ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {จบเเล้วว} [★ Fic exo ★ ChanBaek]Love of a friend (ft.HH KD)

    ลำดับตอนที่ #9 : [★ Fic exo ★ ChanBaek] Ch 8 : Please

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.04K
      11
      13 มิ.ย. 57

    :) Shalunla

    Love of a friend

    Chapter 8:

    Please

    Kim Hyun Joong – Please

     

    I couldn’t breathe

    ฉันไม่สามารถหายใจได้เลย

    The two of you locking eyes, locking lips

    สายตาทั้งคู่ จูบที่นายได้รับ

    I hated you

    ฉันเกลียดนาย

    I bit my lips, swallowed the tears

    ฉันกัดปากตัวเอง กล้ำกลืนน้ำตา

    And stood there like a man out of his mind

    และยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนคนไม่มีสติ

     

    You’re the only one for me

    สำหรับฉันยังคงมีแค่นาย

    It’ll always be you

    ยังคงมีแค่นาย

    I fall down in tears, cry out for you

    ฉันแทบจะล้มทั้งยืน ..น้ำตาไหลออกมาเพื่อนาย

    I cry for you

    ฉันร้องไห้เพราะนาย

     

    Please don’t smile at him

    ได้โปรดอย่ายิ้มให้ที่เขา

    Please don’t kiss him

    ได้โปรดอย่าจูบเขา

     I want to hold on so you can’t run away

    ฉันอยากจะทำมันต่อ ฉะนั้นอย่าได้หนีไปไหน

    I want it to rain so it washes away all traces of our breakup

    ฉันอยากให้ฝนตก เพราะฉันจะได้ล้างเรื่องที่สลายไปของเรา

     

    Take my tears away

    นำน้ำตาฉันออกไปTo a dark, far place

    ที่มืดมิด แสนไกล

     I try to disperse you

    ฉันพยายามที่จะออกห่างจากนาย

    But you become even more pronounced

    แต่นายกลับกลายมาชัดเจนยิ่งขึ้น

    I can’t forget you

    ฉันไม่ลืมนายไม่ได้



    .......................

     

    เอี๊ยดดด! !!!

     

    เสียงของล้อรถที่ครูดกับพื้นถนนจนเกิดเสียงดังเพราะว่าเซฮุนหยุดรถกระทันหัน หลังจากที่ขับรถออกมาอย่างรวดเร็ว ตอนนี้รถของเซฮุนยังไม่พ้นประตูโรงเรียนด้วยซ้ำ... เค้าหยุดมันหลังจากที่รถออกตัวมาได้ไม่ถึงนาที..

    เซฮุนตบคอนโซลรถด้วยความโมโหหรืออะไรผมก็ไม่รู้... แม้แต่หัวของผมที่กระแทกกับคอนโซลรถอย่างแรงจากการหยุดรถเมื่อครู่ ผมยังไม่อาจรับรู้ได้ว่ามันเจ็บมากแค่ไหน เจ็บไปหมดทุกอย่าง...

     

    ผมได้แค่ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา... เซฮุนตบพวงมาลัยรถอีกทีก่อนที่จะเปิดประตูแล้วเดินออกไป.. ตามด้วยเสียงปิดประตูอย่างแรงทำให้ผมถึงกับสะดุ้ง..ที่เซฮุนดูจะเกรี้ยวกราด ขนาดนี้

    ผมอยากจะตามเซฮุนออกไป ผมไม่รู้ว่าเซฮุนลงไปทำอะไร เซฮุนหยุดรถทำไม.. ทำไมไม่พาผมออกไปจากที่นี่..

    ผม นั่งนิ่งเหมือนคนไร้สติ...มีแรงแค่ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาจนรู้สึกแสบตาไป หมด... ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้น ผมร้องไม่ออก เจ็บและจุกไปหมด

     

     

         ปึงๆๆ !

    เกิดเสียงขึ้นที่กระจกรถฝั่งที่ผมนั่งทำให้ผมต้องหันไปมองต้นกำเนิดเสียงอย่างเลื่อนลอย... เหมือนสมองผมไม่พร้อมจะใช้งาน

    ไอ้ลูกหมา!!

    ชานยอล... ผมเบือนหน้าหนีมาจากกระจกรถ... หลับตาลงอย่างไม่ต้องการจะรับรู้อะไรเกี่ยวกับชานยอล.. ไม่เอาแล้ว

    ผมทำได้แค่หลับตาแล้วก็ปิดหูของตัวเอง ไม่อยากยินเสียงของชานยอลที่เรียกชื่อผม.. ไม่ต้องการ

    เนิ่นนาน... ที่นั่งปล่อยให้น้ำตาไหลพร้อมกับปิดกั้นตัวเองจากร่างสูงข้างนอกรถ.. ตอนนี้น้ำตาของผมหยุดไหลแล้ว ไม่แน่ใจว่ามันไม่เหลือให้ไหลแล้วหรืออะไร พอผมหันไปมองที่กระจกรถอีกที ก็ไม่มีใครอยู่แล้ว... ไม่รู้ว่าชานยอลหายไปไหน ไม่รู้ว่าชานยอลไปตอนไหน เพราะผมไม่ต้องการที่จะรับรู้ แล้วผมยังคิดถึงชานยอลอีกทำไมนะ

    ความรู้สึกเจ็บปวดแบบนี้...ผมควรจะต้องตัดใจจากชานยอลจริงๆใช่ไหม?

     

    ทำไมวันนี้ผมรู้สึกว่ายิ่งรักชานยอลมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งเจ็บ... เจ็บจนไม่รู้ว่าผมจะเจ็บกับอย่างอื่นมากขนาดนี้ได้อีกไหม

    ผมเหม่อมองไปข้างนอก ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้วล่ะ เซฮุนไปไหนผมก็ไม่รู้ ทำไมทิ้งผมไว้อย่างนี้ล่ะ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากำลังจะโทรหาเซอุน แต่ก็เหลือบไปเห็นโทรศัพท์ของเซฮุนที่วางทิ้งไว้ในรถซะก่อน ไปตัวเปล่าสินะ.. แล้วอย่างนี้ผมจะได้กลับบ้านไหม

    อยากพักผ่อน ... ผมเหนื่อย ผมท้อแท้ ผมเจ็บ ผมร้องไห้จนไม่มีน้ำตาให้ร้องแล้ว ผมอยากจะกรีดร้องแต่ก็รู้สึกเหมือนไม่มีแรงพอที่จะทำแบบนี้

     

    แม้แต่ตอนนี้ หายใจ ผมก็ยังรู้สึกว่ามันเหนื่อย

    ผมเหนื่อย...

     

    ชานยอล... ฉันเหนื่อย เหนื่อยมากไปแล้วนะชานยอล.. สงสารฉันบ้างสิผมพึมพำออกมาเบาๆ รู้ว่าชานยอลไม่รู้ไม่ได้ยินหรอก

     

    รับรู้หน่อยสิชานยอล.... ฮึก..ผมเจ็บไปหมดแล้ว ผมเหนื่อย... เหนื่อยที่ผมไม่รู้จะเจ็บกับเรื่องอะไรก่อนดี เรื่องที่ชานยอลเย็นชาใส่ ทำเหมือนผมไม่มีตัวตน... หรือเรื่องที่ชานยอลกับลู่หาน...

    ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องไหนมันเจ็บมากกว่ากัน... ไม่รู้แล้วล่ะว่าเรื่องไหนจะทำให้ผม เจ็บมาก... เจ็บน้อย ผมรู้แค่ตอนนี้มันเจ็บและปวดหนึบไปหมด ความรู้สึกแปล๊บๆยังติดอยู่ที่ปลายนิ้วมือของผม..  ผมกำมือของตัวเองแน่นเพื่อบรรเทาความเจ็บและปวดหนึบ จนมันกลับมาเป็นปกติ

    อยากกลับบ้าน.. . แต่ผมดันขับรถไม่เป็น.. ผมนี่มัน... เห้อ อาจจะต้องเดินไปหารถขึ้นแถวป้ายรถเมลล์หน้าโรงเรียนล่ะเนอะ ผมคิดถึงบ้านจะบ้าแล้ว  แค่รู้สึก ว่าที่บ้านมันอบอุ่น อยากกลับไปทิ้งตัวลงบนที่นอน ซุกหน้าลงกับหมอนแล้วปล่อยความคิดล่องลอยไปแบบที่ชอบทำ.. ก็แค่ตื่นขึ้นมาใหม่ในตอนเช้า แล้วยิ้มให้กำลังใจตัวเอง บอกตัวเองว่าจะพบเจอวันดีดี แล้วสักวันผมอาจจะมีความสุขได้อย่างที่ผมอยากมี สักวันผมอาจจะพาตัวเองหลุดจากบ่วงของความรู้สึกเจ็บปวดแบบนี้ได้... แค่หวังว่าจะมีสักวัน

     

    ผมตัดสินใจเปิดประตูรถออกไป ขาสองข้างของผมที่กำลังจะก้าวไปข้างหน้าก็ต้องชะงัก เมื่อเจอกับร่างสูงของชานยอลที่นั่งอยู่ข้างๆกับประตูรถ

    นิ่งอยู่พักหนึ่งก่อนจะตั้งสติให้มั่นคงแล้วตัดสินใจเดินต่อไป เดินผ่านไป...ทำเป็นมองไม่เห็นชานยอลเหมือนที่ชานยอลทำ... ชานยอลทำได้ ทำไมผมจะทำไม่ได้

     

    หมับ!

     

    แบคฮยอน..ผมไม่ได้หันไปตามเสียงเรียกของชานยอล แต่ที่ผมไม่ได้เดินหนีไป เพราะตอนนี้ข้อมือของผมถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยฝ่ามือหนาของชานยอล

    ปล่อย... ผมบอกไม่ได้พยายามจะแกะมือของชานยอลออกไป เพราะดูจากแรงของชานยอลที่บีบข้อมือผมไว้แล้วคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้ ชานยอลปล่อย ถ้าชานยอลไม่ยอมปล่อยไปเอง

    คุยกันก่อนสิ... ลูกหมา

    ปล่อยเถอะชานยอล... ฉันเหนื่อย....ว่ะ..น้ำเสียงของผมตอนนี้มันอ่อนแรงจริงๆนะ ผมเหนื่อย ...

     

    แบค...

    “.........”

    มาคุยกันก่อนสิ อย่าทำหน้าแบบนี้

    ทำไม เคยเห็นฉันในสายตาด้วยเหรอ ไม่ใช่ว่าลืมไปแล้วหรอว่ามีฉันอยู่บนโลก ถึงได้เมินกันแบบนั้น!!!!” ผมตะคอก ไม่แน่ใจว่าตัวเองไปเอาแรงมากมายมหาศาลแบบนี้มาจากไหน

     

    โกรธ... ใช่ตอนนี้ผมรู้สึกว่า โกรธชานยอล

     

    พอคิดอีกที ผมไม่มีสิทธิ์อะไรไปโกรธเค้าเลยนะ กรอบของคำว่าเพื่อนที่ผมมีน่ะ มันไม่ควรจะมาหึงหวงหรือรู้สึกอะไรแบบนี้เลยสักนิด

     

    แต่เรื่องที่ชานยอลเมินใส่ผม ทำเหมือนผมไม่มีตัวตนน่ะ ผมไม่ยอมแน่ๆ ผมไม่ได้ทำอะไรผิด จะไม่ให้ผมโกรธได้ไง ผมต้องนั่งเงียบในขณะที่คนอื่นหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน  ผมต้องนั่งกังวลใจทั้งๆที่ชานยอลกับลู่หานกำลังยิ้มให้กัน... ตอนนี้ความรู้สึกเกี่ยวกับทั้งสองเรื่องมันปนเปกันไปหมด ไม่ใช่แค่คำว่าน้อยใจ เหมือนจะมีคำว่าหึงปนอยู่ด้วย

     

    ฉันขอโทษ

    ขอโทษหรอชานยอล แล้วความรู้สึกของฉันล่ะวะ แกอยากทำอะไรก็ทำ ไม่สนใจว่าฉันจะเป็นยังไง แล้วตอนนี้มาบอกว่าขอโทษ มันไม่มากไปหน่อยหรอชานยอล

    ขอโทษ...แบค      

    ผมตวัดตาเรียวเล็กของตัวเองไปมองที่ชานยอล บ้าเอ้ย! ทำไมผมจะต้องรู้สึกไม่ดีที่ชานยอลทำหน้าเจ็บปวดแบบนี้ ผมอยากจะทึ้งหัวตัวเองแทบบ้า ใบหน้าที่เคยมีรอยยิ้มสดใสของชานยอล ตอนนี้มันหายไปแล้ว พร้อมกับดวงตาของผมที่เริ่มจะพร่ามัวด้วยน้ำใสใสที่เอ่อล้น

     

    แล้วก็เรื่องเมื่อกี้...ที่ฉันจูบกับลู่หาน..

    ไม่ชานยอล ไม่เกี่ยวกัน แกจะไปจูบกับใคร ไปกอดกับใคร ไปมีอะไรอะไรกับใคร แกจะรักใคร มันไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรที่เห็นภาพแบบนั้น.. อย่าเอาฉันเข้าไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้...

    ถ้างั้นก็อย่าร้องไห้สิวะ... เลิกร้องสิ ไม่ชอบที่เห็นน้ำตาของแกเลยนะ แบคฮยอนชานยอลดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่น ผมไม่ได้สะอึกสะอื้นอะไรมากมาย แค่ปล่อยน้ำตาให้ไหลไปเรื่อยๆ ในอ้อมกอดของคนที่ทำให้ผมมีความสุขที่สุด อ้อมกอดที่แสนจะอบอุ่น อ้อมกอดของคนที่ทำร้ายจิตใจผมได้พอๆกับที่ทำให้ผมรู้สึกดี

    ปาร์คชานยอล...

     

    ผมทุบที่อกกว้างของชานยอลเบาๆ เพื่อเป็นการเตือนเพราะว่าตอนนี้ชานยอลกอดผมแน่นไปแล้ว แล้วผมเองก็หยุดร้องไห้แล้วด้วย ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้สึกน้อยใจหรือเจ็บปวดอะไรแล้ว ผมยังคงโกรธ แต่สาบานเถอะ ถ้าผมยังไม่ทำตัวให้เป็นปกติ ชานยอลต้องไม่ยอมปล่อยผมไปแน่... ทางเดียวที่ผมจะรอดออกไปจากสถานการณ์แปลกๆแบบนี้คือผมต้องทำตัวให้เป็นปกติ ที่สุด

     

    ป่ะ กลับบ้านกันเถอะชานยอลเปิดประตูรถในฝั่งที่ผมพึ่งจะออกมา ก่อนจะดันตัวผมเข้าไป แล้วตัวเองก็ไปนั่งฝั่งคนขับ ดีจริงๆเลยเซฮุนที่นายทิ้งกุญแจรถไว้ให้ด้วย แล้วหายไปไหนก็ไม่รู้ ดีจริงๆ

     

    ผมไม่ได้สนใจชานยอลอีกเลย แค่อยากจะกลับบ้าน ผมเหนื่อยเต็มทนกับการต้องนั่งนิ่งๆ เงียบๆ บรรยากาศระหว่างผมกับชานยอลมันอึดอัดไปแล้ว อึดอัด จนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ กลัวจะทำให้อะไรหลายๆอย่างร้ายแรงลงไปมากกว่านี้

     

    หลายครั้งที่แอบเหลือบไปเห็นว่าชานยอลมองมาเหมือนจะพูดอะไรด้วย แต่ผมก็ทำเป็นมองไม่เห็นไปซะแบบนั้น  กลัวว่าชานยอลจะถามอะไรออกมา กลัวว่าชานยอลจะพูดถึงเรื่องที่จะทำให้หัวใจของผมเจ็บปวด..

     

    ครืดๆ

     

    เสียงโทรศัพท์ของผมเองแหละ.. ไม่อยากจะรับเลยแหะ แต่ถ้ามันช่วยทำลายความอึดอัดบ้าๆนี่ลงได้ ผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไม่รับเลย

     

    เอ่อ..ใคร เหรอ?” เพราะเป็นเบอร์ที่ไม่ได้เมมเอาไว้ ผมเลยไม่รู้ว่าเป็นใครที่โทรมา แต่รู้สึกขอบคุณจริงๆ เพราะผมไม่ต้องสนใจชานยอลอีกต่อไปแล้ว

    (ฉันเอง จื่อเทาไง จำได้ไหม)

    อ่า.. จื่อเทาเองหรอผมอดที่จะยิ้มเล็กๆที่มุมปากไม่ได้ เมื่อนึกถึงหน้าที่เหมือนแพนด้าของเทา และความรู้สึกสบายใจเมื่อได้อยู่กับเทา

    (นายอยู่ที่ไหน กลับบ้านหรือยัง)

    ใกล้ถึงแล้วล่ะ... แล้วไปเอาเบอร์ฉันมาได้ยังไงล่ะเทา

    (พอดี ไอ้ฮุนมันบอกให้โทรมาถามนายน่ะว่า ถึงบ้านหรือยัง มีเรื่องอะไรกันหรอ)

    เปล่า หรอกเทา ไม่มีอะไร ถึงบ้านแล้วล่ะ ยังไงก็ขอบใจที่โทรมานะ เดี๋ยวฉันจะแวะไปหาแล้วกันนะพรุ่งนี้น่ะ ผมบอกเมื่อตอนนี้รถหยุดเคลื่อนตัวแล้วและจอดอยู่ตรงหน้าบ้านของผม

     

    ใครหรอ..ชานยอลที่นั่งเงียบมาตลอดทางเปิดปากพูด ทำลายความเงียบที่เริ่มก่อตัวขึ้นมา

    เพื่อนน่ะ

    ทำไมฉันไม่เห็นรู้จัก

    สนใจ ด้วยเหรอชานยอล... ก็แค่เพื่อนใหม่น่ะ นายคงจะไม่รู้จัก เพราะเราไม่ได้ตัวติดกันเหมือนเมื่อก่อนแล้วไง ผมบอกส่งยิ้มให้ชานยอลก่อนจะเปิดประตูแล้วเดินเข้าบ้านของตัวเองด้วยความ เร็ว ที่เรียกว่าเร็วกว่าการก้าวเท้าของผมแบบปกติไปเกือบเท่าตัวได้

     

    ผมเดินออกมาอย่างไม่คิดจะหันกลับไปมองข้างหลังเลยด้วยซ้ำ ... ผมเป็นอะไรไปนะ?

     

    งื้ดๆ

     

    เสียง ไลน์ของผมดังขึ้น เพราะปิดเสียงเอาไว้เลยรู้สึกว่าคนที่ส่งมาน่ะ ส่งมาถูกจังหวะซะจริงเพราะผมพึ่งอาบน้ำเสร็จ ถ้ายังอยู่ในห้องน้ำ กว่าผมจะได้เห็นข้อความคงเป็นตอนเช้า เพราะตอนนี้ผมอยากนอน.. ผมเหนื่อย

     

    ไอ้หูกาง : ถ้าฉันโทรไป แกจะรับไหมไอ้ลูกหมา???

    ไอ้หูกาง : ถ้าจะรับก็ส่งกลับมาด้วย

    ไอ้หูกาง :แต่ถ้าไม่อย่าลืมทายาที่หน้าผากล่ะมันดูอาการไม่ค่อยดี

    ไอ้หูกาง :ไม่เจ็บมากใช่ไหม?-            

        

    ชานยอลระดมส่งข้อความมาถามผม ปกติถ้าเป็นแบบนี้ มันจะต้องมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผม แต่วันนี้มันช่างเรียบเฉย...

    ผม โยนโทรศัพท์ไว้ที่ข้างเตียง มองไปที่กระจกก็พบว่าตอนนี้หน้าผากของตัวเองมันแดงๆดำๆคล้ำๆม่วงๆ สีน่ากลัว.. คงเกิดจากการที่หัวกระแทกคอนโซลรถตอนนั้น  พอเห็นแล้วก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาตงิดๆ แบบนี้ทุกที ถ้าผมไม่เห็นผมไม่รู้ มันก็จะไม่เจ็บ... ชานยอลอยากให้ผมเจ็บมากสินะ  ต้องการจะทรมานผม.. จะทำให้ผมเจ็บไปถึงไหนกันนะ

               

     

    อ่า... ผมพ่นลมหายใจออกมา รู้สึกว่ามันหนาว... ผมบ้าองแหละ ผมตื่นขึ้นมาตอนตีสาม ผมนอนไม่หลับ แล้วตอนนี้ เป็นเวลาตีห้าครึ่ง.. ผมเดินเต๊าะแต๊ะ จากบ้านตัวเองมาเรื่อยๆ แล้วก็มาถึงโรงเรียน

    ผมอาจจะได้เป็นนักเรียนดีเด่น บยอนแบคฮยอน มาถึงโรงเรียนตั้งแต่ตีห้าครึ่ง! ขำชะมัด ผมยกยิ้มให้ความบ้าบอของตัวเอง ตอนเช้าๆนี่หนาวชะมัดเลย

    ผม มองไปรอบๆโรงเรียน เงียบ... สงบ แม้แต่ลุงยามหน้าโรงเรียนก็ยังนอนหลับ แล้วทำไมผมนอนไม่หลับ โรงเรียนตอนไม่มีคนมันก็เงียบเหงาดีแบบแปลกๆ ผมเดินไปเรื่อยๆ เกือบจะหกปีแล้วสินะที่ผมใช้ชีวิตส่วนใหญ่ที่นี่ เกือบจะหกปีที่มีคนที่ชื่อว่าปาร์คชานยอล อยู่สร้างความทรงจำด้วยกัน มองไปที่ไหน ภาพเก่าๆที่มีผมกับชานยอลในทุกที่ก็มักจะผุดเข้ามา แทบจะไม่มีที่ที่ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับชานยอล

    มันก็นานแล้วนะชานยอลที่เราเป็นเพื่อนกันมา... มันก็นานแล้วนะ ที่ฉันคิดเกินคำนั้นไป... มันอาจจะนานจนเกินไป เพราะบางทีฉันก็แยกไม่ออกระหว่าง มิตรภาพ ความรัก และความผูกพันธ์ แยกไม่ออกว่าที่ร้องไห้ที่เจ็บที่เศร้า มันเป็นเพราะอะไร..

    เพราะความทรงจำดีดี และความผูกพันธ์มันมากมายเกินไป... ผมถึงตัดใจได้ยากแบบนี้

     

     

    ถ้าความทรงจำดีดี มันระเหยไปกับน้ำตาของฉันได้มันก็ดีสิเนอะ ... ฉันจะได้ไม่ต้องมาเจ็บแบบนี้ ผมมองไปที่ม้านั่งที่ผมมักจะมานั่งเล่นกับชานยอลเสมอ มองไปที่ที่เคยมีชานยอลนั่งอยู่ พึมพำออกมาเหมือนว่าผมคุยกับชานยอลอยู่.. เหมือนคนบ้าเสียสติ

    ผมไม่รู้ว่าผมเดินมาที่นี่ทำไมอีกแล้ว.. เวลาแบบนี้คนที่อยู่อีกฝั่งของห้องล๊อคเกอร์เค้าคงจะไม่บ้ามาโรงเรียนเวลา เดียวกับผมหรอกนะ ถ้าเค้ามาตอนนี้ผมจะคิดว่าเค้าเป็นผีได้ง่ายๆเลยนะ

     

     

         -ฉันว่าจะตัดใจแล้วจริงๆ-

     

     

         -ฉันไม่รู้ว่าจะมาบอกนายทำไม แต่มันสบายใจทุกครั้งที่ได้เล่าอะไรหลายๆอย่างให้นายฟัง-

     

        

         -ฉันเจ็บจัง...-

     

     

         -ถ้านายยังมาที่นี่ และเห็นมันอยู่ช่วยให้กำลังใจฉันด้วยนะ ทิ้งข้อความให้กำลังใจฉันไว้ด้วย-

     

     

     

         -ฉันอาจจะไม่ค่อยได้มาที่นี่อีก....นายมีเรื่องอะไรก็เล่าทิ้งไว้ได้นะ-

     

     

    กระดาษ แผ่นแล้ว แผ่นเล่า ถูกผมส่งไปยังอีกฝั่งของล๊อคเกอร์ อาจเพราะผมไม่เคยเล่าอะไรให้ใครฟังได้เท่ากับที่ปรึกษาจำเป็นคนนั้น ผมเลยรู้สึกปลอดภัยที่จะเล่าให้เค้าฟัง

    คง เป็นมิตรภาพอีกรูปแบบหนึ่ง ถึงมันจะแปลกๆก็เถอะ แต่ความรู้สึกสบายใจจากใครคนนั้นที่ผมไม่รู้ว่าเป้นใคร มันก็ทำให้ผมระบายยิ้มออกมาน้อยๆไม่ได้

     

    รู้จักเค้ารึก็ไม่ ทำไมเล่าให้ฟังเกือบทุกเรื่อง.. นายเป็นใครกันนะ

    ….

     

     

    ผมนั่งฟังอาจารย์คังที่กำลังสอนอยู่อย่างตั้งใจ ทั้งๆที่นี่มันเป็นวิชาศิลปะ ที่ผมไม่ค่อยชอบ เพราะผมขอแลกที่กับเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างหน้าสุด วันนี้ผมเลยไม่ได้คุยกับใครเลย แม้แต่ใบหน้าผมก็ยังไม่ได้เห็นเลย...

    เสียงกริ่งหมดคาบเรียนดังขึ้น ตามด้วยการที่อาจารย์คังสั่งงานและกล่าวคำร่ำลา ราวจะจะให้พรเด็กนักเรียนทุกครั้งที่จบคาบเรียน 

    ตามด้วยผมที่เดินตามอาจารย์คังออกไป นอกจากผมจะถูกเหล่าอาจารย์เรียกใช้งานแล้ว วันนี้ผมเองแหละที่เสนอตัวของช่วยงานอาจารย์คัง  ขอ ผมหลบหนีปัญหา หลบทุกอย่างสักพักนะ ผมไม่พร้อมเผชิญหน้า ผมยังไม่รู้ว่าจะต้องทำหน้าแบบไหนเวลาเจอชานยอล ไม่รู้ว่าตัวเองจะทนได้ไหมถ้าเห็นเสี่ยวลู่หานแล้วภาพต่างๆมันจะเข้ามาในโสต ประสาท

    อาศัยช่วงที่โรงอาหารเริ่มไม่มีคน แล้วก็พวกเพื่อนๆของผมคงกำลังขึ้นเรียนแล้วล่ะ เพราะห้องของเราต้องเรียนมากกว่าห้องอื่นในคาบนี้ที่ทุกคนได้พัก เรื่องที่จะเจอกับชานยอลหรือคนอื่นๆ มันน้อยมากเลย เว้นแต่ว่าพวกนั้นจะโดดเรียนแบบที่คิมจงอินชอบทำก็เถอะ

    ผมเดินเข้ามาในห้องเรียนแล้วก็ต้องแปลกใจ เมื่อผมเห็นแค่ชานยอลแล้วก็จงอิน... เซฮุนกับเสี่ยวลู่หานไม่มาโรงเรียนอย่างนั้นหรอ?

    ผมหลุบเปลือกตาที่กำลังมองอย่างสงสัยลงต่ำทันที่ เมื่อได้สบเข้ากับตากลมโตของชานยอล ผมทำเป็นมองไม่เห็นแล้วเดินไปนั่งที่ของเพื่อนที่ผมขอแลกไว้เมื่อเช้า

     

    ทำไมชานยอลต้องใช้สายตาแบบนั้นมองมาที่ผมด้วยล่ะ สายตาที่ทำให้หายใจแทบไม่ออก

        

    อย่า มาทำเหมือนว่าผมทำอะไรผิดแบบนั้นนะ ผมสิที่ควรจะมองชานยอลด้วยสายตาที่เจ็บปวด เองต่างหากที่ควรจะต้องทำสายตาเหมือนว่าเหนื่อยใจ ผมไม่ใช่หรอที่เจ็บ!!

     

    เพราะมันคือผมเองที่เจ็บมาตลอด

     

     

    ผมเปิดเปลือกตาของตัวเองขึ้นมา ก่อนจะปรับสภาพสายตาของตัวเองให้เข้ากับแสงไฟที่ส่องมาได้ กลิ่นแบบนี้ทำให้รู้ได้เลยว่าผมต้องอยู่ในห้องพยาบาลของโรงเรียนหรือไม่ผมก็ อาจจะนอนอยู่ที่โรงพยาบาล

     

    แต่เมื่อมองไปรอบๆ ก็ทำให้รู้ได้ไม่ยากว่านี่มันคือห้องพยาบาลของโรงเรียนผมเองแหละ  ความ รู้สึกหนักๆและอุ่นชื้นที่มือ ทำให้ผมมองไปยังร่างสูงที่ฟุบหน้าลงกับมือของผม พร้อมกับลมหายใจร้อนๆที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ให้ความรู้สึกจั๊กกะจี้แบบแปลกๆ

    ผม ไม่กล้าขยับมือข้างที่โดนชานยอลนอนทับอยู่เพราะกลัวจะทำให้ชานยอลตื่น ผมมองไปยังนาฬิกาที่ข้อมือของชานยอล ผมหลับไปเกือบสองชั่วโมงได้ ใกล้ได้เวลากลับบ้านแล้วล่ะ อีกไม่นานอาจารย์ประจำห้องพยาบาลต้องมาปลุก แล้วชานยอลก็จะต้องตื่นมาแน่ๆ

    ผม จะต้องทำหน้าแบบไหนเวลาเจอชานยอลล่ะ ผมเหลือเวลาไม่มากที่จะคิดแล้วล่ะ อาจเพราะผมกระวนกระวายมากเกินไปชานยอลเลยรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาซะก่อน

     

    ไอ้ลูกหมา ตื่นนานแล้วหรอชานยอลที่ยกยิ้มให้ผม ต้องหุบยิ้มลงไปอย่างรวดเร็ว คงเพราะใบหน้าที่เรียบเฉยไร้อารมณ์ของผมนี่แหละมั้ง

    อาจารย์บอกว่าแกวูบไปว่ะ  นอนไม่พอหรือไงวะ แล้วหน้าผากนี่ไม่เจ็บแล้วใช่ไหม  ผมปล่อยให้ชานยอลพูดไปเหมือนพูดคนเดียวๆ ทั้งๆที่ความจริง ผมควรจะเป็นคนตอบคำถามทั้งหมดนั่น

     

    เห้อ...

    ชานยอลพ่นลมหายใจออกมาทางปาก มองมาที่ผม ผมไม่ได้หลบตาแต่ก็สบตากับชานยอลด้วยสายตาที่ไร้ความคิดอยู่ภายใน... แวบตาที่ไหววูบของชานยอล มันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ แต่ก็อยากให้ชานยอลรู้บ้างนะ ว่าคนโดนเมินน่ะ มันเจ็บแบบไหน  อีกอย่าง... ถ้าผมถอยห่างออกมาจากชานยอลและทุกคนตอนนี้มันอาจจะง่ายมากขึ้น

     

    ง่าย... ต่อการที่จะตัดใจจากชานยอล

     

    คุณบยอนรู้สึกตัวแล้วใช่ไหม ต่อไปนี้ก็นอนให้พอพักผ่อนให้มากๆนะจ๊ะ อาจารย์ประจำห้องพยาบาลส่งยิ้มให้ผมอย่างใจดี ผมทำได้แค่ส่งยิ้มบางๆกลับไปให้ พยายามจะแกะมือของชานยอลที่กำลังประคองร่างของผมออก

    เดินไหวหรือยังไงล่ะ ไอ้ลูกหมาอย่าดื้อสิผมหยุดนิ่งและปล่อยให้ชานยอลพาตัวเองออกจากห้องพยาบาล

    แล้ว นั่นจะไปไหน เดี๋ยวฉันไปส่งบ้าน พอได้ยินแบบนี้ผมที่กำลังตั้งใจจะเดินหนีชานยอลหลังจากออกมาจากห้องพยาบาล แล้วก็ชะงัก จากคนที่เคยกลับบ้านด้วยกันทุกวันเป็นปกติ วันนี้ชานยอลต้องชวนผมกลับบ้านด้วย... ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงไปเยอะจริงๆ

     

    เพราะวันนี้ลู่หานไม่มาโรงเรียนสินะผมพึมพำเบาๆ

    แกว่าอะไรนะ ไอ้ลูกหมาผมเงียบแล้วก้าวเท้าเดินต่อไป แต่ก็แอบน้อยใจในโชคชะตาที่ให้ผมเกิดมาขาสั้นกว่าชานยอล... เดินตามเร็วชะมัด

     

    บอกว่า จะไปส่งไง... เหมือนเมื่อก่อน...น้ำเสียงของชานยอลทำให้ใจผมกระตุกวูบ... จำได้ด้วยเหรอ ว่าเมื่อก่อนน่ะ เราเคยทำอะไรด้วยกันบ้าง..

     

    ดีใจอยู่นะ... ที่ยังไม่ลืม

     

    แต่ก็นะ ถ้าวันนี้ลู่หานมาโรงเรียน.. นายจะทำยังไงหรอชานยอล.. ฉันเป็นได้แค่ตัวแทนเมื่อลู่หานไม่อยู่หรือไง ต้องให้ไม่มีลู่หานใช่ไหม ฉันถึงจะกลับมาสำคัญแบบเดิมได้...

    ไม่ เป็นไร ฉันเข้าใจ ว่าคำว่ามิตรภาพที่นายให้ฉัน ความผูกพันธ์ของเรา มันคงมากไม่เท่าความรู้สึกที่นายมีให้เสี่ยวลู่หานคนนั้นสินะ...

    ไปส่งที่ร้านเค้กตรงหัวมุมตรงนั้นหน่อยสิผมขึ้นมาเมื่อนึกได้ว่าผมบอกจื่อเทาว่าผมจะมาหาเค้าวันนี้

    ไปทำไมอ่อ?” ผมไม่ได้ตอบชานยอล ไม่รู้จะบอกไปทำไมมากกว่า ไม่มีเหตุผลที่ชานยอลจะต้องรับรู้นี่

     

     

    รอด้วยดิชานยอลที่เดินกึ่งวิ่งตามผมมาหลังจากที่เจ้าตัวเอารถไปจอด ซึ่งผมไม่รู้ว่าชานยอลทำไมจะต้องตามผมเข้ามาในร้านเค้กด้วย

    คุณ แบคฮยอนใช่ไหมคะ คือคุณจื่อเทาบอกว่าวันนี้มีเรียนภาคพิเศษนิดหน่อย ถ้าคุณมาให้นั่งทานเค้กรอไปก่อนได้เลยนะคะ ผมเดินเข้ามาในร้านยังไม่ทันจะหาที่นั่งได้ คุณพนักงานท่าทางใจดีก็บอกผมด้วยรอยยิ้มซะก่อน

     

    อ่าครับ.. ไม่นานใช่ไหมครับผมส่งยิ้มให้พนักงานที่กำลังเดินนำมายังที่ว่างตรงมุมร้านน่ารักๆนี้  ผมได้แต่หันไปกัดปากอย่างอารมณ์ไม่ดีที่ชานยอลยังคงเดินตามมาแบบนี้

     

    จื่อเทานี่...

    นายไม่มีอะไรให้กลับไปทำหรอชานยอลผมพูดขึ้นมาพร้อมกับชานยอลที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา

    มี อะไรก็ทำไม่ลงแล้วล่ะ ดูดิ ลูกหมาเป็นอะไรวะ ทำไมเงียบใส่ ทำไมเฉยชาใส่แบบนี้ล่ะ ทั้งสายตาและน้ำเสียงของชานยอลแสดงความเหนื่อยล้าออกมาชัดเจน

    ขอโทษชานยอล... ฉันขอโทษ

     

    ไม่ดิวะ ไม่ขอโทษดิแค่อย่าเป็นแบบนี้ได้ไหม?”

     

    เหอะ..ผมแค่นหัวเราะออกมาพร้อมกับกรอกตามองเพดาน

    รู้แล้วใช่ไหมชานยอลว่าฉันรู้สึกแบบไหนน่ะ!!! แค่คำขอโทษมันไม่ได้ทำให้ความรู้สึกแย่ๆมันหายไปเลยเนอะ ผมส่งยิ้มหยันๆไปที่ชานยอล อย่างต้องการจะตอกย้ำตัวเองด้วยเช่นกัน ว่าควรจะตัดใจแล้วกลับมาเป็นเพื่อนกับชานยอลได้สักที       

    เป็นอะไรก็บอกมาเถอะแบคฮยอน เป็นแบบนี้ฉันเหนื่อยนะเว้ย...

    “เหนื่อยหรอชานยอล รู้สึกเหนื่อยหรอ? กับสายตาเเบบนี้ของฉัน รู้สึกเจ็บบ้างไหม? เวลาที่อยู่ด้วยกันแล้วมันมีแต่ความเงียบที่น่าอึดอัด  รู้ใช่ไหม? ว่ามีอะไรที่มันไม่เหมือนเดิม ว่ามันเปลี่ยนไปหมดแล้วชานยอล เเปลกๆไปใช่ไหม ล่ะ ขอโทษที่ทำตัวเหมือนเดิมไม่ได้

     

    ผมบอกชานยอลด้วยดวงตา ที่เริ่มจะแสบจาการที่จ้องหน้าชานยอลอย่างหมดความอดทนกับทุกเรื่อง ผมไม่ทนแล้วผมจะไม่เก็บไว้แล้ว ให้มันแตกหักกันไปเลยก็ได้วันนี้

     

    ใช่ล่ะ อย่า... ไม่ต้องพูด เเค่ฟังฉันก็พอผมบอกเมื่อชานยอลทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างกับสายตาที่มองผมมาอย่างไม่เข้าใจ

    เอาเป็นว่าฉันไม่ชอบเวลาที่แกคุยกับลู่หาน ฉันน้อยใจที่แกยิ้มให้ลู่หาน  ฉันเจ็บที่เห็นแกกับลู่หานจูบกัน

    รู้ไหมชานยอลว่าฉัน ต้องกัดปากตัวเอง กลั้นน้ำตาแทบไม่อยากจะหายใจ เหมือนสมองมันไม่สั่งงาน ทำได้แค่ร้องไห้ ...ฉันยังไม่รู้เลยว่าฉันจะรู้สึกเจ็บกับอะไรได้มากกว่านี้อีกไหม เอามีดมาแทงกันเลยยังจะทรมานน้อยกว่าความรู้สึกที่เหมือนมีมีดนับพันมาปัก ที่ร่างกาย มันสั่นและชาไปหมด ความรู้ปวดหนึบแบบบ้าๆน่ะ เคยเป็นไหมชานยอล

     

    ฉัน..

    บอกว่าให้ฟังเงียบๆไงชานยอล!!!” ผมตะคอกชานยอล ไม่สนแล้วว่าตอนนี้คนในร้านจะมองผมยังไง

    อย่าพึ่งมายุ่งกันสักพักได้ไหม อย่าทำเหมือนเป็นห่วง อย่าทำสายตาเเบบนั้นเวลาฉันไม่สนใจโอเคไหมชานยอล

     

    รู้ไหมชานยอล... ว่าเพื่อนของนายคนนี้มันคิดกับนายมากกว่าคำว่าเพื่อน... รู้ไหมว่ามันเจ็บมากแค่ไหนในแต่ละครั้งที่ได้ยินคำว่าเพื่อนออกมาจากปากของคนที่ฉันรัก!!

     

    ถ้าแกจะเข้าใจฉันได้ ได้โปรดเถอะ อย่าพึ่งทำให้ฉันตัดใจจากแกยากไปกว่านี้เลย ฉันอยากจะเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับแก เพื่อนที่ไม่ได้คิดเกินเลยกับแกได้ ถ้าถึงวันนั้นแล้วแกยังเป็นเพื่อนกับฉันได้น่ะนะ

     

    “.....”

     

     

    ขอโทษนะชานยอลที่ฉันรักแก

     

     

    ขอโทษนะ ไอ้หูกางของฉัน...



     

     

    ขอเวลาสักพักนะแล้วเราจะเป็นเพื่อน.. ที่เป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ

     

     

    TBC

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×