ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Divine Epic (มหากาพย์เทพประยุทธ์)

    ลำดับตอนที่ #23 : ภาคอลิเซีย: ยูนิคอร์น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 207
      0
      30 ก.ค. 53


                    ณ ยอดปราสาทอัลเบอร์ทาร์ หญิงสาวในชุดซิสเตอร์สีน้ำเงินได้เรียกคทาคู่ใจพร้อมสยายปีกสีขาวพิสุทธิ์ ออกโบยบินไปบนท้องฟ้าเหนือดินแดนแห่งภูต

                    อลิเซียแหวกว่ายสายลมดุจนกอินทรี มุ่งหน้าไปยังชายป่าทางตอนใต้ของอาณาจักรวูดแลนด์ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อช่วยราชินีไททาเนีย

                    แม่มดผู้อาฆาพยาบาทดุจอสรพิษนิมะเวนั้นรู้แล้วว่ามีม้ายูนิคอร์นอยู่แถวนี้ ถ้าไม่รีบเข้า นางอาจจะชิงเผาผืนป่าทางตอนใต้ให้เหี้ยนเกรียมเพื่อกำจัดม้ายูนิคอร์นเสียก่อนก็ได้

                    เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ไม่อาจเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว จอมเวทย์สาวจึงต้องออกค้นหายูนิคอร์น ทั้งที่ยังไม่ได้รักษาบาดแผล

                    ในที่สุดอลิเซียก็มาถึงชายป่าทางตอนใต้ หากมองจากบนฟ้าจะเห็นว่าข่ายมนต์ที่ทำหน้าที่ผนึกอาณาจักรเฮลไฮม์นั้นมีรอยร้าวขนาดใหญ่ ถ้าชายป่าแถบนี้จะเริ่มมีอสูรชั้นต่ำออกมาเพ่นพ่านก็คงไม่แปลกอะไร

                    ถ้างั้นก็ยิ่งต้องระวังตัวให้มาก... อลิเซียคิดเช่นนั้นก่อนจะถลาลงไปข้างล่าง



                    ยูนิคอร์นเป็นสัตว์ที่ทั้งกร้าวแกร่งและสง่างาม เขาเพียงอันเดียวของมันมีพลังทำลายมหาศาลซ้ำยังมีฤทธิ์ในการสลายพลังเวทย์ทุกประเภท เมื่อนำมาบดก็สามารถใช้เป็นยาเสน่ห์และยาแก้พิษได้หลายชนิด

                    อลิเซียทำตามคำแนะนำของกฤษณ์ เธอนั่งลงบนโขดหินแล้วรอให้ยูนิคอร์นเป็นฝ่ายปรากฏตัวออกมาหาเธอเอง

                    ขณะที่นั่งรออยู่นั้นหญิงสาวก็นึกถึงเรื่องของเอล์มขึ้นมา เด็กน้อยผู้ปรากฏตัวอย่างลึกลับและจากไปอย่างลึกลับ

                    หน้าหนึ่งเธอเรียกตัวเองว่า “เอล์ม” แล้วทำตัวเป็นเด็กขี้อ้อน

                    อีกหน้าหนึ่งเธอถูกเรียกว่า “ลิลิม” เป็นเด็กที่ดูผู้ใหญ่เกินวัย ที่แม้แต่นิมะเวยังยำเกรง

                    ทั้งที่เพิ่งเจอกกันไม่นาน อลิเซียก็กลับเชื่อคำของเด็กน้อยโดยไม่สงสัยแม้แต่นิดเดียว... แต่จะเป็นเพราะเหตุใดนั้น เธอก็ตอบไม่ได้

                    อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือเอล์มเป็นพวกเดียวกับนิมะเวซึ่งเป็นศัตรูของเธอ ถ้าหากจะต้องเผชิญกันจริงๆ เธอจะกล้าสู้อย่างจริงจังกับเอล์มไหม...

                    หญิงสาวไม่สามารถตอบตัวเองได้...



                    ในตอนนั้นเองก็มีเสียงกิ่งไม้ใบหญ้าขยับ เมื่ออลิเซียหันไปก็เห็นบางสิ่งบางอย่างโผล่ออกมาจากพุ่มไม้

                    เจ้าสัตว์ใหญ่ที่ปรากฏตัวเบื้องหน้าหญิงสาวก็คือม้าที่มีเขาอยู่กลางหน้าผาก... ยูนิคอร์นนั่นเอง

                    เจ้ายูนิคอร์นชำเลืองมองอลิเสีย หญิงสาวก็มองเจ้าม้าตัวนั้น ขนที่เงางามของมันเป็นสีขาวตลอดทั้งตัว แผงคอด้านหน้าเป็นพู่ระหง ร่างกายกำยำ ขาเรียวยาว ดวงตาองอาจ ส่วนเขาอันยาวและแหลมคมนั้นก็มีประกายระยิบระยับ คล้ายมีพลังเวทย์มหาศาลไหลเวียนอยู่ตลอด

                    คนและม้าต่างมองกันอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเจ้ายูนิคอร์นก็เดินเข้ามาหาอลิเซีย แล้วน้อมหัวลง แววตาที่ดูทรนงนั้นลดความดุร้ายลง

                    อลิเซียค่อยๆ ลูบไปตามแผงคอและแผงหลัง สัมผัสนั้นนุ่มลื่นเหมือนผ้าไหมชั้นดี

                    หญิงสาวไม่เคยเห็นยูนิคอร์นมาก่อน เมื่อได้พบก็อดทึ่งในความงามสง่าของมันไม่ได้

                    ยูนิคอร์นจะก้าวร้าวแข็งขืนกับผู้ที่คิดสยบมันด้วยพลัง แต่หากอีกฝ่ายเป็นสตรีเพศที่บอบบางมันก็จะยอมอ่อนให้อย่างน่าอัศจรรย์

                   
    นี่อาจเป็นลักษณะของผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง ซึ่งไม่คิดก้มหัวให้ใคร ในขณะเดียวกันก็ไม่ลงมือทำร้ายผู้ที่อ่อนแอกว่า



                    “เด็กดี...” เมื่ออลิเซียมองตายูนิคอร์นจนมั่นใจว่ามันยอมเชื่องด้วยแล้วจึงเอ่ยขึ้น “ตอนนี้ราชินีไททาเนียกำลังทรมานเพราะพิษร้าย ฉันขอแบ่งเขาของเธอไปช่วยท่านได้ไหมจ๊ะ”

                    เจ้ายูนิคอร์นไม่ว่าอะไร มันก้มหัวลงคลอเคลียกับหญิงสาวแทนคำตอบ

                    อลิเซียเสกคมมีด “วิงสแลช” ขนาดย่อมขึ้นที่ปลายคทา แล้วขูดเอาเขายูนิคอร์นร่อนเป็นสะเก็ด เก็บใส่ถุงผ้าเล็กๆ ที่พกมา

                    เศษเขายูนิคอร์นนั้นแม้จะกลายเป็นผงอยู่ในถุงผ้าก็ยังคงส่องประกายระยิบระยับ จนถุงผ้านั้นเรืองแสงจากภายใน

     

                    ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าอึกทึกกึกก้องไปทั่วชายป่า แผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่นราวกับจะแยกออกจากกัน เจ้าม้ายูนิคอร์นตกใจเผ่นหนีไปทันที

                    หญิงสาวลุกขึ้นจากโขดหิน คำนวณจากเสียงฝีเท้าแล้วน่าจะเป็นกองทัพขนาดมหึมา ที่มีไพร่พลตั้งแต่ทหารตัวเล็กจิ๋วไปจนถึงตัวใหญ่เท่าภูเขา

                    เมื่อหันหลังไปก็เป็นดังคาด กองทัพอสูรได้บุกเข้ามาประชิดชายป่าชนิดมืดฟ้ามัวดิน และผู้นำทัพก็ไม่ใช่ใครอื่น แม่มดนิมะเวนั่นเอง

                    “หึๆๆ วันนี้แหละ อาณาจักรวูดแลนด์จะต้องพินาศย่อยยับ” แม่มดสาวหัวเราะ

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------

    โปรดติดตามตอนต่อไปครับ!



    มุมทักทาย ^^

    ประกาศ... คือไรเตอร์มีเรื่องจะแจ้งให้ผู้อ่านทุกท่านทราบว่า
    จากนี้ไปจะขอแก้คำว่า "ผลแห่งความมืด" (ที่เอ่ยถึงในตอนที่แล้ว)
    เป็น "เมล็ดพันธุ์แห่งความมืด" แทนนะครับ


    ขออภัยที่ทำให้สับสนนะครับ - -"


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×