คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : Ep.21 - Sandbag
UNagain.21 – Sandbag
“กว้างจังนะ....”
ชายหนุ่มเปรยพลางจับจ้องไปเบื้องหน้า————สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่นั้นก็คือ <โรงเรียน> ตึกแบบปราสาทให้กลิ่นอายแบบโรมันนั้นกำลังตั้งตระหง่านอยู่ต่อหน้าเกล
หลังจากพูดคุยกันจบ
พวกเทียนเหมยและโคต่างก็คะยั้นคะยอเขาให้มาที่นี่ เพราะไม่มีเหตุให้ขัด,สุดท้ายเกลจึงเออออตามทั้งสองมาด้วยอย่างที่เห็น
ณ จุดนี้คือส่วนหนึ่งในเขต 5-6 ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานศึกษา
พอเดินเข้าไปก็พบกับผู้คนอันหลากหลายซึ่งคละเพศและวัยแตกต่างกันไป
เรียกว่า <มหาลัย> คงเหมาะกว่า
“พวกนายพาชั้นมาเรียนหนังสือเหรอ?”
“ตลก,นายโตซะขนาดนั้นแล้วยังจะเอาความรู้อะไรอีก?” โคตอกกลับมาแล้วเทียนเหมยจึงต่อ “ที่พานายมานี่ก็เพื่อจะฝึกสอนศิลปะการต่อสู้ยังไงล่ะ”
“การต่อสู้? คือ....เดี๋ยวก่อนนะ,ไอ้เรื่องสู้นี่ก็เข้าใจอยู่หรอก
ว่าด้านนอกน่ะมีไอ้ตัวเบิ้มอยู่ แต่ว่าตอนนี้เราอยู่ในเมืองแล้ว
ไอ้เรื่องสู้เนี่ยมันออกจะ––”
“ศัตรูของเราไม่ได้มีแค่ <อสุภะ> หรอกนะ ที่นอกเมืองเองก็มี <มนุษย์> เป็นศัตรูด้วยเหมือนกัน”
<อสุรกาย> นั่นที่แท้ก็ชื่อ <อสุภะ> งั้นสินะ?————เกลขมวดคิ้วพยักหน้าขึ้นลงแล้วว่า
“มนุษย์ที่เป็นศัตรูนี่คงหมายถึงพวกเห็นแก่ตัวอะไรทำนองนี้สินะครับ?”
“ใช่,พวกนั้นน่ะนับว่าอันตรายกว่า <อสุภะ> ซะอีก โดยเฉพาะพวกกลุ่ม【ไอแซค】น่ะนับว่าเป็นภัยร้ายแรงเลยทีเดียว”
“ไอแซค..?”
“พวกก่อการร้ายน่ะ
ทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
พวกมันน่ะตามรังผู้คนในเมืองมาเกือบสิบกว่าปีแล้วล่ะ” โคชี้แจง
ขณะเดียวกันทั้งสามก็มาหยุดยืนอยู่หน้าประตูบานหนึ่ง
เหนือขึ้นไปมีป้ายเหล็กเขียนว่า【ลานประลอง】อย่างเด่นชัด
จากที่ฟังมาแหล่งการศีกษาแห่งนี้นอกจากจะมีศิลปะการต่อสู้แล้ว
กระทั่ง <อาคม> และการความรู้วิชาชีพตามปกติเองก็มีเปิดสอนด้วยเช่นกัน “เข้าไปกันเถอะ” เทียนเหมยย่างเท้าเป็นคนแรกก่อนจะตามด้วยโคและเกลตามลำดับ————ซึ่งทันทีที่เข้ามายัง【ลานประลอง】เกลก็ถึงกับเบิกตากว้าง
พื้นโล่งหลายตารางวานั้นล้วนปรากฏผู้คนจับจองกันอย่างเนืองแน่น
มีเวทีขนาดย่อมนับร้อยและนวมเบาะกระจายแผ่ไปทั่วสารทิศ
ผู้คนล้วนประกอบวิชาฝีมือทั้งออกหมัดเตะต่อยยันอาวุธสารพัดประเภท
ราวกับโรงยิมไม่มีผิดเพี้ยน————เกลกลืนน้ำลายเอื๊อก
เดินตามหลังเทียนเหมยและโคไปอย่างเงียบๆ
กระทั่งถึงจุดหนึ่งเธอจึงหยุดฝีเท้าลง
“จากนี้ชั้นจะคุยกับคนๆหนึ่ง
เขาเป็นคนที่ยึดติดกับระเบียบน่ะ เพราะงั้นนายก็ทำตัวมีมารยาทไว้ด้วยล่ะ”
ว่าจบเธอจึงเดินไปยังมุมหนึ่งของสนาม
ตรงจุดนั้นดูโดดเด่นกว่าปกติ,เนื่องจากมีกลุ่มคนรายล้อมอยู่เป็นจำนวนมาก
โดยใจกลางนั้นมีเวทีมวยทรงลูกบาศก์ตั้งอยู่เด่นหราประกอบกับสองข้างทางก็เผยเสียงเชียร์โห่ร้องออกมาดังสนั่นจนแสบแก้วหู————เมื่อมองผ่านไปก็พบกับชายคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างเวที
ใบหน้าคมคายและหนักแน่นนี้ราวกับทหารผ่านศึกมาอย่างโชกโชน
เขาสวมชุดจีนเป็นผ้าแพรดำดูดุดันเฉกเดียวกับสายตาซึ่งจับจ้องการประลองตรงหน้า
จังหวะนั้นเทียนเหมยจึงเข้าไปใกล้
“คารวะบรรพชนท่าน,ข้าพเจ้าเทียนเหมยได้รบกวนท่านแล้ว”
จู่ๆเธอก็เอ่ยคำคร่ำครีราวกับคนแก่พร้อมกับผสานมือต่อชายตรงหน้า
ซึ่งอีกฝ่ายก็รับรู้โบกมือขึ้นว่า
“ไม่ต้องมากพิธี,ยุคสมัยมันผ่านมาเนิ่นนานแล้ว
ปัจจุบันตัวข้าก็ไม่ต่างอันใดจากปุถุชนคนหนึ่ง”
แม้จะว่าเช่นนั้น,ทว่าเทียนเหมยกลับผสานมือผงกศีรษะแทนคำตอบ————
“นี่,หมอนั่นน่ะใครเหรอ?”
เกลกระซิบถามโคด้วยเสียงอันริบหรี่
แม้จะเป็นถ้อยคำอันเบาหวิว ทว่าโคกลับสะดุ้งสุดตัวล็อกคอเขาไว้แน่น
“เจ้าบ้า! บอกไปแล้วไงว่าอย่าเสียมารยาทน่ะ”
“ไม่เป็นไร
แค่เรื่องหยุมหยิมข้าไม่คิดเอามาใส่ใจหรอก”
เสียงที่สามดังขัดการสนทนา————เป็นชายตรงหน้าที่โพล่งขึ้น
โคซึ่งเดิมหน้าเครียดจึงกลายเป็นเหงื่อแตกพลั่ก ทิ้งให้เกลงุนงงอยู่อย่างนั้น
เขาลุกจากเก้าอี้ไม้แล้วย่างเข้าหาชายหนุ่มอย่างสงบนิ่ง
“เจ้าสินะ? หน้าใหม่ของวันนี้ที่เขาพูดถึงกัน”
จากคำพูดดูท่าจะเป็นคนยุคโบราณ
บางทีอาจจะตายมาหลายชั่วอายุคนแล้วก็ได้ เกลคิด,ก่อนจะพยักหน้ารับแทนคำตอบ
อีกฝ่ายยิ้มขึ้นเล็กน้อยกล่าวต่อ “พอบอกนามเจ้าได้รึไม่?”
“ผม【เกล】ครับ”
“นับเป็นวาสนาเจ้าถึงได้มาเยือนที่นี่————ข้า【ลิโป้】เป็นผู้คุมด้านกำลังพลเมืองแห่งนี้”
“.....”
ลิโป้..?
เดี๋ยวนะ...ลิโป้นี่ใช่คนที่ขี่ม้าแดงแรงสามเท่า
บวกกับใช้ทวนเก่งๆจนกลายเป็นขุนพลชื่อดังที่โผล่ขึ้นมาให้เห็นในเกมกับหนังหลายๆเรื่องรึเปล่า?
“....”
จะบอกว่าหมอนี่คือ【ลิโป้】นั่นอ่ะนะ..!?
รู้ตัวอีกทีจู่ๆเกลก็เผยหยาดเหงื่อขึ้นหน้า
เทียนเหมยถอนหายใจเฮือกแล้วว่า
“ข้าขออภัยในความไร้มารยาทของเขา
แต่ชายผู้นี้เพิ่งมาถึง,จึงยังไม่ทราบเรื่องราวดีนัก”
ลิโป้เงียบพลางยกมือขึ้นไพล่หลัง
เขาเดินวนรอบเกลหนหนึ่งขณะเดียวกันผู้คนรอบข้างก็หันมาสนใจเขาด้วยเช่นกัน————รู้สึกกดดันยังไงก็ไม่รู้แฮะ
พอคิดอย่างนั้น,ลิโป้จึงหยุดการสำรวจ
“หากให้เลือก...เจ้าอยากใช้อาวุธใดเป็นพิเศษ?”
“เอ๋..? อ–เอ่อ...ดาบ....มั้งครับ?”
“อืม,เข้าใจล่ะ————เด็กๆ..!”
เสียงหนักของลิโป้แทบจะกลายเป็นคอมมานด์สั่งการ
ภายในหนึ่งวิแทบจพร้อมเพรียงข้างกายเขาพลันปรากฏชายผู้หนึ่งยื่นดาบมาให้สองเล่ม
เป็นดาบยุโรปแบบ <เคลย์มอร์> ทั้งคู่ไร้ซึ่งการตกแต่งจนดูดาษดื่น อย่าบอกนะว่า——
“รับสิ”
ลิโป้ว่าพลางเอื้อมไปหยิบดาบมาไว้ในมือ
ดังนั้นดาบอีกเล่มจึงเหลือแต่เกลซึ่งได้แต่เหงื่อตกมองเหตุการณ์นี้อย่างงุนงง
เมื่อมองกลับไปหาเทียนเหมยและโค,ทั้งสองต่างก็ส่ายหน้าเป็นนัยไม่อาจช่วยได้ ชายหนุ่มลังเลอยู่นานจนลิโป้ต้องกำชับเสียงหนัก
“จับดาบเสีย! มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ารังแกคนไร้อาวุธ!!”
เฮือก!
ว่าแล้วเชียว————
มีแต่ต้องรับไว้สินะ...?
เกลนิ่วหน้ารับดาบมาอย่างกังวล
ลิโป้เห็นดังนั้นจึงฉีกยิ้มขึ้น
“ประเสริฐ,เช่นนั้นจงจับดาบให้มั่น”
เขาว่า,แล้วตั้งดาบด้วยมือเดียวไร้แรงเฉื่อย
ขณะเดียวกันเกลซึ่งคิดจะเอ่ยถามว่านี่มันเรื่องอะไร? ก็ถูกลิโป้เอ่ยขัดขึ้นคำหนึ่งจนสั่นสะท้าน
“หากขาขาดแขนขาดก็อย่ามาโทษข้าซะล่ะ”
อึก..!?
เกลกระพริบตาปริบๆ
จากนั้นอีกฝ่ายจึงย่อตัวลงจ้องเขาด้วยสายตาหลุบต่ำ หว่างกลางมี <กรรมการ> ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบกำลังชูธงแดงขึ้นแล้วว่า “เริ่มได้!” อย่างหน้าตาเฉย
“ตายยยยยยยยยยยย!”
แล้วลิโป้จึงโถมเข้าใส่พร้อมกับแผดร้องออกมาดังกึกก้อง
.....ซึ่งในใจของเกลเองก็ดังกึกก้องไม่แพ้กัน
‘อ–เอ๋~~~~~~~!!?’
۞۞۞
ความคิดเห็น