ลำดับตอนที่ #22
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : Special Zelo Part
Special Zelo part
ผมตกใจจนแทบล้มทั้งยืนเมื่อเห็นสภาพของคนที่ผมเฝ้ารอมาตลอดช่วงเย็น ผมเอาแต่คิดหวังอยู่ในใจว่ายัยนั่นคงออกไปซื้อของข้างนอกหรือไม่ก็ออกไปเดินเล่นแก้เซ็งแทนที่คอยอยู่แต่ในห้องพักน่าเบื่อนี่
แต่ผมก็พบว่าตัวเองคิดผิดอย่างแรงเมื่อพบว่าเธอดูสภาพร่อแร่ขนาดไหน ผมรู้สึกผิดในใจที่คิดอะไรตื้นๆเกินไป ทำไมผมไม่โทรหาเธอทำไมผมไม่ออกตามหา ทำไมผมได้แต่นั่งรอนิ่งๆในห้อง ผมคงจะบ้าไปแล้วแน่ๆ
ผมกระเซอะกระเซิงไม่เป็นทรง ข้อมือขวาช้ำแดงเป็นปื้น เธอคงจะเจ็บแต่ก็ยังดึงดันซ่อนมือเอาไว้ข้างหลังเพื่อไม่ให้ผมเห็นแต่นั่นไม่ได้ช่วยอะไรเลย เสื้อเชิ้ตสีดำตัวโคร่งยับย่นที่เธอสวมทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่ามันเป็นเสื้อของผู้หญิงจริงๆเหรอ?
ผมรู้สึกราวกับมีคนมาตบหน้าจนหน้าชาไปหมดเมื่อรู้สึกหยดน้ำตาใสๆที่ไหลซึมผ่านเสื้อยืดที่ผมสวมอยู่ ผู้หญิงตัวเล็กๆในอ้อมกอดผมเธอกำลังร้องไห้ เสียงสะอื้นของเธอเป็นเหมือนมีดที่เฉือนเนื้อผมเบาๆราวกับเป็นบทลงโทษที่ผมดูแลเธอไม่ดี
ตั้งแต่ผมพากียอนเข้ามาในห้อง เธอก็เอาแต่นั่งร้องไห้ไม่ยอมพูดยอมจาอะไรทั้งนั้นไม่ว่าผมและฮยองจะพูดแค่ไหน ฮยองแต่ละคนดูเป็นห่วงเป็นใยแต่คงไม่เท่าผมหรอก ผมน่ะอยู่กับยัยนี่บ่อยที่สุดแล้ว ผมทำให้เธอเป็นแบบนี้ถึงสองครั้งแล้ว
ครั้งแรกคือตอนที่ผมหนีเธอออกมาข้างนอกเป็นวันๆ ทิ้งให้เธออยู่คนเดียวกับความคิดซื่อๆที่ว่าผมจะกระโดดแม่น้ำฮันตายเพราะเป็นห่วงผม
ครั้งที่สองผมเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้
กียอน........ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธออย่างชัดเจนแล้ววันนี้ว่าการที่คนที่เราเป็นห่วงสุดหัวใจหนีหายออกไปน่ะมันเจ็บแค่ไหน ยิ่งเธอมานั่งร้องไห้แบบนี้เธอไม่รู้เหรอว่าฉันรู้สึกผิดแค่ไหน
ผมได้แต่กร่นด่าตัวเองในใจพลางลูบเรือนผมของเธอซ้ำไปซ้ำมา ให้ตายสิ! ผมอยากจะดึงเธอเข้ามากอดและบอกกับเธอว่าไม่เป็นไรจริงๆ
"กียอนอา....เธอไปอาบน้ำก่อนไหมแล้วค่อยออกมาเล่่าให้พวกฉันฟัง"ฮิมชานโอปป้าบอกกับเธอเบาๆแต่ผลที่ได้คือยัยนี่ส่ายหัวในขณะที่ยังคงก้มหน้าร้องไห้กับมือตัวเอง
"เอ่อ....ไม่อยากเล่าเหรอ? หรือไม่อยากอาบน้ำ??"ยองแจพูดขึ้นมาในขณะที่เขายังคงกอดหมอนในมือแน่น
"ฮึก!......โอปป้า.....ขอบคุณนะที่เป็นห่วงฉันขนาดนี้ ฉันขอโทษนะคะ ฮือออออ"กียอนเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะพูดเสียงสั่นเครือ น้ำตาไหลอาบแก้มเป็นสาย
"พวกฉันต่างหากล่ะที่ต้องขอโทษเธอที่ดูแลเธอไม่ดีพอน่ะ"ผมพูดก่อนจะขยับเข้าไปชิดกับเธออีกหน่อยพลางใช้นิ้วเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเธอออกเบาๆ เธอสะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่หน้าขาวจะขึ้นสีเรื่อๆซึ่งผมก็รู้ว่าเพราะอะไร เธอเป็นแบบนี้ทุกครั้งแหละที่ผมแตะเนื้อต้องตัวเธอตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน นี่เธอยังไม่ชินอีกรึไงกียอนอา
ไม่รู้สิครับ........ผมลืมตัวทุกครั้งว่าตัวเองเป็นใครเมื่อกียอนอยู่ใกล้ๆ ผมลืมว่าผมอยู่ในฐานะมักเน่แห่ง B.A.P ผมลืมว่าตัวเองมีชื่อเสียง
ผมรู้สึกเหมือนผมเป็นคนธรรมดาคนนึงที่อยากจะดูแลกียอนไปตลอดไม่อยากห่างไปซักนาทีเดียวเพราะมันเจ็บปวดมากเวลาเห็นน้ำตาของเธอ ผมอยากจะคว้าเธอมากอดใจแทบขาด ผมอยากจะลูบผมเธอเบาๆอีกครั้งและกระซิบบอกว่าผมพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเธอ
ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยเห็นน้ำตาผู้หญิง เบบี้ที่เจอผมแล้วร้องไห้ก็มีออกบ่อยไป แต่สำหรับผู้หญิงคนนี้...........
อาาาาาา....นี่ผมเพ้อเจ้ออะไรอยู่ ผมไม่อยากให้ความรู้สึกแบบนี้มันก่อตัวขึ้นในใจ มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ไม่ใช่เหรอ?? ผมไม่ใช่ชเว จุนฮงเด็กหน้าโง่แต่งตัวเชยๆที่ไม่มีใครรู้จักเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ผมทำไม่ได้.......
ฉันรักเธอไม่ได้กียอน.........
"ลุกขึ้นเถอะกียอน เข้าไปอาบน้ำให้สบายใจก่อนมั้ย"
กียอนพยักหน้าเบาๆก่อนจะลุกขึ้นยืนช้าๆแล้วหันมาโค้งเล็กๆให้ผมและพวกฮยอง ผมอยากจะลุกขึ้นยืนตามเธอไปใจแทบขาดแต่ผมต้องพยามยามข่มใจนั่งอยู่บนโซฟาเหมือนเดิม
ผมมองกียอนจนเธอเดินลับสายตาไปเพื่อให้แน่ใจว่าเธอเข้าไปในห้องแล้วจริงๆ เสียงปิดประตูดังออกมาไกลๆแสดงว่าเธอเข้าไปในห้องแล้ว ขอให้อาบน้ำจริงๆเหอะอย่าเข้าใปร้องไห้ต่ออีกล่ะ
ผมเอนหลังพิงกับโซฟาพลางถอนหายใจออกมายาวยืดเหมือนกับที่ฮยองคนอื่นๆทำ
"พวกนายอยากรู้เหมือนฉันรึเปล่า"ยงกุกฮยองพูดขึ้นทำลายความเงียบของทุกคน ฮยองผสานมือกันที่หน้าตักพลากแตะนิ้วชี้ไปมาท่าทางครุ่นคิดจริงๆ
"อะไรฮยอง"
"ก็.......เสื้อที่กียอนใส่น่ะ ฉันพยายามมองแล้วมองอีกว่ามันเป็นเสื้อของใครในวงรึเปล่า แต่ไม่ว่าจะมองยังไงฉันก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอมันที่ไหน"
"นั่นน่ะสิ.....ของนายรึเปล่าจุนฮง?"จงออบฮยองถามพลางมองมาทางผมพร้อมๆกับคนอื่นๆที่จ้องผมตาไม่กระพริบราวกับกำลังรอคอยคำตอบ
"ไม่....ไม่ใช่....ผมไม่มีเสื้อแบบนั้น"ผมส่ายหน้า เหงื่อผุดพราวเต็มขมับ ใจผมเต้นถี่ขึ้นเรื่อยๆเมื่อพบว่ามันไม่ใช่เสื้อของผมและฮยอง หรือว่า!?
เธอออกไปหาผู้ชายเหรอ?? กลับมาสภาพร่อแร่หมดแรงน้ำตานองหน้า เดินไม่ค่อยตรงแถมยังใส่เสื้อผู้ชายด้วย
บ้าน่า........เธอเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง!?
ผมขยี้ผมสีควันบุหรี่ของตัวเองอย่างหัวเสียก่อนจะเอื้อมมือไปดึงหมอนจากข้างหลังขึ้นมากอดเพื่อไม่ให้ตัวเองคิดเรื่องอะไรฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้
ตุบ!
เสียงของอะไรบางอย่างหล่นลงจากโซฟาไปกระทบพื้น ผมก้มลงมองว่ามันคืออะไรก่อนจะก้มลงหยิบมันขึ้นมาดู
เป็นซองสีน้ำตาลที่เหมือนเอาไว้สำหรับใส่พัสดุหรืออะไรซักอย่าง ผมนึกไม่ออกว่ามีใครสั่งไปรษณีย์อะไรรึเปล่า แต่คงไม่ใช่หรอกเพราะไม่เห็นมีจ่าหน้าซองอะไรเลย
ผมพลิกมันดูสองสามทีก่อนจะเปิดซองออกแล้วหยิบของข้างในออกมาดู
ไอโฟนห้าเคสเทาเด่นหราอยู่ในซองใสๆที่ผมคุ้นๆ......คุ้นมากกกกก คุ้นจริงๆ
เฮ้ยยย!!!! นี่มันมือถือผม! มือถือที่ผมทำมันหายไปเมื่อหลายวันก่อน มือถือที่ผมคิดไว้ว่าอาจจะไม่ได้มันคืนแล้ว มือถือที่ผมแน่ใจว่ามันไปอยู่ในมือของ......คิม จงฮยอน!
ภาพที้ผมกลัวค่อยๆเลื่อนมาชนกันเป็นเรื่องเป็นราวฉายชัดขึ้นมาในหัวผมซ้ำแล้วซ้ำอีก ผมผุดลุกขึ้นยืนก่อนจะก้าวข้ามขาของฮยองมายังหน้าห้องของกียอน มันต้องไม่ใช่อย่างที่ผมคิด ก็ผมบอกเธอไปแล้วว่าห้ามยุ่งกับผู้ชายคนนั้นอีก
"อะไรน่ะจุนฮง รีบไปไหนของนาย"
ผมไม่ได้ตอบฮยองหรือไม่แม้แต่สนใจ ผมก้าวเท้าเร็วๆไปหยุดอยู่หน้าห้องนั้น ห้องที่เคยเป็นอดีตห้องของผมแต่ตอนนี้มีผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึงเข้ามาอยู่แทน
ผมเอาหูแนบชิดกับประตูเพื่อฟังความเคลื่อนไหวของคนที่อยู่ในห้องแต่ผมก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อพบว่ามันเงียบฉี่ยิ่งกว่าเป่าสาก ไม่มีแม้แต่เสียงน้ำไหลกระทบพื้นกระเบื้องหรือเสียงย่ำไปมาของคนตัวเล็ก
ยัยนั่นอาจจะหลับไปแล้วก็ได้.....
แต่เรายังไม่ได้คุยกันเลยนะ
ผมค่อยๆทิ้งน้ำหนักมือเบาๆลงบนด้ามจับประตูและพบว่าประตูไม่ได้ล๊อกอยู่ ผมค่อยๆดันมันลงและแง้มประตูเบาๆเพื่อไม่ให้คนในห้องรู้ว่าผมแอบมาดูเธอ ขอดูให้แน่ใจหน่อยเถอะว่าเธอนอนแล้วจริงๆ เธอไม่ได้เป็นลมล้มลงไปใช่มั้ย?
อย่างน้อยให้ฉันทายาให้เธอซักนิดก็ดี......ถ้าหากเธอยังไม่อยากจะพูดอะไรตอนนี้
ผมแง้มบานประตูออกช้าๆพร้อมกับสอดส่ายสายตาเข้าไปในห้องนั้น บนเตียงว่างเปล่าไม่มีวี่แววของร่างบาง ที่จริงมันไม่มีแม้กระทั่งรอยยับย่นของเตียง ผ้าห่มที่เคยเป็นของผมก็ยังคงพับวางเอาไว้เหมือนเดิมเหมือนยังไม่มีใครแตะต้อง
ผมค่อยๆดันตัวเองแทรกผ่านบานประตูเข้ามาก่อนจะเหลียวซ้ายขวาแล้วค่อยๆปิดประตูลงช้าๆ ผมค่อยๆเดินเข้าไปในห้องเพื่อมองหากียอน ยัยนั่นคงไม่ได้เป็นลมหรอกใช่มั้ย
สายตาผมไปสะดุดกึกเข้ากับอะไรบางอย่างทำเอาผมแทบหยุดหายใจ จังหวะการเต้นของหัวใจถี่ขึ้นเรื่อยๆจนผมรู้สึกร้อนไปทั้งหน้าจนถึงหู ผมได้แต่อ้าปากค้าง เหมือนขาของผมมันไม่ฟังเสียงของสมอง มันยังคงแข็งทื่อไม่ขยับเขยื้อนราวกับมีเชือกดึงรั้งไว้อยู่ ผมไม่สามารถแม้แต่จะมองไปทางอื่นได้
แผ่นหลังขาวเนียนที่มีหยดน้ำเกาะพราวเป็นหย่อมๆ บราเซียลูกไม้สีดำที่คาดอยู่รอบอก เอวบางคอดเว้าเป็นสัดส่วนชวนมอง ผ้าขนหนูผืนบางทาบทับแค่รอบบั้นท้ายเหลือไว้แค่เพียงแผ่นหลังและขาขาวๆ ดูเหมือนเธอจะยังไม่รู้ว่าผมยืนอยู่ตรงนี้
ผมยืนมองเธออยู่ด้านหลัง.......
มือน้อยค่อยๆปลดผ้าขนหนูผืนเล็กที่พันอยู่บนหัวออกทำให้ผมดำชุ่มน้ำไหลลงมาประบ่าปิดลำคอยาวระหง เธอดึงผ้าขนหนูขึ้นมาพันถึงอกปิดบราเซียเอาไว้ก่อนจะหันมา............
ทางผม!!!!
"กรี๊ดดดดดดดดด!!! โอปป้า!!!!! เข้ามาทำไมไม่เคาะก่อนเล่า!!!"ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเธอหันมาเห็นผมที่ยังคงยืนตัวแข็งทื่อไม่มีแรงแม้แต่จะขยับปากพูด มือน้อยๆรีบเกาะกุมผ้าเช็ดตัวไว้แน่นก่อนจะจ้องผมด้วยแววตาตกใจ ใบหน้าขาวขึ้นสีเรื่อเป็นสีแดงอ่อนๆจนตอนนี้มันแดงแจ๋ไปทั้งหน้า
"อ....เอ่อ....ค.....คือ........"ผมพยายามควบคุมคำพูดที่ออกมาไม่ให้สั่นแต่มันก็ยากสิ้นดี คำพูดในหัวถูกลบล้างไปหมดเหลือไว้แต่เพียงภาพที่ยังติดตา
"มาอ่ามาเอ่ออะไรเล่า!!! ออกไปก่อนสิโอปป้า!!"เธอยังคงตะโกนใส่ผมด้วยใบหน้าแดงก่ำนั่น
"เอ่อ...ฮะ เฮ้ย! กียอน โทษทีนะ ตะกี้ ..... ขอเข้าไปหน่อย แต่งตัวเสร็จยัง?" ผมออกมายืนหน้าอดีตห้องนอน ใบหน้ายังคงร้อนผ่าวเพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อครู่ โอ้....หวังว่ากียอนจะไม่เกลียดผมนะ
"...เสร็จแล้วค่ะ เข้ามาสิค่ะ..."เสียงแผ่วๆดัวออกมาผ่านประตูบานหนา กียอนอา...ผมชักเป็นห่วงมากกว่าตะกี้ซะแล้วสิ ยิ่งเจอเรื่องแย่ๆมาแล้วผมดัน....เอ่อ อย่าพูดถึงมันเลย ช่างมันเถอะๆ ผมสะบัดไล่ความคิดงี่เง่า ภาพเมื่อสองสามนาทีก่อน ผุดขึ้นอีกครั้ง ไหล่เนียนขาว.... เฮ้ย หยุดๆ จุนฮง!!!
"เอ่อ...คือ จะเข้าละนะ!"ผมป้องปากตะโกนบอกคนอีกฝั่งประตูขณะที่มืออีกข้างหมุนลูกบิดเบาๆ
กริ๊ก กริ๊ก
เฮ้ย.....ผมพยายามออกแรงบิดให้แรงขึ้นอีกครั้ง
กริ๊ก กริ๊ก กริ๊กๆๆๆๆ!!!!
"กียอนนนนนนน"
ตุบ ตุบ ปัง ปัง ปัง
"เฮ้ๆๆๆๆๆ"
"โอปป้าใจเย็นค่าาา"เธอตอบออกมาด้วยน้ำเสียงหงอยๆผิดกับยามปกติ
"ขอโทษค่ะ เอ่อคือ..."
"หือ?...มี อะไรรึเปล่ากียอน? ไหนตะกี้บอกว่าเข้าได้?"
"ตอนนี้อย่าเลยค่ะ..."
"เฮ้ น้ำเสียงดูไม่ดีเลยนะ เป็นอะไรรึเปล่า?"ผมร้อนรนยิ่งกว่าเคย กียอนดูเศร้ามาก หวังว่าเธอคงไม่ทำอะไรบ้าๆนะ
"............."
"......."กียอนเงียบไป...ทำไงดี ผมมองประตูราวกับจะทะลุมันเข้าไป กียอน กียอน กียอน ขอร้องตอบอะไรสักอย่าง
"กียอน?"ผมเอ่ยเบาๆ แล้วเฝ้ารอ ให้ประตูบานนั้นแง้มออก รอให้ร่างบางๆคุ้นตาโผล่หน้าที่ทำให้ผมว้าวุ่นใจนั่น แล้วส่งยิ้มแบบที่เธอชอบทำ
เวลาผ่านไปราวๆห้านาที ผมยังคงยืนรอ หน้าอดีตห้องนอน 'ทำไมไม่ออกมาซะทีฟ่ะ!'
ไม่ไหวแล้วนะโว้ยยยยยยยยย
"เฮ้ยยยย ถ้า...เธอไม่ออกมา จะพังประตูแล้วนะ! คนเค้าเป็นห่วง นะเฮ้ย ออกมาพูดกันหน่อย"
"...เห? ไม่ได้ค่ะ!"
"ทำไม?" เฮ้ย ขนาดฟังยังตกใจเอง ทำไมผมทำเสียงดุจัง?ผมเงียบไปชั่วครู่เพื่อปรับเสียงให้อ่อนลง แล้วหัันไปสู่...จุด...ที่น่าสงสัยกว่าเรื่องเสียงตัวเอง ....
"ทำไมไม่ได้ล่ะ?"
"โอปป้านั่นแหละ ทำไมต้องเข้ามาด้วย?"เธอตอบผมด้วยคำถามที่ไม่ต้องใช้สมองก็รู้ว่าเพราะอะไร
"เป็นห่วงน่ะ"
"......."
"่อ่อ...แล้วก็สงสัยอะไรนิดหน่อย ขอคุยด้วยนะ ให้เข้าไปได้ไหม? "
"ไม่ค่ะ!"
"เฮ้ยๆ ทำไมไม่ให้เข้าไปเนี่ย?"
"ส...สภาพแบบนี้ โอปป้าเห็นคงไม่ดีมั้งค่ะ"
หรอ ไม่ได้สินะ ผมถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะหันหลังกลับไปยังห้องที่เมม้บอร์รวมตัวกันอยู่ ถ้าเจ้าตัวไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร ผมเดินออกมาเงียบๆ ......
มายังห้องน่ังเล่น บัดนี้เหล่าเมมเบอร์หายไปไหนหมดไม่รู้ ผมเลยนั่งลงบนโซฟา คว้ารีโมต เปิดหาหนังสนุกๆดู
'....เด็กสาวโดดตึกฆ่าตัวตายประชดชีวิ..'
'...ฮึก...ฮืออออ ฉันจะฆ่าตัวตายยยยย'
'...ได้ยินว่าโดดตึกลงมาอ่ะ ฆ่าตัวตายเพราะเสียใจ แล้วไม่มีคนคอยดูแล...'
เฮ้ย! ทำไมวันนี้ทีวีแทบทุกช่องมันมีเรื่องฆ่าตัวตายเยอะจังว่ะ? ผมหันไปมองทางที่เพิ่งจากมา..หวังว่าคงไม่....เฮ้อ จุนฮง อย่าโง่นา
ผมลุกขึ้น ปิดทีวี แล้ววิ่งไปค้นลิ้นชัก สักครู่ผมก็ หาของที่ต้องการเจอ ขาทั้งสองรีบก้าว ไปทางห้องนอนเก่าของผมอย่างรวดเร็ว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"ขอโทษนะกียอน...ฉันรอไม่ไหวล่ะ จะเปิดแล้ว นะ!"
ผมหยิบ กุญแจสำรองออกจากกระเป๋ากางเกง แล้วไขมันด้วยความรีบเร่ง
"...?! กียอนนนนนนน"ผมพุ่งตัวเข้ามาทันทีที่ไข ออก กียอนนั่งอยู่ที่พื้นเธอสวมชุดนอนคลุมเข่าลายกระต่ายสีชมพูน่ารักเหมาะกับเธอ ผมเผ้าเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ รองเท้าสลิปเปอร์ที่ใหญ่เกินเท้าของเธอมากข้างหนึ่งหลุดออกมาคว่ำอยู่บนพื้น อีกข้างยังคงครอบเท้าเล็กนั่นอยู่ ผมค่อยๆหย่อนตัวลงนั่งข้างๆเธอ
ใบหน้าที่เคยสดใสเต็มไปด้วยความหมองหม่น...น้ำใสๆคลอที่เบ้าตา คล้ายจะไหลออกมาได้ทุกเมื่อ กลั้นน้ำตาอยู่หรอ? เธอหันมองผมอึ้งๆ มือทั้งสองยังคงจับผ้าขนหนูผืนเล็กแน่น
"โอปป้า? ข...เข้ามาทำไมค่ะ!?"เธอรีบหันหน้าไปทางอื่น ผมเดินตรงเข้าไปนั่งบนเตียงใกล้ๆเธอ
"กียอน เป็นอะไร?"
เธอไม่ยอมตอบผม แม้แต่หันหน้ามายังไม่....
"เธอจะตอบหรือไม่ก็แล้วแต่เธอนะ ยังไงฉันก็จะถาม..."กียอนยังคงเงียบ ผมชักเป็นห่วง(ตัวเอง)มากขึ้นแล้วสิ เธอกำลังโกรธผม? หรือกำลังเศร้า? ผมถอนหายใจอีกครั้ง เนื่องจากไร้คำตอบจากสาวร่างเล็ก
"วันนี้ไปทำอะไรมา ? เป็นห่วงแทบแย่ รู้รึเปล่ากลับมาสภาพนั้น ตอนแรกที่ฉันเห็นน่ะ ฉันช๊อคสุดๆเลย ในหัวขาวไปหมด ป...เป็นห่วงจนแทบบ้า ยังไงก็ ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจ ก็ บอกกันได้นะ! "
ขอร้องอย่าเก็บมาร้องไห้คนเดียวนะ อย่างน้อยก็ช่วยระบายออกมาก็ได้ ถ้าเธอเศร้าอย่างน้อยก็ช่วยพูดออกมาบ้าง
ผมมองแผ่นหลังเล็กๆที่สั่นเครือ ปอยผมขยับตามแรง ใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฎต่อสายตาผม น้ำตายังคงนองหน้า มีเพียงรอยยิ้มเหนื่อยๆนั่นที่ต่างจากเดิม
"โอปป้า....ขอบคุณนะค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงฉัน...."เธอพยามยามอย่างมากให้น้ำเสียงออกมาปกติ มือผมเผลอยื่นออกมาลูบเรือนผมน่าหลงไหล เบาๆ
"ถ้าไม่สบายใจ ระบายสักหน่อยเดี๋ยวก็หาย.."เธอเงยหน้าจ้องตาผมนิ่ง
"คือ....โอปป้าค่ะ...."เธอลังเลไม่กล้าพูดต่อ คิ้วทั้วคู่ขมวดขึ้นอย่างใช้ความคิด
"พูดไปแล้ว โอปป้าห้ามโกรธล่ะ"ใบหน้าเศร้าหมองเปลี่ยนเป็นจริงจังอย่างรวดเร็ว
ผมพยักหน้าแรงๆครั้งนึงเพื่อยืนยัน ฉันไม่โกรธเธอหรอกกียอน แต่คนที่ทำให้เธออยู่ในสภาพนั้น...ผมยืนยันไม่ได้
"คือวันนี้.......ฉันไปเจอจงฮยอนมาค่ะ ไม่สิ! ฉันแค่บังเอิญเจอเขาเท่านั้น"เธอเริ่มต้นพูดขึ้นก่อนจะใช้มือเล็กนั่นเขี่ยปอยผมขึ้นไปทัดหู
"อืม แล้วไงต่อ"
"เขาพาฉันไปกินข้าว แต่สุดท้ายเขาพาฉันไปที่....เอ่อ.....โรงแรมค่ะ"
"!!!!!!!!!!"คำว่าโรงแรมที่เข้ามากระแทกโสตประสาทผมทำเอาผมกำมือแน่นโดยที่ไม่รู้ตัว คิ้วผมเริ่มจะขมวดขึ้นเป็นปมแต่ผมก็พยายามสะกดมันไว้เผื่อมันจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิด
"แล้วเขาก็..........."เธอก้มหน้าลงต่ำพลางกำผ้าขนหนูผืนเล็กในมือแน่น
"เขาทำอะไร? บอกฉันสิกียอน!"ผมยอมรับว่าหงุดหงิดขึ้นมาจริงๆเมื่อเธอไม่ยอมพูดจนเผลอตะโกนใส่เธอ เธอเงยหน้าขึ้นมามองผมอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าตกใจ
"ไหนโอปป้าบอกว่า........จะไม่โกรธไงคะ?"
"เอ่อ.....ฉ......ฉันขอโทษ ฉันแค่....กลัวว่าเธอจะโดนไอ้จงฮยอนมัน......"
"เฮ้โอปป้า!! มันไม่ใช่แบบที่โอปป้าคิดนะคะ แต่ก็......เกือบๆแหละ"
"!!!!!!"
"คือ เขาแค่....ถอดเสื้อฉันแล้วก็.....เอ่อ.....จ...จูบคอ...แล้ว...."
"หยุดๆๆๆๆๆๆ หยุดพูด! หยุดพูดได้แล้ว"ผมเบรกให้เธอหยุดพูดก่อนที่ผมจะขาดใจตายไปซะก่อน คำพูดที่เธอพูดมาทำให้ผมแทบบ้า ผมอยากจะเดินไปคว้ามีดในครัวแล้วเดินไปปาดคอหมอนั่นให้รู้แล้วรู้รอดถ้าผมทำได้ มันมีสิทธิอะไรมาทำแบบนั้นกับกียอน
มันมีสิทธิอะไรมาทับรอยผม!!!!!!
"โอปป้าอย่าคิดมากนะคะ ฉันยัง......สบายดี"เธอพูดพร้อมกับส่งยิ้มเจื่อนๆมาให้ผม
"แน่ใจนะว่าเธอสบายดี?? ร้องไห้ตาบวมขนาดนี้เรียกว่าสบายดีเหรอ?"
"ค่ะ ฉันแค่กลัวโอปป้าจะโกรธฉัน โกรธที่ฉันไม่ยอมเชื่อสิ่งที่โอปป้าบอก ฉันอาย ฉันไม่กล้าจะเล่าเรื่องแบบนั้นให้ฟังหรอกค่ะ ฉันยังอยากให้โอปป้าเห็นฉันเป็นผู้หญิงใสซื่อเหมือนเดิม"เธอพูดพร้อมกับหลุบตาต่ำ เธอคงไม่กล้าจะสบตาผมตรงๆ
"คนที่ฉันโกรธน่ะไม่ใช่เธอหรอกนะ และไม่ว่ายังไง เธอก็ยังเหมือนเดิมในสายตาฉัน...."
"..........."
"เธอยังคงเป็นเด็กผู้หญิงบื้อๆนิสัยเพี้ยนๆที่ชื่อกียอนเหมือนเดิม ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ"ผมพูดพร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทำเอาคนข้างหน้าหันมองผมด้วยสายตาค้อนๆ เธอเบ้ปากออกก่อนจะด่าผม
"โอปป้า ฉันไม่ได้เพี้ยนไม่ได้บื้อน้าาาาา"เธอพูดพร้อมกับตีไหล่ผมด้วยแรงอันน้อยนิดเหมือนที่เธอทำประจำ
แรงน้อยนิดบ้าอะไร!! เจ็บชะมัดเลย! ยัยนี่น่ะมือหนักเป็นบ้า เคยมีใครบอกยัยนี่บ้างมั้ยวะเนี่ย!!
"ไหนเอามือมาดูหน่อยสิ"ผมพูดก่อนจะเอื้อมมือไปจับข้อมือขวาของเธอขึ้นมาดูอย่างเบามือ ผมลูบมันไปมาเพื่อสำรวจรอยช้ำ เจ็บมากรึเปล่าเนี่ย
"ฝีมือหมอนั่นด้วยรึเปล่า?"ผมเงยหน้าสบตากับเธอ
"..........."เธอไม่ได้ตอบอะไรแต่กลับพยักหน้าเบาๆ ผมหายใจเข้าลึกๆเพื่อสะกดอารมณ์โกรธที่สุมอยู่ในอก อย่าให้เจอนะไอ้เวร! จะยิงแม่งให้ตายคามือเลย
"ที่นี่ไม่มียาด้วยสิ....เอางี้ดีกว่า"
ผมตัดสินใจค่อยๆโน้มหน้าลงไปจรดริมฝีปากลงบนรอยช้ำนั่นเบาๆก่อนจะถ่ายทอดความรู้สึกห่วงใยในใจผ่านสัมผัสอุ่นๆที่ริมฝีปากลงไป ผมรู้สึกได้ว่ามือกียอนสั่นระริกและเป็นไปตามคาด เมื่อผมเงยหน้าขึ้นสบตาก็เห็นเธอหน้าแดงแจ๋ยิ่งกว่ามะเขือเทศ
หะๆๆๆๆ......น่ารักชะมัด
"แม่ฉันเคยทำแบบนี้ให้ฉันบ่อยๆตอนฉันยังเด็ก"ผมพูดยิ้มๆ
"............"
"แม่บอกว่าทำแบบนี้น่ะแผลหายเร็วกว่าทายาอีกนาาาาา"
"คิก! ฮ่าๆๆๆๆๆๆ"เธอหัวเราะออกมานั่นทำเอาผมต้องมองด้วยสายตาค้อน อะไรเนี่ย! นี่ไม่เชื่อกันรึไง คิดว่ามันตลกเหรอ? ฉันอุตส่าตั้งใจ
"ตลกอะไรของเธอ ฉันไม่ได้โกหกนะ"
"ก็ฉันยังไม่ว่าอะไรเลยนี่นา คิก!"เธอพูดยิ้มๆก่อนจะเอาผ้าในมือขึ้นมาทาบบนหัวและเริ่มต้นเช็ดผมที่เปียกอยู่เบาๆ
ผมยังไม่อยากลุกออกไปไหนเลยตอนนี้ อยากจะนั่งอยู่นี่ทั้งคืน.......
"เอามานี่"ผมพูดพร้อมกับดึงผ้าขนหนูมาจากมือของกียอนมาถือเอาไว้
"โอปป้าาา เอามานี่นะ ฉันจะเช็ดผม"เธอหันมาโวยวายเสียงงุ้งงิ้ง มือเล็กยังคงพยายามที่จะแย่งผ้าขนหนูไปจากผมแต่ผมไม่ยอมให้แย่งไปง่ายๆหรอก
"ฉันจะเช็ดผมให้"
"ห้ะ!!??"เธออ้าปากเหวอมองผมตาค้าง ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อเหมือนทุกๆครั้ง ให้ตายสิยัยนี่หน้าแดงง่ายชะมัดเลย
"มานั่งนี่"ผมนั่งขัดสมาธิก่อนจะตบเบาๆที่พื้นตรงหน้าให้กียอนลุกมานั่งข้างหน้าผม
"....!!!!!!......"ยัยนั่นยังคงนั่งนิ่งอ้าปากเหวอ
ผมอมยิ้มเล็กๆก่อนจะเป็นฝ่ายเปลี่ยนฝั่งไปนั่งซ้อนหลังกียอนเอง
ยัยนั่นตัวแข็งทื่อกลายเป็นหินไปแล้วมั้ง....
ผมขยับตัวเข้าไปชิดกับตัวของกียอนมากขึ้นก่อนจะเช็ดเบาๆที่ผมของกียอนช้าๆ
กลิ่นแชมพูอ่อนๆลอยออกมาจากผมกียอนทำเอาผมแทบอยากจะหยุดหายใจ ตอนนี้ผมกับกียอนใกล้กันมากชนิดที่หายใจรดต้นคอ ใกล้จนอันตรายกับหัวใจผม
ผมยังคงเช็ดผมให้เธออย่างนั้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่นิ้วผมสัมผัสกับซอกคอขาวนั่นผมต้องยอมรับว่าแอบสะดุ้งอยู่น้อยๆ หรือเป็นเพราะแบบนี้.......จงฮยอนถึงทนไม่ไหว...
"กียอนอา.....พรุ่งนี้เธอห้ามออกไปข้างนอกอีกนะ อยากกินอะไรก็บอกได้เลย เดี๋ยวฉันเตรียมไว้ให้"ผมเปิดฉากสนทนาหลังจากเงียบมานานเพราะผมไม่อยากให้ตัวเองใจเต้นแรงไปมากกว่านี้
"อืมม ฉันเข้าใจแล้วค่ะโอปป้า"
"หรือว่าจะให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนดี"
"ไม่เป็นไรค่ะ เอาเวลาไปซ้อมดีกว่า อย่ามาเสียเวลาเฝ้าฉันเลย"
"เอางั้นก็ได้"
ผมหมดคำพูดที่จะพูดต่อเลยได้แค่เช็ดผมต่อไปเรื่อยๆจนกว่ามันจะแห้ง ผมมองคนข้างหน้านิ่งเพื่อหยุดคิดพิจารณาความคิดที่มีอยู่ในหัว
ความรู้สึกที่ฉันมีต่อเธอมันคืออะไรกันแน่?
ฉันยอมรับว่าตั้งแต่มีเธอเข้ามา ชีวิตฉันก็กลับตาลปัด จากวันเซ็งๆเหนื่อยๆที่เคยอยู่ในห้องซ้อมวันละ8-10ชั่วโมงก็กลับกลายเป็นวันที่สดใสสนุกสนาน ไม่ได้น่าเบื่อเหมือนแต่ก่อน
'เดี๋ยวนี้หน้าตานายดูสดใสจังเลยนะจุนฮง เป็นเพราะแม่สาวน้อยที่หอรึเปล่า?'
เสียงของคุณคังดังแว่วเข้ามาในหูผมอีกครั้ง
'อ....อะไรกันครับ? ม.....ไม่ใช่ซักหน่อย!!'
'ฉันรู้หมดแล้วล่ะ ยงกุกน่ะบอกฉันหมดแล้ว'
'!!!!!!!!!'
'ถ้าเป็นฉันน่ะ ฉันก็จะพูดเหมือนเจ้ายงกุกมันนั่นแหละ'
'............'
'ฉันไม่ได้ใจร้ายถึงขนาดที่เห็นเงินสำคัญกว่าความรู้สึกคน แต่ยังไงก็ระวังๆไว้หน่อยก็ดีนะ'
อาาาา......ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆเหรอ ผมก็ยังไม่แน่ใจ
ถ้าจะเรียกว่าความรักอย่างเต็มปากเต็มคำจริงๆ มันยังต้องมีอะไรมากกว่านี้ไหม? ผมก็ยังพูดออกมาจริงๆจังๆไม่ได้หรอก
"กียอน......ฉันมีอะไรจะบอกเธอ"ผมเอ่ยขึ้นเบาๆหลังจากหลุดจากภวังค์
".............."คนตรงหน้าผมยังคงเงียบ
"กียอน.....ฟังอยู่รึเปล่า?"
"..............."
"หลับไปแล้วรึไง?"ผมพูดก่อนจะหยุดเช็ดผมแล้วยื่นหน้าไปมองคนตรงหน้าที่ตอนนี้นั่งนิ่งไม่ไหวติง
กียอนหลับตาพริ้มคอตกเล็กน้อยตามแบบฉบับของคนที่หลับไปแล้ว เสียงกรนเบาๆในลำคอดังออกมาเป็นจังหวะจนมอดยิ้มไม่ได้
ผมวางผ้าเช็ดตัวเอาไว้ก่อนจะค่อยๆยันตัวลุกขึ้นแล้วช้อนร่างบางขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน ผมกระชับร่างนั้นไม่ให้ร่วงหล่นก่อนจะเดินอ้อมไปที่เตียงแล้วจัดการวางร่างเล็กลงช้าๆ
ใบหน้ายามหลับใหลของกียอนทำให้ผมอดมองไม่ได้ ผมเผ้าที่แผ่สยายลงบนหมอนพร้อมกับชุดสีชมพูนั่นทำให้เธอดูไม่ต่างอะไรกับตุ๊กตา
ผมจัดการห่มผ้าให้เธอก่อนจะค่อยๆโน้มตัวเข้าไปใกล้ใบหน้าหลับสนิทนั่นช้าๆแล้วกระซิบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
"เรื่องที่ฉันจะบอกน่ะ รอให้กาลเวลาทำให้ฉันแน่ใจซะก่อน พอถึงวันนั้นแล้ว......."
"............."
"ฉันจะบอกกับเธอแน่นอน......ฝันดีนะครับ"
ผมพูดเป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะเดินออกมาทิ้งให้ร่างบางตกอยู่ในห้วงนิทราท่ามกลางความเงียบสงบของคืนนี้
ผมปิดไฟก่อนจะเดินออกมาจากห้องและไม่ได้พูดอะไรอีกเลย............
..................................................................................................
To be continue...
To be continue...
:) Shalunla
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น