว้ว่าจะทำหน้าที่
ดูแลคนตรงหน้าให้ดีที่สุดแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ วันนี้กลับผิดสัญญาแค่เรื่องง่าย ๆ
"แวะซื้อข้าวกล่องก็ได้"
"แต่มันสายแล้วนะครับ เดี๋ยวพี่เข้าเรียนสาย"
"ไม่เป็นไร ไม่มีเช็กชื่อ"
ได้ยินอย่างนั้นก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ นึกว่าจะทำให้พี่เขาสายไปด้วยซะแล้ว
"ได้ข่าวว่าวันนี้รับน้องเหรอ"
"ครับ พี่รู้ได้ยังไง จำได้ว่าผมยังไม่ได้บอก"
มุมปากของผู้ชายตัวสูงหกฟุตกว่า ๆ ยกขึ้น ก่อนจะโน้มตัวลงมากระซิบใกล้ ๆ ด้วยคำพูดที่ ..
"เก่ง"
น่าหมั่นไส้ที่สุด
ขายาว ๆ ก้าวออกไปพร้อมกับรอยยิ้มร้าย ๆ ทำให้ผมต้องรีบวิ่งตามไปทั้งที่ยังไม่รู้ว่าพี่เขาไปเอาข่าวมาจากไหนว่าวิทลัยผมมีรับน้อง
คงไม่ลงทุนกดติดตามเพจหรอกนะ ..
บิ๊กไบค์คันใหญ่จอดลงตรงร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอยบ้าน เพราะวันนี้ผมไม่ได้ตื่นมาทำมื้อเช้า เลยต้องฝากท้องไว้ที่อาหารสำเร็จรูป เลือกหยิบข้าวกระเพรากุ้ง ข้าวไก่เทอริยากิ แล้วก็ขนมปังอีกสองสามชิ้นง่าย ๆ เสร็จแล้วจึงเดินไปอุ่นและชำระเงินที่แคชเชียร์ ก่อนจะเดินออกมาหาใครอีกคนที่จอดรถรออยู่ข้างหน้า
"กี่โมงแล้ว"
พี่ภูมิหันมาถามทันทีที่ผมก้าวขาขึ้นรถ คนตรงนี้จึงต้องก้มลงมองนาฬิกาบนข้อมือ เข็มสั้นชี้ที่เลขแปด เข็มยาวชี้ตรงกลางระหว่างเลขสิบกับเลขสิบเอ็ด
"ประมาณแปดโมงห้าสิบครับ"
"เขานัดรวมตัวกี่โมง"
"น่าจะเก้าโมง...แต่ไม่ต้องรีบก็ได้นะ..."
"เดี๋ยวไปส่งที่จุดรวมพล"
กำลังจะบอกพี่เขาว่าไม่ต้องรีบเพราะปกติพี่ภูมิก็ขับรถเร็วอยู่แล้ว แต่ก็เหมือนจะไม่ทันเพราะเมื่อบิ๊กไบค์เคลื่อนตัวออกไป ผมหน้าม้าที่มีน้อยนิดก็ปลิวไสวขึ้นรับลมจนเย็นวาบ จึงต้องถือวิสาสะใช้สองมือป้อม ๆ เกาะชายเสื้ออีกคนไว้แน่น
ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้พี่เขาไปส่งหรืออะไร แต่ตอนที่พี่ภูมิอยู่บนบิ๊กไบค์คันโปรดน่ะเท่น้อยซะที่ไหน แถมเจ้าดูคาติสีแดงดำคันนี้อีก ทั้งเสียงเครื่องยนต์ ทั้งรูปลักษณ์ที่มีเสน่ห์นั้นเด่นน้อยที่ไหนกัน แล้วที่สำคัญคือจุดรวมพลน่ะคนอยู่กันนับร้อย ถ้าไม่เป็นจุดสนใจก็ให้มันรู้กัน
"ให้จอดตึกไหนก็บอก"
"...ครับ"
ก็เข้าใจว่าพี่เขาก็แค่เป็นห่วง กลัวผมจะไปลงทะเบียนสาย ถึงจะเป็นแค่เรื่องหยุมหยิม แต่คนที่มันรู้สึกดี กับการใส่ใจเล็กๆน้อยๆมันก็รู้สึกดีแล้ว ..
ทำไมชอบทำให้ใจสั่นจังเลยนะ คน ๆ นี้น่ะ
เสียงเจี๊ยวจ๊าวดังขึ้นทันทีที่ดูคาติสีดำแดงเคลื่อนตัวมาจอด และสายตานับร้อยคู่ที่จ้องมารวมกันที่จุด ๆ เดียว ราวกับนั่นคือบทลงโทษของคนที่มาสาย
สองขาก้าวขาลงจากรถเงอะ ๆ งะ ๆ เข้าใจอารมณ์ที่มีคนจ้องมาเยอะ ๆ จนทำอะไรไม่ถูกแล้ว ตอนนี้กำลังเป็นแบบนั้นเลย
ทันทีที่สองขาเหยียบลงพื้น ผมก็ใช้สองมือปลดหมวกกันน็อคก่อนจะถอดมันออกแล้วยื่นให้คนตรงหน้า กวาดสายตาไปมองคนเกือบร้อยที่นั่งกันอยู่เต็มลานกว้าง ตอนนั้นเองที่รู้สึกว่าร้อนขึ้นมาทั้งหน้า ไม่รู้ว่าอายหรือเขินเพราะมันรวมกันไปหมด
"จะเอาไหมข้าว"
แรงเคาะเข้าที่หัวเบาๆ ทำให้ผมหันกลับมาสนใจโลกอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าเป็นพี่ชายตัวสูงนั่นเองที่ใช้ช้อนพลาสติกตักข้าวเคาะที่หัวผม พร้อมกับยื่นถุงข้าวมาไว้ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เพราะมัวแต่สนใจสิ่งอื่นอยู่
"ไปได้แล้ว"
มือขวายื่นไปรับถุงนั่นมา แต่ดูท่าความประหม่าของผมมันจะปิดไม่มิด เจ้าของดูคาติวางมือบนหัวผมเบา ๆ คล้ายจะปลอบประโลม ความอบอุ่นส่งผ่านฝ่ามือใหญ่ลงมายังหัวใจที่กำลังสั่นระรัว
"เดี๋ยวเย็นนี้มารับเร็ว จะพาไปซื้อขนม"
ถึงจะอยากงอแงแค่ไหนว่าไม่เด็กแล้วนะ ไม่ต้องเอาขนมมาล่อ แต่ริมฝีปากกลับฉีกยิ้มให้เขาเสียอย่างนั้น "ขอบคุณนะครับ"
ดูคาติขับออกไปแล้ว ผมรีบเดินไปรวมกับเพื่อน ๆ พยายามสอดส่องสายตามองหาเพื่อนสนิทที่ไม่นานนักก็เห็นโบกมือหย็อยๆอยู่ตรงกลางที่นั่งเป็นแถวตอนเรียงกันอยู่ ก่อนจะเดินโน้มตัวลัดเลาะออกมาหาผม
"เชรดดดดด ผมเห็นนะครับคุณ" ไนซ์พูดพร้อมกับเอาไหล่กระแซะที่ไหล่ผมเป็นเชิงแซว
"อะไรไนซ์ นั่นพี่ชายเราไง" ไนซ์พยักหน้ารับเบา ๆ แต่สายตากวน ๆ ก็ยังไม่ยอมหายไป
เห็นดังนั้นจึงดันตัวเขาให้ลงไปนั่งรวมกับเพื่อน ๆ ก่อนที่วิทยากรในพิธีซึ่งเป็นรุ่นพี่จะเริ่มอธิบายถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่เราต้องทำกันในวันนี้
กิจกรรมรับน้องเริ่มต้นขึ้นด้วยการให้น้อง ๆ ไปยืนรวมกันเป็นกลุ่ม แล้วให้พี่ๆยืนล้อมเป็นวงกลมอยู่ด้านนอก ก่อนจะเริ่มทำการบูม แล้วมันก็ทำให้ผมขนลุกเพราะมันเป็นภาพที่ผมฝันจะเห็นมาโดยตลอด หันไปมองเพื่อนตัวสูงข้าง ๆ ก็เอาแต่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แหงล่ะ บัญชีมีแต่ผู้หญิงนี่
"เอาล่ะค่ะ ยินดีต้อนรับน้อง ๆ ปวช.ปีสองที่เพิ่งเลือกสาขา และพี่ ๆ ปวส.ปีหนึ่งบัญชีทุกคนเข้าสู่สาขาบัญชีธุรกิจของเบญจอมรนะคะ ทีนี้ใครรู้ตัวว่าเป็นผู้ชายทั้งหมดออกมายืนตรงนี้" พี่สาวพูดเสียงดังก้องแทบไม่ต้องใช้ไมค์ก็ได้ยินชัดแจ๋ว ก่อนเสียงแซวเจื้อยแจ้วจะดังตามมา ดูสาว ๆ จะตื่นเต้นกันใหญ่ที่จะได้พบปะกับผู้ชายที่มีอยู่น้อยนิดในสาขา
ไนซ์จูงแขนผมให้เดินออกไปด้านหน้าพร้อมกับผู้ชายที่มีทั้งหมดทยอยเดินตามกันออกมา พวกแป้งฝุ่น ลิปสติก หนังยางมัดผมและอีกมากมาย ถูกนำออกมาตั้งตรงหน้า ผมยืนมองสิ่งของพวกนั้นอย่างไม่ไว้วางใจ มันต้องเป็นอะไรที่ไม่ดีกับตัวแน่ๆ ต่างกับเพื่อนอีกคนที่ดูมีความสุขไปกับทุกอย่าง เห็นแล้วหมั่นไส้ที่สุด
"ค่ะ เนื่องจากผู้ชายสาขาเรามีน้อย วันนี้เราจะให้สาวๆทุกคนได้มาพบปะกับชายหนุ่มให้ทั่วถึงกัน เพราะฉะนั้นอยากทำอะไรกับใครตรงหน้า จัดการได้เลยจ้า"
สิ้นเสียงประกาศ หญิงสาวนับสิบคนก็วิ่งกรูกันเขามาลากผมกับไนซ์ให้ไปนั่งขัดสมาธิตรงพื้น ก่อนจะใช้อะไรต่อมิอะไรมาละเลงที่หน้า ซึ่งผมไม่สามารถรู้ได้เลยว่าโดนทำอะไรไปบ้าง แต่รู้สึกว่าโดนทำจุกที่หัว กับเสียงหัวเราะคิกคัก ๆ ที่ดังมาไม่ขาดสาย
เสียงรุ่นพี่ที่ประกาศว่าให้พอแล้วนั้น ราวกับเป็นเสียงสวรรค์ที่ลงมาประทานความสุขให้แก่พื้นแผ่นดินอีกครั้ง ผมรีบหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอดเพราะโดนรุมจนหายใจไม่ออก ไนซ์หันมาเห็นหน้าผมก็ขำออกมายกใหญ่ หน้าผมมันคงจะเละมากสินะ
แต่ตัวเองก็ไม่ต่างกันนะได้ข่าว ..
กิจกรรมในวันนี้ดำเนินไปด้วยดี มีเกมส์อะไรใหม่ๆที่ผมไม่เคยรู้จักให้เล่นมากมาย พร้อมกับกิจกรรมนันทนาการอีกนับสิบชนิดที่พวกพี่ ๆ เขาหยิบยกมาให้ทำ
นักศึกษาประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงปีที่หนึ่ง ถึงอายุจะไม่น้องแล้วแต่ก็ถือว่าเป็นเฟรชชี่ ต้องทำกิจกรรมร่วมกับน้อง ๆ ปวช. ถึงจะไม่ได้ทำจริงจังเหมือนน้อง แต่ก็ถือว่าเต็มที่พอสมควรเลย เล่นเอาหมดแรงเลยก็ว่าได้
"นี่ กลับบ้านเลยป้ะ ?" เจ้าของผมสีดำหยักลอนวางมือไว้บนไหล่ผมพร้อมกับมองมาด้วยแววตาใสแป๋ว
"อื้อ กลับเลย"
"ให้ไปส่งไหม?"
"ไม่เป็นไร ๆ เดี๋ยวพี่ภูมิมารับน่ะ"
ไนซ์พยักหน้าหงึกหงัก มือข้างขวาที่ล้วงกระเป๋าไว้ก่อนหน้า หยิบมือถือเครื่องเล็กขึ้นมาพร้อมกับตั้งใจพิมพ์บางอย่างลงไปในนั้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มจนน่าสงสัย
ก็คงจะแชตกับสาวนั่นแหละ เป็นปกติของคนรุ่นนี้ผมก็เลยไม่ได้ถามอะไรเขา ไม่นานไนซ์ก็ขอตัวกลับไปก่อน แต่ก็ยังอุตส่าห์ย้ำกับผมนะว่าอยู่ได้แน่ ๆ ใช่ไหม ถึงผมจะเป็นเด็กบ้านนอกเข้ากรุงแต่ผมก็ไม่ได้โง่หรอกนะ
"มายืนทำอะไรตรงนี้"
เสียงที่ดังขึ้นมาใหม่ทำให้ผมหันไปมองโดยอัตโนมัติ เป็นพี่เสือคนนั้นอีกแล้ว หมู่นี้เราบังเอิญเจอกันบ่อยจังเลยนะว่าไหม "ผมรอพี่ชายมารับครับ"
"เหรอ ให้กูไปส่งไหมล่ะ"
"ไม่เป็นไรดีกว่า เดี๋ยวพี่ภูมิก็คงจะมา ขอบคุณมากนะครับ"
จบคำนั้นผมก็นั่งรอพี่ภูมิอยู่ตรงนั้น คิดว่าพี่เสือคนนั้นก็คงจะไปแล้วเหมือนกันจนเขาเดินมานั่งข้าง ๆ นั่นแหละ "งั้นเดี๋ยวกูนั่งเป็นเพื่อน"
นี่พี่เขาว่างขนาดเลยหรือไง!
"แล้วแต่พี่ละกัน"
เมื่อเห็นว่าทำอะไรไม่ได้แล้วผมก็ปล่อยเลยตามเลย อยากจะนั่งก็นั่ง นี่มันที่สาธารณะอยู่แล้ว
เวลายังคงเดินไปเรื่อย ๆ ผมเองก็ยังคงรอพี่ภูมิอยู่อย่างนั้นโดยมีรุ่นพี่ต่างสาขานั่งอยู่เป็นเพื่อน ตอนนั้นเองที่หันไปมองเขาเพราะอยากรู้ว่าอีกคนทำอะไรอยู่ มันดันเป็นจังหวะเดียวกันกับที่พี่เขาหันมาพอดีเสียอย่างนั้น
"มีอะไรไอ้หนู?"
"ฮะ! ปะ...เปล่าครับ" ผมก้มหน้างุดลงไปเพราะทำอะไรไม่ถูก ตอนนั้นเองที่มือใหญ่ ๆ นั่นเอื้อมมาจับผมจุกบนหัวผมเล่นอย่างถือวิสาสะ
"มีจุกด้วยแฮะ วันนี้โดนแกล้งหนักเหรอมึง?"
เขาถาม ก่อนที่ผมจะเอื้อมมือไปปัดมือเขาออก เพราะแบบนั้นเขาเลยเปลี่ยนเป้าหมายมาเล่นแก้มผมแทนแล้วตอนนี้ "พี่อย่ายืดแก้ม ย้วยหมดแล้วเนี่ย"
"หึ ก็มึงมันน่าแกล้ง สมควรแล้วที่คนจะชอบแกล้งมึง"
ผมทำหน้าหงึใส่เขาอีกครั้ง แล้วก็หันหน้าหนีเขาซึ่งก็โดนจับให้หันมาอีกรอบจนได้ มือของใครอีกคนยังคงบีบอยู่ที่แก้มผมจนยืดย้วยและเจ็บไปหมด พยายามขัดขืนแต่ก็เหมือนยิ่งทำให้เขาได้ใจ
"พี่เสือผมเจ็บ!"
"เจ็บอะไรกูทำเบา ๆ"
"แต่มันเจ็บ พี่ละ..."
"เล่นอะไรกัน"
ตอนนั้นเองที่กำลังจะดุเขา แต่ยังไม่ทันได้พูดให้จบคำด้วยซ้ำ เสียงใครบางคนก็ดังขึ้นมาขัดไว้เสียก่อน เป็นผมที่รู้สึกตัวและหันไปมองตามต้นเสียง ร่างของผู้ชายที่คุ้นเคยดีกำลังเดินมาทางนี้กับคิ้วสองข้างที่ขมวดยุ่ง
"พี่ภูมิ!"
สองเท้านั่นยังคงก้าวเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ แต่สายตาคมก็ยังไม่ยอมละไปจากผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่ข้างผม
"เล่นแรง ๆ แบบนี้ตลอดเลยเหรอ"
นั่นเป็นแรกที่เขาพูด แล้วก็เป็นคำสุดท้ายที่ผมได้ยินนับจากนั้น ทุกสิ่งรอบตัวกำลังเงียบสงัดเพราะไม่มีใครพูดอะไรอีกนอกจากผู้ชายสองคนที่กำลังยืนจ้องหน้ากันตรงนี้
อึดอัดที่สุด...
มันเป็นบรรยากาศที่อึดอัดมาก ๆ ถึงจะเป็นเพียงการยืนมองหน้ากันธรรมดา แต่ทำไมผมถึงมีความรู้สึกว่ามันกำลังวุ่นวาย เป็นความวุ่นวายที่ไม่วุ่นวาย...
"เอ่อ...พี่ภูมิ เรากลับบ้านกันเถอะนะครับ" ผมตัดสินใจเอ่ยทำลายบรรยากาศตรงนี้ขึ้น ก่อนจะลากพี่ชายเจ้าของบ้านกลับไปที่ดูคาติคันสูงทันที
หันมาเห็นพี่เสือที่ยังยืนอยู่ตรงนั้น ผมโค้งหัวให้เขาเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาหาพี่ชายอีกคนที่ผมลากเขามาถึงรถได้สำเร็จ พร้อมกับรีบหยิบหมวกกันน็อคขึ้นมาสวม ก่อนจะบอกให้คนตรงหน้าให้รีบออกรถไปโดยเร็วที่สุด
ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเองรู้สึกดีอยู่ไม่น้อยเวลาที่พี่ภูมิแสดงออกเหมือนว่าเป็นห่วง ทุกครั้งที่เขาทำแบบนี้หัวใจผมมันก็จะเต้นแรงตลอด จนผมมั่นใจแล้วล่ะว่าตัวเองไม่ได้ใจสั่นให้กับอีกคนแค่เวลาได้อยู่ใกล้ ๆ เท่านั้น
แต่มันสั่นให้ทุกครั้ง...ทุกการกระทำ
มันสั่นเพราะเขาคนเดียว
ผมคงจะชอบเขาเข้าแล้วจริง ๆ
tbc.
เป็นพรุ่งนี้ที่หายไปนานเกือบสี่เดือน
ขอโทษครับ จากนี้จะกลับมาแล้วจริง ๆ ที่รัก
lafinz
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย