คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #35 : อาร์เทมิส-Artemis คณะเทพวงศ์โอลิมเปียน
เทพีแห่งดวงจันทร์ การล่าและพรหมจารี ธิดาแห่งซุสกับนางเลโต หนึ่งในสามเทพีพรหมจารี สัญลักษณ์ของเทพีอาร์เทมิสคือดวงจันทร์ ธนู กวางป่าและต้นไซเปรส พระนางมีชื่อในภาษาโรมันว่า “เดียน่า" หรือ "ไดอาน่า-Diana”
เทพีอาร์เทมิสมีชีวิตโลดโผนกว่าเทพีองค์อื่น เพราะโปรดการล่าสัตว์และชอบชีวิตโสด จนมหาเทพซุสประทานนางอัปสรผู้เป็นพรหมจรรย์ 50 นางให้เป็นบริวาร
สาเหตุที่พระนางไม่ต้องการมีความรัก ก็เพราะมีความหลังฝังใจจากที่นางเลโตต้องทรมานกับการคลอดพระนางกับเทพอพอลโล พระนางจึงไม่เชื่อในความรักและไม่ต้องการคู่ครอง
เทพีอาร์เทมิสวิงวอนให้เทพบิดาซุสสาบานว่าจะไม่จับคู่สมรสให้พระนางหรือให้พระนางสมรสไม่ว่ากรณีใด และให้พระนางเป็นเทพีผู้ครองพรหมจรรย์ ซึ่งเทพซุสก็สาบานโดยให้แม่น้ำสติกซ์ซึ่งไหลรอบนรกเป็นพยาน
ในตำนานนั้นกล่าวว่าเทพีอาร์เทมิสทรงสาบานตนเป็นเทพีพรหมจารี
ร่วมกับเทพีอาธีนาและเทพีเฮสเทียต่อหน้าแม่น้ำสติกซ์ นางชิงชังชีวิตสมรส ความรัก
และการยุ่งเกี่ยวกับผู้ชาย
แต่สิ่งหนึ่งที่เทพีอาร์ทิมิสไม่ปฏิเสธคือการมีสหายเป็นชายที่รักการล่าสัตว์เช่นเดียวกับพระนาง
เทพีอาร์เทมิส โดย PinkParasol
ถึงแม้จะเป็นเทพีพรหมจารี แต่ก็มีเรื่องราวอยู่ 2-3 เรื่องที่แสดงถึงการ(เกือบ)ละเมิดคำสาบานของพระนาง โดยเล่าว่า อาร์เทมิสสหายสนิท นามว่าโอไรออน เขาเป็นนายพรานผู้ฉมังในการล่าสัตว์ มีสุนัขคู่ใจชื่อว่าซิริอุส
ทุกๆวันเทพีอาร์เทมิสและสหายจะร่วมกันล่าสัตว์และพูดคุยกันอย่างสนุกสนานหลังจากล่าสัตว์เสร็จเทพีอาร์เทมิสหลงรักนายพรานหนุ่มและคิดที่จะสละความเป็นเทพีพรหมจารีย์เพื่อแต่งงานกับโอไรออน
อพอลโลรู้ถึงความคิดนี้เข้าและกลัวว่าอาร์เทมิสจะต้องรับโทษจากการผิดคำสาบานต่อหน้าแม่น้ำสติกซ์ จึงวางแผนที่จะล้มเลิกความคิดของน้องสาวฝาแฝด อพอลโลสั่งให้โอไรออนเดินลุยน้ำทะเลไปยังเกาะแห่งหนึ่งกลางทะเล และเมื่อโอไรออนเดินไปถึงยังจุดที่ไกลจนเมื่อมองจากเกาะดีลอสแล้วจะเห็นเพียงศีรษะของโอไรออนที่มองดูเหมือนกับเกาะกลางน้ำ
เทพอพอลโลก็ชวนเทพีฝาแฝดมาล่าสัตว์แข่งกัน และท้าพนันให้อาร์เทมิสยิงธนูทะลุเกาะกลางทะเลที่อพอลโลชี้ให้ดูให้ได้ อาร์เทมิสตกหลุมพรางของเทพฝาแฝด เหนี่ยวสายธนูเต็มแรงจนลูกธนูทะลุศีรษะของโอไรออนถึงแก่ความตาย
เมื่ออาร์เทมิสทราบว่าตนได้ฆ่าชายที่รักลงด้วยน้ำมือของตนเองแล้ว พระนางก็เสียใจอย่างมากและไม่คิดจะรักผู้ใดอีกและได้นำศพของโอไรออนและซิริอุสสุนัขคู่ใจขึ้นไปไว้บนท้องฟ้าในตำแหน่งของกลุ่มดาวนายพรานและดาวสุนัขใหญ่
ภาพวาดเทพีไดอาน่าของแดเนียล เซอริเทอร์- Daniel Seite เหนือศพของนายพรานโอไรออน (1658)
อีกเรื่องหนึ่งคือ ขณะที่เทพีอาร์เทมีสขับรถเทียมม้าอยู่เหนือแคว้นแดนคอเรีย พระนางก็เห็นหนุ่มเลี้ยงแกะรูปงามนามว่า เอนดิเมียน-Endymion นอนหลับอาบแสงจันทร์อยู่ริมเขา ความงามของเจ้าหนุ่มเมื่อต้องแสงจันทร์เป็นที่น่าพิสมัยแก่เทพีอาร์เทมีสยิ่งนัก พระนางอดใจไม่ได้ถึงกับหยุดราชรถและลงมาจุมพิตหนุ่มน้อยเบาๆ ก่อนจะลอยเลื่อนกลับไป
เอนดิเมียนกำลังเคลิ้มจิตอยู่ในภวังค์ ค่อยๆ
ลืมเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ
เห็นเพียงภาพคลับคล้ายคลับคลาของเทพธิดาที่ไม่อาจปักใจได้ว่าเป็นเพียงความฝันหรือความจริง
แต่เอนดิเมียนก็ฝังใจกับความฝันนั้น
เขาเที่ยวซอกซอนค้นหาเทพธิดาในฝันไปตามที่ต่างๆ ทั้งเขาสูง ทุ่งกว้าง และทะเลลึก
เรื่องราวล่วงรู้ไปถึงซูสมหาเทพ
พระองค์ไม่ต้องการให้เกิดเรื่องอื้อฉาวแก่เทพีพรหมจารีผู้นี้
พระองค์จึงยื่นคำขาดแก่เอนดีเมียนว่าจะยอมตายด้วยวิธีหนึ่งตามแต่จะพึงประสงค์
หรือจะยอมนอนหลับโดยไม่ตื่นตลอดกาลในถ้ำบนยอดเขาแลตมัส
เอนดิเมียนเลือกเอาประการหลัง ซึ่ง ณ ที่นั้น
เอนดิเมียนยังคงนอนหลับไหลอยู่ตลอดกาล โดยมีเทพีอาร์เทมีสแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนเขาอยู่ทุกค่ำคืน
เทพีอาร์เทมิสและเอนดิเมียน โดย Franz Christoph Janneck (1703–1761)
นอกจากนี้ ยังมีตำนานหนึ่งที่แสดงถึงอุปนิสัยด้านโหดร้ายของเทพี โดยกล่าวถึงตำนานของนายพราน นามว่า “แอคเตียน-Actaeon" ที่บังเอิญพลัดหลงเข้าไปในป่าต้องห้าม
เขาผู้นี้น่าสงสารเป็นอย่างมากเพราะไม่สามารถหาทางออกได้ ซึ่งบริเวณที่หลงทางถือเป็นเขตอาณาเขตของเทพีอาร์เทมิส เขาผู้นี้บังเอิญไปเจอเทพีอาร์เทมิสที่กำลังออกมาอาบน้ำเข้า เทพีอาร์เทมิสอาบน้ำอย่างสบายใจ โดยมีนางอัปสรหลายต่อหลายตนค่อยดูแลอยู่ไม่ห่าง
ด้วยความงามของเทพีอาร์เทมิส ที่มีผิวขาวนวลเหมือนแสงจันทร์ เส้นผมเปล่งประกายคล้ายทองคำที่ถูกส่องด้วยแสงอาทิตย์ ทำให้นายพรานหนุ่ม แอบดูอยู่ในพุ่มไม้บริเวณใกล้ๆนั้นแบบไม่วางตา แม้จะรู้สึกเกรงกลัวในฤทธิ์เดชของเทพีองค์นี้อยู่ไม่น้อย
โชคร้ายที่พระเทพีก็ได้เหลือบไปเห็นแสงประกายแสนแปลกประหลาดที่โผล่ออกมาจากพุ่มไม้ จึงรู้สึกผิดสังเกตและรับรู้ได้ว่ามีใครบางคนกำลังแอบดูพระนางอยู่
เทพีอาร์เทมิสรู้สึกพิโรธเป็นอย่างมากที่ถูกแอบถ้ำมอง เมื่อนายพรานรู้ตัวว่าพระเทพีจับได้ว่าตนแอบกระทำการมิชอบ ก็คิดจะหนี แต่ว่าพระเทพีเทพีอาร์เทมิสก็ได้ใช้มือตักน้ำขึ้นมาสาดไปถูกนายพรานหนุ่มอย่างเต็มแรง ซึ่งเมื่อนายพรานโดนน้ำก็กลายร่างไปเป็นกวางป่าไป
นายพรานในร่างของกวางพยายามวิ่งหนีอย่างสุดกำลังเพื่อหวังจะออกไปเพื่อขอความช่วยเหลือจากใครสักคน แต่บังเอิญได้ไปพบกับสุนัขล่าเนื้อของตนเข้า แต่สุนัขตัวนี้ดันจำไม่ได้ว่าเป็นนายของตนจึงไล่กัดนายจนนายของมันวสิ้นชีวิตไป
อาร์เทมิสและแอคเตียน โดย Louis Galloche (1670 – 1761, ฝรั่งเศส)
ยังมีเรื่องต่อ พระราชานามว่า “ท้าวโอนีอัส” แห่งเมืองคาลีดอน เกิดลืมการถวายเครื่อสักการะแด่พระเทพี พระเทพีกริ้วอีกแล้ว…ทรงบันดาลให้วัวป่าที่บ้าคลั่งเข้าโจมตีทำลายเมืองคาลีดอน และวัวป่านั้นสังหารเชื้อพระวงศ์และครอบครัวของท้าวโอนีอัสสิ้นพระชนม์สิ้น นี้เป็นการลงโทษอย่างรุนแรงและโหดเหี้ยมจากพระเทพีพระองค์นี้
ยังมีอีก พระเทพีเคยลงทัณฑ์นางไม้ผู้น่าสงสารที่ถูกเทพซุสปลุกปล้ำจนได้นางเป็นชายา นางคือ “คัสลิสโต” เทพีอาร์เทมิสจะว่าอะไรเทพซุสผู้เป็นบิดาได้ จึงลงมือกับนางไม้คัสลิสโตผู้น่าสงสารโดยสาปในนางกลายเป็นหมีไป แค่นั้นไม่พอ นางคัสลิสโตมีพระโอรสให้เทพซุส แต่ไม่ทราบว่าหมีตัวนั้นเป็นพระมารดาจึงสังหารยิงหมีตัวนั้นตายกับหมี มาทราบภายหลังว่าหมีนั้นเป็นพระมารดาที่ถูกเทพีอาร์เทมิสสาป เขาฆ่าแม่ของเขาลงกับมือ และเขาก็ฆ่าตัวเองตายตามผู้เป็นมารดาไป เทพีอาร์เทมิสทราบว่าพระองค์ผิดจึงเนรมิตให้สองแม่ลูกไปเป็นดวงดาวบนท้องฟ้า คือ ดาวหมีเล็ก กับ ดาวหมีใหญ่
นอกจากนี้ชาวกรีกยังได้สร้างวิหารอาร์เทมิส
โดยเป็นวิหารสร้างด้วยหินอ่อน เพื่อถวายเทพีอาร์เทมีส ผู้มาจากสวรรค์
ผู้ช่วยชาวเมืองให้พ้นจากหายนะและภัยพิบัติได้ อยู่ในเมืองอีเฟซุส
บนชายฝั่งแห่งหนึ่ง (ซึ่งปัจจุบันนี้ คือประเทศตุรกี)
ในรัชสมัยของกษัตริย์อเล็กซานเดอร์
จัดเป็นวิหารที่สวยงามแห่งหนึ่งจนกลายเป็นที่รู้จักว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคเก่า
แต่วิหารแห่งนี้ได้ถูกทำลายสิ้น จนเหลือแต่ซากปรักหักพัง
ซากวิหารเทพีอาร์เทมิส ณ เมืองอีเฟซุส ประเทศตุรกี
ความคิดเห็น