คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : Ep.20 - Sandbag
UNagain.20 – Sandbag
“จงปรากฏต่อหน้าข้า【พานี•เบนนี่】”
วู้ม~!
มวลน้ำพลันก่อเกิดขึ้นกลางฝ่ามือ————กลายเป็นก้อนพิสุทธิ์ขึ้นหยาดหนึ่ง
<อาคม> บทนี้คือวิชาที่เอาไว้เรียกน้ำออกมานั่นเอง
เกลที่ตระหนักถึงตรงจุดนี้ก็ถึงกับใจชื้น คาดว่าตนไม่ต้องตายเพราะอาการช็อคเนื่องจากขาด H20 ในร่างอีก
“จงปรากฏต่อหน้าข้า【จิวาล•กา•จอล์】”
หนนี้มืออีกข้างกลับปรากฏผืนน้ำขึ้น
ก่อนจะแผ่สยายออกไปปกคลุมร่างของเกลแล้วซึมผ่านรูขุมขนตามตัวเลือนหายไปกับตา————เกลรู้สึกสดชื่นและก็อิ่มท้องขึ้นทันตา
นี่คือ <อาคม> ที่เอแคร์เคยใช้กับเขาเมื่อคราวก่อน
แปะ..แปะ..แปะ..
“เห็นไหมล่ะ? บอกแล้วว่าไม่ยากเลยซักนิด”
เทียนเหมยปรบมือชม,โคเสริม “ <อาคม> สองบทนั้นใช้【เมอร์ริธ】ไปอย่างละ
2 จุด ดังนั้นหากนายจะใช้ <อาคม> บทอื่นก็จำเป็นต้องถอน <อาคม> ที่ใช้อยู่เสียก่อนถึงจะใช้บทใหม่ได้น่ะ”
“เข้าใจล่ะ”
พอมองฝ่ามือซ้ายก็พบว่า【เมอร์ริธ】หายไป
2 จุดจริงๆ ส่วน【จิวาล•กา•จอล์】นั้นเป็น <อาคม> แบบใช้แล้วหมดไป
ดังนั้นเมื่อมันซึมเข้าสู่ร่างกายก็จะถือว่าสิ้นสุดการใช้งานไปในทันที
ฉะนั้นผลลัพธ์จึงกลายเป็น【เมอร์ริธ】ที่เหลืออยู่เพียง
2 จุด
เกลสลับนิ้วมุทราแล้วว่า “จงหายไป【พานี•เบนนี่】”
แล้วมวลน้ำจึงสั่นไหวก่อนจะแตกโพลงออกหายไปราวกับอากาศธาตุ
เกลผุดยิ้มขึ้นเล็กน้อย,ก่อนจะโพล่งถาม “โคและก็พี่เทียนเหมย
ทั้งสองคนพอจะบอกผมได้ไหมว่ามี【เมอร์ริธ】อยู่กี่จุด”
“หืม? อยากรู้งั้นเหรอ?”
“ครับ,พอดีผมอยากทราบน่ะว่าเกณฑ์【เมอร์ริธ】ของทุกคนเป็นยังไง” เกลว่า,ส่งให้โคและเทียนเหมยครุ่นคิดพัก จากนั้นชายสัญชาติยุ่นจึงกล่าว “ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังนี่นะ【เมอร์ริธ】ของชั้นคือ 6 จุด”
“ห–หกจุด..!?”
“อ่า,ส่วนของชั้นคือ
7 จุด”
เกลถึงกับอึ้งจนงุนงง,สาเหตุนั้นก็เพราะเขามั่นใจในตัวเอง
มั่นใจว่าเดิมที【เมอร์ริธ】4 จุด
คือสิ่งหายากที่นับว่ามีมูลค่ามหาศาลหากให้เทียบกับคนทั่วๆไป————ทั้งนี้ก็คงต้องโทษ <หญิงสาวบนบัลลังก์> และ <นิรยบาล> ที่ทำให้เขาต้องสับสน โคซึ่งเห็นปฏิกิริยาของเกลจึงว่า
“ไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอก
เดิมทีพวกเราก็ไม่ได้มี【เมอร์ริธ】สูงถึงขนาดนี้ กลับกันแรกเริ่มน่ะชั้นมี【เมอร์ริธ】แค่
2 จุด ซะด้วยซ้ำไป”
“2 จุด..? หมายความว่าไง?”
เทียนเหมยแนะ “ก็หมายความว่า【เมอร์ริธ】ของคนเราสามารถเพิ่มได้ยังไงล่ะ”
“เพิ่มได้งั้นเหรอครับ?”
“ก็อย่างที่รู้ใช่ไหม? ว่า【เมอร์ริธ】น่ะหมายถึง <บุญ> ที่เราเคยทำมาตอนที่ยังมีชีวิต เพราะงั้นกลับกันหากเราลองทำ <ความดี> ดูค่า【เมอร์ริธ】ก็จะเพิ่มขึ้นตามมาด้วยเช่นกัน”
“เอ่อ..ถึงจะฟังดูแปลกๆแต่ไอ้ <ความดี> ที่ว่านี่ก็คือช่วยผู้คนอะไรแบบนี้รึเปล่าครับ?”
โคแย้ง “มันก็ใช่อยู่หรอก
แต่ว่าด้วยวิธีนั้น【เมอร์ริธ】จะขึ้นได้ช้ามาก
เอาง่ายๆนายก็คงต้องช่วยคนนั้นคนโน้นทีเกือบๆร้อยครั้งถึงจะขึ้นมาได้ซักจุดหนึ่ง” เทียนเหมยล้วงมือหยิบแว่นออกอกเสื้อพลางเช็ดเลนสส์ด้วยผ้าบนโต๊ะ “ดังนั้นพวกเราจึงใช้อีกวิธีหนึ่งนั่นคือ <การทำสมาธิ>”
เธอว่าพลางสวมแว่นขึ้นทัดหูทั้งสองข้าง————
“นายเห็นตรา【กงล้อ 8 ซี่】ที่ฝ่ามือซ้ายไหม?”
“อ่า,ครับ”
“นั่นน่ะหมายถึงนายเป็น <คนพุทธ> ซึ่งแก่นแท้ของศาสนานี้ก็คือการ【การปล่อยวาง】ซึ่ง <การทำสมาธิ> นั้นมีส่วนช่วยให้จิตใจปลอดโปร่ง ยิ่งนายทำสมาธิแล้วปล่อยวางความรู้สึกได้มากเท่าไหร่【เมอร์ริธ】ก็จะยิ่งเพิ่มพูนขึ้นตามไปด้วย”
เป็นปัจจัยที่ดูแปลกซะจริงแฮะ
ไม่ว่ายังไงก็ไม่เข้าใจซักทีว่าทั้ง【เมอร์ริธ】และ <อาคม> นั้นมีรูปแบบการทำงานยังไงกัน เกลคิดเช่นนั้น,ก่อนจะเออออตามเทียนเหมยไป
“ว่าแต่————ผมสงสัยมานานแล้วล่ะ ว่าทุกคนไปเรียนรู้ <อาคม> มาจากไหน?”
“จาก <ท่านผู้นำ> ไง”
“ฮิราน่ะเหรอ..?” พอเรียกเธอห้วนๆโคจึงแทรกขึ้น “เรียกว่า <คุณ> นำหน้าหน่อยก็ดีนะ
เพราะอย่างน้อยๆเธอก็เป็นผู้มีพระคุณของเราทุกคนที่นี่
อีกอย่างถึงจะเห็นเธอดูสาวสดอย่างนั้น แต่ความจริงอายุของเธอน่ะเลยร่วม 300
ปีกว่าแล้วด้วยซ้ำ”
“หา? 300
ปีเนี่ยนะ..? แบบนั้นก็ไม่ใช่————”
ไม่สิ..ตอนนั้นเจ้าตัวก็พูดออกมาเองเลยว่าไม่ใช่ <มนุษย์> นี่หว่า
มีทั้งปีกขนาดใหญ่อยู่กลางหลังและก็ใช้วิธีพูดแบบโบราณๆนั่นอีก
บางที <เทวดา> เนี่ยคงจะเป็นเรื่องจริงซะแล้วล่ะ
ส่วนที่ไม่แก่เลย,ก็คงเพราะเธอเป็น <เทวดา> ล่ะมั้ง?
“แล้วคุณฮิราสอน <อาคม> ให้กี่บทเหรอ?” เกลเปลี่ยนสรรพนามนำหน้าเล็กน้อย โคทำหน้าพอใจตอบกลับ
“39 บทน่ะ”
“เยอะโคตร!”
“ก็นะ,ถึงจะพูดงั้น
แต่ที่พวกเราใช้ได้ก็มีแค่ 6-7 บท ส่วนที่เหลือน่ะจำเป็นต้องใช้【เมอร์ริธ】จำนวนมาก
ดังนั้นพวกเรานอกจากคุณฮิราถึงไม่อาจเรียกใช้มันได้ทั้ง 39 บท
อย่างชั้นเองก็ใช้ได้แค่ 5 บท————ส่วนเจ๊เทียนเหมยก็ได้แค่ 7
บทไม่มากน้อยไปกว่านั้น”
เกลร้องอ้อขึ้นเบา
แล้วทันใดนั้นเสียงนาฬิกาไอน้ำจึงดังขึ้น เวลาที่มันแสดงผ่านจอหน้าปัดก็คือบ่ายสาม
แม้จะงุนงงเรื่องที่นี่มีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ
ทว่าเกลกลับปัดความคิดนี้ทิ้งไป
เขาพอสรุปได้แล้วว่าทำไมที่นี่จึงมีของที่ดูขัดสภาพแวดล้อมได้
คำตอบก็คือ <มนุษย์>
ไม่สิ,ควรจะเรียกว่า <สมองของมนุษย์> เสียซะมากกว่า
คนที่ลงนรกมาต้องมีไม่ต่ำกว่าหลักล้านแน่
ซึ่งที่เห็นได้ชัดเลยก็คือหนึ่งในล้านนั้นย่อมมีพวกภูมิปัญญาสูงปะปนมาอยู่แน่ๆ
อาทิเช่น วิศวกรไฟฟ้า,มัณฑนากร,ผู้บริหาร,เชฟ
หรือผู้คนหลากหลายอาชีพที่มีความรู้ติดตัวมาแม้จะตายไปแล้วก็ตาม
เกลพอจะจับเค้ารางการก่อเกิดเมืองนี้ได้เล็กน้อย
บางทีฮิราคงรวบรวมกลุ่มคนที่มีพรสวรรค์มาสร้างเมืองแห่งนี้————ส่วนทรัพยากรนั้นหากคาดเดาไม่ผิดก็คงเป็นเพราะ <อาคม> ของฮิราอีกนั่นแหละ
หากคนอื่นเห็นก็คงไม่คิดอะไรมาก แต่ว่า <อาคม> น่ะคือสิ่งที่ผิดธรรมชาติฝืนต่อกฎ ฟิสิกส์,เคมี
และชีวะไปอย่างหน้าด้านๆ
การเสกมวลวัตถุระดับอะตอม
จนเกิดเป็นรูปร่างได้ด้วยการพูดน่ะมันเป็นไปไม่ได้เลยซักนิด
แม้เมืองนี้จะดูสงบสุข
แต่โดยรวมก็คือเกลยังไม่เชื่อใจใครอยู่ดี
โดยเฉพาะฮิราที่จู่ๆก็ให้เขามาอยู่ในเมืองได้ง่ายๆแบบนี้
เอาเถอะ,บางทีเราอาจคิดมากไปเองก็ได้.....เขาคิดเช่นนั้น
“ได้เวลาแล้วมั้ง? นี่,เกล..!” เทียนเหมยทัก
“ครับ?”
“ตอนนี้ก็บ่ายสามแล้ว
พวกชั้นเองก็ได้รับฝากฝังให้ดูแลนายจนกว่าจะเป็นงานเวลาไปทำ <ภารกิจ> ดังนั้นจากนี้ชั้นจะพานายไปที่ๆหนึ่ง” เธอดันแว่นขึ้นเล็กน้อยพลางฉีกยิ้ม
“สถานที่ๆชื่อว่า <โรงเรียน> นั่นน่ะ”
۞۞۞
ความคิดเห็น