ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Zelo x You] สาวใสโชคร้ายขอมัดใจนายซุปตาร์ COME BACK

    ลำดับตอนที่ #29 : Chapter 25

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 730
      0
      9 พ.ย. 56

    :)  Shalunla



     
     
     Chapter 25






    Jonghyun part 
     
     
     
    "จงฮยอน นายดื่มหนักไปแล้วนะ พอเถอะ"
     
     
     
     
     
    เยจินออนนี่เท้าแขนลงบนขอบบาร์พร้อมกับถอนหายใจยาวๆมาได้ซักพักและในที่สุดเธอก็ตัดสินใจคว้าแก้วเหล้าจากมือผมแต่ผมก็คว้ามันกลับมาได้อยู่ดี
     
     
     
     
    เหล้าในแก้วกระฉอกออกมาราดบนโต๊ะเพราะแรงกระชากไปมาของเราสองคนพี่น้อง ผมมองน้ำสีอำพันที่ราดอยู่บนโต๊ะก่อนจะตวัดสายตาไปทางใบหน้าพี่สาวที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยความหงุดหงิดที่สุดจะทน
     
     
     
     
     
     
    "อย่ามายุ่งน่า เธอนั่นแหละไปนอนได้แล้ว เลิกสนใจผมซักที!!  ชักรำคาญแล้วนะ!!!"
     
     
     
     
    และเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ผมตวาดใส่หน้าพี่สาวตัวเองแบบนี้....
     
     
     
     
     
     
    ดวงตาพี่สาวสั่นเครือและเบิกโพลงก่อนจะหลุบตาต่ำ ริมฝีปากสีแดงเลือดนกเม้มเข้าหากันก่อนจะคลายออกพร้อมกับใบหน้าได้รูปที่ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองผมอีกครั้งด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป
     
     
     
     
     
    "ทำไมนายถึงทำเพื่อเด็กนั่นได้ขนาดนี้.....มันมีดีมากขนาดนั้นเลยเหรอ? ทำไมนายถึงกลายเป็นแบบนี้ไปแล้วล่ะ...?"
     
     
     
     
     
    "ผมก็เป็นของผมแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ไม่มีใครมาเปลี่ยนผมทั้งนั้นแหละน่า"ผมเอ่ยโดยที่ยังไม่หันไปสบตา ผมเทเหล้าที่เหลือในขวดลงในแก้วจนหมดและจัดการกระดกเหล้าลงคอรวดเดียวหมด
     
     
     
     
     
    เหล้าขมเฝื่อนไหลบาดคอผมจนแสบแต่ผมก็ชินแล้วล่ะ ภาพตรงหน้าเริ่มหมุนวนและอาการมึนหัวจู่โจมผมทีละนิด อาาาา....นี่ผมเมาแล้วสินะ
     
     
     
     
     
     
    ทำไมกัน........ถึงร่างกายจะพยายามส่งสัญญาณแค่ไหนผมก็ยังฝืนซดเหล้าเข้าไปทำร้ายตับไตไส้พุงข้างใน สมองทำได้แค่บีบไปมาให้ผมเริ่มรู้สึกร้าวและอยาดจะอาเจียนแต่ภาพของกียอนกลับยังคงเด่นชัดไม่ได้จางหายไปเหมือนที่ผมอยากให้เป็น
     
     
     
     
     
    "นายไม่เคยเป็นแบบนี้จงฮยอน นายไม่เคยกินเหล้าเพื่อลืมผู้หญิงคนไหน"
     
     
     
     
     
    "ใช่ และตอนนี้ผมก็ไม่ได้ทำแบบนั้น"ผมพูดพร้อมกับพยายามประคองตัวเองลงจากเก้าอี้และเดินไปหยิบเหล้าอีกขวดในตู้ ผมรู้สึกว่าพื้นเริ่มหมุนวนแต่ก็ยังคงประคองตัวเองให้ยืนได้ถึงแม้จะยากลำบาก
     
     
     
     
     
     
    "นายรักผู้หญิงคนนั้นจริงๆเหรอ เหอะ! แต่ก็ดี! เพราะยังไงนายก็ต้องแต่งงานกับยัยนั่นอยู่แล้วหนิ"เยจินยังไม่ลุกไปไหน เธอยังนั่งอยู่ที่เดิมและพ่นคำพูดน่ารำคาญออกมาใส่หูผม กลิ่นน้ำหอมแสบจมูกของเธอทำให้ผมปวดหัวจนแทบอ้วก
     
     
     
     
     
     
    "จะมีประโยชน์อะไร กียอนไม่แต่งงานกับผมหรอก เธอไม่ได้รักผม"
     
     
     
     
     
     
    "เหอะ! ยัยนั่นรักที่เงินนายไงล่ะ! และอีกอย่างนายไม่รู้เหรอว่ายัยนั่นก็คั่วผู้ชายอยู่อีกคน"
     
     
     
     
     
     
     
    ปัง!!!!
     
     
     
     
    ผมกระแทกแก้วเหล้าลงบนพื้นไม้ของเคาท์เตอร์บาร์ก่อนจะพยุงตัวเองลุกขึ้นประชันหน้ากับพี่สาว
     
     
     
     
    "หยุดว่ากียอนแบบนั้น พี่ยังไม่รู้จักเธอดี"
     
     
     
     
     
    "ทำไมฉันจะว่าไม่ได้ ก็เห็นกันอยู่ตำตา นายอย่าบอกนะว่านายยังไม่เห็นรูปพวกนั้นน่ะ"
     
     
     
     
     
     
    "รูปไหน?"ผมหันไปมองหน้าพี่สาวด้วยความกังวลสงสัย
     
     
     
     
     
    "ก็รูปในเน็ตไงล่ะ ฉันเป็นคนเอาไปปล่อยเองเพื่ออยากจะให้นายตาสว่างซักทีว่าเด็กนั่นมันไม่ได้สนใจนายเลย! ผู้ชายที่มันคบอยู่น่ะดีกว่านายเป็นไหนๆ ทั้งหล่อ ทั้งรวย ทั้งเก่งและมีความสามารถ แถมยังเป็นคนดังอีก นายมันก็แค่ทำตัวรักสนุกไปวันๆ นายน่ะเทียบกับชเวจุนฮงไม่ได้เลยซักนิด!!!"
     
     
     
     
     
    ผมบีบแก้วเหล้าในมือแน่น สติที่มีอยู่น้อยนิดแทบขาดผึง ผมไม่ได้โกรธที่พี่เอาผมไปเปรียบเทียบกับไอ้เด็กเมื่อวานซืนนั่น แต่ผมโกรธในสิ่งที่พี่ทำ การที่พี่ทำแบบนั้นมันช่างโง่เง่าสิ้นดี! ผมถูกคนที่ผมรักเกลียดมากขึ้นเป็นเท่าตัวเพราะเธอคิดว่าผมเป็นคนทำ
     
     
     
     
     
     
    แต่มันคงไม่ต่างอะไร.....ถ้าเธอรู้ว่าจริงๆแล้วเป็นฝีมือพี่สาวแท้ๆของผม เธอก็คงจะเกลียดผมเหมือนเดิม
     
     
     
     
     
    "ทำไมพี่ทำอะไรโง่ๆแบบนั้น! พี่รู้ตัวบ้างมั้ยว่ากำลังทำให้คนอื่นเสียหายน่ะ! เอารูปไปปล่อยว่อนในเน็ตแบบนั้นพี่คิดว่ามีคนเห็นแค่สองสามคนรึไง! จุนฮงไม่ใช่คนธรรมดาแต่เป็นบุคคลสาธารณะที่ใครๆก็รู้จัก พี่ทำแบบนั้นเท่ากับทำลายงานของเขาและยังทำให้กียอนโดนรุมด่าจากแฟนคลับของเขานับร้อยคน!"ผมลุกขึ้นจ้องหน้าพี่สาวด้วยแววตาเดือดดาล อารมณ์โกรธผสมกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ผมขาดสติ ผู้หญิงตรงหน้าจ้องมองลึกเข้ามาในดวงตาผมโดยที่ไม่ได้หลบ ถึงสิ่งที่พี่สาวผมทำจะไม่น่าให้อภัยแต่ยังไงเธอก็เป็นพี่สาวผม ความรู้สึกผิดแล่นเข้ามาบาดหัวใจจนผมต้องหลบตาสั่นเครือคู่นั้นเสียเอง
     
     
     
     
     
     
    "ผมขอโทษ"ผมพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาก่อนจะหันไปคว้าแก้วและขวดเหล้าและเดินออกมาจากตรงนั้นทิ้งให้พี่สาวผมอยู่คนเดียวในห้องอาหารสลัวๆของบ้าน เธอไม่ได้รั้งผมไว้อีก ไม่แม้แต่หันมองตามผม
     
     
     
     
     
     
    ผมเดินขึ้นบันไดมายังห้องของตัวเอง ผมเดินเข้าไปในห้องที่มืดทึบมีเพียงแสงจากเมืองใหญ่ที่ลอดผ่านม่านเข้ามา ผมวางเหล้าลงบนโต๊ะและทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้าราวกับทำงานหนักมาทั้งวันทั้งๆที่จริงๆแล้วผมไม่ได้ทำอะไรเลย หลังจากที่ผมเห็นกียอนและผู้ชายคนนั้นเดินออกจากประตูร้านไป ผมนั่งอยู่ในร้านเงียบๆคนเดียวกับแก้วกาแฟเย็นชืดที่ยังเต็มปริ่มไม่มีแม้แต่รอยจิบ เมื่อฟ้าเริ่มมืดผมจึงขับรถกลับบ้านและดื่มยันดึกดื่น
     
     
     
     
     
     
    แต่ผมยังมีสติ ผมยังจำเธอได้ทุกอย่าง ผมรู้ว่ามันไม่ง่ายที่จะลืมแต่ผมจะพยายาม
     
     
     
     
     
     
    ผมยกมือขึ้นวางลงหน้าผากและหลับตาเบาๆ เสียงรถราบนถนนเป็นสิ่งเดียวที่ดังอยู่ในค่ำคืนที่เงียบสนิท ป่านนี้กียอนกับหมอนั่นจะทำอะไรกันอยู่ หมอนั่นจูบเธอไปกี่ครั้งในขณะที่ฉันไม่เคยแม้แต่จะได้ลูบผมเธอ
     
     
     
     
     
     
    ผมหลับตาเพื่อบรรเทาอาการปวดหัว หนังตาหนักอึ้งเกินจะฝืนลืมขึ้นมาอีกครั้งและในที่สุดผมก็เคลิ้มหลับไปในสภาพกลิ่นแอลกอฮอล์ยังคงคละคลุ้งไปทั้งตัว
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    14.39 น.
     
     
     
     
     
    ผมฝืนลุกขึ้นมาทั้งๆที่ยังคงปวดหัวราวกับสมองกำลังจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ เหล้ายังคงวางอยู่บนโต๊ะแต่ผมก็ไม่สนใจมัน ผมถอดเสื้อผ้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำ เปิดฝักบัวให้น้ำเย็นไหลลงชะล้างอาการปวดหัวที่ยังไม่หาย น้ำเย็นๆไหลชะโลมผิวหนังที่ร้อนผ่าวของผมช่วยให้ผ่อนคลายขึ้นเยอะ วันนี้ผมต้องไปรับยัยนั่นกลับมาที่นี่ ถึงเธอจะไม่อยากกลับแค่ไหนแต่คงเป็นไปไม่ได้ที่จะขัดขืน ผมยังคงจำแววตาตื่นตระหนกตกใจและหยดน้ำตาเมื่อวานได้อย่างชัดเจน เธอคงตกใจมากใช่มั้ย? หรือไม่เธอก็อาจจะเกลียดฉันมากเลยล่ะสิ แค่คิดผมก็รู้สึกร้อนขึ้นมาอีกแล้ว บ้าชิบ!
     
     
     
     
     
     
     
    เมื่อผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมหยิบกุญแจรถบนหัวเตียงมาดอกหนึ่งโดยที่ไม่ได้เลือกว่ามันเป็นรถอะไร ผมก้มลงมองกุญแจในมือขณะที่วิ่งลงบันไดมายังด้านล่างเพื่อไปยังโรงจอดรถในคอลเล็กชั่นของผม
     
     
     
     
     
    รถเบนซ์สี่ที่นั่งสีดำมันวับกระพริบไฟเมื่อผมกดรีโมทไปสุ่มๆผมจึงรู้ว่าวันนี้ได้รถคันไหน
     
     
     
     
     
     
    ผมถอยรถออกจากลานและขับออกมาโดยไม่ลืมที่จะขับเฉี่ยวถังขยะหน้าบ้านเหมือนเคย ผมมองดูถังขยะพวกนั้นล้มระเนระนาดเหมือนโดมิโนผ่านกระจกมองหลังแต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจ คนแถวนั้นคงชินกับนิสัยของผมแล้วล่ะดูจากที่ไม่มีคนออกมาชูนิ้วกลางให้ผมเหมือนวันก่อนๆ ผมเหยียบคันเร่งจนมิดเพื่อไปยังที่หมายให้เร็วที่สุด
     
     
     
     
     
     
    ผมคว้าแว่นกันแดดจากหน้าคอนโซลรถมาสวมไว้เพื่อปิดบังดวงตาเหนื่อยล้าอดหลับอดนอนของตัวเองก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปยังซอยทางเข้าคอนโดหรือก็คือหอพักนั่นแหละ
     
     
     
     
     
     
    ผมจอดรถตรงลานก่อนจะลงมาจากรถและมองหาคนที่ผมมารับ ด้านหน้าตึกว่างเปล่าไม่มีแม้แต่เงามีเพียงยามในชุดเครื่องแบบที่นั่งหน้าเคาท์เตอร์ด้วยใบหน้าง่วงซึม ผมยีผมสีน้ำตาลเชยๆที่สไตล์ลิสต์ค่ายย้อมให้เบาๆก่อนจะเดินอ้อมไปทางด้านหลังของตึกที่ติดกับถนนใหญ่อีกฝั่งและแน่นอนว่ามันจะกั้นด้วยกำแพงตารางสูงเพื่อกันพวกขโมยหรือแฟนคลับสอดแนม มันต้องเกิดเรื่องแน่ถ้ามีผู้หญิงที่ไม่ใช่ศิลปินในค่ายมานั่งอยู่ด้านนอกตึกและมีคนที่ใกล้เดบิวท์แบบผมมารับ
     
     
     
     
     
     
    กียอนนั่งก้มหน้ากอดอกอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวข้างๆกับพัดลมระบายอากาศที่เป่าลมร้อนๆออกมาพร้อมกับส่งเสียงคำรามชวนให้ประสาทกินแต่ดูเหมือนเธอแลดูจะไม่สนใจ เธอนั่งกอดอกหลับตาและโยกหัวเบาๆตามจังหวะเพลงที่ดังมาจากสายหูฟังสีขาวที่เธอสวมอยู่ ผมยาวปล่อยสยายลงมาลู่ต้นคอของเธอทั้งสองฝั่ง กระเป๋าเดินทางสีน้ำตาลเข้มห้อยพวงกุญแจตุ๊กตาน่ารักๆวางอยู่ข้างๆเก้าอี้
     
     
     
     
     
     
    ผมเดินเข้าไปสองสามก้าวแต่ดูเหมือนเธอจะยังไม่รับรู้ถึงการมาถึงของผม ผมยืนมองเธออยู่ที่เดิมและคิดว่าจะเดินเข้าไปตอนนี้ดีรึเปล่า เพราะไม่แน่เธออาจจะขยับหนีผมก็ได้
     
     
     
     
     
    ผมตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ๆแต่แล้วจู่ๆก็มีเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งผมสีควันบุหรี่ยุ่งๆเดินออกมาจากห้องน้ำตรงหน้าไม่ไกลนัก ผู้ชายคนนี้คนที่ผมรู้จักดีและจำได้ว่าย่ัวโมโหเค้าไปกี่ครั้ง เสื้อผ้าบนตัวเขาแลดูสดใสและมีสไตล์เสมอไม่เหมือนกับผมที่ชอบแต่งตัวด้วยเชิ้ตสีดำเรียบๆกับกางเกงขายาวแลดูจืดชืดและไม่มีสีสัน
     
     
     
     
     
    จุนฮงเดินไปนั่งลงข้างๆกับกียอนก่อนที่มือขาวๆนั่นจะยกขึ้นปลดสายหูฟังของผู้หญิงในอ้อมแขนออก กียอนหันมาทำหน้าเบ้ใส่เมื่อเพลงที่ฟังอยู่ต้องหยุดชะงักก่อนที่จะโดนบีบจมูกจากเขาไปหนึ่งที
     
     
     
     
     
     
    อาาาาา......รู้สึกเจ็บในใจแปลกๆ อยากให้ผู้ชายคนนั้นเป็นผมบ้าง.....
     
     
     
     
     
     
    มือหนาของจุนฮงยกขึ้นประคองแก้มใสแล้วยื่นหน้าเข้าไปประทับริมฝีปากลงอย่างอ่อนโยน ดูจากด้านหลังผมก็ดูออกว่าสองคนนั้นกำลังจูบกัน กียอนดูตอบสนองกับสัมผัสนั้นโดยการหลับตาพริ้ม เธอดูมีความสุขมากเหลือเกิน ผมได้แค่ก้มหลบภาพตรงหน้าพร้อมหัวใจที่เต้นระส่ำด้วยความเจ็บปวด
     
     
     
     
     
     
    "จงฮยอน! นายมายืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน"ใบหน้ากียอนแดกเถือกเมื่อผละออกจากจูบและหันมาเจอผมที่ยืนก้มหน้านิ่ง
     
     
     
     
     
     
    "อ๋อ....เอ่ออ....ก็เมื่อกี้นี้เอง"ผมเงยหน้าขึ้นและปั้นยิ้มอย่างฝืนๆก่อนจะเดินเข้าไปหาคนสองคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้
     
     
     
     
     
     
    "Hi!"จุนฮงลุกขึ้นและยื่นมือมาตรงหน้าผมผมมองมือนั่นนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจยื่นมือไปจับ แปลกจริงที่รอยยิ้มนั่นทำให้ผมรู้สึกอึดอัดขึ้นมา
     
     
     
     
     
     
    "นายมาส่งกียอนเหรอ"
     
     
     
     
     
     
    "ป่าว ฉันจะไปด้วย"
     
     
     
     
     
     
    "ไปทำไม"
     
     
     
     
     
     
    ผมไม่ได้รับคำตอบใดๆกลับมาจากหมอนั่นเว้นเสียแต่รอยยิ้มแห้งๆ
     
     
     
     
     
     
     
    ผมว่าผมรู้คำตอบแล้วล่ะ.......
     
     
     
     
     
     
    "ของเธอมีแค่นี้เองเหรอ"
     
     
     
     
     
    "อื้ม ก็เอามาแค่นี้จริงๆ"
     
     
     
     
     
    ผมก้มลงหยิบกระเป๋าบนพื้นมาถือไว้เพื่อที่จะไปเก็บใส่รถ กียอนพยายามดึงมันไปจากผมหลายครั้งแต่ผมก็ยืนยันที่จะถือไว้ให้
     
     
     
     
     
     
     
    กียอนและจุนฮงขึ้นมานั่งบนรถและแน่นอนว่ากียอนต้องโดนบังคับให้นั่งข้างหลังเหมือนอย่างเคย ผมขับออกมาจากหอเพื่อมุ่งตรงมายังบ้านที่ห่างออกไปพอสมควร ระหว่างทางที่ขับมา ภายในรถเงียบงันไม่มีใครพูดอะไร
     
     
     
     
     
    ผมมองคนสองคนบนรถผ่านเลนส์แว่นกันแดดสีขุ่นมัว จุนฮงเหม่อมองออกไปนอกกระจกรถราวกับมีอะไรน่าสนอกสนใจในขณะที่กียอนก้มหน้ากอดอกนิ่งจนผมคิดว่าเธออาจจะหลับไปแล้ว
     
     
     
     
     
     
    ผมละสายตาจากคนสองคนมาจ้องถนนตรงหน้าก่อนจะชะลอความเร็วรถเมื่อใกล้จะถึงบ้าน 
     
     
     
     
     
    ผมลดกระจกรถลงแล้วกดรีโมทให้ประตูรั้วเหล็กเปิดออกก่อนที่ผมจะขับเข้าไปยังบริเวณบ้าน โรงจอดรถมืดทึบราวกับโชว์รูมร้างซึ่งผมเป็นคนทำให้มันเป็นแบบนี้เอง ผมเบื่อพวกที่ชอบมองสอดแนมเข้ามาดูรถของผมเลยตัดปัญหาโดยเก็บรีโมทสวิชไฟไว้เอง ผมกดเปิดสวิชไฟจนโรงรถทั้งโรงสว่างจ้าก่อนจะจากรถและกำลังจะอ้อมไปเปิดประตูให้กียอนแต่ยัยนั่นก็เปิดประตูเองซะก่อน
     
     
     
     
     
     
     
    "ไม่คิดว่าบ้านนายจะใหญ่และมีรถเยอะขนาดนี้"
     
     
     
     
     
    "เงินพ่อน่ะ"ผมพูดพลางยักไหล่ ก็มันจริงนี่
     
     
     
     
     
     
     
    ผมเดินนำกียอนและจุนฮงมายังตัวบ้านที่สว่างจ้าด้วยแสงอาทิตย์ยามเย็นและไฟบนผนัง ประตูหน้าบ้านถูกเปิดกว้างทำให้ลมพัดเอื่อยๆเข้ามาในบ้าน ไม่บ่อยนักที่ผมจะได้รับรู้ความรู้สึกสบายๆแบบนี้ ปกติเวลาผมกลับมาบ้านบ้านมักจะมืดสนิทเสมอถ้าไม่นับไฟริบหรี่ๆตรงเสาข้างนอกซึ่งผมไม่ชอบมันเลย
     
     
     
     
     
     
    โถงทางเดินทอดเงายาวของแสงอาทิตย์สีส้ม ห้องนั่งเล่นเป็นห้องเดียวที่ไฟเปิดสว่างที่สุดพร้อมด้วยเสียงคนคุยกันจ้อกแจ้กจอแจที่ออกมาจากห้อง
     
     
     
     
     
     
    "พ่อเธออยู่ในนั้น"ผมหยุดเดินแล้วหันไปพูดกับผู้หญิงที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ด้านหลัง
     
     
     
     
     
     
     
    กียอนมองหน้าผมก่อนจะกึ่งวิ่งกึ่งเดินนำหน้าผมและจุนฮงไปก่อน ผมมองดูแผ่นหลังเล็กของเธอที่ห่างออกไปเรื่อยๆ ผมเดาความคิดของผู้หญิงคนนี้ไม่ถูกเลยจริงๆว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อคืนคงเป็นสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับเธอสำหรับการทำใจ แต่แน่นอนว่าจุนฮงต้องทำมันให้ง่ายขึ้นแน่นอน จริงๆแล้วหมอนี่ก็เข้าใจยากเหมือนกัน ในใจนายคิดอะไรอยู่กันแน่นะ นายรักกียอนจริงหรือนายแค่หลอกให้เธอดีใจ นายรู้ใช่มั้ยว่าพอกียอนกลับไปนายจะไม่ได้เจอเธออีก เพราะนายไม่ใช่ชเว จุนฮง แต่นายคือเจโล่
     
     
     
     
     
    ผมย้อนกลับมาคิดว่าถ้าหากถึงวันที่ค่ายxxxเปลี่ยนผมให้เป็นคนใหม่ คนที่มีพร้อมทุกอย่างทั้วหน้าตาชื่อเสียงและเงินทอง ชีวิตผมคงไม่ได้ง่ายเหมือนทุกวันนี้แน่
     
     
     
     
     
    "จงฮยอนฮยอง......."
     
     
     
    เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกผมเบาๆด้วยคำพูดที่ผมไม่คิดว่าจะออกจากปากหมอนี่ ผมหันไปเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มร่างสูง เขามองกลับมาด้วยแววตาที่มุ่งมั่นและเอาจริงจนผมขนลุกขึ้นมา
     
     
     
     
     
     
    "มีอะไร ไหนบอกว่านายกระดากปากไม่ใช่เหรอ"
     
     
     
     
     
     
    "เรื่องกียอน....."
     
     
     
     
     
     
    "ทำไม"
     
     
     
     
     
     
    "ที่ผมมาวันนี้.....เพราะผมอยากจะมาหาพ่อของกียอน"
     
     
     
     
     
    "!!!!!!!!!!"
     
     
     
     
     
    "ผมจะมาบอกว่าผมรักลูกสาวของเขามากแค่ไหนและพร้อมจะดูแลไปตลอดชีวิตถึงแม้อนาคตของผมจะเอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่ถึงยังไงซะ....."
     
     
     
     
     
     
     
    "..........."
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    "ถึงเวลาของผมจะหายไปเพราะงาน แต่ถ้ากียอนมา ผมก็พร้อมจะจ่ายเงินซื้อเวลาไปให้เธอถึงมันจะแพงซักแค่ไหนก็ตาม"
     
     
     
     
     
     
    "นายมาบอกฉันทำไม....."
     
     
     
     
     
     
     
    "ผมอยากให้ฮยอง........ช่วยปฏิเสธการจับคลุมถุงชน"
     
     
     
     
     
     
    "!!!!!!!!!"
     
     
     
     
     
     
    "ผมรู้ว่าฮยองรักกียอน แต่ฮยองคงไม่อยากขังเธอไปตลอดชีวิตใช่มั้ย?"
     
     
     
     
     
     
    ฉันไม่รู้.......ผมตอบในใจ
     
     
     
     
     
     
    "..............."
     
     
     
     
     
     
     
    "นะครับฮยอง..............ผมขอร้อง"












    To be continue
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×