ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    UNagain ขอเกิดใหม่,พระเจ้า(ไม่)ให้

    ลำดับตอนที่ #20 : Ep.20 - Sandbag

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.83K
      131
      29 ธ.ค. 59

    UNagain.20 – Sandbag

    จงปรากฏต่อหน้าข้าพานีเบนนี่

    วู้ม~!

    มวลน้ำพลันก่อเกิดขึ้นกลางฝ่ามือ————กลายเป็นก้อนพิสุทธิ์ขึ้นหยาดหนึ่ง

    <อาคมบทนี้คือวิชาที่เอาไว้เรียกน้ำออกมานั่นเอง เกลที่ตระหนักถึงตรงจุดนี้ก็ถึงกับใจชื้น คาดว่าตนไม่ต้องตายเพราะอาการช็อคเนื่องจากขาด H2ในร่างอีก

    จงปรากฏต่อหน้าข้าจิวาลกาจอล์

    หนนี้มืออีกข้างกลับปรากฏผืนน้ำขึ้น ก่อนจะแผ่สยายออกไปปกคลุมร่างของเกลแล้วซึมผ่านรูขุมขนตามตัวเลือนหายไปกับตา————เกลรู้สึกสดชื่นและก็อิ่มท้องขึ้นทันตา

    นี่คือ <อาคมที่เอแคร์เคยใช้กับเขาเมื่อคราวก่อน

    แปะ..แปะ..แปะ..

    เห็นไหมล่ะบอกแล้วว่าไม่ยากเลยซักนิด

    เทียนเหมยปรบมือชม,โคเสริม “ <อาคมสองบทนั้นใช้เมอร์ริธไปอย่างละ 2 จุด ดังนั้นหากนายจะใช้ <อาคมบทอื่นก็จำเป็นต้องถอน <อาคมที่ใช้อยู่เสียก่อนถึงจะใช้บทใหม่ได้น่ะ

    เข้าใจล่ะ

    พอมองฝ่ามือซ้ายก็พบว่าเมอร์ริธหายไป 2 จุดจริงๆ ส่วนจิวาลกาจอล์นั้นเป็น <อาคมแบบใช้แล้วหมดไป ดังนั้นเมื่อมันซึมเข้าสู่ร่างกายก็จะถือว่าสิ้นสุดการใช้งานไปในทันที

    ฉะนั้นผลลัพธ์จึงกลายเป็นเมอร์ริธที่เหลืออยู่เพียง 2 จุด

    เกลสลับนิ้วมุทราแล้วว่า “จงหายไปพานีเบนนี่

    แล้วมวลน้ำจึงสั่นไหวก่อนจะแตกโพลงออกหายไปราวกับอากาศธาตุ เกลผุดยิ้มขึ้นเล็กน้อย,ก่อนจะโพล่งถาม “โคและก็พี่เทียนเหมย ทั้งสองคนพอจะบอกผมได้ไหมว่ามีเมอร์ริธอยู่กี่จุด

    หืมอยากรู้งั้นเหรอ?”

    ครับ,พอดีผมอยากทราบน่ะว่าเกณฑ์เมอร์ริธของทุกคนเป็นยังไง” เกลว่า,ส่งให้โคและเทียนเหมยครุ่นคิดพัก จากนั้นชายสัญชาติยุ่นจึงกล่าว “ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังนี่นะเมอร์ริธของชั้นคือ 6 จุด

    หกจุด..!?”

    อ่า,ส่วนของชั้นคือ 7 จุด

    เกลถึงกับอึ้งจนงุนงง,สาเหตุนั้นก็เพราะเขามั่นใจในตัวเอง มั่นใจว่าเดิมทีเมอร์ริธ4 จุด คือสิ่งหายากที่นับว่ามีมูลค่ามหาศาลหากให้เทียบกับคนทั่วๆไป————ทั้งนี้ก็คงต้องโทษ <หญิงสาวบนบัลลังก์และ <นิรยบาลที่ทำให้เขาต้องสับสน โคซึ่งเห็นปฏิกิริยาของเกลจึงว่า

    ไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอก เดิมทีพวกเราก็ไม่ได้มีเมอร์ริธสูงถึงขนาดนี้ กลับกันแรกเริ่มน่ะชั้นมีเมอร์ริธแค่ 2 จุด ซะด้วยซ้ำไป

    “2 จุด..หมายความว่าไง?”

    เทียนเหมยแนะ “ก็หมายความว่าเมอร์ริธของคนเราสามารถเพิ่มได้ยังไงล่ะ

    เพิ่มได้งั้นเหรอครับ?”

    ก็อย่างที่รู้ใช่ไหมว่าเมอร์ริธน่ะหมายถึง <บุญที่เราเคยทำมาตอนที่ยังมีชีวิต เพราะงั้นกลับกันหากเราลองทำ <ความดีดูค่าเมอร์ริธก็จะเพิ่มขึ้นตามมาด้วยเช่นกัน

    เอ่อ..ถึงจะฟังดูแปลกๆแต่ไอ้ <ความดีที่ว่านี่ก็คือช่วยผู้คนอะไรแบบนี้รึเปล่าครับ?”

    โคแย้ง “มันก็ใช่อยู่หรอก แต่ว่าด้วยวิธีนั้นเมอร์ริธจะขึ้นได้ช้ามาก เอาง่ายๆนายก็คงต้องช่วยคนนั้นคนโน้นทีเกือบๆร้อยครั้งถึงจะขึ้นมาได้ซักจุดหนึ่ง” เทียนเหมยล้วงมือหยิบแว่นออกอกเสื้อพลางเช็ดเลนสส์ด้วยผ้าบนโต๊ะ “ดังนั้นพวกเราจึงใช้อีกวิธีหนึ่งนั่นคือ <การทำสมาธิ>”

    เธอว่าพลางสวมแว่นขึ้นทัดหูทั้งสองข้าง————

    นายเห็นตรากงล้อ 8 ซี่ที่ฝ่ามือซ้ายไหม?”

    อ่า,ครับ

    นั่นน่ะหมายถึงนายเป็น <คนพุทธซึ่งแก่นแท้ของศาสนานี้ก็คือการการปล่อยวางซึ่ง <การทำสมาธินั้นมีส่วนช่วยให้จิตใจปลอดโปร่ง ยิ่งนายทำสมาธิแล้วปล่อยวางความรู้สึกได้มากเท่าไหร่เมอร์ริธก็จะยิ่งเพิ่มพูนขึ้นตามไปด้วย

    เป็นปัจจัยที่ดูแปลกซะจริงแฮะ ไม่ว่ายังไงก็ไม่เข้าใจซักทีว่าทั้งเมอร์ริธและ <อาคมนั้นมีรูปแบบการทำงานยังไงกัน เกลคิดเช่นนั้น,ก่อนจะเออออตามเทียนเหมยไป

    ว่าแต่————ผมสงสัยมานานแล้วล่ะ ว่าทุกคนไปเรียนรู้ <อาคมมาจากไหน?”

    จาก <ท่านผู้นำไง

    ฮิราน่ะเหรอ..?” พอเรียกเธอห้วนๆโคจึงแทรกขึ้น “เรียกว่า <คุณนำหน้าหน่อยก็ดีนะ เพราะอย่างน้อยๆเธอก็เป็นผู้มีพระคุณของเราทุกคนที่นี่ อีกอย่างถึงจะเห็นเธอดูสาวสดอย่างนั้น แต่ความจริงอายุของเธอน่ะเลยร่วม 300 ปีกว่าแล้วด้วยซ้ำ

    หา300 ปีเนี่ยนะ..แบบนั้นก็ไม่ใช่————”

    ไม่สิ..ตอนนั้นเจ้าตัวก็พูดออกมาเองเลยว่าไม่ใช่ <มนุษย์นี่หว่า

    มีทั้งปีกขนาดใหญ่อยู่กลางหลังและก็ใช้วิธีพูดแบบโบราณๆนั่นอีก บางที <เทวดาเนี่ยคงจะเป็นเรื่องจริงซะแล้วล่ะ ส่วนที่ไม่แก่เลย,ก็คงเพราะเธอเป็น <เทวดาล่ะมั้ง?

    แล้วคุณฮิราสอน <อาคมให้กี่บทเหรอ?” เกลเปลี่ยนสรรพนามนำหน้าเล็กน้อย โคทำหน้าพอใจตอบกลับ

    “39 บทน่ะ

    เยอะโคตร!”

    ก็นะ,ถึงจะพูดงั้น แต่ที่พวกเราใช้ได้ก็มีแค่ 6-7 บท ส่วนที่เหลือน่ะจำเป็นต้องใช้เมอร์ริธจำนวนมาก ดังนั้นพวกเรานอกจากคุณฮิราถึงไม่อาจเรียกใช้มันได้ทั้ง 39 บท อย่างชั้นเองก็ใช้ได้แค่ 5 บท————ส่วนเจ๊เทียนเหมยก็ได้แค่ 7 บทไม่มากน้อยไปกว่านั้น

    เกลร้องอ้อขึ้นเบา แล้วทันใดนั้นเสียงนาฬิกาไอน้ำจึงดังขึ้น เวลาที่มันแสดงผ่านจอหน้าปัดก็คือบ่ายสาม แม้จะงุนงงเรื่องที่นี่มีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ทว่าเกลกลับปัดความคิดนี้ทิ้งไป

    เขาพอสรุปได้แล้วว่าทำไมที่นี่จึงมีของที่ดูขัดสภาพแวดล้อมได้

    คำตอบก็คือ <มนุษย์>

    ไม่สิ,ควรจะเรียกว่า <สมองของมนุษย์เสียซะมากกว่า คนที่ลงนรกมาต้องมีไม่ต่ำกว่าหลักล้านแน่ ซึ่งที่เห็นได้ชัดเลยก็คือหนึ่งในล้านนั้นย่อมมีพวกภูมิปัญญาสูงปะปนมาอยู่แน่ๆ

    อาทิเช่น วิศวกรไฟฟ้า,มัณฑนากร,ผู้บริหาร,เชฟ หรือผู้คนหลากหลายอาชีพที่มีความรู้ติดตัวมาแม้จะตายไปแล้วก็ตาม เกลพอจะจับเค้ารางการก่อเกิดเมืองนี้ได้เล็กน้อย

    บางทีฮิราคงรวบรวมกลุ่มคนที่มีพรสวรรค์มาสร้างเมืองแห่งนี้————ส่วนทรัพยากรนั้นหากคาดเดาไม่ผิดก็คงเป็นเพราะ <อาคมของฮิราอีกนั่นแหละ หากคนอื่นเห็นก็คงไม่คิดอะไรมาก แต่ว่า <อาคมน่ะคือสิ่งที่ผิดธรรมชาติฝืนต่อกฎ ฟิสิกส์,เคมี และชีวะไปอย่างหน้าด้านๆ

    การเสกมวลวัตถุระดับอะตอม จนเกิดเป็นรูปร่างได้ด้วยการพูดน่ะมันเป็นไปไม่ได้เลยซักนิด

    แม้เมืองนี้จะดูสงบสุข แต่โดยรวมก็คือเกลยังไม่เชื่อใจใครอยู่ดี โดยเฉพาะฮิราที่จู่ๆก็ให้เขามาอยู่ในเมืองได้ง่ายๆแบบนี้

    เอาเถอะ,บางทีเราอาจคิดมากไปเองก็ได้.....เขาคิดเช่นนั้น

    ได้เวลาแล้วมั้งนี่,เกล..!” เทียนเหมยทัก

    ครับ?”

    ตอนนี้ก็บ่ายสามแล้ว พวกชั้นเองก็ได้รับฝากฝังให้ดูแลนายจนกว่าจะเป็นงานเวลาไปทำ <ภารกิจดังนั้นจากนี้ชั้นจะพานายไปที่ๆหนึ่ง” เธอดันแว่นขึ้นเล็กน้อยพลางฉีกยิ้ม

    สถานที่ๆชื่อว่า <โรงเรียนนั่นน่ะ

    ۞۞۞

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×