คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : Ep.22 - Sandbag
UNagain.22 – Sandbag
“อ๊ากกกกกกกกก~~!”
เกลกรีดร้องพลางลงไปดิ้นพล่านกับพื้นชวนอนาถจิต
ทันทีที่สัญญาณต่อสู้ได้เริ่มขึ้น
ลิโป้ก็พุ่งเข้ามากวัดดาบใส่ขาทั้งสองข้างของเขาอย่างฉับพลัน
ผลลัพธ์ก็คือเกลล้มตึงกับพื้นทิ้งให้ขาตนแยกออกไปทั้งอย่างนั้น
“ข–ขา! ขาชั้นนนน! แม่ง! แม่งเอ๊ยยยยย~~!”
เขายังคงแหกปากลนลานจนทุกคนต้องถอนหายใจ
ลิโป้ซึ่งจับจ้องเกลอยู่ถึงกับเดาะลิ้นเหลือบมองเขาราวกับเศษขยะเพียงย่อมหนึ่ง
“น่าสมเพช”
เขาว่า,พลางโยนดาบทิ้งลงพื้น
ร่างสูงใหญ่กลับไปนั่งเก้าอี้ไม้ตามเดิมราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นมาก่อน ขณะเดียวกันพอปัญหาถูกคลี่คลาย
คนรอบข้างจึงแยกย้ายจางหายกันไปตามทาง
สิ่งที่เหลืออยู่คงมีแต่สายตาเหยียดหยามและการดูถูก
กระนั้นเกลซึ่งขดตัวแน่นก็ทำได้แค่กุมแผลฉกรรจ์ไม่อาจตอบโต้ความรู้สึกเหล่านั้นได้
ทางด้านเทียนเหมยเมื่อเห็นชายหนุ่มบาดเจ็บจึงรีบพุ่งเข้าไปช่วยทันที
“โค,หยิบขามาต่อเร็ว!”
“เข้าใจแล้ว!”
ทั้งคู่ตอบรับอย่างรวดเร็ว
โคนำขาที่ขาออกมาวางทาบติดกับรอยต่อ
จังหวะนั้นเทียนเหมยจึงยกมือร่ายมุทราตบสองมือเข้าหากันดัง แปะ! แล้วเอ่ย “ผืนน้ำแทนชีวิต สองมือแทนคำภาวนา,ภัยอันตรายนั้นล้วนมิอาจย่างกรายต่อมวลน้ำสายนี้————”
ตรงพลันบังเกิดแสงสีฟ้าขึ้น
“จงปรากฏต่อหน้าข้า【จิวาล•กา•จอล์】”
พริบตา,แผลของเกลกลับเริ่มสมานตัวเข้าหากันอย่างไม่น่าเชื่อ
ร่างของเขาซึ่งเหงื่อโทรมกายกลับผ่อนคลายขึ้นทีละน้อย กระทั่งผ่านไปราวนาทีเศษ
เทียนเหมยจึงค่อยคลายมือลง
บาดแผลฉกรรจ์เมื่อครู่ ตอนนี้กลับเลือนหายไปจนหมดสิ้น
เกลตะลึงค้างไม่คาดคิดว่า【จิวาล•กา•จอล์】จะทำได้ถึงขนาดนี้
กระทั่งอาการหอบเมื่อครู่เองก็ถูกลบล้างไปพร้อมกับความเจ็บปวดราวกับไม่เคยมีเกิดขึ้นมาก่อน
ทว่าพอมองเทียนเหมยซึ่งเหงื่อแตกพลั่กเกลก็ถึงกับตระหนก
“พี่เทียนเหมย,เป็นอะไรรึเปล่า?”
“ไม่...ไม่เป็นไร,ก็แค่ผลข้างเคียงจากการใช้ <อาคม> ประเภทรักษาอย่างหนักน่ะ”
“อย่างหนัก..?”
“ค่อยพูดก็แล้วกัน ว่าแต่นายเถอะ,ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง? ไม่เจ็บตรงไหนแล้วใช่ไหม?”
“อ่า.....ครับ”
เทียนเหมยยิ้มขึ้นพอใจก่อนจะเดินเซไปยังม้านั่งใกล้ๆ
ส่วนโคก็ยื่นมือพยุงเกลเดินตามหลังไปติดๆ
ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะเดิม
ทั้งที่เหตุการณ์พึ่งผ่านมาได้ไม่ถึงนาทีแท้ๆ
“ขอโทษนะ.....เป็นเพราะชั้นแท้ๆ————”
เกลพึมพำ,โคซึ่งพยุงเขามานั่งข้างกับเทียนเหมยก็ไม่ได้พูดจาอะไรตอบ
แล้วครู่หนึ่งเขาจึงเกาแก้มแกรกว่า “อย่าคิดมากน่า,ตอนชั้นมาที่นี่ครั้งแรกก็เป็นแบบนายนั่นแหละ”
“ขาขาดอ่ะนะ?”
“เอ่อ...เปล่าหรอก,ขอชั้นแค่กระดูกหักน่ะ.........แต่เพราะอีกฝ่ายน่ะคือขุนพลในตำนานนี่นา
ถ้านายรอดมาได้โดยไม่เจ็บตัวสิถึงเรียกว่าแปลก
แล้วก็ที่นี่น่ะการถูกท่านลิโป้ตบจนกระอักเลือด...ก็ดูคล้ายๆกับการ <รับน้อง> ไปแล้วล่ะนะ จริงไหมครับเจ๊?”
“เออ...ของชั้นน่ะ,ถึงจะเป็นผู้หญิงก็ยังไม่มีลังเลเลยซักนิด
ตอนนั้นข้อมือชั้นนี่กระเด็นหายไปเลยล่ะ,กว่าจะรักษาได้ก็ใช้เวลาเป็นวันเลยทีเดียว”
ขนาดนั้นเลย..!?
“เพราะงั้นนะเกล————”
ตุบ!
“นายก็อย่าหงอยเพียงแค่ขาขาดสิ”
“......”
เธอกอดคอผมแล้วฉีกยิ้ม
เกลคิด...ว่านี่น่ะอาจเป็นการปลอบใจที่ดูพิลึกอยู่ซักหน่อย
อย่าหงอยเพราะขาขาดเนี่ยนะ? ฟังยังไงก็รู้สึกแหม่งๆชอบกล————แต่ก็นะ,การมีพรรคพวกมาคอยเป็นห่วงเนี่ย
ตัวเขาเองก็ไม่ได้สัมผัสต่อความรู้สึกนี้มาตั้งนานแล้วเหมือนกัน
ในใจลึกๆน่ะ...รู้สึกตื้นตันขึ้นมายังไงก็ไม่รู้สิ
.
.
“กลับมาแล้วจ้า~”
เทียนเหมยเปิดประตูบ้านดัง ปึง! อย่างร่าเริง
ดูเหมือนพอกำลังกายฟื้นกลับมานิสัยแอคทีฟก็เลยพลุ่งพล่านขึ้นมาล่ะมั้ง? ระหว่างที่เกลขบคิดในใจ ตรงหน้ากลับปรากฏชายหญิงคู่หนึ่งที่ตนไม่เคยเห็นมาก่อน
“ช้ามากค่ะ! นี่คุณไปเถลไถลที่ไหนมาคะ?”
“เอาน่า,ที่ทุกคนกลับมาก็ถือว่าดีแล้วนี่”
สองเสียงนั้นหากให้ระบุก็คือหนึ่งเด็กสาวที่ดูเอาแต่ใจวัย
13-14 กำลังยืนกอดตุ๊กตาหมีอยู่ในมือ กับอีกบุรุษซึ่งเค้าหน้ามีอายุเกือบ 40
ทว่ากลับคงภาพลักษณ์สุขุมจนให้ความรู้สึกว่าสง่าขึ้นมาตะหงิดๆ
ซึ่งพอดูๆไปสองคนนี้ก็เหมือนกับเป็นพ่อลูกเลยทีเดียว
“โทษทีๆเผอิญต้องพาคุณหน้าใหม่เข้าไปเรียนรู้น่ะ”
“หน้าใหม่?”
เด็กสาวเผยแววงุนงงจากนั้นจึงเบนสายตาจับจ้องมาทางเกลพลางหรี่ตาลงเล็กน้อย
“ลุงสินะ,หน้าใหม่ที่เขาลือกัน?”
“ล–ลุง..!?”
เสียมารยาท! เห็นอย่างนี้น่ะ,แต่ชั้นเพิ่งจะ 24 เองนะ!
“เอ่อ,คลาร่าจัง
หมอนี่น่ะยังอายุ 24 อยู่เลย เพราะงั้นเรียกว่า <พี่> แทนจะดีกว่านะ”
“เหอะ..!”
เธอเมินโคก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้านทิ้งให้พวกเขามองตามอย่างไร้แก่นสาร
ชายวัย 40 พอเห็นดังนั้นจึงหัวเราะร่วนเล็กน้อยพลางยื่นมืออกมาในท่าเช็คแฮนด์
“เด็กผู้หญิงก็งี้แหละ เธออย่าไปใส่ใจเลย
ชั้นชื่อ【ฉี】ยินดีที่ได้รู้จัก”
“อ่า,ผม【เกล】ครับ.....ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”
ทั้งสองทักทายพอเป็นพิธี
ก่อนจะเดินเข้าสู่ตัวบ้านเพื่อเตรียมตัวรับประทานมื้อเย็น แม้จะกล่าวว่ามื้อเย็น
ทว่าในนรกนี้จะอย่างไรก็มีเพียงช่วงเวลาเดียวคือฟ้าแดงเดือด
ดังนั้นการจะชี้จุดที่ว่าเป็นช่วงเวลาใดได้ก็เห็นจะมีแต่เพียงนาฬิกาไอน้ำซึ่งตั้งหราเด่นอยู่กลางห้อง
เทียนเหมยซึ่งมีทักษะดานทำครัวสูงกว่าทุกคน
ยามนี้กำลังจัดแจงเครื่องครัวและวัตระเตรียมวัตถุดิบอยู่กับเด็กสาวที่ชื่อคลาร่า
ระหว่างนี้เกล,โคและฉีจึงเปิดบทสนทนาไปโดยเรื่อยเปื่อย
“ฮะฮะฮะ....เธอนี่ทำเอาชั้นนึกถึงเมื่อก่อนเลย
ท่านลิโป้น่ะไม่เคยปราณีใครอยู่แล้ว,ตอนนั้นน่ะชั้นถึงกับเล็บขบเลยล่ะ” ฉีว่าพลางทำทีระลึกความหลัง ผิดกับเกลและโคซึ่งฝืนยิ้มออกมา
นี่ลุงสู้ยังไงให้เจ็บได้แค่เล็บขบฟะ..?
จากนั้นพอคุยกันมาซักพักเกลก็จับใจความได้ว่า หนึ่งคือฉีนั้นแกร่งแบบสุดๆไม่ใช่แค่จากปากเจ้าตัวกระทั่งโคก็ยังยืนยันเช่นนั้น
สองคือฉีมี【เมอร์ริธ】ถึง 8 จุด เลยทีเดียว
ซึ่งหากไม่ใช่เพราะทำบุญมาเยอะก็คงเป็นฝึกสมาธิมาหนักไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
และสุดท้ายคือฉีเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้
เจ้าตัวเล่าว่าตอนยังมีชีวิตนั้นตนเป็นถึงโค้ช <เทควันโด> ระดับทีมชาติ
ซึ่งจะด้วยเหตุใดก็ตามแต่จู่ๆฉีก็ดันโพล่งขึ้นว่าจะช่วยฝึกสอนวิชาให้
ด้วยเหตุนี้จึงนับว่าโชคดีที่มีครูมาติวให้ถึงที่
เพราะทริปฝึกวิชาก่อนหน้านี้ก็ดันเละจนเสียเวลาเปล่า
ด้านโคเองก็แนะนำเลยว่าฝีมือฉีนั้นเป็นของจริงแล้วเสริมด้วยว่าตนก็ได้ชายคนนี้ฝึกสอนมาแล้วเช่นกัน อย่างไรก็ดีก่อนที่ทั้งสามจะได้ฤกษ์ไปฝึกวิชา
เทียนเหมยก็เข้าแทรกมาพร้อมกับข้าวและสำรับ
ท่ามกลางบรรยากาศอันอบอุ่น
เกลกลับหลงลืมบางสิ่งไปโดยไม่รู้ตัว
۞۞۞
ความคิดเห็น