ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หมี่ไม่ได้เนิร์ด - end. (hermit books)

    ลำดับตอนที่ #5 : 05 : กลิ่นเธอเหมือนทาร์ตไข่

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ค. 62





    หมี่ไม่ได้เนิร์ด

    05 : กลิ่นเธอเหมือนทาร์ตไข่
    หรือทาร์ตไข่กลิ่นเหมือนเธอ








              "เจ๊ ผมอยากเล่นกีตาร์"
              "แกจะเล่นไปทำไม ตอนเรียนก็เห็นบ่นว่าน่าเบื่อไม่ใช่เหรอ"
              "ตอนนั้นน่ะใช่ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว"

              เพราะว่าเขาอยากเล่นกีตาร์ให้ปุยเมฆฟังบ้าง ถึงหมี่จะไม่ถนัดเรื่องดนตรีสักเท่าไหร่ แต่เพื่อปุยเมฆหมี่ต้องทำให้ได้

              "แล้วแต่แก อยากเล่นก็ไปซื้อเอา อ้อ ส่วนเงินน่ะไปขอเตี่ยนะ ช่วงนี้ฉันช็อต" 

              น้องเล็กสุดของบ้านพยักหน้ารับคำตามที่พี่สาวพูด แต่เขาไม่ขอเงินเตี่ยหรอกเพราะว่ามีอยู่แล้ว หมี่ตั้งใจไว้สักพักแล้วว่าจะซื้อกีตาร์ก็เลยเก็บเงินเอา ตอนนี้ก็พอดีเลยกับตัวที่เล็งไว้

              "งั้นผมให้คน ๆ นึงมาสอนที่บ้านได้ไหมครับ?" 

              คุณหมอฟันคนเก่งหันขวับมามองน้องชายหลังจากที่เจ้าตัวยุ่งพูดคำนั้น "จะให้ใครมาสอน?"
              "รุ่นพี่น่ะครับ"
              "รุ่นพี่ที่ไหน?"
              "น่า ไม่เสียเงินหรอกเจ๊"

              เพราะหมี่จะจ่ายเอง...

              "ก็ได้ แล้วแต่แกแล้วกัน" 

              ได้ยินคุณข้าวจี่พูดแบบนั้นหมี่ก็สบายใจ ทีนี้ก็เหลือแค่รุ่นพี่คนนั้นแล้วล่ะว่าจะยอมมาสอนเขาไหม แต่ถ้าไม่ยอมก็จะตื๊อจนกว่าจะยอมอยู่ดี เพราะปุยเมฆน่ะ .. ขี้ใจอ่อนจะตายไป






    //

              "ไม่รับ"


              มันคือเรื่องบ้าบอที่เมฆค้านหัวชนฝา

              "ทำไมล่ะครับ แค่สอนกีตาร์ผมเองนี่นา"

              ไอ้เด็กหมี่ก็ยังคงตามตื๊อเขา นี่มันว่างมากขนาดนั้นเลยเหรอถึงจะให้เขาไปสอนกีตาร์มันเนี่ย จะเรียนไปทำไมไม่เห็นมันทำอะไรได้เลย

              "ทำไมอยู่ดี ๆ ก็อยากเรียน มีแผนอะไรไหนพูด" เมฆหันไปถามไอ้เด็กยักษ์ตรง ๆ ซึ่งเจ้าตัวก็ยังเอาแต่ทำหน้าเจื่อน

              "พี่เห็นผมเป็นคนยังไงเนี่ย"
              "จะให้พูดจริงดิ?"

              ไอ้เด็กหมี่นั่งเงียบไปแล้ว มันทำตาหลุกหลิก คงจะคิดหาวิธีเอาตัวรอดอยู่ล่ะสิท่า มันน่ะร้าย ร้ายอยู่ภายใต้แว่นเนิร์ด ๆ ของมันนั่นแหละ

              "ถ้าไม่เชื่อ ผมให้คุยกับเจ๊ก็ได้นะ" ว่าแล้วมันก็หยิบมือถือขึ้นมาทันทีจนเมฆร้องห้ามไว้ไม่ทัน ยังไม่ได้ตอบอะไรมันก็ยกหูขึ้นเสียแล้ว

              ทำไมเอาแต่ใจขนาดนี้นะ!

              "เจ๊ ผมอยู่กับพี่เมฆแล้วนะครับ"

              เมฆได้แต่ถอนหายใจอยู่ข้าง ๆ มัน เขายังไม่ได้ตกลงอะไรเลยด้วยซ้ำ แล้วดูมันยังมีหน้ามายิ้มแบบนั้นอีกนะ

              "สวัสดีครับ" สุดท้ายเมฆก็ต้องจำใจคุยกับคนในสายเพื่อไม่ให้เสียมารยาท เห็นมันเรียกว่าเจ๊ ก็คงจะเป็นพี่สาวที่ชื่อข้าวจี่นั่นแหละถ้าเขาจำไม่ผิด

              [สวัสดีค่ะ พี่เป็นพี่สาวตาหมี่ เราชื่อเมฆใช่ไหม]
              "ครับ"
              [โอเค เมฆช่วยสอนกีตาร์ให้น้องหน่อยนะ พี่ก็ไม่รู้ว่าวันดีคืนดีมันจะอยากเรียนไปทำไมเหมือนกัน]
              "แต่ว่าผม..."
              [พี่รู้ว่าเราคิดอะไร เอาเป็นว่าพี่จะบอกว่ามันน่ะไม่จริงจังขนาดนั้นหรอก"
              "..."
              [ถ้ามันเบื่อเดี๋ยวมันก็เลิก]

              ถ้าเบื่อเดี๋ยวก็เลิก...

              [เมฆเข้าใจที่พี่พูดใช่ไหมคะ]

              เมฆกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เป็นความจริงอย่างที่พี่สาวมันบอก เบื่อเดี๋ยวก็เลิกไปเอง เด็กก็มีอยู่แค่นั้น

              "ครับ...ตกลงครับ"
              [โอเคจ้า ขอบใจมากนะเมฆ]

              ปลายสายกดวางไปแล้ว เมฆยื่นโทรศัพท์คืนให้เจ้าของ พร้อม ๆ กับที่คนข้างกายเอาแต่มองมาด้วยแววตาตื่นเต้น

              "ตกลงที่ว่าคือยอมไปสอนผมใช่ไหมครับ?"
              "เด็กนิสัยไม่ดี แอบฟังผู้ใหญ่คุยโทรศัพท์ได้ไง"
              "โธ่ ตอบเร็ว ๆ สิครับปุยเมฆ"

              ไม่รู้ว่าทำไมเมฆถึงหลุดยิ้มให้กับท่าทางเด็กน้อยของมัน นี่สินะที่เขาบอกว่าเด็กน่ะ เอาแต่ใจแล้วก็ดื้อรั้น 

              "อืม แค่เฉพาะเสาร์อาทิตย์นะ" 
              "เยส!"
              "ดีใจอะไรขนาดนั้น?"
              "ก็จะได้เจอพี่บ่อยขึ้นแล้วไง"

              ไร้สาระที่สุด คนเราจะดีใจกับอะไรไร้สาระแบบนี้ได้ด้วยหรือไงนะ ไม่เข้าใจมันเลยจริง ๆ 

              "งั้นผม...เอ่อ เตี่ยจะโอนเงินให้เป็นค่าจ้างนะครับ พี่เมฆเอาเลขบัญชีมาเลย" 

              เมฆได้ยินแบบนั้นก็เลยหันขวับไปมองมันอย่างเอาเรื่อง "ไม่เป็นไร จะจ่ายทำไมแค่นี้เอง"

              "ไม่ได้ ถือเป็นค่าเสียเวลาไงครับ" เด็กนั่นค้านหัวชนฝา เมฆก็ไม่รู้หรอกว่าเงินมันเหลือกินเหลือใช้ขนาดนั้นเลยหรือไง แต่ตราบใดที่ยังหาเงินเองไม่ได้เมฆก็ไม่อยากให้มันฟุ่มเฟือย

              "งั้นจบคอร์สค่อยจ่ายทีเดียวละกัน" แต่ดูท่าเด็กหัวรั้นก็คงจะไม่ยอมเมฆก็เลยต้องตัดปัญหาด้วยการพูดแบบนั้น 

              "ก็ได้ครับ งั้นวันนี้ให้ผมไปส่งนะ" แล้วมันก็วนเข้าไดอะล็อกเดิม แม้จะขับรถวนรอบแม่น้ำฮันแต่สุดท้ายมันก็หาเรื่องกลับไปเชจูอยู่ดี เมฆล่ะยอมตรงนี้เลย

              เพราะทำอะไรไม่ได้เขาก็เลยต้องเลยตามเลย มันก็ดีหรอกที่ไม่ต้องนั่งรอรถเมล์นาน ๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่มันจะต้องมาคอยรับส่งเขาไหม พี่ยามใต้ตึกจะจำหน้ามันได้แล้วเนี่ย เดี๋ยวก็โดนล้อกันพอดี

              "หมวกครับ" หมวกสีชมพูถูกยื่นมาให้ เมฆเอื้อมไปรับมันก่อนจะสวมอย่างชำนาญเพราะว่าใส่ค่อนข้างบ่อย อีกเดี๋ยวจะกลายเป็นของเมฆแล้ว เขาคิดว่างั้นนะ

              "เกาะแน่น ๆ นะน้องนะ"

              เขาถลึงตาใส่ไอ้เจ้าของรถที่หันกลับมายิ้มเยาะยียวน มาเรียกเขาว่าน้องตัวเองเด็กกว่าเขาตั้งสี่ปี ถึงขาจะยาวกว่าก็เถอะแต่เมฆก็มียศเป็นพี่มันหรอก!

              คาวาซากินินจาโลดแล่นไปตามถนน โดยมีคนขับเป็นเด็กมอปลายส่วนคนซ้อนท้ายเป็นเด็กช่าง เมฆเริ่มจะชินแล้ว...จะพูดอย่างนั้นได้ไหมนะ แต่มันก็ไม่รู้สึกแปลกเหมือนครั้งแรกแล้วก็คงใช่
              รถคันสีดำสริทจอดลงที่หน้าตึกอีกครั้ง เมฆถอดหมวกกันน็อกคืนให้มัน พร้อมกับที่เด็กยักษ์ตรงหน้าเปิดกระจกสีขาวขึ้นมามองกัน

              "พี่จะไม่ชวนผมขึ้นห้องจริง ๆ เหรอ" 

              แล้วดูคำถามของมันสิ!

              "ไม่ ทำไมต้องชวน?"
              "สักครั้งก็ไม่ได้เลยงี้"
              "ไม่ได้"
              "แต่ผมหิวน้ำนะ"
              "เซเว่นอยู่ข้างหน้า"
              "เมื่อยขาด้วย อยากนั่งอะ"
              "ม้านั่งอยู่นู่น"
              "โอ๊ย ปวดท้องจัง"
              "แอคติ้งไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่"

              เขาพูดพร้อมกับหันหลังให้มันทันที จะให้ไอ้เด็กนั่นเห็นได้ไงว่าเมฆกำลังยิ้มน่ะ ดูความพยายามของมันสิ ดูแต่ละอย่างที่มันสรรหามาทำเข้า

              "เดี๋ยวครับพี่เมฆ" 

              เสียงนุ่ม ๆ นั่นเรียกเขาไว้อีกครั้ง เมฆหันกลับมามองเด็กโย่งที่กำลังยื่นถุงทาร์ตไข่มาให้แล้วก็ต้องขมวดคิ้วยุ่ง "ให้ทำไม นี่ไม่ใช่วันศุกร์นะ"

              "กับพี่ต้องมีวันอะไรด้วยเหรอ คนพิเศษก็พิเศษทุกวันนั่นแหละ" ถึงมันจะเป็นเสียงพูดอู้อี้อยู่ในหมวกกันน็อกแต่เมฆก็ได้ยินมันชัดแจ๋วทุกคำ 

              เขาเดินไปรับถุงทาร์ตไข่นั่นมาถือไว้ ถึงจะอยากอ้วกมากแค่ไหนก็ตามกับพูดเน่า ๆ ของมัน แต่เมฆรู้ว่ามันยังมีคำพูดที่เน่ามากกว่านี้ในคลังอีกเยอะแน่เลย

              เด็กช่างหน้าตี๋เดินออกมาแล้ว พร้อม ๆ กับที่เสียงทุ้ม ๆ ของบิ๊กไบค์เคลื่อนตัวออกไป เขายกถุงทาร์ตไข่ของมันขึ้นมาดูช้า ๆ เพราะรู้ว่ามันก็คงจะแปะโพสต์อิทและคำพูดเสี่ยว ๆ มาด้วยเหมือนเดิม ซึ่งก็ไม่ผิดนัก เมฆบอกแล้วว่าเด็กยักษ์นั่นน่ะมีคำพูดเลี่ยน ๆ พวกนี้ในโกดังอีกเยอะ ถ้าคิดว่าที่วันนี้ได้ยินน่ะเลี่ยนแล้ว พรุ่งนี้ก็จะได้ยินสิ่งที่เลี่ยนกว่านี้อีกเป็นร้อยเท่าเลย

              ผมอยากเป็นทาร์ตไข่กล่องนี้จัง
              จะได้รู้ว่าความรู้สึกที่พี่ชอบผมบ้างมันเป็นยังไง .



































              "จับคอร์ดให้ถูกสักทีสิวะ"

              มันเป็นรอบที่ร้อยแล้วที่เมฆพูดคำนั้น เขาคิดถูกแล้วที่ไม่เรียนครูเพราะถ้าต้องมาเจอลูกศิษย์แบบนี้เมฆคงฆ่ามันตายแน่ ๆ 

              "ยากอะ ผมจำไม่ไหวแล้วเนี่ย" มันงอแง ปากบาง ๆ นั่นเบะคว่ำเหมือนเด็กที่พ่อแม่ซื้อขนมมาให้ไม่ถูกใจ

             เมฆนั่งมองเด็กยักษ์ที่เอาแต่ทำหน้าเป็นตูดอยู่ตรงนี้ อยู่ในบ้านของมันที่หลังโคตรใหญ่ ใช้คำนั้นได้เลยถ้าคนพิจารณาคนนั้นคือเมฆ ลำพังเขาหาเงินทั้งชีวิตคงไม่มีทางมีบ้านหลังโตขนาดนี้แน่ ๆ ที่บอกว่าเป็นลูกคุณหนูก็คือไม่ผิดเลยสักนิด ก็เรียกแบบนั้นได้จริง ๆ นี่

              "ชอบบ้านผมรึเปล่าครับ ถ้าชอบก็ย้ายเข้ามาอยู่ได้นะ ตำแหน่งลูกสะใภ้คนเล็กยังว่าง"

              เมฆกระแทกศอกลงเบา ๆ ที่ท้องของเด็กขี้มโนจนอีกคนทำหน้าจุก มันสวมแว่นเหมือนเดิมแต่ไม่ได้อยู่ในชุดนักเรียนซึ่งก็แปลกตาดีไม่น้อย ผมทรงนักเรียนที่มีหน้าม้ายาว ๆ นั่นก็ดูเข้ากับใบหน้านี้ได้ดี เมฆแอบเห็นมันมีรูหูด้วยแต่ไม่ยักกะได้ใส่อะไรคงจะเป็นเพราะผิดระเบียบโรงเรียน รวม ๆ แล้วเด็กหมี่ก็ถือว่าเป็นเด็กที่หน้าตาดีคนนึงเลยนะ ดีจนเมฆคิดว่ามันคงจะหาแฟนที่ดีได้ไม่ยากแล้วทำไมถึงยังมาขลุกอยู่กับเขาก็ไม่รู้

              "พี่เมฆครับ"

              เสียงนุ่มเอ่ยเรียกกันเบา ๆ มันทำให้เมฆสะดุ้งเล็กน้อย เพราะว่าเผลอมองมันอยู่นาน

              "มองนานแบบนี้เดี๋ยวผมก็ฉุดขึ้นห้องหรอกครับ"
              "ทำได้ก็ลองดูดิ"
              "นี่พี่กล้าท้าผมในบ้านผมเลยเหรอ?"
              "เออ แล้วจะทำไม?"

              เมฆยักคิ้วให้มันหนึ่งทีให้รู้ว่าเขาไม่กลัวมันหรอก ก่อนที่เด็กโย่งมันจะยกยิ้มช้า ๆ ยิ้มแบบที่เมฆเริ่มจะไม่แน่ใจแล้วว่าที่เล่นแบบนี้กับมันน่ะคิดถูกหรือคิดผิด

              "เฮ้ย!"

              แล้ววินาทีต่อมาก็ได้รู้ว่าเขาคิดผิดจริง ๆ 

              "ปล่อยนะเว้ย!"

              เมฆพยายามจะดิ้นและร้องประท้วง ก็เด็กนั่นมันลุกมาช้อนตัวเขาขึ้นพาดบ่าอย่างง่ายดาย แบบที่เมฆก็ยังตกใจว่าอะไรมันจะง่ายขนาดนั้น เขาก็ไม่ได้ตัวเล็กนะ น้ำหนักตัวก็ค่อนข้างจะเยอะเลยด้วย แต่ทำไมไอ้เด็กนี่มันหิ้วเขาได้สบาย ๆ แบบนี้กันวะ!

              "พี่ท้าผมก่อนนะครับ"
              "ปล่อยเลย! ถ้าลงไปได้เองมีเรื่องแน่"

              เขาก็ยังไม่หยุดดิ้น เด็กหมี่มันก็ยังไม่หยุดเดินเหมือนกัน ไปเอาแรงมาจากไหนเยอะแยะเนี่ย!

              "เหรอครับ บังเอิญผมอยากมีเรื่องพอดี" :)

              ไอ้เด็กบ้า! 
              เมฆไม่รู้ตัวแล้วว่าตัวเองดิ้นแบบไหนบ้าง ขาทั้งสองข้างโดนมันรวบไว้ เขาถูกไอ้เด็กเจ้าของบ้านมันอุ้มขึ้นมาบนห้องจริง ๆ ก่อนมันจะวางเขาลงบนเตียงแล้วเอาตัวเองมาคร่อมเขาไว้

              "อย่าทำอะไรบ้า ๆ นะเด็ก" เขาขู่มัน แขนทั้งสองข้างโดนคนข้างบนล็อกเอาไว้ มันไม่ได้แน่นหรอกแต่ก็ไม่สะดวกนักที่จะลุกหนี เพราะร่างทั้งร่างของมันวางทับอยู่บนร่างเขาแบบนี้ไง

              "ผมไม่เด็กแล้วนะครับ..." 

              คำ ๆ นั้นเอื้อนเอ่ยออกมาแผ่วเบา จะไม่อะไรทั้งสิ้นถ้ามันไม่พูดคำว่า 'ไม่เด็ก' แล้วลากสายตามองลงต่ำแบบนั้น

              "โตพอจะเป็นผัวพี่แล้วด้วยนะ"

              แล้วเขาก็ได้รู้ว่ามันกำลังคิดอะไรพิเรนทร์ ๆ อยู่นั่นแหละ

              "อย่ามาทะลึ่งนะหมี่ ปล่อยเดี๋ยวนี้"

              มันเป็นอีกครั้งที่เมฆกำลังรู้สึกประหม่าจนใจเต้นแรง เขารู้ว่ากำลังพูดเชิงสั่งมัน ทำเหมือนตัวเองเหนือกว่าทั้งที่ตอนนี้เหมือนลูกหมาตัวเล็ก ๆ ใต้อาณัติ

              โคตรไม่เป็นเมฆเลย ..

              "พี่เคยจูบกับใครหรือยังครับ" มันถามเมฆตาแป๋ว แบบที่เขาเองก็ยังแปลกใจว่าอะไรที่ทำให้มันถามคำถามน่ากระอักกระอ่วนออกมาด้วยใบหน้านิ่ง ๆ ได้แบบนั้น 

              "ก็ต้องเคยสิ ไม่ใช่เด็กแล้วนะ" เมฆเองก็ตอบไปตามความจริง เขาก็จะเบญจเพสแล้วในอีกไม่กี่ปี เรื่องแบบนั้นมันก็ต้องมีกันบ้าง อีกทั้งเขาก็เป็นผู้ชายอกสามศอกแมน ๆ 

              ยกเว้นก็แต่กับผู้ชายด้วยกัน...

              "แล้วพี่อยากเป็นจูบแรกของผมไหม"

              แล้วมันก็เป็นคำนั้น ที่ทำให้เมฆเข้าใจคำว่าหัวใจกระตุกวูบมันเป็นยังไง ยังไม่มีคำตอบอะไรเอื้อนเอ่ยออกมาจากปากของตัวเองราวกับสมองโล่ง ใบหน้าของเด็กมอปลายกำลังโน้มลงมาใกล้มากขึ้น ปลายผมม้ายาว ๆ แตะลงบนใบหน้าเขาและตอนนั้นเองที่เมฆรู้ตัวว่ามันเริ่มจะอันตรายเกินไปแล้ว

              "หยุด!"

              อันตรายต่อความรู้สึกของเขาเอง

              "ถ้าไม่หยุดจะไม่มาสอนอีก .. เด็ดขาด"

              เขาตั้งใจจะยื่นคำขาดออกไปแบบนั้น เจ้าของห้องที่เป็นแค่เด็กสิบแปดแต่สูงลิบหยุดการกระทำทุกอย่างลงแล้ว ร่างโย่ง ๆ นั่นผละออกไป เป็นโอกาสให้เมฆได้โกยอากาศเข้าสู่ปอดของตัวเองอีกครั้งหลังจากทำมันหล่นหายไปนาน .. เกือบจะตายจริง ๆ 

              "พี่เล่นขู่กันแบบนี้หมี่ก็แพ้สิครับ"

              เจ้าของใบหน้าตี๋ยันตัวเองขึ้นมาจากเตียงขนาดใหญ่ ใช้สองมือจัดเสื้อผ้าที่เลิกขึ้นไม่เรียบร้อยให้เข้าที่ กับผมเผ้าที่กระเซอะกระเซิงนี่ด้วย พลางก็มองไปยังเด็กคนนึงที่ยืนทำหน้างออยู่ปลายเตียง ตอนนั้นเองที่มันทำท่าจะเดินเข้ามาใกล้อีกครั้งเมฆก็เลยเผลอถอยหลังกรูด

              "จะทำอะไร .. อย่าเข้ามาใกล้!" เขาชี้หน้ามัน ก่อนเด็กหน้ามึนจะเปลี่ยนหน้างอ ๆ เหมือนลูกแมวเป็นลูกสิงโตร้าย ๆ อีกแล้ว

              "แค่จะช่วยจัดผมให้พี่เองครับ" มันพูดพร้อมกับเอาหน้าเข้ามาใกล้จนเมฆต้องถอยหลังไปอีกหนึ่งคืบ "หรือพี่เมฆอยากทำอย่างอื่นต่อล่ะ?"

              "ถอยไปเลย!" เขาเอื้อมมือไปผลักมันแรง ๆ จนเด็กยักษ์มันยอมถอยห่าง

              เมฆมองตามมันทุกฝีก้าว เกลียดจริง ๆ รอยยิ้มที่เหมือนอยู่เหนือกว่าของมันน่ะ เขาไม่ทันตั้งตัวเฉย ๆ หรอก ลองมีอีกครั้งสิไอ้เด็กนี่ได้นอนจมกองเลือดแน่

              "นี่กีตาร์ผม" มันเดินไปหยิบกีตาร์โปร่งจากมุมนั้นขึ้นมาถือไว้ ก่อนจะเดินลงมานั่งบนเตียงข้าง ๆ เมฆ ซึ่งเขาก็ไม่ลืมเว้นระยะห่างจากมันหรอกนะ เด็กอะไรมือไวฉิบ "พี่สอนผมเล่นเพลงนี้แล้วกัน จะได้ค่อย ๆ จำคอร์ดไปด้วย"

               เมฆรับกระดาษใบนั้นมาถือไว้ แอบเหลือบมองมันอยู่เป็นระยะ ๆ เมื่อเห็นว่ามันยอมอยู่นิ่ง ๆ แล้วจึงหันกลับมาตั้งใจสอนกีตาร์ต่อ

              "ตรงนี้คือซี อันนี้ดี" เขาจับให้ดูว่านิ้วไหนอยู่ตรงไหน ความจริงเมฆก็ไม่ได้เก่งหรอกแค่เล่นได้ แต่ถ้าเทียบกับเด็กนี่เขาน่าจะเทพเลยล่ะ "นี่เล่นไม่เป็นจริงเหรอเนี่ย?"
              "ครับ ผมไม่ค่อยสันทัดพวกดนตรีเท่าไหร่ ไม่ค่อยฟังเพลงด้วย"
              "แล้วไปนั่งฟังกูร้องเพลงทุกอาทิตย์เนี่ยนะ?"
              "อ่า...ครับ"

              เมฆหัวเราะออกมาเล็กน้อยให้กับเด็กตรงหน้าที่โดนเขาจับได้ คนตัวสูงกว่าเมฆยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยแก้เก้อ มองดูท่าทางเงอะงะเพราะไปไม่เป็นของมันแล้วตลกดีชะมัดเลย

              "ถึงผมจะไม่ค่อยฟังเพลงแต่ผมก็รู้ว่าใครเสียงเพราะไม่เพราะนะครับ ผมชอบเสียงพี่เมฆนะ .. ชอบพี่ด้วย

              คนโดนหยอดต่อหน้านั่งนิ่งไปเล็กน้อย เขาก็โดนชมแบบนี้มาบ่อย ๆ แหละ ความฝันเขาก็คืออยากเป็นนักร้อง แต่ด้วยอะไรหลาย ๆ อย่างมันไม่เป็นใจให้ทำตามฝันนี่สิ

              "เล่นต่อเถอะ นี่คอร์ดจี" เขาเล่นเพลง ๆ นี้ให้มันฟัง ถ้าไม่ติดว่าเกินหน้าที่ก็คงจะร้องคลอไปด้วยแล้ว เห็นไอ้เด็กหมี่มันตั้งใจเรียนก็ค่อยใจชื้นหน่อย เมฆไม่อยากรับเงินเขามาโดยที่ลูกเขาไม่ได้อะไรกลับไปหรอกนะ

              เสียงกีตาร์ดังคลอไปกับบรรยากาศเย็น ๆ ของเครื่องปรับอากาศ พอได้จับกีตาร์แล้วก็จะโดนดูดเข้าไปทุกทีเลย รู้ตัวอีกครั้งก็ตอนที่มีบางอย่างกำลังคลอเคลียอยู่ที่ข้างหู เมฆถึงต้องหันไปมองแล้วก็พบว่าเป็นไอ้เด็กหมี่!

              "ทำอะไรน่ะ?" เขาใช้มือข้างนึงผลักมันไว้ ใบหน้าใส ๆ นั่นยังคงมองอยู่ใกล้ ๆ นี่เมฆจะเผลอตอนอยู่กับมันไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียวเลยใช่ไหมเนี่ย

              "ตัวพี่หอมจังเลยครับ"
              "หยุดเลย"
              "ปากพี่ก็..."
              "หมี่"

              เมฆรู้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ก็เลยรีบขัด เด็กนี่ชักจะแก่แดดไปแล้ว เผลอหน่อยเป็นไม่ได้

              "จะไม่เล่นแล้วใช่ไหมกีตาร์เนี่ย?"
              "เล่นครับเล่น แต่อยู่ใกล้พี่ผมไม่ค่อยมีสมาธิเลยอะ"
              "เหรอ งั้นไปนั่งหน้าห้องน้ำนู่นไป"

              ว่าพร้อมชี้นิ้วไล่มันด้วย เด็กหมี่ทำหน้างอ เดินคอตกไปนั่งอยู่หน้าโต๊ะคอมฯ ที่ค่อนข้างรกของมัน แปลกดีที่เมฆคิดว่าห้องมันน่าจะเนี้ยบกว่านี้ ดูแล้วน่าจะเป็นเด็กเรียนแต่ห้องกลับมีแต่รถแล้วก็รถ 

              เจ้าของห้องนั่งอยู่ตรงข้ามเมฆ มันเอาแต่จ้องจนคนทางนี้เริ่มจะทำตัวไม่ถูก จะด่ามันก็คงไม่สะทกสะท้าน ตอนนี้ก็คงจะกำลังคิดคำเลี่ยน ๆ มาหยอดเมฆอยู่แน่ ๆ 

              "ผมว่าพี่ควรเลิกกินทาร์ตไข่ได้แล้วนะ"

              มันว่า พร้อมกับยกมือขึ้นมาเท้าคางแล้วนั่งมองเมฆ ส่วนคนที่คิดอะไรไม่ทันก็ต้องคิ้วขมวดยุ่ง อยู่ดี ๆ มันก็มาบอกให้เลิกกินทาร์ตไข่ทั้งที่มันน่ะตัวดีเลย ชอบซื้อมาฝาก

              "ทำไมต้องเลิกกิน?" เมฆถามเจ้าของห้องอีกครั้ง มันก็ยังเอาแต่ยกยิ้มกวน ๆ ถ้าให้เดาก็คงไม่พ้นเรื่องพิลึก ๆ ที่มันกำลังคิดอยู่ในหัวนั่นแหละ

              "ก็กลิ่นพี่เริ่มจะเหมือนทาร์ตไข่ขึ้นไปทุกวันแล้ว .. น่ากินโคตร ๆ เลย"

              นั่นไง ..
              เดาอะไรมันไม่เคยผิดเลยจริง ๆ ..









    tbc.
    ชอบก็บอกไป มีใจก็เมนต์มา
    ฝันดีนะครับพ้ม
    lafinz
    B
    E
    R
    L
    I
    N
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×