ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {จบเเล้วว} [★ Fic exo ★ ChanBaek]Love of a friend (ft.HH KD)

    ลำดับตอนที่ #8 : [★ Fic exo ★ ChanBaek] Ch 7 : You Hoo Hoo~

    • อัปเดตล่าสุด 13 มิ.ย. 57


    :) Shalunla

    Love of a friend

    Chapter 7:

    U Hoo Hoo

    Block B - U Hoo Hoo

    ขนาดตอนที่ยืนอยู่ฉันยังยิ้ม

    ตอนนี้ฉันยิ้มอีกเเล้ว

    เเค่เห็นเธอใจก็เเทบละลาย

    ฉันคงบ้าไปเเล้วจริงๆ

     

    Baby ,나도 몰래 네입선 calling you

    Baby , 오늘 보고 네일또 봐도 thinking for you

    ที่รัก! ฉันไม่รู้จริงๆว่าทำไมริมฝีปากของฉันถึงเรียกเเต่เธอ

    ที่รัก! ถึงฉันจะเจอเธอวันนี้หรือวันพรุ่งนี้ฉันก็จะคิดถึงเธอ

    คำที่ฉันอยากจะได้ยินที่สุดคือ 'เธอเป็นของฉัน'

         คำที่ฉันไม่อยากได้ยินที่สุดคือ 'เจอกันใหม่พรุ่งนี้นะ'

         คำที่จับใจของฉันที่สุดคือ 'เเค่เธอเท่านั้น'

     

    ตอนนี้ฉันผลักทุกๆอย่างออกไปหมดเเล้ว

    เหลือเเค่เธอเท่านั้น

     

    ฉันเเค่อยากทำตัวติดกับเธอทุกวัน

    ถึงเเม้หลับตาลงฉันก็ยังคิดถึงเธอ

     

     

     

    ฉันมีเรื่องอยากจะบอกเธอ...

     

    ว่าฉันไม่เคยรู้สึกเเบบนี้มาก่อน

    เวลาที่ฉันอยู่กับเธอมันช่างผ่านไปเร็ว จนฉันเองก็กลัว

    ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงเป็นเเบบนี้ ฉันหัวเราะตลอดเวลา

     

    ความรักที่ฉันมีให้เธอมันมากขึ้น มากขึ้น ทุกที

     

    ★★★★

     

     

     
    :::Do Kyungsoo:::

     

     

         พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้วล่ะ ไม่ปวดแล้วใช่ไหม?” ผมพยักหน้าให้คุณหมอที่ท่าทางใจดี ที่กำลังจับๆขาของผมซึ่งถอดเฝือกอ่อนออกแล้ว พร้อมกับส่งยิ้มให้ผม

     

         อ่า...พรุ่งนี้แล้วสินะ

     

         ขอบคุณครับคุณหมอ

     

         ไม่เป็นไรหรอกครับ คนไข้หายดี หมอก็พอใจแล้วคุณหมอยิ้มอบอุ่นแบบคุณพ่อให้ผม

     

    จะได้กลับบ้านแล้วสินะ . . .

     

         ผม คงคิดถึงคุณหมอแย่เลยผมว่าพร้อมกับส่งยิ้มให้คุณหมอไป อย่างรู้สึกขอบคุณที่ใจดีกับผมเสมอมาทั้งๆที่ผมอกจะดื้อ ไม่ค่อยชอบกินยา งอแงกลัวเข็มฉีดยา

     

     

         คุณหมอออกไปแล้ว... เหลือแค่ผมที่กำลังนั่งถอนหายใจ...

     

         ผมจะต้องกลับบ้านจริงๆแล้วหรอ แน่ล่ะ! ก็ผมหายดีแล้วนี่

        

         ตอนนี้คำพูดของจงอินลอยอยู่เต็มหัวผมไปหมด

     

         ฉันจะมาอยู่กับนายไปจนกว่านายจะหายดี

     

         !!!

     

         หมายความว่า ถ้าผมหายดีแล้วจงอินก็จะไม่มายุ่งกับผมอีกแล้ว

         กลับไปเป็นแบบเดิมใช่ไหม?  ที่จงอินมาอยู่กับผมทุกวัน ก็แค่ต้องการรับผิดชอบที่เตะบอลมาโดนผมจนผมต้องมาอยู่ในโรงพยาบาล...

     

     

         ก็แค่นั้น

     

         ตั้งแต่ เกิดมา ผมไม่เคยรู้สึกชอบโรงพยาบาลหรือการเจ็บป่วยมากเท่านี้มาก่อนเลย ... ผมอยากจะอยู่โรงพยาบาลอีกสักสามสี่เดือน อยากจะโดนจงอินเตะบอลใส่อีกสักสามพันครั้ง

     

         ผมเป็นเหมือนคนบ้าแบบนี้ เพราะคิมจงอิน คนเดียวเลย ให้ตายเถอะ =w=

     

        

         ผม ปิดเปลือกตาเหลือกๆของตัวเองลงอย่างรวดเร็ว เมื่อมีเสียงเปิดประตูเข้ามา เวลาแบบนี้ คงไม่ใช่คุณหมอเพราะพึ่งออกไปเมื่อสักครู่ มีอยู่คนเดียว และผมไม่พร้อมจะเผชิญหน้า ฉันต้องทำหน้าแบบไหนเวลาเจอนายนะ

     

         คิมจงอิน

     

         อ่าว...หลับอยู่หรอกหรอ...

     

     

    แค่นายเห็นว่าฉันหลับตา นายก็คิดว่าฉันหลับแล้วเหรอ..

     

     

    เงียบ... ทำไมเงียบกริบ เหมือนไม่มีใครอยู่

     

    หรือว่าจงอินเห็นว่าผมหลับ เลยกลับไปแล้ว บ้าน่า... วันนี้ผมยังไม่ได้เห็นหน้าของจงอินเลยนะ แล้วพรุ่งนี้ก็ต้องกลับแล้วด้วย...

     

    จะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกันแบบนี้อีกหรือเปล่า...

     

    ทำไมเวลามันผ่านไปเร็วจัง...

     

     

    ผมที่กำลังจะลืมตาต้องเกร็งตัวให้อยู่นิ่ง... นิ่งที่สุด เมื่อมีสัมผัสร้อนๆที่ใบหน้า... ลมหายใจของคิมจงอิน ... ร้อนวูบ...วาบบบ

     

     

    ผมเบิกตาโพลงอย่างตกใจ เมื่อรับรู้ได้ถึงสัมผัสนุ่มหยุ่นกดทับที่ริมฝีปาก

     

    จงอินบ้า!! ทำอะไรน่ะ...

     

     

    อ่าว.. ตื่นเลยหรอ โทษทีไม่คิดว่าจะทำให้ตื่นจงอินพูด ทั้งๆที่ตอนนี้ไม่ยอมถอยห่างจากใบหน้าของผมสักนิด

     

    ใกล้... ไปแล้วนะ

     

    เอ่อ..จงอิน...ผมขบริมฝีปากของตัวเอง  ใน ขณะที่ตาเหลือกๆของผมก็โฟกัสไปที่ริมฝีปากเซ็กซี่ของจงอิน.. ถึงการที่ผมมองริมฝีปาก จะทำให้นึกถึงเรื่องบ้าๆ ก็ดีกว่าการที่จะต้องสบตากับจงอินล่ะนะ !

     

     

     

    หืม..ว่าไงจงอินก้มลงมาจนหน้าผากของเราชิดกัน ปลายจมูกชนกัน ริมฝีปากของจงอินอยู่ห่างไม่ถึงห้าเซน...

     

     

    ผมควรจะทำอะไรดีในตอนนี้...

     

    ใจผมสั่น... และเริ่มรู้สึกว่าตัวสั่น มือสั่น...

     

    ตื่นเต้นไปหมดแล้ว

     

     

     

    เอ่อ.. ฉัน...นาย..อ่ะ..เอาหน้า.. เอ่อ.. ฉันหายใจไม่ออกผมพูดติดๆขัดๆ ไม่รู้ว่าจะพูดแบบไหนดีแล้ว  ไม่ใช่ว่าหายใจไม่ออก แต่ผมไม่กล้าที่จะหายใจต่างหากล่ะ...

     

     

    หึจงอินหัวเราะในลำคอ ก่อนจะถอยห่างออกจากใบหน้าของผม แล้วนั่งลงบนโซฟาใกล้ๆกับเตียงที่ผมนอนอยู่

     

     

     

     

    แล้วหมอว่านายจะกลับบ้านได้เมื่อไหร่...ความเงียบที่ปกคลุมอยู่ถูกน้ำเสียงนุ่มทุ้มดูเนือยๆของจงอิน

     

     

    เอ่อ... พรุ่งนี้ก็กลับได้แล้วล่ะ...ผมบอกไม่มองหน้าจงอินเลย... แม้ว่าจะอยากมองมากแค่ไหน แต่พอมันไม่รู้ว่าจะทำหน้าแบบไหน

     

     

    ผมไม่มองดีกว่า

     

     

     

     

    ตอนนี้ผมกำลังมุดผ้าห่มลายแมวของตัวเองอยู่ จะมีก็แต่ตาเหลือกๆของผมข้างซ้ายและศีรษะเท่านั้นที่ไม่ได้อยู่ใต้ผ้าห่ม..

     

    ตอนนี้ตาเหลือกๆของผมมันกำลังมองไปที่จงอิน...ที่กำลังนั่งอ่านหนังสือ แล้วอยู่ดีดี ก็มีรอยยิ้มปรากฏที่มุมปากของจงอิน..

     

     

    นายดีใจมากใช่ไหม...ที่ฉันจะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว

     

     

     

    ไม่เอาแล้ว ไม่มองแล้ว ....

     

    ผมปิดเปลือกตาเหลือกๆของตัวเองลงอย่างรู้สึกน้อยใจ... ทั้งที่ผมไม่มีสิทธิ์ งื้อออ หลับๆ หลับสิ ทำไมไม่หลับ

     

     

     

    ผมหลับตาอยู่อย่าง นั้น ... นานพอสมควร นานจนน่าจะถึงเวลาที่จงอินกลับไปได้ตั้งนานแล้ว ... แต่ทำไมพอผมลืมตาขึ้นมาถึงยังเจอจงอินนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เดิม ท่าเดิม.. แล้วไหนจะรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนั้นอีก

     

     

    นาย..เอ่อ.. จงอิน... มันหมดเวลาพักแล้วนะผมบอก หลังจากที่เมื่อครู่ได้โฟกัสตาเหลือกๆของตัวเองไปที่นาฬิกา

     

    งั้นเหรอจงอินว่าพร้อมกับหยัดตัวลุกขึ้น

     

    อือ..หมดเวลาแล้ว...ผมพูดเสียงเบาหวิว ทั้งๆที่ต้องการจะทำเสียงร่าเริงเหมือนปกติ แต่ร่างกายบ้าๆที่ไม่ทำตามใจของผมเลย เอาเถอะ!

     

    ผมทำได้แค่กรอกตามอง เพดาน ไม่กล้ามองหน้าของคิมจงอิน คนที่ผมได้ใกล้ชิดด้วยตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา จากคนที่เคยห่างไกลอย่างผม ได้มองหน้าจงอินแบบใกล้ๆ ได้รับสัมผัสต่างๆจากจงอิน จากคนที่เคยเอาแต่แอบมองจงอิน เอาแต่ตามตื้อจงอิน มันรู้สึกดีจริงๆ ที่อย่างน้อย.. ตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่โรงพยาบาล จงอินก็ต้องมีผมในสายตาบ้าง ต้องมองผมบ้าง ...

     

     

    พอจะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วก็อดใจหายไม่ได้ ...

     

     

     

     

    ไม่มีอีกแล้วล่ะ... J

     

     

     

     

         นี่ จะให้ฉันไปได้ยังไง ในเมื่อนายยังเป็นอยู่อย่างเนี้ย นายเป็นอะไรก็แค่บอกฉันมาตรงๆสิ ผมก้มหน้าหลบสายตาของจงอินซึ่งตอนนี้ได้มาแทนที่เพดานที่ผมมองอยู่  มัน เป็นเหมือนเงาดำๆแปลกๆเมื่อจงอินมายืนตรงหลอดไฟพอดี ผมอาจจะขำออกมาได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่... เพราะผมไม่มีอารมณ์แม้แต่จะยิ้ม

     

     

         ว่า ไง นายมีอะไรทำไมไม่บอก อย่าทำเหมือนฉันทำอะไรผิดแล้วไม่คุยกับฉันแบบนี้สิ ผมขบริมฝีปากล่างของตัวเองไว้แน่น เมื่อจงอินเชยคางผมให้มองตาของจงอิน

     

         ไม่ พูด ผมไม่พูดแน่ๆ ต่อให้ผมพูดไปแล้วจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอ? ถ้าฉันพูดนายจะทำตามที่ฉันอยากให้เป็นแบบนั้นใช่ไหม? นายก็บอกฉันสิ แล้วฉันจะพูด

     

     

         ผมขมวดคิ้วจ้องตาของจงอินอย่างไม่คิดจะหลบ รู้สึกว่ามันเริ่มจะพล่ามัวเพราะน้ำใสๆรอบดวงตาของผมที่มันเริ่มจะปริ่มขึ้นมา

     

         ทำไม นายไม่พูดออกมาล่ะ ในเมื่อตานายมันฟ้องหมดแล้วทุกอย่าง ทำไมปากของนาย ถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะ จงอินพูดออกมาพร้อมกับเกลี่ยน้ำใสๆที่หางตาของผมออกให้อย่างแผ่วเบา..

     

     

         นาย...รู้...ผมก้มหลบสายตาของจงอิน..

     

     

     

         ไอ้บ้า...

     

     

         นายก็รู้แล้วนายจะแกล้งให้ฉันต้องร้องไห้ทำไม... นายชอบให้ฉันร้องไห้นักหรือไง...

     

     

         ใครจะอยากให้นายร้องไห้ล่ะคยองซู ฉันก็แค่อยากรู้ว่านายจะพูดมันออกมาไหม สุดท้ายนายก็ไม่ยอมพูด

     

     

         ฉัน ไม่ได้อยากจะร้องไห้สักหน่อย แต่... แต่พอเป็นเรื่องเกี่ยวกับอย่างนาย น้ำตามันก็ไหลออกมาเองทุกทีผมพูดอ้อมแอ้มในลำคอ เหมือนจะรู้สึกเขินอีกแล้ว ...

     

     

         หึ... ต่อไปนี้มีอะไรก็พูดตรงๆเลยสิ ทำไมชอบเอาไปคิดเองแล้วคิดผิดๆอยู่เรื่อย

     

     

         “....” ทำไมผมรู้สึกว่าตัวเองโดนดุ

     

     

     

         ฉัน ก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าตอนนี้รู้สึกยังไง แค่อยากเห็นตาเหลือกๆของนายทุกวัน อยากเห็นนายเวลาที่ฉันเล่นฟุตบอลทุกครั้ง อยาก... เอิ่ม.. บางทีนายอาจจะมากินข้าวกลางวันกับกลุ่มฉันก็ได้นะ

     

     

         หืม?” ผมเหลือกตา ไม่สิ เบิกตามองคนตรงหน้า... เค้าพูดมาแบบนี้จะให้ผมคิดว่ายังไงดี?

     

     

     

         หมายถึงว่า ถ้านายไม่รังเกียจน่ะนะ J

     

     

         ฉ่า!! .//////////////////. ทำไมต้องยิ้มแบบนั้นล่ะ คิมจงอิน

     

     

    นายมันบ้า

     

     

     

         เอ่อ... ฉันง่วงแล้ว.. พรุ่งนี้เจอกันที่โรงอาหารนะ!” ผมที่ตอนนี้มุดผ้าห่มลายแมวของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ส่งเสียง(ออกจะเรียกว่าแหกปากก็ได้) บอกบอกคิมจงอิน ผู้ชายผิวเข้มๆ ที่ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าเค้าจะมองผมแบบไหนอยู่

     

     

         ตอนนี้ผมรู้แค่ว่า หน้าของตัวเองมันร้อนมาก ไม่ต้องการให้ใครได้เห็นมันทั้งนั้นแหละ

     

     

     

     

         ผมอาย ._.

     

     

     

     

     

    ★★★★★★★








     

    ::: Byun Baekhyun:::

     

     

    ผมยังคงงงๆ ว่าผมมานั่งทำอะไรตรงนี้ จู่ๆ ผมก็คิดถึงที่นี่ขึ้นมา เวลาที่เครียดๆ ถ้าไม่ไปนั่งที่สวนหลังโรงเรียน ผมก็มักจะมาที่นี่ มาทิ้งความไม่สบายใจไว้เสมอ

     

    -นาย ... อยู่ไหม?-
     

    ผมมองในกระดาษที่ตอนนี้ผมเขียนบางคำลงไป ไม่รู้ว่าใครคนนั้นที่เคยนั่งอยู่อีกฝั่งของล็อคเกอร์จะอยู่หรือเปล่า  ผมไม่รู้ว่าเค้าเป็นใคร แล้วผมคิดว่าเค้าก็อาจจะไม่รู้ว่าผมเป็นใครเหมือนกัน

     

    ผมมาที่นี่เพราะไม่ รู้จะไปไหนตอนที่เครียดกับเรื่องหลายๆอย่าง ในห้องล็อคเกอร์ที่เงียบสงัด แล้วเวลาพักกลางวันน่ะมันห้ามนักเรียนเข้า แต่ผมในตอนนั้นก็ยังเข้ามา ในห้องล๊อคเกอร์ ที่มีตู้ล็อคเกอร์เรียงกันเป็นแถวอย่างมีระเบียบ

     

    เราคุยกันผ่านตัวอักษร ในกระดาษโพสต์อิท ที่สอดใส่ช่องว่างของล๊อคเกอร์  ตั้ง นานแล้วล่ะ เกือบจะสองปีได้แล้วมั้งที่เริ่มคุยกันมา เค้ารู้นะว่าผมน่ะแอบชอบเพื่อนของตัวเองอยู่ เพราผมเอาเรื่องนี้มาระบายให้เค้าฟัง แล้วผมก็มักจะได้คำปรึกษาดีดีกลับไปเสมอ ที่จริงผมคิดว่าเค้าจะจบจากโรงเรียนนี้ไปแล้วซะอีก  แต่เค้ายังอยู่คงจะอยู่ชั้นปีเดียวกับผมล่ะนะ

     

    แต่ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้มาที่นี่เลย ไม่รู้ว่าเค้ายังอยู่หรือเปล่า ครั้งสุดท้าย ก็คือตอนที่ผมคุยเรื่องอี้ชิงกับเค้า ...

     

     

     

    อ่า... คงไม่มาที่นี่แล้วสินะ =w=

     

     

    ผมคิดในใจเมื่อไม่มีกระดาษตอบกลับจากอีกฝั่งของล๊อคเกอร์ 

     

     

         -คิดว่านายจะมาที่นี่แล้วซะอีก-

     

     

         ผมแทบจะร้องออกมาด้วยความดีใจเมื่อเห็นกระดาษโพสต์อิทสีฟ้า ที่ส่งกลับมา

     

     

     

         -นายยังอยู่... นายมาที่นี่ทุกวันเลยหรือเปล่า?-

     

         -คือ ขอโทษนะ มีเรื่องยุ่งๆมากไปหน่อยฉันไม่ค่อยได้มา-

     

         ผมยิ้มออกมาเมื่อคนที่อยู่อีกฝั่งนึงของล็อคเกอร์ ก็ไม่ค่อยได้มาเหมือนผม จะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดยังไงล่ะ

     

         -ฉันก็เหมือนกัน พึ่งมาวันนี้แหละ-

     

         -จริงดิ ฉันก็เหมือนกัน 555+-

     

         -ตลกดีเนอะ ... นี่ขอโทษนะ คือว่าฉันมีเรื่องเครียดๆอีกแล้วล่ะ-

     

         -ทุกทีเลยสินะ เรื่องหมอนั่นอีกแล้วหรอ-

     

         -ง่ะ นายเบื่อที่จะฟังเรื่องของหมอนั่นแล้วหรอ-

     

     

         -ล้อเล่นน่า เล่ามาเถอะ J-

     

     

         ผมเล่าทุกอย่างให้อีกได้รับรู้ผ่านตัวอักษร เค้ายังคงให้คำปรึกษาผมอย่างดีเสมอมา..แอบสงสัยว่าทำไมเค้าไม่เคยบอกให้ผมตัดใจสักครั้ง  คน คนนี้มักจะมีวิธีคิดที่แตกต่างเสมอ ทำให้ผมได้มองดลกในหลายแง่มุม ทำให้ผมได้รู้ว่าทุกการกระทำ ทุกๆอย่างมีเหตุผลในตัวมันเองเสมอ มีทั้งด้านดีและไม่ดี รวมอยู่ด้วยกันเสมอ

     

     

     

         -ขอบใจนะ วันนี้นายจะออกไปก่อนหรือให้ฉันออกไปก่อน-

     

     

         -ฉันออกไปก่อนเหมือนเดิมแหละ-
     

     

         -อ่า... ขอบใจมากนะ-

     

     

         ผมยิ้ม บางทีผมก็อยากจะรู้นะ ว่าคนคนนั้นเค้าเป็นใคร เค้าอาจเป็นเพื่อนที่ดีคนนึงของผมเลยนะ ถ้าเราได้รู้จักชื่อหน้าตาของกันและกัน

     

         แต่คิดอีกทีไม่ดีกว่า เพราะถ้าเค้ารู้ว่าผมเป็นใคร เค้าจะต้องรู้แน่ๆ ว่าผมน่ะชอบชานยอล บางทีมันก็รู้สึกแปลกๆน่ะนะ =w=

     

     

     

         ผม เดินทอดน่องอย่างเชื่องช้า ก้าวขาที่เกือบจะยาวของตัวเองไปเรื่อยๆ ความคิดที่อยากจะโดดเรียนผุดขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่ใช่อะไรหรอก ... ไม่อยากจะเดินเข้าไปในห้องเรียนแล้วเจอชานยอลกับลู่หานนั่งหัวเราะอารมณ์ดี ด้วยกัน .. ทั้งๆที่ที่ตรงนั้น มันเคยเป็นของผม

     

     

         ผมตัดสินใจเดินเข้ามาในห้องเรียน แต่ก็ไม่ใช่แบบที่กลัวหรือคาดการณ์เอาไว้

     

         เสี่ยวลู่หานไม่อยู่ มีแค่ชานยอลที่ตอนนี้นั่งมองออกไปทางหน้าต่าง ... สนใจผมหน่อยสิ ผมเดินเข้ามาแล้ว ... เห้อ

     

     

     

         อ่าวจงอิน ทำไมกลับมาเร็วผมทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ของตัวเอง ผมเรียกมันว่าเก้าอี้ของผมได้เต็มปากแล้วล่ะนะ

     

     

         ทำไมวะ ปกติฉันกลับช้าขนาดนั้นเลยรึไง

     

     

         เหอะๆ ไม่ช้าเล้ยยย มัวแต่ไปกกลูกแมวขาหักอยู่สิท่า ไม่ช้าหรอกผมยิงฟันให้ไอ้ดำ ก่อนที่จะยิ้มกวนๆแล้วยักคิ้วให้มัน

     

     

         ย๊า ไอ้หน้าหมา!!!

     

     

         อะไรจ๊ะ พี่ดำของน้องแมวขาหัก :P” ผมเลื่อนโต๊ะของตัวเองออกห่างจากจงอินทันที เพราะอาจจะโดนปลายเท้ายาวๆของมันหวดเข้าที่คอก็เป็นได้

     

     

         เห้ย ชานยอลมาเอาไอ้หมาไปไกลๆกูเลย ก่อนที่แม่งจะไม่ได้หายใจต่อ ผมแทบจะหาอะไรมาฟาดจงอิน ถึงผมจะอยากให้ชานยอลหันมามองมาสนใจผมเท่าไหร่ แต่ผมก็ยังไม่กลามองหน้าชานยอลเลย

     

     

         ตั้งแต่เมื่อเช้าละ... เหมือนมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไประหว่างเรา ตั้งแต่ลงจากรถของชานยอลเมื่อเช้า... เราไม่ได้คุยกันเลย

     

         ชานยอลเอาแต่ยิ้มและหัวเราะ ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นธาตุอากาศ

     

         อยาก จะคุยกับชานยอล แต่ชานยอลก็เอาแต่ทำหน้านิ่งๆใส่ ทำเหมือนเย็นชาใส่? ผมไม่รู้ว่าผมทำอะไรผิด ผมไม่รู้ว่าควรจะเข้าไปคุยเล่นกับชานยอลหรือเปล่า แต่ทุกครั้งที่ได้หันมาสบตากัน แม้ตอนนั้นชานยอลจะคุยแล้วก็ยิ้มกับคนอื่นอยู่แต่พอหันมาสบตากับผม ... แววตาของชานยอลก็จะเปลี่ยนไปทันที

     

     

         ผมอึดอัด.. มันเป็นเรื่องที่ผมยังไม่ได้ระบายใส่กระดาษให้กับเพื่อนล็อคเกอร์กั้นของผม...

     

     

         มัน มีหลายครั้งตอนที่อยู่ด้วยกันกับกลุ่มเพื่อน ที่ผมและชานยอลคิดตรงกันพูดเรื่องเดียวกันออกมา ผมน่ะยังแอบขำในใจเลยนะ ที่ความคิดของเราตรงกันแถมยังพูดออกมาเหมือนกันอีก แต่พอชานยอลเงียบไป... ทำให้ผมไม่กล้าที่จะพูดต่อ ไม่กล้ามองหน้า...

     

     

         วันนี้ชานยอลยิ้มให้ทุกคน ยกเว้นผม เล่นกับทุกคน ยกเว้นผม ... ทำเหมือนผมไม่มีตัวตน

     

     

     

         แล้วผมทำอะไรผิด หรือชานยอล...จะรำคาญผมแล้ว

     

     

     

         อ้าว ไอ้ยอล เป็นอะไรวะ ทำไมเงียบแบบนั้น จงอินที่เรียกชานยอลเมื่อครู่ถามอย่างสงสัยเมื่อชานยอลหันมามองผมแว๊บเดียว ก็หันกลับไปที่เดิมไม่สนใจอะไรเลย

     

     

         ทำให้รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าผมหายไป อย่างรวดเร็วรวดกับหยดน้ำที่อยู่บนดวงอาทิตย์ ...

     

     

         ไอ้หมา มีอะไรหรือเปล่าวันนี้ ทำไมเงียบๆกัน

     

         มี อะไรวะ ไม่มีเหอะ คิดมาก..ผมบอก ได้แต่หันไปมองข้างนอกระเบียงทางเดิน ซึ่งตอนนี้มีเด็กนักเรียนเดินเต็มไปหมด เพราะใกล้ถึงเวลาเข้าเรียนในคาบบ่าย

     

     

     

        

     

         กูนั่งด้วยดิ๊ผมหันไปมองตามเสียงที่คุ้นเคย ก็พบว่าชานยอลยกกระเป๋ามาและนั่งลงตรงที่ของเซฮุน.. ข้างๆผม

     

         ไม่ รู้ว่าชานยอลพูดกับใคร เพราะตอนนี้เมื่อหันไปมองไอ้ดำ มันก็หลับใหลไปเรียบร้อยแล้ว เซฮุนกับลู่หานก็ยังไม่กลับ ผมเลยได้แต่ก้มมองหน้าปัดนาฬิกาของตัวเอง ซึ่งบอกเวลาใกล้เข้าเรียนคาบต่อไปเต็มที

     

     

     

         เงียบ.. และอึดอัด

     

     

     

         มันอึดอัดเหมือนมีอะไรปกคลุมอยู่ระหว่างผมและชานยอลตลอดเวลา... อึดอัดจนผมต้องฟุบลงไปกับโต๊ะเรียนแล้วแกล้งหลับ ....

     

     

     

         อ้าว ไอ้ยอลมาทำอะไรตรงนี้วะ ไปไป กลับที่ไปมึง เสียงของเซฮุนดังขึ้นทำให้ผมอุ่นใจขึ้นมาได้ ว่าไม่ต้องแกล้งหลับแบบนี้อีกต่อไปแล้ว

     

     

     

         กูต้องถามมึงนั่นแหละ ไปไหนกับเสี่ยวลู่มาหรอ ทำไมกลับมาพร้อมกันวะ

     

     

         เชี่ยไรล่ะ... แค่เดินกลับมาเจอกันตรงหน้าห้องนี่เอง ไปเลยมึงไปไป

     

     

         เอ่อ.. ที่จริง ฉันว่านะ ว่าจะถามตั้งนานแล้วทำไมพวกนายไม่นั่งด้วยกันเป็นกลุ่มเดียวไปเลยล่ะ แยกทำไมผมถึงกับต้องกลั้นหายใจ ซึ่งทำไปทำไมก็ไม่รู้ เมื่อได้ยินเสียงหวานๆของเสี่ยวลู่หาน

     

     

         คือ เรื่องมันยาวๆน่ะ แต่แบบนั้นก็ดีเหมือนนะเสี่ยวลู่ เสียงของชานยอลดูสดใสขึ้นมาทันทีเมื่อคนพูดคือเสี่ยวลู่หาน... แล้วดูที่ทำกับผมสิ

     

     

     

         ได้ ยินเสียงแว่วๆว่าชานยอลไปเจรจากับเพื่อนที่นั่งแถวเดียวกันให้ช่วยขยับไปติด ตรงหน้าต่างซึ่งเคยเป็นที่ของชานยอล แล้วก็คงจะสำเร็จด้วยดี

     

     

         ไอ้ ดำ ลุกดิ๊ จะให้เสี่ยวลู่นั่งตรงนี้ ผมได้ยินเสียงของชานยอลที่ทำกลังไล่ที่ของจงอิน... ผมเหมือนพอจะเดาได้แล้วล่ะ ลำดับที่นั่ง ที่แสนจะน่าอึดอัด

     

     

     

         จงอิน เสี่ยวลู่หาน ชานยอล ผม แล้วก็เซฮุน

     

     

     

         ไอ้หมา อาจารย์มาแล้ว ลุกๆเซฮุนสะกิดผมเบาๆ แล้วผมก็ลุกขึ้นทันที อย่างลืมไปว่าตัวเองควรจะแกล้งทำเสียงงัวเงีย แบบจงอิน

     

     

     

          เสียง ของอาจารย์ที่สอนวันนี้เข้าหูผมทุกอย่าง เพราะผมไม่กล้าเอาจิตใจไปจดจ่อกับอย่างอื่นเลย..แม้แต่หางตาของผมยังไม่กล้า จะเหลือบมองไปที่คนข้างๆเลยให้ตายเถอะ

     

     

         แค่กลัวว่าถ้าได้เห็นสายตาเย็นชาจากชานยอลแล้วผมจะทนไม่ได้

     

     

         ผม อาจจะชินชากับความปวดหนึบและความเจ็บแบบนี้แล้วจริงๆ เพราะผมสามารถทนมันได้มากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนสาบานได้ว่าต้องปล่อยโฮมาแน่ๆ ตั้งแต่เห็นสายตาแบบนั้นของชานยอลเป็นครั้งที่สอง แต่นี่มันครั้งที่สิบเท่าไหร่แล้วก็ไม่ได้นับที่ผมได้เห็นน่ะ ผมยังทนได้... สงสัยว่ามันจะชาแล้วล่ะ

     

     

     

         เอาล่ะ เห็นแก่วันนี้ที่นักเรียนตั้งใจเรียน ครูจะปล่อยให้นั่งเล่นพักสมองกันไปแล้วกันครูไปล่ะ

     

     

         ผมก้มลงมองนาฬิกาที่ข้อมือของตัวเอง ...ก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกว่ามันเหนื่อยล้า

     

     

     

         อีกตั้งครึ่งชั่วโมง....

     

     

     

     

         ฮ่าๆ เรื่องนั้นหรอ ฉันเคยเห็นภาพในบอร์ดหน้าห้องปกครองล่ะ ตลกมากเลยว่ะฮ่าๆชานยอล

     

         ใช่ไหมล่ะ ไม่รู้ใครเอาไปติดไว้เนอะจงอิน

     

     

         เสียดายจัง มันไม่อยู่แล้วหรอ ฉันอยากเห็นจังเสี่ยวลู่หาน

     

     

         อยากเห็นหรอ มันทำหน้าแบบนี้ไง 55555555

     

     

         ฮ่าๆ

     

     

         เสียง บทสนทนาอันแสนมีความสุขของสามคนนั้น ทำให้ผมที่นั่งเงียบ ไม่กล้ามองหน้าชานยอล ไม่กล้าทำอะไรเลย ผมได้แต่นั่งนิ่งเงียบเป็นรูปปั้นหินแข็งๆ รู้ดีว่าถ้าในบทสนทนามีเสียงของผมเข้าไปแทรกอยู่ เสียงชานยอลและรอยยิ้มของชานยอลจะต้องหายไปแน่ๆ หันไปมองทางเซฮุนรายนั้นยัดหูฟังใส่หูตัวเองและเข้าสู่โลกส่วนตัวไปเรียบ ร้อยแล้ว

     

         อ่าว ไอ้แบค ไม่ตลกหรอวะ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ จงอินที่อาจจะเห็นว่าบรรยากาศมันแปลกๆมาตั้งนานแล้วถามขึ้น ทำให้ผมทหน้าเหรอหราไม่รู้จะตอบอะไรดี

     

     

         นั่นสิ ฉันเห็นนายซึมๆนะ เป็นอะไรหรือเปล่าแบคฮยอน  เสียงของเสี่ยวลุ่หานทำให้ผมอยากจะร้องไห้ออกมาซะจริง

     

     

         ไม่มีคำถามของชานยอล... นี่จะไม่สนใจผมจริงๆสินะ เห็นผมเป็นแค่อากาศเหรอ?

     

     

     

         ปละ..เปล่า พอดีเพลียๆนิดหน่อยน่ะ ปวดหัวด้วยผมแกล้งทำหน้าเหมือนคนป่วย ซึ่งผมคิดว่ามันคงไม่ต่างจากหน้าผมตอนนี้เท่าไหร่หรอกเนอะ

     

     

     

         อ่าว ทำไมไม่บอกล่ะไอ้หมา ไปห้องพยาบาลไหมเซฮุนที่จู่ๆก็หันมาร่วมวงสนทนา ทั้งๆที่เมื่อสักครู่ผมจำได้ว่าเจ้าตัวฟังเพลงอยู่นี่ ...

     

     

         อ่า ไม่เป็นไรมากหรอก เดี๋ยวนอนพักก็หายมั้งผมส่งสายตาเศร้าๆไปหาเซฮุน พร้อมกับเซฮุนที่ลูบหัวผมเบาๆ อย่างต้องการปลอบใจ ตามด้วยการที่มือหนาของเซฮุนที่ส่งแรงลงมากดหัวผมให้นอนลงกับโต๊ะเรียนพร้อม กับหันหน้าไปทางเซฮุน

     

         เซฮุนส่งสายตามาประมาณว่า ให้ผมอดทนไว้ก่อน อย่าพึ่งร้องไห้ออกมาตอนนี้มาให้ผม ผมพยักหน้าเบาๆให้ก่อนจะหลับตาลง

     

     

     

         จริงๆนะ... ผมจะต้องทนให้ได้ กับการที่ชานยอลไม่สนใจ แล้วทำเหมือนผมเป็นแค่ธาตุอากาศ

     

     

     

         แต่เอาจริงๆนะ ให้ผมเป็นธาตุอากาศไปเลยซะยังดีกว่า

     

     

     

     

         เพราะธาตุอากาศน่ะ มันไม่มีความรู้สึก... มัน...

     

     

     

     

         มันไม่เจ็บ ... เหมือนที่ผมกำลังเจ็บอยู่หรอก

     

     

     

     

         อ่าว... ฉันหลับไปจริงหรอวะผมยู่ปากเล็กๆ เมื่อ รู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่เซฮุนเขย่าตัวผมเบาๆ พร้อมกับที่ตอนนี้ทั้งห้องไม่มีใครเลยนอกจากผมกับเซฮุน

     

     

     

         อือ ป่ะเร็วๆ เลย คนกลับหมดโรงเรียนแล้วมั้ง

     

     

         อ่าๆ กลับกันไปหมดแล้วหรอ... ผมพยักหน้า พร้อมกับส่งคำถามแสนโง่เง่าไป ก็เห็นๆอยู่ว่าไม่มีใครอยู่แล้วผมยังต้องการอะไร  แค่อยากรู้เรื่องของชานยอล... แต่แค่ชื่อ ผมยังไม่กล้าที่จะเอ่ยออกไป

     

     

     

         อือ ไปกันหมดแล้วแหละ ทั้งไอ้จงอิน แล้วก็สองคนนั่น เหมือนเซฮุนจะรู้เลยเลือกที่จะไม่เอ่ยชื่อของสองคนนั่นออกมา ผมยิ้มให้เซฮุนบางๆ อย่างรู้สึกของคุณที่เซฮุนรู้ใจผม

     

         ตามด้วยการที่เซฮุนเอื้อมมือมาขยี้หัวผม แล้วคล้องคอผม ก่อนจะออกแรงให้ผมเดินตามตัวเอง

     

     

         จนถึงลานจอดรถผมก็ต้องยกแขนหนักๆของเซฮุนออก เมื่อรู้สึกว่ามันหนักขึ้นเรื่อยๆ

     

     

         พาดมาขนาดนี้ไม่ขี่หลังผมเลยล่ะ =w=

     

     

         เอาน่าๆ... ตัดใจเลยดีไหม?”

     

     

         กำลังคิดๆอยู่ว่ะ ขอเวลาสักพักละกันนะผมถูหัวตัวเองกับไหล่แกร่งของเซฮุน อย่างต้องการจะเล่นด้วย ทั้งๆที่บทสนทนานี่มันแทงใจผมมาก ...

     

     

     

     

         ตุบ!

     

     

     

         มือของผมที่ถือกระเป๋าหนังสืออยุ่ถึงกับไร้เรี่ยวแรงไปดื้อๆ ... ตามด้วยที่เซฮุนเองก็เงียบ คงเพราะช๊อคไม่ต่างจากผม... มันเป็นภาพที่ถ้าใครได้เห็นก็ต้องรู้สึกช๊อคกันทั้งนั้น

     

     

         ร่างสูงที่ยินพิงรถของตัวเอง กับร่างบางที่ยืดตัวสุดปลายเท้า แขนของร่างสูงที่กอดเอวของร่างบางไว้หลวมๆ มือของร่างบางที่จับใบหน้าของร่างสูงไว้อย่างต้องการจะปรับองศาของใบหน้า ด้วยความต่างเรื่องส่วนสูง

     

     

     

     

         ชานยอล...จูบกับลู่หาน...

     

     

     

     

         อาจจะเป็นเพราะเสียงของกระเป๋าที่ตกลงมาจากมือของผมเมื่อสักครู่  ทำให้ใบหน้าของคนสองคนที่เชื่อมติดกันอยู่ทางปาก ต้องผละออกจากกันและหันมามองผมกับเซฮุนอย่างตกใจ...

     

     

     

         เราคงมาขัดจังหวะ .. ไปกันเถอะแบคฮยอนเซฮุนลากกึ่งจูงผมและจับยัดเข้าไปในรถอย่างรวดเร็ว

     

     

     

         ใบหน้าของผมยังคงมองตรงไปข้างหน้า... ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน้ำตามันไหลออกมามากเท่าไหร่ ...

     

     

     

         สมองของผมไม่สามารถประมวลความรู้สึกเจ็บและปวดหนึบได้เลย...

     

     

         หัวใจของผม... แตกละเอียดไปหมดแล้ว ...


     

    TBC

    ★★★★


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×