ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    UNagain ขอเกิดใหม่,พระเจ้า(ไม่)ให้

    ลำดับตอนที่ #21 : Ep.21 - Sandbag

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.54K
      120
      29 ธ.ค. 59

    UNagain.21 – Sandbag

    กว้างจังนะ....”

    ชายหนุ่มเปรยพลางจับจ้องไปเบื้องหน้า————สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่นั้นก็คือ <โรงเรียนตึกแบบปราสาทให้กลิ่นอายแบบโรมันนั้นกำลังตั้งตระหง่านอยู่ต่อหน้าเกล

    หลังจากพูดคุยกันจบ พวกเทียนเหมยและโคต่างก็คะยั้นคะยอเขาให้มาที่นี่ เพราะไม่มีเหตุให้ขัด,สุดท้ายเกลจึงเออออตามทั้งสองมาด้วยอย่างที่เห็น ณ จุดนี้คือส่วนหนึ่งในเขต 5-6 ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานศึกษา

    พอเดินเข้าไปก็พบกับผู้คนอันหลากหลายซึ่งคละเพศและวัยแตกต่างกันไป

    เรียกว่า <มหาลัยคงเหมาะกว่า

    พวกนายพาชั้นมาเรียนหนังสือเหรอ?”

    ตลก,นายโตซะขนาดนั้นแล้วยังจะเอาความรู้อะไรอีก?” โคตอกกลับมาแล้วเทียนเหมยจึงต่อ “ที่พานายมานี่ก็เพื่อจะฝึกสอนศิลปะการต่อสู้ยังไงล่ะ

    การต่อสู้คือ....เดี๋ยวก่อนนะ,ไอ้เรื่องสู้นี่ก็เข้าใจอยู่หรอก ว่าด้านนอกน่ะมีไอ้ตัวเบิ้มอยู่ แต่ว่าตอนนี้เราอยู่ในเมืองแล้ว ไอ้เรื่องสู้เนี่ยมันออกจะ––”

    ศัตรูของเราไม่ได้มีแค่ <อสุภะหรอกนะ ที่นอกเมืองเองก็มี <มนุษย์เป็นศัตรูด้วยเหมือนกัน

    <อสุรกายนั่นที่แท้ก็ชื่อ <อสุภะงั้นสินะ?————เกลขมวดคิ้วพยักหน้าขึ้นลงแล้วว่า

    มนุษย์ที่เป็นศัตรูนี่คงหมายถึงพวกเห็นแก่ตัวอะไรทำนองนี้สินะครับ?”

    ใช่,พวกนั้นน่ะนับว่าอันตรายกว่า <อสุภะซะอีก โดยเฉพาะพวกกลุ่มไอแซคน่ะนับว่าเป็นภัยร้ายแรงเลยทีเดียว

    ไอแซค..?”

    พวกก่อการร้ายน่ะ ทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง พวกมันน่ะตามรังผู้คนในเมืองมาเกือบสิบกว่าปีแล้วล่ะ” โคชี้แจง ขณะเดียวกันทั้งสามก็มาหยุดยืนอยู่หน้าประตูบานหนึ่ง

    เหนือขึ้นไปมีป้ายเหล็กเขียนว่าลานประลองอย่างเด่นชัด

    จากที่ฟังมาแหล่งการศีกษาแห่งนี้นอกจากจะมีศิลปะการต่อสู้แล้ว กระทั่ง <อาคมและการความรู้วิชาชีพตามปกติเองก็มีเปิดสอนด้วยเช่นกัน “เข้าไปกันเถอะ” เทียนเหมยย่างเท้าเป็นคนแรกก่อนจะตามด้วยโคและเกลตามลำดับ————ซึ่งทันทีที่เข้ามายังลานประลองเกลก็ถึงกับเบิกตากว้าง

    พื้นโล่งหลายตารางวานั้นล้วนปรากฏผู้คนจับจองกันอย่างเนืองแน่น มีเวทีขนาดย่อมนับร้อยและนวมเบาะกระจายแผ่ไปทั่วสารทิศ ผู้คนล้วนประกอบวิชาฝีมือทั้งออกหมัดเตะต่อยยันอาวุธสารพัดประเภท

    ราวกับโรงยิมไม่มีผิดเพี้ยน————เกลกลืนน้ำลายเอื๊อก เดินตามหลังเทียนเหมยและโคไปอย่างเงียบๆ

    กระทั่งถึงจุดหนึ่งเธอจึงหยุดฝีเท้าลง

    จากนี้ชั้นจะคุยกับคนๆหนึ่ง เขาเป็นคนที่ยึดติดกับระเบียบน่ะ เพราะงั้นนายก็ทำตัวมีมารยาทไว้ด้วยล่ะ

    ว่าจบเธอจึงเดินไปยังมุมหนึ่งของสนาม ตรงจุดนั้นดูโดดเด่นกว่าปกติ,เนื่องจากมีกลุ่มคนรายล้อมอยู่เป็นจำนวนมาก โดยใจกลางนั้นมีเวทีมวยทรงลูกบาศก์ตั้งอยู่เด่นหราประกอบกับสองข้างทางก็เผยเสียงเชียร์โห่ร้องออกมาดังสนั่นจนแสบแก้วหู————เมื่อมองผ่านไปก็พบกับชายคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างเวที

    ใบหน้าคมคายและหนักแน่นนี้ราวกับทหารผ่านศึกมาอย่างโชกโชน เขาสวมชุดจีนเป็นผ้าแพรดำดูดุดันเฉกเดียวกับสายตาซึ่งจับจ้องการประลองตรงหน้า จังหวะนั้นเทียนเหมยจึงเข้าไปใกล้

    คารวะบรรพชนท่าน,ข้าพเจ้าเทียนเหมยได้รบกวนท่านแล้ว

    จู่ๆเธอก็เอ่ยคำคร่ำครีราวกับคนแก่พร้อมกับผสานมือต่อชายตรงหน้า ซึ่งอีกฝ่ายก็รับรู้โบกมือขึ้นว่า

    ไม่ต้องมากพิธี,ยุคสมัยมันผ่านมาเนิ่นนานแล้ว ปัจจุบันตัวข้าก็ไม่ต่างอันใดจากปุถุชนคนหนึ่ง

    แม้จะว่าเช่นนั้น,ทว่าเทียนเหมยกลับผสานมือผงกศีรษะแทนคำตอบ————

    นี่,หมอนั่นน่ะใครเหรอ?”

    เกลกระซิบถามโคด้วยเสียงอันริบหรี่ แม้จะเป็นถ้อยคำอันเบาหวิว ทว่าโคกลับสะดุ้งสุดตัวล็อกคอเขาไว้แน่น

    เจ้าบ้าบอกไปแล้วไงว่าอย่าเสียมารยาทน่ะ

    ไม่เป็นไร แค่เรื่องหยุมหยิมข้าไม่คิดเอามาใส่ใจหรอก

    เสียงที่สามดังขัดการสนทนา————เป็นชายตรงหน้าที่โพล่งขึ้น โคซึ่งเดิมหน้าเครียดจึงกลายเป็นเหงื่อแตกพลั่ก ทิ้งให้เกลงุนงงอยู่อย่างนั้น เขาลุกจากเก้าอี้ไม้แล้วย่างเข้าหาชายหนุ่มอย่างสงบนิ่ง

    เจ้าสินะหน้าใหม่ของวันนี้ที่เขาพูดถึงกัน

    จากคำพูดดูท่าจะเป็นคนยุคโบราณ บางทีอาจจะตายมาหลายชั่วอายุคนแล้วก็ได้ เกลคิด,ก่อนจะพยักหน้ารับแทนคำตอบ อีกฝ่ายยิ้มขึ้นเล็กน้อยกล่าวต่อ “พอบอกนามเจ้าได้รึไม่?”

    ผมเกลครับ

    นับเป็นวาสนาเจ้าถึงได้มาเยือนที่นี่————ข้าลิโป้เป็นผู้คุมด้านกำลังพลเมืองแห่งนี้

    .....

    ลิโป้..?

    เดี๋ยวนะ...ลิโป้นี่ใช่คนที่ขี่ม้าแดงแรงสามเท่า บวกกับใช้ทวนเก่งๆจนกลายเป็นขุนพลชื่อดังที่โผล่ขึ้นมาให้เห็นในเกมกับหนังหลายๆเรื่องรึเปล่า?

    ....

    จะบอกว่าหมอนี่คือลิโป้นั่นอ่ะนะ..!?

    รู้ตัวอีกทีจู่ๆเกลก็เผยหยาดเหงื่อขึ้นหน้า เทียนเหมยถอนหายใจเฮือกแล้วว่า

    ข้าขออภัยในความไร้มารยาทของเขา แต่ชายผู้นี้เพิ่งมาถึง,จึงยังไม่ทราบเรื่องราวดีนัก

    ลิโป้เงียบพลางยกมือขึ้นไพล่หลัง เขาเดินวนรอบเกลหนหนึ่งขณะเดียวกันผู้คนรอบข้างก็หันมาสนใจเขาด้วยเช่นกัน————รู้สึกกดดันยังไงก็ไม่รู้แฮะ พอคิดอย่างนั้น,ลิโป้จึงหยุดการสำรวจ

    หากให้เลือก...เจ้าอยากใช้อาวุธใดเป็นพิเศษ?”

    เอ๋..เอ่อ...ดาบ....มั้งครับ?”

    อืม,เข้าใจล่ะ————เด็กๆ..!”

    เสียงหนักของลิโป้แทบจะกลายเป็นคอมมานด์สั่งการ ภายในหนึ่งวิแทบจพร้อมเพรียงข้างกายเขาพลันปรากฏชายผู้หนึ่งยื่นดาบมาให้สองเล่ม เป็นดาบยุโรปแบบ <เคลย์มอร์ทั้งคู่ไร้ซึ่งการตกแต่งจนดูดาษดื่น อย่าบอกนะว่า——

    รับสิ

    ลิโป้ว่าพลางเอื้อมไปหยิบดาบมาไว้ในมือ ดังนั้นดาบอีกเล่มจึงเหลือแต่เกลซึ่งได้แต่เหงื่อตกมองเหตุการณ์นี้อย่างงุนงง เมื่อมองกลับไปหาเทียนเหมยและโค,ทั้งสองต่างก็ส่ายหน้าเป็นนัยไม่อาจช่วยได้ ชายหนุ่มลังเลอยู่นานจนลิโป้ต้องกำชับเสียงหนัก

    จับดาบเสียมิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ารังแกคนไร้อาวุธ!!”

    เฮือก!

    ว่าแล้วเชียว————

    มีแต่ต้องรับไว้สินะ...?

    เกลนิ่วหน้ารับดาบมาอย่างกังวล ลิโป้เห็นดังนั้นจึงฉีกยิ้มขึ้น

    ประเสริฐ,เช่นนั้นจงจับดาบให้มั่น

    เขาว่า,แล้วตั้งดาบด้วยมือเดียวไร้แรงเฉื่อย ขณะเดียวกันเกลซึ่งคิดจะเอ่ยถามว่านี่มันเรื่องอะไรก็ถูกลิโป้เอ่ยขัดขึ้นคำหนึ่งจนสั่นสะท้าน

    หากขาขาดแขนขาดก็อย่ามาโทษข้าซะล่ะ

    อึก..!?

    เกลกระพริบตาปริบๆ จากนั้นอีกฝ่ายจึงย่อตัวลงจ้องเขาด้วยสายตาหลุบต่ำ หว่างกลางมี <กรรมการตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบกำลังชูธงแดงขึ้นแล้วว่า “เริ่มได้!” อย่างหน้าตาเฉย

    ตายยยยยยยยยยยย!”

    แล้วลิโป้จึงโถมเข้าใส่พร้อมกับแผดร้องออกมาดังกึกก้อง

    .....ซึ่งในใจของเกลเองก็ดังกึกก้องไม่แพ้กัน

    เอ๋~~~~~~~!!?

    ۞۞۞

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×