คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Episode 8
Episode 8
เวลาผ่านไปนับเดือน โคลมก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากมุคุโร่ มันนานเสียจนหญิงสาวเริ่มหมดความหวังแล้ว ร่างบางมองออกไปนอกหน้าตาอย่างเบื่อหน่าย มองดูเกล็ดหิมะที่ค่อยๆ ร่วงโรยด้วยความว่างเปล่า เธอถอนหายใจออกมา อย่างน้อยๆ ก็ควรจะมีภารกิจอะไรให้เธอทำแก้เบื่อบ้าง แต่หลายวันที่ผ่านมาเธอได้แต่หมกตัวอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่นี่ตลอด พอไปถามคุซาคาเบะ เขาก็บอกว่าไม่มีอะไรที่ต้องทำเป็นพิเศษ
เห้อออ โคลมรู้สึกเหมือนตัวเองมานั่งงอมืองอเท้าในบ้านคนอื่นเลย
Rrrr…Rrrr…
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพ่งมอง ก่อนจะพบว่าเป็นยามาโมโตะ ทาเคชิ โคลมเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ทำไมช่วงนี้ผู้ชายคนนั้นถึงโทรหาเธอถี่จังนะ มัวแต่สงสัยไปก็ไม่มีประโยชน์ หญิงสาวจึงจำใจกดรับ
“สวัสดีค่ะ”
[โอ๊ะ รับเร็วจังแฮะ] น้ำเสียงอารมณ์ดีที่เป็นเอกลักษณ์ดังขึ้น เธอนึกใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย [ฉันโทรมารบกวนเธอรึเปล่า? ฮ่าๆ]
“เปล่าค่ะ แต่คุณยามาโมโตะมีอะไรหรือเปล่าคะ?”
[ฉันโทรหาเธอ...ต้องมีเหตุจำเป็นด้วยเหรอ?]
“...!” ประโยคโต้ตอบของยามาโมโตะทำให้โคลมชะงักไป เธอพยายามจะไม่คิดเป็นอื่น และก็ถือว่าโชคดีที่ยามาโมโตะพูดแก้ตัวในประโยคถัดมา
[ฮ่าๆ ล้อเล่นน่ะ ฉันแค่จะชวนเธอไปกินข้าวด้วยกัน ถือซะว่าแก้มือ...]
“กินข้าว...เหรอคะ”
[ใช่ อีกอย่างช่วงนี้เธอก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรเป็นพิเศษอยู่แล้วนี่]
“...ค่ะ”
[เธอตกลงใช่มั้ย!?] น้ำเสียงของยามาโมโตะดูตื่นเต้นและดังขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โคลมเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ
“ค่ะ”
[โอเค! เดี๋ยววันนี้ตอนบ่ายๆ ฉันจะเข้าไปรับนะ]
“อย่าดีกว่าค่ะ” หญิงสาวรีบเบรกอีกฝ่ายไว้ด้วยความรวดเร็ว
[ทำไมล่ะ]
นั่นสิ ทำไมกันนะ...
มันต้องเป็นเพราะเธอเกรงใจฮิบาริแน่ๆ คนอย่างเขาคงไม่อยากให้ใครมาเดินเข้าๆ ออกๆ พื้นที่ส่วนตัวบ่อยๆ หรอก ใช่...มันต้องเป็นแค่ ‘ความเกรงใจ’ เรื่องระหว่างเธอกับเขาไม่มีอะไรไปมากกว่าตำแหน่งผู้พิทักษ์วองโกเล่หรอก ความสัมพันธ์ของเธอและเขามันก็แค่นั้น ไม่มีทางแปรเปลี่ยนเป็นอื่น แต่พอไม่รู้ทำไม พอคิดถึงฮิบาริทีไร ภาพตอนที่เธอตกอยู่ใต้อาณัติเขาก็ลอยเข้ามาในหัวทุกครั้ง น่าโมโหตัวเองจริงๆ
“ฉัน...”
[...]
“...ฉันจะออกไปซื้อของข้างนอกพอดีค่ะ”
[อ้อ งั้นก็ได้]
“ค่ะ แล้วเจอกัน”
[แล้วเจอกัน]
ยามาโมโตะตัดสายไปแล้ว โคลมนั่งจ้องโทรศัพท์มือถือของตัวเองพักใหญ่ ก่อนที่เสียงเคาะประตูจะดังขึ้นเบาๆ ตามด้วยน้ำเสียงสุภาพของคุซาคาเบะที่ดังมาจากด้านนอก
“คุณโคลมครับ” เธอลุกไปเปิดประตูให้ชายหนุ่ม “คุณเคียวให้มาตามครับ”
“คุณฮิบาริเหรอคะ?”
“ครับ โอ๊ะ...คุณโคลมเรียกชื่อคุณเคียวแล้วเหรอครับ” คำถามของคุซาคาเบะทำให้ภาพในคืนนั้นระหว่างเธอกับเขาลอยเข้ามาในหัวเธออีกแล้ว โคลมกัดริมฝีปากร่างแน่นอย่างพยายามข่มอารมณ์
“...ค่ะ” เธอพยักหน้าเบาๆ “คุณฮิบาริให้มาตามฉันเรื่องอะไรเหรอคะ?”
“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ แค่ได้รับคำสั่งมา” คุซาคาเบะฉีกยิ้มอย่างปลงๆ บ่อยครั้งที่เขามักจะได้รับคำสั่งของผู้เป็นนายโดยปราศจากคำอธิบาย เพราะผู้ชายอย่างฮิบาริไม่ใช่เจ้านายใจดีที่จะมานั่งอธิบายนู่นนี่นั่นให้ตนฟัง เขารู้เรื่องนั้นดี จึงไม่เคยคิดปริปากถามอะไร เว้นแต่เรื่องที่ข้องใจจริงๆ แล้วก็มักจะได้สายตาที่ตวัดมาแรงๆ เป็นคำตอบแทบทุกครั้ง
“คุณฮิบาริอยู่ห้องไหนเหรอคะ?”
“ห้องทำงานครับ”
โคลมพยักหน้ารับ “เดี๋ยวฉันไปนะคะ”
“ครับ”
หญิงสาวเดินกลับเข้าไปในห้องนอน จัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เพราะเธอรู้ดีว่าฮิบาริไม่ชอบการแต่งกายของเธอมากแค่ไหน เป็นครั้งแรกที่โคลมยอมหยิบกางเกขายาวสีดำทรงขาม้าขึ้นมาใส่พร้อมกับเสื้อคอเต่าสีดำ ผู้ชายคนนี้ชอบความหม่นหมองหรือไง...ถึงได้ซื้อแต่เสื้อผ้าที่ใส่ไว้อาลัยมาให้เธอ
การปรากฏตัวครั้งนี้ของโคลม โดคุโร่สร้างความแปลกใจให้ชายหนุ่มไม่น้อย ฮิบาริเลิกคิ้วนิดหน่อยตอนเห็นเสื้อผ้าที่เธอใส่ หญิงสาวไม่แม้แต่จะสบตาเขา เธอเบนสายตาไปทางอื่นพร้อมกับเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความประหม่า ทำไมเขาจะดูไม่ออก ไหนจะระเรื่อแดงๆ ที่ปรากฏอยู่บนใบหน้านวลนั่นอีก ผู้หญิงคนนี้กำลังเขินอยู่ชัดๆ
“คุณฮิบาริมีอะไรเหรอคะ?” เธอถามโดยไม่มองหน้าเขา
“ฉันจะเรียกเธอ...ต้องมีธุระอะไรด้วยเหรอ” ประโยคที่ฮิบาริพูดออกมาคล้ายกับที่ยามาโมโตะพูดกับเธอมาก แต่ความรู้สึกของเธอกลับต่างออกไป ร่างบางหันไปสบตากับใบหน้าหล่อเหลาก่อนจะรู้สึกประหม่าเข้าไปใหญ่ นัยน์ตาเจ้าเล่ห์ที่จ้องมองมาเหมือนกำลังจะเขมือบเธอได้ตลอดเวลา ผู้ชายคนนี้น่ากลัวจริงๆ
“...ถ้าคุณฮิบาริไม่มีอะไร ฉันขอตัวนะคะ”
“เดี๋ยว” โคลมทำท่าจะเดินกลับออกไป แต่เขาก็รั้งไว้เสียก่อน “เย็นนี้...”
“...”
“ไปกินข้าวกัน”
“คะ?” คำชวนเรียบๆ ของฮิบาริทำให้เธอแปลกใจระคนดีใจแปลกๆ โคลมไม่คิดมาก่อนว่าเธอจะได้ยินประโยคนี้จากปากผู้ชายคนนี้ มันเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อมากๆ เธอคงไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย
“หูหนวกรึไง”
“เปล่าค่ะ ก็แค่...”
“แค่อะไร”
“...ดีใจค่ะ” หญิงสาวตอบยิ้มๆ อย่างน้อยความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาก็พัฒนาไปในทางที่ดี เขาไม่เย็นชากับเธอเหมือนแต่ก่อนแล้ว นับว่าเป็นเรื่องดีไม่ใช่น้อย แต่ขอให้มันหยุดอยู่ในฐานะเพื่อนร่วมงาน โคลมไม่คิดว่าเธอและเขาจะแปรเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นได้
คำตอบที่หลุดออกมาจากปากหญิงสาวทำให้ฮิบาริชะงักไปเล็กน้อย และแน่นอนว่าเธอไม่ทันสังเกตเห็น เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงจากที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานตัวเตี้ยในแบบฉบับญี่ปุ่น ชายหนุ่มย่างเท้าเข้าไปหาหญิงสาวอย่างใจเย็นเหมือนเจ้าป่าที่กำลังจะตระคลุบเหยื่อตรงหน้า โคลมกระพริบตาปริบๆ อย่างไม่เข้าใจ แต่ก่อนที่จะได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกไป ริมฝีปากบางเฉียบของคนตรงหน้าก็ทาบทับลงมาอย่างหนักหน่วง ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจ พยายามดันหน้าอกแกร่งออกสุดฤทธิ์ แต่ไม่ว่าจะทางไหนโคลมก็ไม่สามารถต่อกรกับร่างกายกำยำนี่ได้เลย เธอจึงจำใจปล่อยให้ฮิบาริทำตามความต้องการจนกว่าจะพอใจ ไม่นานฮิบาริก็ถอนริมฝีปากออก เขาเลียมุมปากด้วยความเคยชินก่อนจะทอดตามองเธออีกครั้ง โคลมเงยหน้าขึ้นสบตา รู้สึกขุ่นเคืองไม่ใช่น้อยที่ผู้ชายคนนี้ชอบทำอะไรตามอำเภอใจกับร่างกายของเธอ
“คุณทำแบบนี้ทำไม” เธอพยายามข่มอารมณ์โกรธของตัวเองไว้สุดฤทธิ์ แต่ดูเหมือนผู้ชายตรงหน้าจะไม่รู้สึกรู้สากับการกระทำที่ล่วงเกินเธอเมื่อครู่แม้แต่น้อย
“แค่จูบ...”
“อย่ามาพูดแบบนี้นะคะคุณฮิบาริ!” เป็นครั้งแรกที่โคลมกล้าขึ้นเสียงต่อหน้าเขา ฮิบาริเองก็แปลกใจไม่น้อยกับปฏิกิริยาของหญิงสาว “ถึงฉันจะอ่อนแอ...แต่ฉันไม่ใช่ของเล่นของคุณ”
จบประโยคโคลมก็เดินออกจากห้องทำงานของเขาทันที ร่างบางเดินแกมวิ่งกลับไปที่ห้องเพื่อไปหยิบกระเป๋าหนังสีดำคู่ใจ ก่อนจะเดินออกจากคฤหาสน์ด้วยความรวดเร็วโดยไม่บอกไม่กล่าว ฮิบาริที่ยืนดูสถานการณ์เงียบๆ และไม่คิดจะรั้งเธอไว้ได้แต่นั่งทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้อยู่คนเดียว
เขาทำอะไรผิด? มันก็แค่จูบ...
ใช่ มันก็แค่จูบ ผิดหรือไงที่ผู้ชายอย่างเขาจะมีอารมณ์แบบนี้บ้าง ฮิบาริเองก็เป็นผู้ชายนะ เขาไม่ใช่คนตายด้านเสียหน่อย แล้วโคลมเองก็ใช่ว่าจะหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ซะเมื่อไหร่ ฮิบาริยังไม่เข้าใจว่าเขากำลังทำผิดตรงไหน เขาไม่ได้ตัดแขนตัดขาเธอเสียหน่อย ผู้หญิงที่ชอบใส่ชุดโชว์เนื้อหนังอย่างโคลมไม่ควรจะหวงเนื้อหวงตัวขนาดนี้ด้วยซ้ำ
ช่างเถอะ เขาไม่ได้มีเวลาว่างขนาดมานั่งสนใจผู้หญิงคนเดียวหรอก
...มั้ง
“ขอโทษที่มาช้านะคะ” โคลมเอ่ยเบาๆ หลังจากมาถึงร้านอาหารที่นัดไว้กับยามาโมโตะ ชายหนุ่มตรงหน้าฉีกยิ้มอย่างอารมณ์ดี เขาไม่เคยถือโทษโกรธเธอเลยสักครั้ง
“อย่าคิดมากน่า ฉันสั่งอาหารไปส่วนหนึ่งแล้ว เธออยากได้อะไรเพิ่มมั้ย?”
“ไม่ดีกว่าค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะกวาดตาสำรวจบรรยากาศของร้านอาหาร ครั้งนี้ยามาโมโตะเลือกร้านที่ดีกว่าครั้งที่แล้วเยอะ เพราะคนอย่างเธอไม่ชอบสถานที่หรูหราอะไรนัก แต่ก็ไม่ได้ชอบที่ๆ คนเยอะๆ ซึ่งร้านนี้ตอบโจทย์ของเธอมาก มันเป็นร้านอาหารอิตาเลียนเล็กๆ ที่คนไม่ได้เข้ามาใช้บริการเยอะนัก
“ฉันสั่งน้ำเปล่าให้เธอนะ…หรือจะเปลี่ยนก็ได้”
“ไม่ค่ะ ฉันชอบน้ำเปล่า” โคลมตอบเบาๆ พร้อมรอยยิ้มขอบคุณ ยามาโมโตะรู้สึกชื่นใจขึ้นเยอะ อย่างน้อยวันนี้ก็ไม่แป้กเหมือนครั้งที่แล้วล่ะนะ
“แล้วถ้ากินข้าวกันเสร็จ...เธอมีนัดต่อที่ไหนมั้ย?”
‘ไปกินข้าวกัน’ ประโยคคำชวนเนิบๆ ของฮิบาริลอยเข้ามาในหัวของเธอ โคลมพยายามปัดเป่ามันออก เธอจะไม่คิดเรื่องของผู้ชายเอาแต่ใจคนนั้นให้รกสมองอีก! เขามันขี้โกง เจ้าเล่ห์ แถมใจร้ายด้วย
“...ไม่ค่ะ”
“ดีเลย! งั้นไปดูหนังกันนะ”
“ดูหนัง...เหรอคะ” โคลมถามอย่างลังเล
“ใช่ คลายเครียดไงล่ะ ดูเธอไม่ค่อยได้รีแล็กซ์เท่าไหร่นะ” ยามาโมโตะดูอารมณ์ดีทั้งวันเลย สมแล้วล่ะที่เขาเป็นผู้พิทักษ์พิรุณของวองโกเล่ อยู่กับเขาแล้วเธอไม่ประหม่าเหมือนอยู่กับฮิบาริเลยสักนิด แถมสบายใจขึ้นเยอะด้วย อย่างน้อยยามาโมโตะก็จะไม่ล่วงเกินเธออย่างที่ผู้ชายใจร้ายคนนั้นทำ
“เอ่อ...ปกติฉันไม่ค่อยได้เข้าโรงหนังน่ะค่ะ”
“งั้นวันนี้ก็เข้าสิ”
โคลมไม่เห็นช่องว่างในการปฏิเสธคำชวนของเขาเลยสักนิด หญิงสาวลังเลว่าควรจะตอบตกลงดีหรือไม่ แต่พอเงยหน้าขึ้นไปเห็นประกายในแววตาของอีกฝ่ายแล้ว เธอไม่สามารถทำร้ายคนดีๆ อย่างยามาโมโตะได้ลงจริงๆ
“ก็ได้ค่ะ”
“เยส!”
เห้อออ เธอคงจะไม่โดนลงทัณฑ์อะไรใช่มั้ย
_________________________________
สวัสดีค่าาาาาา
หลังจากที่หายหน้าหายตาไปนานพอสมควร
แต่ความจริงก็ไม่ได้จากไปไหนนนน
แค่ไปอยู่หอแล้วไม่มีโน้ตบุ๊ก 555555555 -O-;;
แล้วบวกกับที่กำลังยุ่งๆ เรื่องลงเรียนวิชากฎหมาย
เลยทำให้ไม่ค่อยได้มาอัพเท่าไหร่ ขอโทษด้วยนะคะ
ซึ่งหลังจากไปเดินร้านหนังสือมา
แรงฟิตเลยกลับมาอีกครั้งค่ะ!!!
ยังไงก็เม้นท์ให้ด้วยน้าทุกคนนนนนน~
? cactus
? cactus
ความคิดเห็น