ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หมี่ไม่ได้เนิร์ด - end. (hermit books)

    ลำดับตอนที่ #6 : 06 : จับมือไว้ ผมจะได้ไม่หลง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.86K
      850
      5 พ.ค. 62


    หมี่ไม่ได้เนิร์ด

    06 : จับมือไว้ ผมจะได้ไม่หลง







              "จะโทรมาอะไรนักหนา"

              มีไม่กี่คนหรอกที่ทำให้เมฆใช้น้ำเสียงแบบนี้ในการคุยด้วย

              [โหย ทำไมทักว่าที่แฟนแบบนี้ล่ะครับ]

              หนึ่งในนั้นคือไอ้เด็กจอมตื๊อที่ชื่อหมี่ซั่ว

              "ตีนนะหมี่ ใครจะเป็นแฟนมึง"

              คำถามก็คือมันได้ไลน์เมฆไปได้ยังไง คำตอบก็คือเมื่อวานก่อนกลับบ้านที่มันเอาแต่ตื๊อเขา

              'ผมไม่ให้พี่มาสอนที่บ้านก็ได้ แต่พี่ต้องให้ไลน์ผมนะ'
              'เกี่ยวเหรอ เรื่องอะไรต้องให้ด้วย'
              'เกี่ยวสิครับ ผมจะได้วีดิโอคอลเรียนกับพี่ได้ไง'

              นั่นแหละ...ถ้าเขาไม่ให้มันก็ไม่ยอมปล่อยเขากลับบ้าน ส่วนผลที่ได้เป็นยังไงน่ะเหรอ ถ้านับเอาไว้นี่ก็คงเป็นรอบที่สิบแล้วของวันนี้ที่มันโทรมา

              [อะ ๆ สงสัยไม่อยากเป็นแค่แฟน งั้นเป็น...]
              "หุบปากลงไปเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้เด็กบ้า"
              [เนี่ย คำก็เด็ก สองคำก็เด็ก]

              ปลายสายบ่นอุบอิบ

              [เด็กแล้วไง .. เด็กก็ผัวพี่ไหมครับ]

              ส้นตีน!
              เมฆโพล่งด่ามันในใจ เกือบจะปามือถือทิ้งแล้วถ้าไม่ติดว่าหมูแฮมมันนั่งจ้องอยู่

              "เก็บปากไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ก่อนจะไม่เหลือไว้กินข้าว" เขาแค่นเสียงให้หลุดออกมาจากปากเบา ๆ ข่มอารมณ์ของตัวเองเอาไว้สุดขีด แต่เด็กบ้าอีกฝั่งดันเอาแต่หัวเราะร่า

              [ได้ยินเสียงพี่ด่าแล้วกินข้าวอร่อยขึ้นมาเลยเนี่ย]
              "โรคจิต"

              เขาด่ามันอีกแล้ว เช้าก็โทร หมดคาบเรียนก็โทร แล้วนี่พักเที่ยงก็โทร ไม่รู้จะอะไรของมันนัก มีที่ไหนโทรมาให้เขาด่าแล้วจะกินข้าวอร่อย ก็เห็นมีแต่มันนี่แหละ

              [พี่เมฆกินข้าวกับอะไรครับ สนใจกินกับผมป้ะ]

              เมฆถอนหายใจใส่มันแบบที่อยากให้ปลายสายได้เห็นเหลือเกินว่าเขาโคตรจะแฮปปี้เลย โคตรจะแฮปปี้ที่ต้องมาคอยคุยเรื่องไร้สาระกับมันเนี่ย...เชื่อปะ

              [ไอ้หมี่ชั่ว มึงจะแดกข้าวถึงชาติหน้าไหมฮะ?]

              คนทางนี้นั่งนิ่ง ตักข้าวเข้าปากพลางนั่งฟังเมื่อปลายสายมีเสียงเจื้อยแจ้วของคนอื่นแทรกเข้ามา น่าจะเป็นเพื่อนของเด็กนั่น

              [มึงอย่าเรียกชื่อนี้ให้ว่าที่เมียกูได้ยินได้ปะ]
              [ถุย! พี่เขารำคาญมึงจะตายห่าอยู่แล้ว ใช่ไหมครับพี่]

              ใช่ ไอ้เด็กคนนี้พูดถูกมาก ๆ 

              [ไปไกล ๆ ตีน พี่เมฆอย่าไปฟังมันนะครับ มันอิจฉาที่ผมจะมีแฟนน่ารักกว่า]

              เป็นอีกครั้งที่เมฆเอาแต่ส่ายหัวมุ่น ต่างจากหมูแฮมที่กำลังนั่งมองเหตุการณ์อยู่ห่าง ๆ เห็นเพื่อนที่พูดเหมือนว่ารำคาญไอ้เด็กหัวกะโปกนี่นัก กลับเอาแต่นั่งยิ้มขำอะไรก็ไม่รู้ แถมมันยังเขี่ยข้าวเล่นไปมาเหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแบบนั้นอีก

              "วางไปได้แล้ว อีกห้านาทีเดี๋ยวจะขึ้นเรียน"

              นั่นไง มีการบอกให้เขาวาง ถ้ามันไม่อยากคุยมันตัดสายทิ้งเลยยังได้ ไม่สิ มันจะไม่กดรับสายเขาเลยต่างหาก!

              "อือ ตั้งใจเรียน"

              ตบเข่าฉาด! นี่มันไม่ปกติแล้วพูดตรงนี้!

              "ไอ้เมฆ มึงมีอะไรจะบอกกูไหม?" หมูแฮมถามออกไปแบบนั้น ซึ่งมันก็ทำให้เมฆคิ้วขมวดยุ่ง 

              เขาเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะหันมาถามเพื่อนที่นั่งจ้องตัวเองตาเขม็ง "บอกอะไรของมึง?"
              "ก็มึงไปสนิทกะไอ้เด็กนั่นจนโทรหากันแล้วอะ"
              "ก็มันขอไลน์"
              "มันขอ แล้วมึงก็ให้?"

              เมฆพยักหน้ารับไปตามความจริง ก็เขาให้มันไปแล้วจะให้ทำยังไงล่ะ หมูแฮมไม่ได้มาเผชิญชะตากรรมเดียวกันมันไม่รู้หรอก เวลาเด็กนั่นเอาแต่ใจน่ะเป็นที่สุดเลย 

              "ไอ้เมฆ มึงไม่ปกตินะรู้ตัวป้ะ" 

              คนโดนเพื่อนจ้องด้วยแววตาจับผิดก็ได้แต่ส่ายหัวกลบเกลื่อน ก่อนจะเดินถือจานข้าวของตัวเองไปเก็บไว้ตรงจุดล้างจานเพื่อหนีมัน 

              แต่นั่นมันก็ไม่ทำให้หมูแฮมตายใจหรอกนะ เกิดเป็นนายนภนท์เพื่อนเขาไม่เคยมานั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คุยกับใครแบบนี้

              เห็นทีไอ้เด็กหมี่ซั่วนั่นจะไม่ใช่แค่เด็กแว่นธรรมดาซะแล้ว ..





    //
             
              มันเป็นวิชาสุดท้ายของวันที่เมฆไม่ชอบมาก ๆ หันไปมองเพื่อนสนิทที่ฟุบหลับไปแล้วก็ได้แต่ส่ายหัว ถึงมาสเตอร์จะอนุญาตให้หลับได้ก็เถอะนะ แต่สำหรับเมฆมันก็ยังแปลก ๆ อยู่ดีที่ต้องมานอนในห้องเรียนแบบนี้

              ตอนนั้นเองที่บางอย่างในกระเป๋ากางเกงสั่นขึ้นมาเบา ๆ เมฆหยิบมันขึ้นมาดูอีกครั้ง แล้วก็พบว่าเป็นข้อความจากเด็กจอมจุ้นที่เอาแต่โทรหาเขาทั้งวันไม่หยุดไม่หย่อนแบบนี้

    MR.M
              -ผมรออยู่ที่หน้าวิทลัยนะครับ
              -อยากมากินข้าวเย็นกับพี่

              ทำอะไรไม่ปรึกษากันอีกแล้ว เขาไม่ได้ว่างจนจะไปกินมื้อเย็นกับมันได้ทุกวันเสียหน่อย 

              เมฆเก็บมือถือเข้าไว้ที่เดิม เพราะอะไรไม่รู้เหมือนกันที่ทำให้เขายิ้มออกมาในตอนนี้ อาจจะเป็นเพราะตลกดีล่ะมั้ง ตลกดีที่ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดกับเมฆ อยู่ดี ๆ ก็มีเด็กมัธยมมาตามจีบ

              ตลกที่สุด ..

              "มึงยิ้มอะไรอะ?" ไอ้คนที่นอนหลับอยู่งัวเงียตื่นขึ้นมาจับผิดเมฆ เขารีบหุบยิ้มแล้วตีหน้าปกติก่อนจะหันไปตอบมันนิ่ง ๆ 
              "ยิ้มให้น้อง น้องสาวกูไลน์มา"
              "จริงอะ?"
              "จริง"

              ไอ้นี่ก็จับผิดกันอยู่ได้ คิดว่าเมฆจะไปอะไรกับเด็กนั่นหรือยังไง เขาไม่ค่อยอะไรกับผู้หญิงก็ใช่ว่าจะชอบผู้ชายเข้าง่าย ๆ นะ ยิ่งกับเด็กหมี่ขี้กวนนั่นยิ่งไม่ต้องคิดเลย เมฆไม่มีทางชอบมันแน่ ๆ ไม่มีทาง...


              ดวงอาทิตย์ตอกบัตรเลิกงานในเวลาจวนจะหกโมง เป็นเวลาเดียวกับที่แสงนีออนเริ่มจะเข้ามาทำงานแทนที่ในกะใหม่ เมฆเดินออกมาที่หน้าวิทยาลัยเฉกเช่นปกติ ทำเป็นว่ามองไม่เห็นไอ้เด็กที่กำลังยืนล้วงกระเป๋ากางเกงพิงบิ๊กไบค์สีดำสนิทอยู่ตรงนั้น 

              ผมม้าของมันเริ่มจะยาวมากจนลงมาปิดตาเรียว ๆ นั่น มันเป็นผมทรงที่วัยรุ่นสมัยนี้ทำกันทั่วไปนั่นแหละ แต่ด้วยความที่เด็กหมี่นี่มันดูโตเหลือเกินจากขาที่ยาวมาก ๆ ของมัน เลยกลายเป็นว่าถ้าไม่มีชุดมัธยมนั่นเมฆก็คงจะดูไม่ออกเลยว่านี่เป็นแค่เด็กอายุสิบแปดน่ะ

              เสี้ยววินาทีที่มันหันมาเห็นเขา รอยยิ้มมุมปากนั่นฉุกขึ้นอีกครั้งก่อนจะโบกมือหย็อย ๆ มาทางนี้ เมฆเดินข้ามถนนไปหาคนที่อยู่อีกฝั่งนึง พร้อมกับที่หมวกกันน็อกใบเดิมถูกยื่นมาให้อีกแล้ว

              "กินอะไรดีครับ" เด็กตัวสูงโย่งถามในขณะที่ก้าวขาพาดนินจาคันโปรดของมัน ว่าแต่จะมาถามเมฆทำไม มันต่างหากที่เป็นคนบอกว่าหิวข้าวน่ะ

              "บะหมี่ท้ายตลาดไหมล่ะ ร้านนั้นอร่อยคนไม่เยอะ" ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เมฆเป็นคนตัดสินใจเลือกร้านเพื่อตัดปัญหา 

              "พี่ชอบกินบะหมี่เหรอครับ"

              เจ้าของบิ๊กไบค์หันมาถามตาใส ซึ่งเมฆก็พยักหน้ารับไปเพราะเขาก็ชอบทุกอย่างนั่นแหละที่มันไม่แพง แต่ก็ลืมคิดไปว่าคนอย่างไอ้เด็กหมี่มันคงไม่ถามอะไรเพียงแค่เพราะอยากรู้หรอก

              "แล้วอยากกินหมี่นี้บ้างไหม" :)

              เชื่อหรือยังล่ะว่ามันน่ะร้าย .. 

              "ไม่กินหมี่ชั่ว" เมฆเอื้อมมือไปผลักใบหน้านั้นที่กำลังยิ้มอยู่ใกล้ ๆ ให้ออกห่าง สวมหมวกกันน็อกใบนั้นไว้ที่หัว ก่อนจะก้าวขาขึ้นซ้อนท้ายมันเพื่อให้จบเรื่อง

              เด็กอะไรหลีเก่ง ลูกเล่นแพรวพราวขนาดนี้คงไม่ขาดแคลนสาว ๆ สินะ มีใบหน้าซื่อ ๆ และบุคลิกเด็กเรียนเป็นเกราะกำบัง แต่นิสัยที่แท้จริงน่ะแสนเจ้าเล่ห์เลย

              "พี่เมฆเดินนำเลยครับ" 

              เจ้าของนินจาพูดขึ้นมาทันทีที่เรามาถึงตลาดและหาที่จอดรถได้สำเร็จ เมฆเดินนำตามที่อีกคนบอก แต่จากตรงนี้ก็ต้องเดินลัดเลาะตลาดไปอีกไกลพอสมควร 
              
              คนชำนาญพื้นที่ก็เดินอย่างคล่องตัว ต่างจากไอ้ลูกคุณหนูข้างหลังที่ดูเก้ ๆ กัง ๆ คงจะชินกับการเดินในห้างมากกว่าเดินตามตลาดนัดแบบนี้ ตอนนั้นเองที่เมฆมัวแต่สนใจของกินข้างทาง รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มือโดนใครบางคนคว้าไปจับไว้เขาถึงต้องหันขวับไปมองมันอย่างคาดโทษ

              "ผมกลัวหลงนี่นา ขอจับแป๊บเดียวนะครับ" 

              แต่เหมือนเด็กหมี่มันจะรู้ตัวว่ากำลังจะโดนเขาด่า ถึงได้รีบหาข้ออ้างมาพูดขึ้นก่อนแบบนั้น ไหนจะยังทำหน้าอ้อน ๆ เหมือนที่มันชอบทำนั่นแหละ แล้วเมฆก็ทำอะไรไม่ได้ทุกที

              เขาปล่อยให้มันจับมืออยู่อย่างนั้น จากตอนแรกที่ก็แค่จับข้อมือ จนค่อย ๆ กลายมาเป็นการประสานนิ้วมือเข้าหากันไปเสียแล้ว เห็นไอ้เด็กยักษ์เอาแต่ยิ้มเมฆก็อดจะหมั่นไส้มันไม่ได้ แต่จะด่ามันก็ใช่เวลา เมฆจะถือว่ายอมให้เพราะปล่อยมันรอนานก็แล้วกัน

              "ทำไมมือพี่เล็กนิดเดียวเอง" เสียงนุ่มนั่นพูดขึ้นอีกครั้งในขณะที่สองเท้าก็ก้าวเดินไปเรื่อย ๆ 

              "มือมึงใหญ่ไปต่างหาก"
              "ตัวพี่ก็เล็ก"
              "นั่นก็เพราะว่ามึงมันเด็กยักษ์ไง"

              เมฆได้ยินมันหัวเราะอยู่ใกล้ ๆ เขาพยายามไม่สนใจมันอยู่ ไม่อยากรู้หรอกว่าตอนนี้มันยิ้มแบบไหน แต่เขาน่ะไม่เป็นตัวเองที่สุดเลย...

              บางทีก็คิดว่ามันจะสนใจอะไรบ้างไหม การที่มันกล้าเดินจับมือกับเขาแบบนี้ ต่อหน้าคนมากมายที่เดินผ่านไปมาขนาดนี้ มันจะสนใจบ้างรึเปล่าว่าเขาจะมองยังไง เขาจะนินทามันด้วยคำไหน เมฆมองไม่เห็นจุดนั้นเลยสักนิด เขามองเห็นแต่ไอ้เด็กหมี่ที่เอาแต่ยิ้มกว้าง ยิ้มเหมือนมีความสุขเหลือเกินที่ได้ทำแบบนั้น 

              ยิ้มเหมือนมีความสุขเหลือเกินที่ได้เดินจับมือกับเขา ..

              "เอาบะหมี่เกี๊ยวน้ำสองที่ ทานนี่ครับ" เจ้าถิ่นเป็นคนจัดการทุกอย่างอีกแล้ว เมฆเดินไปสั่งอาหารรวมถึงยกน้ำมาเสิร์ฟไอ้คุณหนูที่นั่งเหงื่อแตกอยู่ที่โต๊ะ ก็นิสัยขี้ร้อนของมันนั่นแหละ พามาเดินตลาดทีไรเป็นแบบนี้ตลอด แต่ก็ยังอยากจะมาอยู่ได้

              "ดูแลดีตั้งแต่ยังไม่เป็นแฟนเลยนะเนี่ย ได้เป็นแฟนจะขนาดไหนอะ" 

              เจ้าของแว่นกลมที่นั่งอยู่ตรงข้ามมันแซวเมฆ เขาก็เลยแกล้งวางกระแทกแก้วน้ำลงบนโต๊ะแรง ๆ จนเด็กมันทำหน้าเหวอ "เงียบปากไป"
              "ไม่ได้หรอก ถ้าจะให้เงียบต้องมีอะไรมาอุดปากนะครับ"
              "นี่ไงบะหมี่ กินเข้าไปสิ"
              "อันนี้อุดปากผมไม่ได้หรอก เปลี่ยนเป็น .. เอาปากพี่มาแทนก็น่าจะได้อยู่นะ"

              แทบจะทันทีที่เมฆปากระดาษทิชชู่ไปใส่ไอ้เด็กจอมทะลึ่ง "มีแต่ตีนนี่แหละ จะเอาไหม?"

              ได้ยินมันร้องอู้หูในคอก่อนจะชูมือขึ้นเหนือหัวเป็นเชิงยอมแพ้ ในหัวมีแต่เรื่องทะลึงตึงนังหรือไงนะ มันชักจะแก่แดดเหลือเกินอายุแค่นี้

              "อร่อยดีนะครับ" เด็กตรงข้ามเมฆพูดขึ้นมาอีกแล้ว สองมือก็ตักบะหมี่เข้าปากอย่างหิวโหย ท่าทางมื้อเที่ยงที่กินไปคงจะย่อยหมดแล้วแน่ ๆ 

              "ถ้าบอกว่าอร่อยก็ต้องอร่อยอยู่แล้ว ลองกินเกี๊ยวกรอบเข้าไปด้วยสิ" เมฆบอกอย่างนั้น ซึ่งเด็กน้อยตัวโย่งก็ทำตามอย่างว่าง่าย มันตักเกี๊ยวเข้าปากแล้วก็เคี้ยวตุ้ย ๆ ซดน้ำตามอีกหนึ่งช้อนใหญ่ ๆ ทำเหมือนไม่เคยกินบะหมี่หน้าเซเว่นอย่างนั้นน่ะ "ค่อย ๆ กินเดี๋ยวก็สำลักหรอก"

              มันเป็นปกติที่คนมีน้องสาวจะชอบหยิบทิชชู่ไปเช็ดปากให้น้องตอนที่กินเลอะ แต่ก็ไม่รู้เหมือนว่าพอทำให้เด็กนี่บ้าง ความรู้สึกมันจะต่างกันได้ลิบลับขนาดนี้

              "พี่เมฆ อย่าน่ารักเรี่ยราดสิครับ"
              "อะ...อะไร ก็แค่เช็ดปาก"

              เขาชักมือของตัวเองกลับมาแล้ว ก้มหน้าก้มตากินบะหมี่ในชามโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองมันอีก ตอนนั้นเองที่เด็กหมี่มันย้ายที่นั่งจากตรงข้ามมานั่งใกล้ ๆ เขาถึงต้องหันกลับไปมองมันอีกครั้งจนได้

              "มานั่งเบียดทำไมเนี่ย?"
              "ก็ไม่อยากมองหน้าพี่อะ กลัวจะอดใจไม่ไหว"
              "บ้าป้ะ อดใจไม่ไหวเรื่องอะไร?"

              เขาถามพร้อมกับคิ้วสองข้างที่ขมวดยุ่ง มองเด็กข้างกายที่เอาแต่ยกยิ้ม ก่อนใบหน้าใส ๆ นั่นจะโน้มเข้ามาใกล้ ค่อย ๆ เอ่ยกระซิบบางคำที่ข้างหู

              "เพราะพี่น่ารักเกินไปไงครับ"

              มันทำให้เมฆขนลุกวาบ...

              เขาผลักมันออกไปแล้ว เป็นครั้งแรกที่รู้สึกไม่ชอบบะหมี่ที่ป้าให้มาค่อนข้างเยอะ ทำไมมันกินยังไงก็ไม่หมดสักที เขาไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่อยากอยู่ใกล้ไอ้เด็กขี้เต๊าะนี่แล้วจริง ๆ!

































              ลมเย็น ๆ พัดผ่านห้องนอนที่เปิดประตูระเบียงไว้กว้าง ผ้าม่านสีขาวพลิ้วไปตามแรงโน้มถ่วงสู่ร่างกายเปลือยเปล่าที่นอนแผ่อยู่บนเตียงหลังจากอาบน้ำเสร็จ 

              ความสุขนึงนอกจากการฟังเพลงก็คงจะเป็นการได้คุยกับน้องสาวนี่แหละ สองมือเลื่อนดูรูปที่เด็กน้อยส่งมาให้แล้วก็ยิ้ม มันเป็นรูปในวันประกวดอะไรสักอย่างซึ่งใบไหมของเขาถูกจับแต่งตัวซะสวย สวยจนพี่ชายก็อดจะห่วงไม่ได้ว่าถ้าโตไปกว่านี้จะทำยังไงดีไม่ให้ตัวเองเป็นบ้าเพราะหวงน้อง

    Moohamm
              -ไอ้เมฆทำไร

              จังหวะที่กล่องแชตเด้งขึ้นมานั้นเป็นจังหวะที่เขากำลังจิ้มรูปน้องดูพอดี เลยกลายเป็นว่าเขากดเปิดแชตมันขึ้นมาอ่านซะงั้น ไม่อย่างนั้นเมฆก็ไม่อ่านหรอก แชตไร้สาระของไอ้หมูแฮมน่ะ

    Mek.
              -นอน

    Moohamm
              -ได้ไงวะ
              -ไปกินเหล้ากัน
              -พวกไอ้เตไอ้ตึ๋งก็ไป กูตกลงไปละ

    Mek.
              -ขี้เกียจ

    Moohamm
              -น่า เดี๋ยวกูไปรับ
              -อีกยี่สิบนาที อาบน้ำรอเลย เคนะ
              -แค่นี้แหละ

              มันถามแล้วไม่ฟังกันแบบนี้จะถามทำไมวะ

              เมฆวางโทรศัพท์ไว้ข้างตัวเนือย ๆ ทำไมไอ้พวกนี้มันชอบชวนไปกินเหล้านักก็ไม่รู้ ก็รู้อยู่ว่าเขากินไม่เก่ง กินทีไรก็มีแต่จะเมาทุกที

              ยี่สิบนาที เลตนิด ๆ ไอ้หมูแฮมมันก็มารับจริง ๆ เมฆต้องจำใจแต่งตัวอย่างช่วยไม่ได้ แล้วตอนนี้เขาก็ลงมาหามันทั้งที่หน้ามึน ๆ นี่ไง

              "ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อย เดี๋ยวพวกมันก็หาว่ากูบังคับมึงหรอก" มันพูด ก่อนจะเอื้อมมือมาตบหน้าเมฆเบา ๆ สองสามครั้ง

              "ก็มึงบังคับกูจริง ๆ อะ"
              "ก็เห็นมึงเอาแต่ทำงาน กูเป็นห่วง อยากให้หาเวลาไปปลดปล่อยบ้าง"

              เหตุผลเหมือนจะดี แต่เกิดเป็นไอ้หมูแฮมเนี่ยนะจะมาใส่ใจคนอื่น คิดจะแกล้งอะไรเขาอยู่รึเปล่าก็ไม่รู้ ยิ่งมีเพื่อนในแก๊งไปด้วยอีก พวกมันยิ่งดูจะสนุกเหลือเกินเวลาเห็นเมฆเมาน่ะ

              "ไปได้แล้ว ขึ้นรถสิคะที่รัก"
              "คะพ่อง"

              ไม่อยากด่ามันแต่ก็อดไม่ได้ คนอะไรกวนตีนได้โล่เลย

              เมฆส่งตัวเองขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายบนพีซีเอ็กซ์ของมัน ก่อนรถคันใหญ่จะเคลื่อนตัวมาเรื่อย ๆ ที่ร้านเหล้าร้านประจำที่เขารู้จักดี ทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะก็พบกับสองชีวิตที่นั่งกันอยู่ก่อนแล้ว กับเสบียงที่มีอยู่เต็มโต๊ะเลย

              "อ้าว ๆ กูว่าละไอ้สองผัวเมียคู่นี้มันต้องมาด้วยกัน" เปิดการทักทายไม่ค่อยเข้าหูเท่าไหร่ด้วยตึ๋ง สาวมีดุ้นที่หน้าสวยผิวสวย แต่ปากนี่หมาอย่างกับกินเข้าไปทั้งคอก

              "ทำไมวะ คนเขาอยู่กินด้วยกันก็ต้องมาพร้อมกันเป็นธรรมดา ใช่ไหมจ้ะที่รักจ๋า" แล้วไอ้หมูแฮมมันก็ดันไปเล่นกับเขาอีก มีการมาเกาะไหล่โอบเอวเมฆด้วย ขนลุก

              "พอเลยพวกมึงอะ" 

              คนโดนแซวเดินไปนั่งที่ริมสุดพร้อมกับแก้วน้ำที่ถูกยื่นมาให้อย่างรู้งาน สองคนนี้เป็นเพื่อนที่รู้จักกันตอนเมฆกับหมูแฮมไปฝึกงาน เลยจับพลัดจับผลูมาเป็นเพื่อนที่ก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าจะสนิทกันขนาดนี้

              "เป็นไงบ้างพวกมึง สบายดีนะ?" 
              "ดีนิดหน่อย ใกล้จะจบก็จะยุ่งอยู่กับโครงการอะ"
              "เซมจ้า ไม่มีเวลาไปหาผัวเลยเนี่ย วัน ๆ ขลุกอยู่แต่กับหน้ากระดาษ เอ้าพวกมึง รินเหล้าให้อีเมฆหน่อยจ้า"

              นั่นไง ออกทะเลไปไกลแล้วยังไม่ลืมวกกลับเข้ามาเรื่องนี้ แล้วไอ้สองตัวนี่ก็ให้ความร่วมมือดีด้วยนะ แต่ว่าใส่เหล้าขนาดนั้นมันก็เมาตั้งแต่แก้วแรกกันพอดี!

              "เออ ละมีฟงมีแฟนกันหรือยังพวกมึงอะ อย่าให้แพ้ชะนีเทียมอย่างฉันนะยะ ไม่อดอยากนะจ้ะจะบอก" ตึ๋งว่าพร้อมกับยกไม้ยกมือขึ้นในแบบของเขา 

              "กูอะไม่มี มีแต่ไอ้เมฆอะ พวกมึงรู้ป้ะว่ามีเด็กมาตามจีบมัน" 

              นั่น แล้วมึงจะเล่าทำพระมังคุดอะไรวะเนี่ยแฮม...

              "ว้ายตายจริงดิ!? เหลามาให้หมดเลยอย่าให้เหลือ"

              เมฆยกแก้วขึ้นดื่มทำเป็นไม่สนใจ ถึงไม่เล่าวันนี้วันหน้าพวกมันก็ต้องรู้อยู่แล้ว คนอย่างหมูแฮมน่ะนะจะปิดอะไรได้นาน

              "เป็นเด็กมอปลายกางเกงน้ำตาล"
              "กางเกงน้ำตาล...ผู้ชาย?"
              "เยส"
              "อุ๊บส์...อีเมฆ"

              ว่าแล้วตึ๋งมันก็หันมากวาดสายตามองเมฆแล้วก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย เขารู้หรอกว่ามันคิดอะไรอยู่ สายตาแบบนั้น "เด็กมันก็แค่เล่นสนุกน่ะ มึงอย่าไปฟังไอ้แฮมมันมาก"

              "สนุกน่ะรู้ เพราะวัยนี้เป็นวัยอยากรู้อยากลองอยู่แล้ว แต่ทำไมมันเลือกจีบเด็กช่างกะโปโล ผมหยิกหน้ามึนอย่างมึงนี่สิอีเมฆ"

              เมฆส่ายหัวอีกครั้ง ยกแก้วขึ้นดื่มเพราะเหนื่อยจะเสวนาเรื่องนี้แล้ว มาถามเขาแล้วเขาจะรู้ไหม ไปถามไอ้เด็กหมี่นู่น 

              "มึงมองหน้ากูทำไมนัก?" เขาถามไอ้ตึ๋ง เพราะเห็นว่ามันนั่งจ้องกันมาสักพักแล้ว ไม่รู้จะอะไรนักหนา

              "กูก็กำลังจินตนาการถึงหน้ามึงตอนอยู่บนเตียง"
              "ตีนเหอะ!"
              "อ้าว กูผิดอะไรอะ มีแฟนก็ต้องมีเรื่องนี้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว มานี่กูจะบอกเคล็ดลับให้ฟังนะจ้ะ"
              "กูไม่ได้อยากรู้..."
              "แต่มึงต้องรู้! ฟังนะเมฆ มึงอยู่คนเดียวตลอดไปไม่ได้ ชีวิตมีแค่ครั้งเดียวนะเว้ย ทำไมไม่ใช้ให้สุดวะ พังก็พัง เสียตูดก็เสียตูดดิ"
              "พ่องอะ!"

              เขากำลังจะตรงเข้าไปเล่นงานเพื่อนแต่ก็โดนไอ้หมูแฮมที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ดึงเสื้อเอาไว้ได้ก่อน
              
              พวกมันควรไปพัก
              คิดเรื่องอะไรแต่ละอย่าง ดี ๆ ทั้งนั้น

              หมูแฮมมันก็ยังคงขุดเรื่องนั้นเรื่องนี้มาเล่ากับสองคนนั้นต่อไป คนคุยไม่เก่งอย่างเมฆก็เลยได้แต่นั่งฟัง มีเรื่องตลกก็ขำตาม รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่โลกของเขาเริ่มจะกลายเป็นลูกไฟเม็ดเล็ก ๆ ไปแล้ว

              "อ้าว อีตัวคออ่อนเริ่มจะออกอาการซะละ"

              เมฆคิดว่าเขาได้ยินเสียงของพวกมันครบถ้วนทุกถ้อยคำนะ แต่แค่ไม่มีแรงเอาหัวขึ้นจากโต๊ะไปตอบพวกมันเท่านั้นเอง ตามันหนัก หัวก็หนัก พลันจะปิดลงให้ได้ตลอดเวลาเลย

              "เมฆ ไอ้เมฆ" หมูแฮมที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เอื้อมมือไปเขย่าร่างของเพื่อนไปมา ส่ายหัวให้กับความอ่อนของมันอีกครั้ง แม่งไม่เคยจะอยู่รอดจนจบงานเลี้ยงเลยให้ตาย

              "อ่อนขนาดนี้อย่าปล่อยให้ไปแดกกับกลุ่มอื่นที่ไม่ใช่พวกเรานะ" 

              หมูแฮมหันไปหัวเราะเบา ๆ หลังจากที่เตพูดคำนั้น หันไปเห็นสภาพของเพื่อนที่นอนฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ตอนนั้นเองที่เขาคิดอะไรดี ๆ ขึ้นมาได้เหมือนกัน 

              "ตึ๋ง มึงอยากเจอเด็กที่มาจีบมันป้ะ?" คนตัวสูงที่สุดในกลุ่มว่าพร้อมกับส่งถั่วลิสงเม็ดเล็กเข้าไปในปาก

              ทันทีที่แนวร่วมพยักหน้ารับหงึกหงัก ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของสองชีวิตบวกกับความขี้แกล้งของคนตรงนี้ มันทำให้หมูแฮมเอื้อมไปดึงมือถือเครื่องนั้นออกมาจากกระเป๋ากางเกงของคนเมา กดเข้าแอปพลิเคชั่นไลน์ ก่อนจะกดหาเจ้าของชื่อนั้นเพราะไอ้เมฆจอมมึนมันก็คุยอยู่ด้วยไม่กี่คนหรอก

              [ครับพี่เมฆ]

              รอสายอยู่สักพัก เสียงของไอ้เด็กนั่นก็ดังขึ้นมา พร้อมกับที่คนในโต๊ะชะโงกหน้าเข้ามาฟังด้วยความตื่นเต้น

              "นี่กูเองนะ เพื่อนไอ้เมฆ" เพราะว่าเปิดสปีกเกอร์โฟนก็เลยได้ยินกันหมด คนสนุกที่สุดก็เห็นจะเป็นคนต้นคิดนี่แหละ มันจะมีแรงแอคทีฟบางอย่างทุกครั้งเวลาที่ได้แกล้งเพื่อน

              [มีอะไรรึเปล่าครับ]
              "อืม ไอ้เมฆมันเมามาก มึงมารับมันหน่อยได้ป้ะ พวกกูยังเมาไม่สุดเลยอะ"
              [...]

              ปลายสายเงียบลงไปแล้ว ซึ่งเขาเองก็รอลุ้น ไอ้เด็กแว่นนี่จะจริงจังกับเพื่อนเขาแค่ไหนวะ แต่ถ้ามันไม่ยอมออกมานี่ก็พอจะเดาได้แล้วล่ะ

              "นี่น้อง ทำไมมึงเงียบไปวะ มาไม่ได้เหรอ?"
              [ผมกำลังเดินไปหยิบกุญแจรถครับ]

              แล้วคำพูดนั้นก็ทำให้คนในกลุ่มร้องอู้หูใส่กันเบา ๆ 
              เด็กมันใจว่ะ ไม่ธรรมดาเว้ย

              [พวกพี่อยู่ร้านไหนครับ]
              "เอ่อ ร้านเหล้าชิงชิงซอยห้าสิบอะ มึงมาถึงก็บอก พวกกูจะพามันไปรอหน้าร้าน"

              รอจนปลายสายขานรับรู้เรื่องแล้วจึงกดวาง ทั้งสามชีวิตมองตากันอย่างรู้งานกับรอยยิ้มพอใจที่แผนสำเร็จ ตอนแรกแฮมคิดว่ามันจะไม่มาซะแล้ว ที่ไหนได้ไม่ต้องพูดให้ถึงสามคำแม่งก็เชื่อเลย โคตรเอา

              "กูว่าอีเมฆเจอของจริงแล้วว่ะ"

              อือ แฮมก็คิดว่าอย่างนั้นเหมือนกัน...










    tbc.
    เอาแล้วพี่เมฆ
    เทอจะเมาจนไม่รู้เรื่องไม่ได้นา
    :)
    lafinz
    B
    E
    R
    L
    I
    N
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×