ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ever17 - the out of infinity [แปลไทย]

    ลำดับตอนที่ #2 : บทนำ [Part 1] LeMU

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 993
      1
      5 ส.ค. 56

    บทนำนี้คือเรายังไม่ได้เลือกมุมมองของใครคนใดคนนึง [ทาเคชิ หรือโชเน็น(เด็กหนุ่ม)] และมันก็จะบรรยายตัดไปตัดมาให้งงเล่น

     


    -------------------------------------------------------------------------------------------------------****///////

     

                               


               

    เขายืนอยู่ท่ามกลางโลกสีน้ำเงิน

    เท่าที่สายตาจะสามารถมองเห็น เส้นผืนน้ำไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา

    ดวงอาทิตย์ของเดือนพฤษภาส่องแสงระยิบระยับกระทบกับผิวน้ำ จากท้องฟ้าเบื้องบนที่ใสสว่าง

    สดใส แวววาว และเจิดจ้า

    คือทั้งหมดที่สะท้อนผ่านเข้าสู่สายตาของเขา

    "เงียบสงบจริงน้า"

    นกนางนวลโดดเดี่ยวบินลาดโค้งนุ่มนวลผ่านไปราวกับสายลมช่วยพัดพาให้

    สายลมพากลิ่นห้วงน้ำพัดเข้าจมูกบางเบา

    ได้ยินเสียงจอแจของผู้คนตามมาเป็นแบคกราวน์ และเสียงเริงร่าของเด็กๆก็ดูจะกระจ่างชัดกว่าแสงแดดที่สาดส่องลงมาเสียอีก

    "ช่างสงบอะไรอย่างนี้..."

    อย่างกับอยู่ในความฝัน....

    -
    -
    ---------------- - - - - - -***********- - - -
      - --------------------

     



     

    1 พฤษภาคม วันจันทร์  

             **Der erste Tag**           

     

    -10 ไมล์จากเกาะ M Komagahara Archipelago กรุงโตเกียว

    ที่นั่นคือเกาะเทียม Insel null สถานที่ที่คล้ายจะถูกตัดขาดจากด้านความสมจริงไปแล้ว

    หรือหากจะใช้คำว่า "ยูโทเปีย" แทนที่คำพรรณาทั้งหมดเลยก็คงเป็นที่เข้าใจกันได้ไม่ยากนัก

    และที่ท่าเรือนั้นก็มีหินที่ถูกแกะสลักเป็นประโยคไว้ว่า

               

    'สวรรค์อยู่ที่ใด?

    อยู่เหนือท้องฟ้า หรือใต้ผืนดิน...'


     

    ทาเคชิชะโงกข้ามราวสะพานของเกาะลงไปยังเบื้องลึกมหาสมุทร

    ในน้ำทะเล เขาเห็นโครงเหล็กแข็งแรงที่ไหวยวบยาบอยู่เบาๆ

    "ยูโทเปีย งั้นรึ...?"

    พึมพำแล้วก็หันไปมองด้านหลังโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งก็ทำให้เขาได้พบกับแรคคูนหรือตัวทานุกิขนาดใหญ่ยักษ์

    เขาจ้องมองดวงตาใสโปนขนาดใหญ่ของมัน และมันเองก็หยุดมองเขา โดยที่ทั้งคู่ต่างก็ไม่พูดอะไร

    "เอ่อ....ว..หวัดดี..."

    เขาลองผงกหัวทักทาย แต่เจ้าสัตว์หน้าขนตัวนั้นก็หันหน้าหนีไปอย่างไม่สนใจ

    พอลองมองดีๆแล้ว เขาก็สังเกตเห็นอะไรบางสิ่งที่กำลังกัดหางของแรคคูนตัวนี้อยู่ทางด้านหลัง

     

    "ง่ำ ง่ำ"

    เป็นเด็กผู้หญิงที่มีอะไรประหลาดไปไม่แพ้กัน เนื่องจากด้านหลังของเธอนั้นมีทานุกิตัวเล็กงับติดแน่นอยู่

    เบื้องหน้าของเขาคือทานุกิตัวใหญ่ที่กำลังถูกงับโดยเด็กผู้หญิง และก้นเด็กผู้หญิงคนนั้นก็กำลังถูกงับโดยทานุกิตัวเล็ก

    เป็นฉากที่ทำให้เขาต้องยืนตะลึง เหมือนกับไม่ใช่ความจริง แม้ว่าเขาจะขยี้ตาแล้วพยายามมองใหม่อีกไม่รู้กี่รอบ ภาพพิลึกตรงหน้านี้ก็ไม่มีวี่แววว่าจะหายไป

    "นี่.." ทานุกิตัวใหญ่พูดขึ้น "ช่วยทำอะไรสักอย่างกับเด็กคนนี้หน่อยได้มั้ย?"

    ทว่าเสียงนั้นก็ไม่ได้เข้าหูของเขา เพราะว่าเขายังมัวประมวลผลกับภาพตรงหน้าไม่เสร็จ

    (นี่ฉันกำลังฝันอยู่รึไง?)

    คือสิ่งที่ทาเคชิกำลังคิด

    ............แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็เฟดเป็นสีขาว

     

    ..........

    ฝัน ที่ไม่ยอมปล่อยให้เขาตื่น

    หนาวเย็น ขาวโพลน ขยายกว้างจนไม่มีที่สิ้นสุด รับรู้ได้ถึงอุณหภูมิที่แตกต่างที่ผิวหนัง...

    แล้วด้วยแรงช็อกก็กระตุ้นให้เขาลืมตาขึ้น...



    **********

     

     

     

    [11:34 AM]

    “……………….”

    ไม่รู้ว่าเขานั่งตรงนี้มานานเท่าไหร่แล้ว

    มันก็ไม่ได้นานมากนัก ก็คงสักประมาณชั่วโมงนึงได้

    เด็กหนุ่มกำลังอยู่ที่ม้านั่งในธีมปาร์ค โดยที่ในมือเขาก็ถือไอศกรีมรสวานิลาที่กำลังละลายหกรดกางเกงเขาอยู่

    "เย็นจัง"

    ไม่ว่าเขาจะนั่งรออยู่อย่างนี้ไปนานเท่าไหร่ คนที่เขารอก็คงไม่มา

    เพราะไม่มีทีท่าว่าเธอจะมา

    (แปลกจังแฮะ ทำไมเธอถึงไม่มา?)

    เขาไม่รู้จริงๆ

    (ทำไมฉันอยู่ที่นี่?)

    เขาส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจ ความรู้สึกมันสับสนมึนงงไปหมด

    ดูเหมือนว่าคงอีกนานกว่าที่กางเกงของเขาจะแห้ง

    "เป็นอะไรรึเปล่า?"

    จนเขารู้สึกว่ามีใครสักคนเดินมาแล้วหยุดลงนั่งข้างๆ เป็นเด็กสาวที่ดูกระฉับกระเฉงในชุดธีมปาร์คสีขาว ผูกริบบิ้นสีน้ำเงินอ่อน ดูราวกับว่าจะเป็นไกด์ของที่นี่

     

    "หลงทางเหรอ?"

    เธอถามเขาพร้อมด้วยรอยยิ้มสดใส

    "หรือว่าพลัดหลงกับเพื่อนๆ?"

    "อื้อ ผมกำลังรออยู่"

    "รอ?"

    "ก็.. กำลังรอไง"

    "กำลังรอ....? .....ฉันเหรอ?"

    "ม...ไม่ใช่"

    เด็กหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นที่อยู่ดีๆเธอก็ยื่นใบหน้าเข้ามา

    "ผมหมายถึงรออยู่ที่นี่... คือว่า...."

    "......หืมมม.. แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครมาเลยนะ"

    เธอให้เขาเหลียวมองไปรอบๆ

    "จริงสิ!" เด็กสาวตบมือด้วยสีหน้าเริงร่าเป็นประกาย

    "นี่ๆ เธออยู่คนเดียวใช่มั้ย?"

    "เอ๊ะ?"

    "ดีเลย ท่าทางเธอคงจะเบื่อแล้วจริงมั้ย? ให้ฉันพาทัวร์รอบLeMUสักหน่อยเป็นไง"

    เธอดึงแขนเขา และไม่ต้องรอคำตอบ เธอก็ทำให้เขาลุกขึ้นยืนจนได้

    "ต..แต่ว่า ผมกำลังรอคนๆนึงอยู่"

    "รอ? รอใครกันล่ะ?"

    "..เอ่อ.."

    นั่นสิ ใครกันล่ะ? เขายังนึกชื่อคนๆนั้นไม่ออกด้วยซ้ำ

    "น่ะ ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าเธอรอใครอยู่ แต่ว่านะ.... จนป่านนี้แล้วพวกเขาก็ยังไม่มา แล้วไม่คิดว่านี่เป็นการรอคอยที่นานเกินเหตุไปหน่อยเหรอ?"

    “.................”

    "เนอะ? ไปกันเถอะ"

    "อ...อื้ม"

    เขาพยักหน้าเล็กน้อย เหลือบตามองไปที่ชื่อที่ป้ายของเธอ และสะกดมันทีละตัว

    "Y-O-U ....?"

    "I am You!" เธอตอบเป็นภาษาอังกฤษเสียงดังฟังชัด

    "หือ???"

    เธอพยักหน้า ก่อนจะแนะนำตัวอีกครั้ง

    "ฉันชื่อ ทานากะ ยู"

    "ยู?"

    "พอดีชื่อจริงๆของฉันมันยาวไปหน่อยน่ะ"

    "ยาวมากเลยเหรอ?"

    "ยาว ยาวสุดๆเลยล่ะ แต่ช่างมันเถอะ เรียกฉันว่า'ยู' นี่แล่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ!" ว่าแล้วก็ยื่นมือออกมา

    "..ย..ยินดีที่ได้รู้จัก"

    เขายื่นมือออกไปจับมือกับเธอโดยไม่ต้องคิด และพอรู้สึกตัว เขาก็ถูกเธอดึงมือไปเขย่าเป็นจังหวะตามเธอซะแล้ว

    "งั้น ไปกันเลยมั้ย?"

    เธอถาม พวกเขาปล่อยมือออกจากกันและกัน

    เขามองที่มือตัวเองอีกครั้ง จำได้ว่าเคยมีคราบไอศกรีมละลายติดอยู่ แต่ตอนนี้มันหายไปแล้ว




     

    **************

     

     

    (หูว..?)

    ทาเคชิสังเกตเห็นทานุกิตัวเดิมและเด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าทำท่าเหมือนกำลังต่อแถว และเมื่อประตูรั้วด้านหน้าเปิดออก พวกเขาก็เข้าไปข้างใน

    (เอาล่ะ ตาฉันบ้างแล้วสินะ)

    ทาเคชิเดินตามเข้าไป

    ที่แห่งนี้คือ LeMU สถานที่ๆพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว พนักงานต้อนรับยืนคอยอยู่ที่ประตูเพื่อรอแจกของบางอย่างที่คล้ายกับหูฟังให้กับนักท่องเที่ยวทุกคน ซึ่งเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าเอาไว้ทำอะไร

    เขามองไปรอบๆด้วยความสงสัยใครรู้ โดยไม่สนใจฟังคำแนะนำ จากนั้นเขาก็ก้าวเข้าไปในตัวอาคาร พร้อมกับกวาดสายตาไปรอบๆ

    ไม่มีหน้าต่างอยู่เลยสักบาน เป็นเพียงห้องที่โล่งและมีรูปร่างเหมือนโดมเท่านั้น

    ผู้คนมากมายกำลังต่อแถวรอเข้าไปข้างใน ในกลุ่มคนมีทั้งพวกที่มากับเพื่อน คู่รัก และคนที่มากับครอบครัว

    'ครอบครัวทานุกิ'ก็เช่นกัน มองแล้วแปลกแยกแตกต่างกับคนอื่นๆพอดู

    ทานุกิตัวใหญ่เดินฝ่าฝูงชนเพื่อมายืนอยู่หน้าประตู

    เด็กผู้หญิงกับทานุกิจิ๋วก็ยืนรอเหมือนกัน

    (ไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของคนพวกนี้เลยแฮะ ว่าแต่...พวกเพื่อนๆฉันคงไม่ได้อยู่ที่นี่กันแล้วสินะ )

    เพราะมองแล้วไม่เห็นหน้าคนคุ้นเคยกันเลยสักคน ทุกคนคงจะลงไปข้างล่างกันหมดแล้ว

    20 นาทีก่อนหน้านี้เพื่อนของเขาจับกลุ่มนักท่องเที่ยวลงกันไปก่อนแล้วล่วงหน้า และทิ้งเขาไว้กับกลุ่มคนกลุ่มหลัง

    (เอาน่ะ เดี๋ยวก็ได้เจอกันเองน่ะแล่ะ)

    ในที่สุด ประตูทางเข้าก็เปิดออกเงียบๆ

    ทานุกิตัวใหญ่ทำอะไรดุกดิกอยู่ตรงกำแพงไม่รู้ และภายในห้องก็เริ่มมืดลง

    เสียงหวานของสต๊าฟดังขึ้นมาจากความมืด

    "สวัสดีค่ะทุกคน!"

    เขาสงสัยว่าเธอมาจากตรงไหน เธอที่มาพร้อมกับชุดขาวเรืองแสง แสงไฟสลัวๆที่กำลังส่องตัวเธออยู่มองแล้วอย่างกับตัวละครที่ออกมาจากความฝันยังไงยังงั้น

    นักท่องเที่ยวเงียบกันหมด

    "อ้าว? ไม่มีเสียงตอบรับเลยหรือคะ?"

    "ลองใหม่อีกครั้งนะคะ...สวัสดีค่า!"

    "สวัสดีค่าาาาาาา!"

    เป็นเสียงตอบรับของเด็กผู้หญิงที่เคยผ่านการต่อสู้กับทานุกิยักษ์มาน่ะเอง

    "โอ! เราพบเด็กสาวผู้กล้าหาญแล้วค่ะ หนูชื่ออะไรหรือคะ?"

    "ยา-งา-มิ โค-โค่ ค่าา! ส่วนนี่เป็นลูกหมาของหนู ชื่อปีปี้"

    (อ้าว นั่นมันลูกหมาหรอกเรอะ นึกว่าทานุกิ ที่นี่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาได้ด้วยรึเนี่ย)

    "โคโค่จังเคยมาที่นี่กี่ครั้งแล้วคะ?"

    "เอ.. เอ.. หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า .... อ๋อ เพิ่งมาครั้งแรกค่า!"

    "ฮิๆ เป็นเด็กที่มีอารมณ์ขันดีนะคะ"

    "อยู่แล้วล่ะค่า คุณอยากให้หนูทำอะไรสนุกๆกว่านี้ให้ดูมั้ยคะ?"

    "เอ๋?"

    "เพื่อนของหนูเคยสอนเรื่องตลกๆให้มาก่อนล่ะค่ะ"

     

    "อ่า... เอ่อ .. ไว้เป็นโอกาสหน้าดีกว่านะคะ"

    "ทำไมล่ะคะ?"

    "เพราะว่าฉันมีเรื่องที่จำเป็นต้องกล่าวกับคนอื่นๆก่อนน่ะค่ะ"

    "อืมม.. ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่า แต่ว่ามันตลกมากจริงๆนะคะ... แย่จังเลยน้าปีปี้"

    "บ๊อก"

    "(กระแอม). ขอเริ่มใหม่อีกครั้งนะคะ...ในฐานะตัวแทนของธีมปาร์คใต้ทะเลLeMU ต้องขอขอบคุณทุกท่านมากที่ให้เกียรติมาเยี่ยมชมที่นี่ ดิฉันขอให้คำอธิบายสั้นๆเกี่ยวกับธีมปาร์คเลมู พร้อมทั้งสิ่งที่พึงระวังนะคะ "

    "เห.. ใครอยากรู้เหรอคะ รีบๆให้เราเข้าไปสักทีสิคะ" *โคโค่

    "ดิฉันมีความปรารถนาที่จะพาทุกคนเข้าไปข้างในอยู่แล้วล่ะค่ะ แต่ต้องขอประทานโทษด้วยจริงๆที่ทุกท่านจะต้องพักอยู่ที่ห้องอัดอากาศนี้ชั่วขณะนึง แค่ประมาณ 17 นาทีเท่านั้นเองค่ะ ระหว่างนั้นกรุณาอดใจรออยู่กับดิฉันก่อนสักพักนะคะ"

    "อันดับแรก ขออธิบายเกี่ยวกับห้องนี้สักเล็กน้อย ห้องนี้เรียกว่าห้องอัดอากาศค่ะ เริ่มแรกก็คือ แรงกดอากาศภายในนี้สูงถึง 6 แอทโมสเฟีย เพราะอะไรเราถึงจำเป็นต้องเพิ่มแรงกดอากาศให้สูงขึ้น ดิฉันจะอธิบายเหตุผลให้ฟังในอีกสักครู่ค่ะ"

    "แต่ก่อนอื่น ดิฉันขอกล่าวเล็กๆน้อยๆถึงสิ่งที่คุณควรจะทราบไว้ก่อน เมื่อความกดอากาศเพิ่มขึ้น คุณจะเริ่มรู้สึกว่าประสาทสัมผัสในหูของคุณมีความผิดปกติไป เหมือนตอนที่ลงจากเขาหรือตอนที่อยู่บนเครื่องบิน เพราะว่าการเพิ่มขึ้นของแรงกดอากาศได้เข้าไปดันในหูทำให้มีอาการหูอื้อนั่นเอง เพราะฉะนั้น หากรู้สึกว่าในหูของคุณเริ่มมีอาการแปลกๆ ก็ขอให้คุณบีบจมูก ปิดปากให้สนิท และเป่าลมออกจากหูค่ะ หรือหากว่าลองทำแล้วแต่รู้สึกว่ายังไม่ดีขึ้น กรุณายกมือแล้วแจ้งให้ดิฉันทราบด้วยนะคะ ในกรณีที่มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น ทางเราจะหยุดการเพิ่มแรงกดอากาศในทันที

    "มีใครในที่นี้ไม่รู้วิธีการเป่าลมออกจากหูบ้างคะ?"

    "......"

    "เป็นอันว่าเข้าใจกันดีหมดแล้วนะคะ"

    "....."

    "เอาล่ะค่ะ จากนี้ทางเราจะเริ่มเพิ่มแรงกดอากาศแล้วนะคะ อย่างที่ดิฉันพูดไว้ก่อนหน้านี้ ในการเพิ่มแรงกดอากาศนั้นจะใช้เวลาประมาณ 17 นาที "

    "ระหว่างนี้ที่รอเวลา ดิฉันจะขออธิบายเกี่ยวกับโครงสร้างของLeMUให้ทุกท่านได้ทราบไปพลางๆ"

          

        เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าLeMUกำลังลอยตัวอยู่ในมหาสมุทร ที่ระดับความลึกระหว่าง 54 ถึง 103 ฟิต สังเกตในชาร์ตนี้นะคะ คุณจะเห็นกลไกโครงสร้างภายใน4ชั้นจากข้างบนลงมา

     

       แต่ละระดับชั้นมีชื่อเรียกว่า อินเซลนัล(Insel nul=0) , เอสท์บูเดน(Erste boden=ชั้น1),สวิทท์สต็อค(Zweite stock=ชั้น2) และ ดริทท์สต็อค..(Dritte stock=ชั้น3)

    ในด้านการสถาปนิกแล้วตามปกติคุณคงคิดว่ามันคือโครงสร้างของชั้นพื้นดิน และต่อลงมาเป็นชั้นใต้ดินอีก 3 ชั้น

    Insel null ส่วนนี้คือเกาะที่กำลังลอยอยู่ ซึ่งมีขนาดกว้างขวาง เป็นเกาะเทียมที่ลอยตัวอยู่ในมหาสมุทร.

    ในภาษาเยอรมัน insel แปลว่าเกาะ และ null แปลว่า 0 หรืออีกความหมายก็คือ ชั้นที่ 0 หรือชั้นแรกสุดนั่นเองค่ะ

    ถัดไปก็คือ Erste และ Dritte..."

    ทันใดนั้นเอง.

    "นี่ นี่ นี่ นี่ .."

    "นี่ๆ หนูกำลังพูดกับคุณอยู่นะ"

    ขณะที่ทาเคชิกำลังฟังคำบรรยาย ใครบางคนก็มาดึงๆเขาจากทางด้านหลัง เขาจึงหันไปมอง

     

    เป็นเด็กผู้หญิงที่คุยกับสต๊าฟสาวเมื่อครู่นั่นเอง

    (เธอชื่อว่าไงแล้วนะ...?)

    "นี่ อยากฟังเรื่องตลกของโคโค่มั้ย?"

    (อ้อ นึกออกละ โคโค่นี่เอง)

    (และเจ้าตัวที่เธออุ้มอยู่ก็ชื่อ.. เปเป โปโป หรืออะไรสักอย่างนี่ล่ะ)

    "อยากฟังใช่มั้ย?"

    "เอะ? อะไรนะ?"

    "เรื่องตลกที่หนูพูดถึงอยู่ไง Ame-Joke"

    "อะเมะ...โจ๊ค?"

    "ไม่เคยได้ยินเหรอ มันเป็นเรื่องที่ดังมากจริงๆนะรู้เปล่า?"

    "ไม่อะ ไม่เคยได้ยิน ....กำลังพูดถึงเรื่องอะไรเหรอ"

    "อเมริกันโจ๊คไงล่ะ Ame-joke Ame-joke"

    "..หืมม.."

    "เริ่มอยากฟังแล้วใช่มั้ย? ให้หนูเล่าให้ฟังเอาป่าว?"

    "อ้า.. ไม่เป็นไรดีกว่า ...เดี๋ยวค่อยมาคุยด้วยใหม่แล้วกันนะ"

    "เอ๋..."

    หลังจากลูบหัวเจ้าลูกสุนัขเสร็จ ทาเคชิก็หันกลับไปฟังคำบรรยายต่อ

    "ถึงตอนนี้คุณก็คงทำความเข้าใจเบื้องต้นของชั้นแต่ละชั้นกันแล้ว อย่างไรก็ตามLeMUได้ถูกออกแบบโดยระบบการดำน้ำระยะยาวชนิดพิเศษ พูดง่ายๆก็คือ แรงดันอากาศภายในนั้นจะเท่ากัน หรือมากกว่ากว่าแรงดันของน้ำด้านนอก

    ดังที่เคยกล่าวไปแล้วถึงขั้นตอนวิธีการยุ่งยากซับซ้อนที่จะต้องบรรจุส่วนผสมของก๊าซให้ได้ 6 แอทโมสเฟีย ซึ่งตอนนี้ร่างกายของเราก็กำลังปรับสภาพเพื่อควบคุมแรงกดดันให้เสมอภาคที่ 6 แอสโมสเฟียอยู่

    และแน่นอนว่าสารผสมของก๊าซที่ประกอบไปด้วย ออกซิเจน ไนโตรเจน และฮีเลียมที่สมบูรณ์นี้จะไม่เป็นอันตรายต่อทุกคนแน่ค่ะ เพราะว่านั่นคือสิ่งจำเป็นที่สุดที่จะทำให้LeMUนี้มีประสิทธิภาพปลอดภัยต่อทุกๆท่าน

    ทุกท่านคะ ขณะนี้เรากำลังเข้าสู่ในมหาสมุทร มีใครในที่นี้รู้สึกกังวลอะไรบ้างรึเปล่าคะ อาจเช่นความกังวลว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าเกิดน้ำทะเลรั่วเข้ามาด้านใน หรืออาจจะถูกแรงดันน้ำบีบอัดร่างกาย หรือเรื่องจมน้ำ

    ขอให้ทุกคนสบายใจได้เลยค่ะ ไม่มีเรื่องอะไรที่น่าเป็นห่วงเลย เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่LeMUจะถูกทำลายด้วยแรงดันน้ำจากด้านนอก เพราะว่าทางเราได้เพิ่มแรงดันอากาศด้านในไว้มากพอแล้ว

    แล้วก็.. ก่อนที่พวกเราจะเข้ามาในห้องอัดอากาศนี้ เราได้รับหูฟังกันมาแล้วทุกคน จำได้ใช่มั้ยคะ

    ใช่แล้วค่ะ หูฟังที่ทุกคนกำลังใช้กันอยู่ นั่นไม่ใช่หูฟังธรรมดาทั่วไปหรอกนะคะ

     

    มันคือ ‘Voice alternators’

    LeMUนี้อัดแน่นไปด้วยก๊าซฮีเลียม หากคุณไม่ได้ใส่หูฟังนั้นไว้แล้ว เสียงพูดที่คุณได้ยินจะฟังดูคล้ายเสียงเป็ดเลยล่ะค่ะ

    เขาลองถอดหูฟังออกดูเพราะอยากทดสอบ
    "..............."

    (ฮ่าๆๆ แต่ละคนพูดเหมือนเป็ดกันจริงๆด้วย ไม่สิ เหมือนเสียงมนุษย์ต่างดาวมากกว่าเป็ดอีก)

     



    ....

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×