ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    UNagain ขอเกิดใหม่,พระเจ้า(ไม่)ให้

    ลำดับตอนที่ #22 : Ep.22 - Sandbag

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.24K
      125
      29 ธ.ค. 59

    UNagain.22 – Sandbag

    อ๊ากกกกกกกกก~~!”

    เกลกรีดร้องพลางลงไปดิ้นพล่านกับพื้นชวนอนาถจิต ทันทีที่สัญญาณต่อสู้ได้เริ่มขึ้น ลิโป้ก็พุ่งเข้ามากวัดดาบใส่ขาทั้งสองข้างของเขาอย่างฉับพลัน

    ผลลัพธ์ก็คือเกลล้มตึงกับพื้นทิ้งให้ขาตนแยกออกไปทั้งอย่างนั้น

    ขาขาชั้นนนนแม่งแม่งเอ๊ยยยยย~~!”

    เขายังคงแหกปากลนลานจนทุกคนต้องถอนหายใจ ลิโป้ซึ่งจับจ้องเกลอยู่ถึงกับเดาะลิ้นเหลือบมองเขาราวกับเศษขยะเพียงย่อมหนึ่ง

    น่าสมเพช

    เขาว่า,พลางโยนดาบทิ้งลงพื้น ร่างสูงใหญ่กลับไปนั่งเก้าอี้ไม้ตามเดิมราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นมาก่อน ขณะเดียวกันพอปัญหาถูกคลี่คลาย คนรอบข้างจึงแยกย้ายจางหายกันไปตามทาง

    สิ่งที่เหลืออยู่คงมีแต่สายตาเหยียดหยามและการดูถูก

    กระนั้นเกลซึ่งขดตัวแน่นก็ทำได้แค่กุมแผลฉกรรจ์ไม่อาจตอบโต้ความรู้สึกเหล่านั้นได้ ทางด้านเทียนเหมยเมื่อเห็นชายหนุ่มบาดเจ็บจึงรีบพุ่งเข้าไปช่วยทันที

    โค,หยิบขามาต่อเร็ว!”

    เข้าใจแล้ว!”

    ทั้งคู่ตอบรับอย่างรวดเร็ว โคนำขาที่ขาออกมาวางทาบติดกับรอยต่อ จังหวะนั้นเทียนเหมยจึงยกมือร่ายมุทราตบสองมือเข้าหากันดัง แปะแล้วเอ่ย “ผืนน้ำแทนชีวิต สองมือแทนคำภาวนา,ภัยอันตรายนั้นล้วนมิอาจย่างกรายต่อมวลน้ำสายนี้————”

    ตรงพลันบังเกิดแสงสีฟ้าขึ้น

    จงปรากฏต่อหน้าข้าจิวาลกาจอล์

    พริบตา,แผลของเกลกลับเริ่มสมานตัวเข้าหากันอย่างไม่น่าเชื่อ ร่างของเขาซึ่งเหงื่อโทรมกายกลับผ่อนคลายขึ้นทีละน้อย กระทั่งผ่านไปราวนาทีเศษ เทียนเหมยจึงค่อยคลายมือลง

    บาดแผลฉกรรจ์เมื่อครู่ ตอนนี้กลับเลือนหายไปจนหมดสิ้น

    เกลตะลึงค้างไม่คาดคิดว่าจิวาลกาจอล์จะทำได้ถึงขนาดนี้ กระทั่งอาการหอบเมื่อครู่เองก็ถูกลบล้างไปพร้อมกับความเจ็บปวดราวกับไม่เคยมีเกิดขึ้นมาก่อน ทว่าพอมองเทียนเหมยซึ่งเหงื่อแตกพลั่กเกลก็ถึงกับตระหนก

    พี่เทียนเหมย,เป็นอะไรรึเปล่า?”

    ไม่...ไม่เป็นไร,ก็แค่ผลข้างเคียงจากการใช้ <อาคมประเภทรักษาอย่างหนักน่ะ

    อย่างหนัก..?”

    ค่อยพูดก็แล้วกัน ว่าแต่นายเถอะ,ตอนนี้เป็นยังไงบ้างไม่เจ็บตรงไหนแล้วใช่ไหม?”

    อ่า.....ครับ

    เทียนเหมยยิ้มขึ้นพอใจก่อนจะเดินเซไปยังม้านั่งใกล้ๆ ส่วนโคก็ยื่นมือพยุงเกลเดินตามหลังไปติดๆ

    ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะเดิม

    ทั้งที่เหตุการณ์พึ่งผ่านมาได้ไม่ถึงนาทีแท้ๆ

    ขอโทษนะ.....เป็นเพราะชั้นแท้ๆ————”

    เกลพึมพำ,โคซึ่งพยุงเขามานั่งข้างกับเทียนเหมยก็ไม่ได้พูดจาอะไรตอบ แล้วครู่หนึ่งเขาจึงเกาแก้มแกรกว่า “อย่าคิดมากน่า,ตอนชั้นมาที่นี่ครั้งแรกก็เป็นแบบนายนั่นแหละ

    ขาขาดอ่ะนะ?”

    เอ่อ...เปล่าหรอก,ขอชั้นแค่กระดูกหักน่ะ.........แต่เพราะอีกฝ่ายน่ะคือขุนพลในตำนานนี่นา ถ้านายรอดมาได้โดยไม่เจ็บตัวสิถึงเรียกว่าแปลก แล้วก็ที่นี่น่ะการถูกท่านลิโป้ตบจนกระอักเลือด...ก็ดูคล้ายๆกับการ <รับน้องไปแล้วล่ะนะ จริงไหมครับเจ๊?”

    เออ...ของชั้นน่ะ,ถึงจะเป็นผู้หญิงก็ยังไม่มีลังเลเลยซักนิด ตอนนั้นข้อมือชั้นนี่กระเด็นหายไปเลยล่ะ,กว่าจะรักษาได้ก็ใช้เวลาเป็นวันเลยทีเดียว

    ขนาดนั้นเลย..!?

    เพราะงั้นนะเกล————”

    ตุบ!

    นายก็อย่าหงอยเพียงแค่ขาขาดสิ

    ......”

    เธอกอดคอผมแล้วฉีกยิ้ม

    เกลคิด...ว่านี่น่ะอาจเป็นการปลอบใจที่ดูพิลึกอยู่ซักหน่อย อย่าหงอยเพราะขาขาดเนี่ยนะฟังยังไงก็รู้สึกแหม่งๆชอบกล————แต่ก็นะ,การมีพรรคพวกมาคอยเป็นห่วงเนี่ย ตัวเขาเองก็ไม่ได้สัมผัสต่อความรู้สึกนี้มาตั้งนานแล้วเหมือนกัน

    ในใจลึกๆน่ะ...รู้สึกตื้นตันขึ้นมายังไงก็ไม่รู้สิ

    .

    .

    กลับมาแล้วจ้า~”

    เทียนเหมยเปิดประตูบ้านดัง ปึง! อย่างร่าเริง ดูเหมือนพอกำลังกายฟื้นกลับมานิสัยแอคทีฟก็เลยพลุ่งพล่านขึ้นมาล่ะมั้งระหว่างที่เกลขบคิดในใจ ตรงหน้ากลับปรากฏชายหญิงคู่หนึ่งที่ตนไม่เคยเห็นมาก่อน

    ช้ามากค่ะนี่คุณไปเถลไถลที่ไหนมาคะ?”

    เอาน่า,ที่ทุกคนกลับมาก็ถือว่าดีแล้วนี่

    สองเสียงนั้นหากให้ระบุก็คือหนึ่งเด็กสาวที่ดูเอาแต่ใจวัย 13-14 กำลังยืนกอดตุ๊กตาหมีอยู่ในมือ กับอีกบุรุษซึ่งเค้าหน้ามีอายุเกือบ 40 ทว่ากลับคงภาพลักษณ์สุขุมจนให้ความรู้สึกว่าสง่าขึ้นมาตะหงิดๆ

    ซึ่งพอดูๆไปสองคนนี้ก็เหมือนกับเป็นพ่อลูกเลยทีเดียว

    โทษทีๆเผอิญต้องพาคุณหน้าใหม่เข้าไปเรียนรู้น่ะ

    หน้าใหม่?”

    เด็กสาวเผยแววงุนงงจากนั้นจึงเบนสายตาจับจ้องมาทางเกลพลางหรี่ตาลงเล็กน้อย

    ลุงสินะ,หน้าใหม่ที่เขาลือกัน?”

    ลุง..!?”

    เสียมารยาทเห็นอย่างนี้น่ะ,แต่ชั้นเพิ่งจะ 24 เองนะ!

    เอ่อ,คลาร่าจัง หมอนี่น่ะยังอายุ 24 อยู่เลย เพราะงั้นเรียกว่า <พี่แทนจะดีกว่านะ

    เหอะ..!”

    เธอเมินโคก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้านทิ้งให้พวกเขามองตามอย่างไร้แก่นสาร ชายวัย 40 พอเห็นดังนั้นจึงหัวเราะร่วนเล็กน้อยพลางยื่นมืออกมาในท่าเช็คแฮนด์

    เด็กผู้หญิงก็งี้แหละ เธออย่าไปใส่ใจเลย ชั้นชื่อฉียินดีที่ได้รู้จัก

    อ่า,ผมเกลครับ.....ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน

    ทั้งสองทักทายพอเป็นพิธี ก่อนจะเดินเข้าสู่ตัวบ้านเพื่อเตรียมตัวรับประทานมื้อเย็น แม้จะกล่าวว่ามื้อเย็น ทว่าในนรกนี้จะอย่างไรก็มีเพียงช่วงเวลาเดียวคือฟ้าแดงเดือด ดังนั้นการจะชี้จุดที่ว่าเป็นช่วงเวลาใดได้ก็เห็นจะมีแต่เพียงนาฬิกาไอน้ำซึ่งตั้งหราเด่นอยู่กลางห้อง

    เทียนเหมยซึ่งมีทักษะดานทำครัวสูงกว่าทุกคน ยามนี้กำลังจัดแจงเครื่องครัวและวัตระเตรียมวัตถุดิบอยู่กับเด็กสาวที่ชื่อคลาร่า ระหว่างนี้เกล,โคและฉีจึงเปิดบทสนทนาไปโดยเรื่อยเปื่อย

    ฮะฮะฮะ....เธอนี่ทำเอาชั้นนึกถึงเมื่อก่อนเลย ท่านลิโป้น่ะไม่เคยปราณีใครอยู่แล้ว,ตอนนั้นน่ะชั้นถึงกับเล็บขบเลยล่ะ” ฉีว่าพลางทำทีระลึกความหลัง ผิดกับเกลและโคซึ่งฝืนยิ้มออกมา

    นี่ลุงสู้ยังไงให้เจ็บได้แค่เล็บขบฟะ..?

    จากนั้นพอคุยกันมาซักพักเกลก็จับใจความได้ว่า หนึ่งคือฉีนั้นแกร่งแบบสุดๆไม่ใช่แค่จากปากเจ้าตัวกระทั่งโคก็ยังยืนยันเช่นนั้น สองคือฉีมีเมอร์ริธถึง 8 จุด เลยทีเดียว ซึ่งหากไม่ใช่เพราะทำบุญมาเยอะก็คงเป็นฝึกสมาธิมาหนักไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และสุดท้ายคือฉีเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้

    เจ้าตัวเล่าว่าตอนยังมีชีวิตนั้นตนเป็นถึงโค้ช <เทควันโดระดับทีมชาติ ซึ่งจะด้วยเหตุใดก็ตามแต่จู่ๆฉีก็ดันโพล่งขึ้นว่าจะช่วยฝึกสอนวิชาให้

    ด้วยเหตุนี้จึงนับว่าโชคดีที่มีครูมาติวให้ถึงที่ เพราะทริปฝึกวิชาก่อนหน้านี้ก็ดันเละจนเสียเวลาเปล่า ด้านโคเองก็แนะนำเลยว่าฝีมือฉีนั้นเป็นของจริงแล้วเสริมด้วยว่าตนก็ได้ชายคนนี้ฝึกสอนมาแล้วเช่นกัน อย่างไรก็ดีก่อนที่ทั้งสามจะได้ฤกษ์ไปฝึกวิชา เทียนเหมยก็เข้าแทรกมาพร้อมกับข้าวและสำรับ

    ท่ามกลางบรรยากาศอันอบอุ่น เกลกลับหลงลืมบางสิ่งไปโดยไม่รู้ตัว

    ۞۞۞

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×