คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : [★ Fic exo ★ ChanBaek] Ch 6 : Not Only Friends
Love of a friend
Chapter 6:
Not Only Friends
There's no use of regretting now
There's no use of holding on now
Because you were always there
I guess I thought we were only friends
When I'm missing you like this
When I'm so frustrated like this
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเสียใจ มันก็ไม่สำคัญ
ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันหยุดยั้งมันไม่ได้ ก็ไม่สำคัญ
เพราะมีนายอยู่เคียงข้าง
ฉันจะคิดซะว่าเราเป็นแค่เพื่อนกัน
ฉันคิดว่าระหว่างเราคือมิตรภาพ
แต่เมื่อฉันเจอนาย ทำไมรู้สึกทรมานอย่างนี้
I guess we can't even be friends now
I guess this can't be just a friendship
I'm not in your heart- i'm in the flowing tears
You say let's just be friends
ตอนนี้เราเป็นแค่เพื่อนกันไม่ได้อีกแล้ว
ระหว่างเราตอนนี้มันไม่ใช่แค่มิตรภาพ
ในหัวใจของนายไม่มีฉัน คนที่มีน้ำตาก็คือฉันเอง
แค่เพราะต้องทำใจให้เป็นแค่เพื่อนเท่านั้น
…….
Even when it hurts, even when I tear,
you pretend it's not and smile
Can't you love me? Can't you hold me?
พอเกิดความเจ็บปวดแบบนี้ น้ำตาก็ไหลออกมา
ฉันทำเป็นฝืนยิ้มแต่ที่จริงแอบร้องไห้
ได้โปรดรับรู้ถึงความรักของฉันซักครั้งจะได้มั้ย ให้ฉันกอดนายสักครั้งไม่ได้เหรอ?
Can't you for one day, for one moment, love me?
ถึงแม้ว่าจะมีเวลาแค่วันเดียว มีโอกาศแค่ครั้งเดียว แค่คำว่า “ฉันรักนาย” ฉันก็พูดมันไม่ได้
★★★★
“ชานยอล...” ผมเอ่ยเสียงเรียกชื่อของคนตรงหน้าอย่างแผ่วเบา
ทำไมชานยอลถึงมาอยู่ที่นี่ ... แถมยังมานอนหลับด้วย รอ.. ชานยอลรอผมหรอ? ผมไม่กล้าจะคิดอะไรไปมากกว่านี้แล้ว
แต่ก็ยอมรับนะ ว่าตอนแรกที่คิดว่าชานยอล มารอน่ะ... มันรู้สึกดีจริงๆ
ผมไม่กล้าเข้าไปในบ้าน ไม่กล้าปลุกชานยอลที่กำลังนอนเอาหัวพิงประตูรั้ว ... รอจริงๆหรอ ชานยอลนายมารอฉันจนเผลอหลับไปจริงๆหรอ แม้จะไม่อยากคิดก็เถอะ
แต่ก็ขอคิดเข้าข้างตัวเองหน่อยนะ ... ขอแค่ความสุขในการเข้าข้างตัวเองแบบนี้ นายคงไม่รู้และไม่ว่าอะไรใช่ไหม ชานยอล
ผมทิ้งตัวลงนั่งใกล้ๆกับร่างสูง ของชานยอลที่นั่งหลับอยู่อย่างเบาที่สุด ไม่อยากให้ชานยอลตื่นมาตอนนี้ ... แค่อยากจะมองใบหน้าของคนที่ผมหลงรัก ใบหน้าหล่อเหลาของเพื่อนที่ไว้ใจผมที่สุด ใบหน้าของปาร์คชานยอล ใบหน้าที่แบคฮยอนคนนี้อยากจะเห็นมันไปทุกวันยันแก่ตายเลยล่ะ
นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่นั่งมองชาน ยอลอยู่แบบนี้ จนกระทั่งเปลือกตากลมโตของร่างสูงตรงหน้าขยับ และกระพริบถี่ๆ จนเผยให้เห็นดวงตากลมโตของชานยอล ... ผมเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ตอนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ... ไม่กล้าแม้แต่จะละสายตาจาก ดวงตาคู่สวยคู่นี้ ...
“แบคฮยอน...” ชานยอลที่จู่ๆก็เอ่ยทำลายความเงียบออกมา ตามด้วยการถลาเข้ามากอดจนร่างของผมเซแทบจะล้ม ดีที่ชานยอลยังยันตัวเองเอาไว้ได้
แน่น... ชานยอลกอดผมแน่นไปแล้ว
“เอ่อ...” ผมพยายามไม่หายใจและควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ เพราะตอนนี้มันเต้นโครมครามซะจนผมกลัว ว่าชานยอลที่ตอนนี้ร่างกายเราแนบชิดกันเกือบทุกส่วน จะสัมผัสถึงมันได้
หยุดเต้นแรงแบบนี้สักที หัวใจบ้า !! ไม่รักดี
“ทำไมกลับดึกแบบนี้ล่ะ รอตั้งนาน” ช่านยอลที่ตอนนี้ผละออกไปแล้ว ทำให้ผมลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่ไม่ต้องกลั้นหายใจอีกแล้ว
“อ่า...แล้วจะรอทำไมวะ ทำไมไม่บอกว่าจะรอจะได้รีบกลับ” ผมอ้อมแอ้มตอบไม่กล้าสบสายตากับชานยอลเหมือนทุกครั้ง ... ไม่กล้าอีกต่อไปแล้ว
“เห้ย แต่บอกไอ้ฮุนมันแล้วนะ ว่าจะรออ่ะ”
“หืม?”
ถึงตรงนี้ผมเข้าใจรอยยิ้มของเซฮุนแล้วล่ะ แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเซฮุนทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร?
“ก็อย่างที่บอก ว่าบอกไอ้ฮุนมันไปแล้ว...” ชานยอลมองหน้าผมนิ่ง แล้วเรื่องอะไรที่ผมจะเอาจังหวะการเต้นของหัวใจตัวเองไปเสี่ยงด้วยการมองหน้าชานยอลล่ะ ผมทำได้ก็แค่ก้มมองมือตัวเองเท่านั้นแหละ
“แล้ว...ทำไมไม่ไปนั่งรอในรถ มานั่งหลับอยู่ตรงนี้ทำไม” ผมละสายตาจากมือของตัวเองเปลี่ยนเป็นการเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าแทน
“ไม่รู้สิ...ทำไมล่ะ เป็นห่วงฉันรึไง ไอ้ลูกหมา...”
“หือ.. พระจันทร์ สวยดีเนอะ”
“อืม หึ! สวยดี...สวยเหมือน..”
“ว่าแต่มีอะไรรึเปล่า” ผมตัดบท เพราะแค่กลัวว่าจะมีชื่อของเสี่ยวลู่หานออกมาจากปากของชานยอล
... ไม่อยากฟัง
“นั่นสิ ทั้งๆ ที่ไม่มีอะไร แต่ฉันรู้สึกแปลกๆว่ะไอ้หมา แค่รู้สึกว่าอะไรๆเดิมที่เคยเป็น มันไม่เหมือนเดิม ... แค่รู้สึกว่าวันนี้ถ้าฉันไม่ได้คุยกับแก แล้วมันจะนอนไม่หลับ”
ตึก ตึก ตึก
ผมทำได้แค่ขบริมฝีปากล่างเอา ไว้...พยายามจะกลั่นกรองคำพูดออกมา ทำไมต้องมาพูดให้ใจเต้นแบบนี้ด้วยล่ะ .. ปาร์คชานยอล ไอ้หูกาง บ้าๆ ไอ้บ้าเอ้ย !!!
“แค่นั้น..ใช่ไหม รีบกลับบ้านเหอะ ดึกแล้ว” เป็นคำพูดที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะคิดออกในตอนนี้
“โหย ไม่กลับแล้ว นั่งรอจนดึกดื่นขนาดนี้แล้วจะให้กลับไปกลับแล้ว ป่ะเข้าบ้าน” ชานยอลลุกขึ้นเต็มความสูงตามด้วยการที่ดึงตัวผมขึ้น แล้วก็เดินเข้าบ้านไปอย่างหน้าตาเฉย
แล้วที่บ้ากว่านั้น คือร่างกายของผมมันไม่ได้ดั่งใจเอาซะเลย ทำไมไม่ขัดขืน ขาของผมก้าวไปตามแรงดึงของคนตัวสูงข้างๆกายอย่างไม่ขัดขืน แม้แต่จะเอ่ยปากห้ามชานยอล ปากบ้านี่ก็ไม่แม้แต่จะขยับ.. . .
“เห้ย! เอาจริงดิ” ผมถามอีกครั้ง ชานยอลจะนอนกับผมที่นี่ จริงๆน่ะเหรอ?
“ก็เอาจริงดิวะ ไม่ได้นอนด้วยกันนานแล้วนะ นะนะ ไอ้ลูกหมา ลูกหมาของปาร์คชานยอล”
“นอนโซฟานะ ไอ้หูกาง” รอยยิ้มบางๆผุดขึ้นที่มุมปากของผม .. อย่างห้ามไม่ได้
“ใจร้ายอ่ะ ไม่รู้แหละ จะนอนบนที่นอน” ชานยอลว่าแล้วทิ้งตัวลงบนที่นอนของผมหน้าตาเฉย
“เห้ย!! นอนได้ไง น้ำยังไม่ได้อาบ ลุกขึ้นมาเลยนะไอ้หูกาง มาอาบน้ำก่อนเลย”
“สัญญาก่อนสิว่าถ้าอาบจะให้นอน บนเตียง” ผมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยๆ ชานยอลทำหน้าแบบนี้ทีไร ผมรู้ได้ทุกทีเลยล่ะว่าผมไม่มีทางจะใช้ความดื้อด้านชนะได้เลย
เหอะๆ
“เออๆๆๆๆ ตอนนี้รีบไปอาบน้ำเลยที่นอนฉันเน่าหมดแล้ว”
“ฮ่าๆ ก็แค่นั้นแหละไอ้ลูกหมาเอ้ย” ชานยอลเด้งตัวขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงเต็มปากอย่างสวยงาม
ผมส่ายหัวและส่งยิ้มกับท่าทางแบบนั้นของชานยอล ตลกซะไม่มีล่ะ
ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะเสียใจ มันก็ไม่สำคัญแล้วล่ะ
ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะหยุดยั้งความรู้สึกน้อยใจไม่ได้ ก็ไม่สำคัญแล้ว
เพราะแค่มีชานยอลอยู่ตอนนี้มันก็ดีแค่ไหนแล้ว
ผมจะคิดซะว่าเราเป็นแค่เพื่อนกัน... แค่นั้น
ผมแค่แอบหวังน่ะนะ ว่าผมจะทำได้ . . .
“เห้ยแบค หาเสื้อผ้าให้ใส่ด้วยสิวะ” เสียงของชานยอลที่ตะโกนออกมาจากห้องน้ำทำให้ผมหลุดจากห้วงความคิดบ้าๆของตัวเองในทันที
“อ่า เออ.. แล้วจะใส่ได้ไหมวะ เดี๋ยวเลือกตัวใหญ่ๆให้ละกัน” ผมตะโกนกลับไป แล้วเดินไปเลือกเสื้อในตู้แทบจะทันที
“ได้ยังวะ เร็วๆหนาวนะไอ้ลูกหมา” ชานยอลที่โผล่มาแค่หน้าเร่งผมถี่ยิบ
“เอ้า ก็หาอยู่เนี่ย แปปดิ” ผมขมวดคิ้วม่วนกับการเลือกไซส์เสื้อที่ชานยอลน่าจะใส่ได้
มันไม่เห็นจะมีเลย TT
“มาดูดิ๊ ช่วยหา”
“เห้ย!! ออกมาทำไม” แล้วสภาพนี้อีก ...
ผมหันไปมองร่างสูงโปร่งของชานยอล ที่ตอนนี้มีผ้าเช็ดตัวผืนเดียวปกปิดส่วนล่างอยู่ก็แค่เท่านั้น .. . หยดน้ำที่เกาะพราวตามใบหน้าคม เรื่อยไปจนถึงแผงอกกว้างที่มีหยดน้ำประปรายอยู่เต็มไปหมด
“ทะ..ทำไมไม่เช็ดตัวดีดีก่อน” ตอนนี้ผมไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ที่ไหนดี ได้แต่จับเสื้อผ้าพลิกอยู่อย่างนั้น พลิกไปพลิกมาไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองชานยอล
ไหนจะกลิ่นสบู่ของผมที่ลอยเข้า มาในจมูกอีก โอ้ย บอกตรงๆ คือผมเสพติดสบู่กลิ่นนี้แล้วทำไมชานยอลต้องใช้มันด้วยล่ะ ร้อนๆๆ ร้อนไปหมดแล้ว
“โห ไม่ต้องมาทำเหมือนไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้เลย ไอ้ลูกหมา จะหน้าแดงทำไมวะ” ทีตอนแบบนี้ล่ะ ทำไมรู้ดีว่าผมกำลังเขิน ปาร์คชานยอล ไอ้บ้า
“อะไรมั่วละ อะไร โอ้ย หาเองเลย ไปอาบน้ำแล้ว เหนียวตัวว่ะ” ผมว่าพร้อมกับวิ่งเข้าห้องน้ำไปแทบจะทันที
ผมวักน้ำใส่หน้าตัวเองสองสามที เมื่อเข้ามาในห้องน้ำและปิดประตูลงเรียบร้อย มองหน้าตัวเองในกระจก ซึ่งตอนนี้มันขึ้นสีจัด พยายามไล่ความร้อนวูบวาบนี่ออกไป บ้าจริงทำไมผมเป็นแบบนี้ล่ะ ผมไม่ชอบแบบนี้เลย...
ตอนนี้ผมว่าผมเป็นเพื่อนของชานยอลเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว
มันยิ่งชัดขึ้นทุกวัน ความรู้สึกของผมมันยังทำให้การที่ผมจะทำตัวเป็นเพื่อนแบบปกติกับชานยอลยากขึ้นไปอีก
รู้หรอกน่า ว่าชานยอลไม่ได้คิดอะไร แต่ที่ผมรู้สึกกับชานยอลตอนนี้มันไม่ใช่แค่มิตรภาพ ไม่ใช่เพื่อนที่คบกันมาเกือบหกปี ไม่ใช่ๆ .. . .และคงไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว
ผมทำได้แค่สะบัดหัวไล่ความคิดทุกอย่างออกไป ... ตอนนี้ผมทำได้แค่นี้จริงๆ
หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ แล้ว พอผมหันไปมองที่เตียงก็เจอกับร่างสูงของปาร์คชานยอล ที่คาดว่าคงจะนอนหลับไปแล้ว เพราะเล่นนอนนิ่งไปไม่ขยับตัวอะไรเลย ผมยืนมองเสี้ยวหน้าของชานยอลอยู่สักพัก ปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆ ว่าหูกางๆนั่นมัน... ช่างมันเหอะ ฮ่าๆ
ผมทิ้งตัวลงนอนบนที่เตียงขนาด คิงไซส์ของผมอย่างเบาแรง ซึ่งเตียงกว้างๆนี่ปกติจะเอาไว้ดิ้น เพราผมเป็นคนนอนดิ้น แต่เห็นทีคงจะต้องพยายาม[?] ไม่นอนดิ้นแล้วล่ะ
แล้วผมก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ ชานยอลจำได้สินะว่าผมน่ะนอนดิ้น เลยเลือกนอนฝั่งที่ติดผนัง เพราะจะได้ไม่โดนผมถีบตกเตียงไปเหมือนคราวก่อนที่นอนด้วยกันไงล่ะ
ถึงแม้ชานยอลจะเป็นห่วงความปลอย ภัยของตัวเองก็เถอะถึงได้ทำแบบนี้ แต่ผมจะถือว่าชานยอลยังคงใส่ใจและจำเรื่องราวของผมกับเค้าได้อยู่ล่ะนะ
ผมนี่มันเข้าข้างตัวเองเก่งจริงๆ
มันก็แค่ความสุขเล็กๆน้อยๆ ที่ผมคิดขึ้นมาเพื่อเยาะเย้ยตัวเองเท่านั้นแหละ เพราะในความเป็นจริงมันตรงข้ามกับในความคิดของผมแทบทุกอย่าง ... มันรู้สึกทรมานมากจริงๆ ที่จะต้องทำเป็นปกติกับชานยอล ผมจะทำแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหนกันนะ . . .
หวืด!!
จู่ๆร่างเล็กๆของผมก็ถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดของคนตัวสูงที่ผมคิดว่าหลับไปแล้ว เล่นซะผมตกใจจนแทบจะกรีดร้อง
“หะ..เห้ย ฉันทำแกตื่นหรอวะชานยอล...” ผมดิ้นขลุกขลักไปมาในอ้อมแขนแข็งแกร่งของคนตัวสูง
“เปล่านี่... ฉันไม่ได้หลับตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” คิดว่าหลับไปแล้วซะอีก ...
“งั้นเหรอ งั้นก็ปล่อยสิจะได้นอนๆ....” รีบปล่อยก่อนที่ใจจะเต้นแรงไปมากกว่านี้
“ไม่ปล่อยได้ป่ะ..ว่าไง” ลมหายใจอุ่นจนร้อนอยู่ไม่ไกลจากใบหน้าผมเท่าไหร่ และที่สำคัญตอนนี้ผมคิดว่ามันใกล้กับตำแหน่งใบหูของผมมาก..มากซะจนขนลุกซู่ ไปทั้งร่างกาย
“อ่ะ...ไม่ปล่อยแล้วจะนอน..ยังไงวะ นอนไม่หลับหรอกแบบนี้”
“แล้วถ้าหลับ แสดงว่านอนแบบนี้ได้ใช่ไหม?”
แกหลับได้แต่ฉันหลับไม่ได้แน่ๆไอ้หูกาง
“ไม่ได้ ปล่อยเลย อึดอัด!” ผมเริ่มทำเสียงที่ใครๆก็บอกว่ามันแสนจะง้องแง้งงี่เง่าออกมา ด้วยความที่ผมเถียงชานยอลไม่เคยชนะ ผมก็ต้องใช้น้ำเสียงแบบนี้แหละ
“จริงอ่ะ ไม่เชื่ออ่ะ อบอุ่นดีออกกอดแบบนี้แหละ”
ก็แกไม่ได้ชอบฉันเหมือนที่ฉันชอบแก แกก็พูดได้สิวะ ไอ้หูกาง..
“อุ่นที่ไหนล่ะ บอกแล้วไงว่ามันอึดอัด แล้วก็อย่ามาพูดใกล้ๆใบหูจะได้ไหม” ผมบอกพยายามเอี้ยวตัวและใบหน้าให้ห่างจากใบหน้าของชานยอล สาบานเลยว่าถ้าตอนนี้ไม่ได้ปิดไฟเล้วเปิดโคมไฟที่หัวเตียงไว้ ชานยอลอาจจะคิดว่าผม เป็นไข้ตัวร้อนจัดไม่สบายอะไรแบบนั้นแน่ๆ เพราะตอนนี้ที่ใบหน้าของผมมันเหมือนมีเลือดมารวมตัวกันมากเกินจำเป็นแล้วล่
“ขอกอดหน่อยนะ อย่างน้อยก็จนกว่าฉันจะหลับก็ได้...” น้ำเสียงที่แปลกไปของชานยอล ทำให้ผมนิ่งและได้แต่กระพริบตาปริบๆ แสงไฟน้อยนิดจาดโคมไฟ ทำให้ผมเห็นแค่ใบหน้าเสี้ยวหนึ่งของชานยอลเท่านั้น
“ช่วงนี้แกแปลกไปจริงๆนะแบคฮยอน ฉันไม่ได้คิดไปเองแล้วล่ะ...แกพยายามจะตีตัวออกห่างฉัน”
“......”
“ฉันสัมผัสได้จริงๆนะ..ฉันไม่รู้ว่าระหว่างเรามีเรื่องอะไรที่ไม่เข้าใจกัน...หรือฉันทำอะไรให้แกไม่พอใจก็บอกดิวะ”
“ทำไมต้องเงียบแบบนี้ล่ะ อย่าเก็บไว้คนเดียวดิ เราเพื่อนกันนะ บอกแล้วไงว่าแกเป็นเพื่อนที่ฉันรักมากที่สุด.. มีอะไรบอกตรงๆเลย ฉันรับได้ทุกเรื่อง”
“............”
“แค่พูดมันออกมา อย่ากลัวว่าเราจะผิดใจกัน หรือฉันจะโกรธแก ฉันจะไม่ยอมให้อะไรมาทำลายความเป็นเพื่อนของเราหรอก”
“หรือฉันแค่คิดไปเองวะ ไม่รู้แล้วว่ะ แต่ไม่ชอบแบบที่เป็นอยู่เลยว่ะ มันเหมือนไม่มีสมาธิจะทำอะไรเลยนะเว้ย ทุกครั้งที่แกทำหน้าตึงๆใส่ ทำหน้าบูดๆใส่อ่ะ กลับมาทำหน้าหมาๆเหมือนเดิมไม่ได้หรอวะ เป็นอะไรวะ แบค...”
ผมได้แต่เงียบ...ไม่รู้ว่าชานยอลต้องการคำตอบสำหรับคำถามมากมายที่เค้าพูดออกมาหรือเปล่า... แต่ถึงจะต้องการในตอนนี้ผมก็ไม่มีคำตอบให้หรอกนะ... ไม่มี
ชานยอลกระชับอ้อมกอดแน่นกว่าเดิม
อบอุ่น...
“ชาน...ยอล...” ผมหันไปกอดชานยอลตอบ พร้อมกับซุกใบหน้าลงที่อกกว้างของชานยอล ก่อนจะปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา
คำพูดของชานยอลทุกคำยังอยู่ใน หัวของผม น้ำเสียงที่แสดงถึงความเหนื่อยล้า...ชานยอล คำว่าเพื่อนของชานยอลที่มีให้ผม มันมีค่าและมีความหมายมากสินะ... มากซะจน...
มันทำให้ผมยิ่งเจ็บปวด
ผมเจ็บ ... ชานยอลเองก็เจ็บ
ผมเกลียด..ความรู้สึกแบบนี้ ชักจะเกลียดคำว่ารักที่ผมเองมีให้ชานยอล... อยากจะเผามันทิ้งไปเหมือนสมุดไดอารี่ที่เคยเขียนถึงชานยอล... แต่เพราะมันทำไม่ได้ไง เพราะผมไม่อาจจะทำแบบนั้นได้เลย ..
พอเกิดความเจ็บปวดแบบนี้ น้ำตาก็ไหลออกมา
ผมกอดชานยอลเอาไว้ แน่น ก่อนจะปล่อยเสียงสะอื้นออกมาอย่างไม่แคร์อะไรอีกแล้ว... ทั้งความเจ็บปวด และความอบอุ่นของอ้อมกอดของคนที่ผมรัก มันทำให้น้ำตาของผมไหลออกมาได้ง่ายๆ
ชานยอลไม่ได้เอ่ยถามว่าผมร้องไห้ทำไม ... ชานยอลเพียงแค่ใช้มือหนาสัมผัสเบาๆที่กลุ่มผมและแผ่นหลังของผมอย่างต้องการปลอบประโลม
ขอบใจนะ.. ที่อย่างน้อยแกก็ไม่ถามว่าฉันร้องไห้ทำไม
เพราะคำตอบ...ถึงมันจะมี แต่ฉันไม่กล้าที่จะพูดมันออกไปหรอก ปาร์คชานยอล..
“ป่ะไอ้หมา เร็วๆ รีบๆเลย” เสียงทุ้มของชานยอลโวยวาย ในขณะที่ผมยังยัดแซนด์วิชไซส์พี่เบิ้มที่ชานยอลเป็นคนทำให้เป็นอาหารเช้ายัง ไม่หมด
“จะรีบไปไหนวะ” ผมกลืนแซนด์วิชลงคออย่างยากลำบากเพราะมันผ่านการเคี้ยวไปไม่ถึงห้าครั้ง ก่อนจะกรอกน้ำตามลงไป ให้รู้สึกสบายคอขึ้น
“เออเร็วเหอะน่า” ชานยอลว่าอย่างร่าเริงก่อนจะลากผมออกมาจากบ้านอย่างรวดเร็ว
ไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องเมื่อคืนอีกแล้ว .... ก็ดีแล้ว ผมไม่เอ่ย ชานยอลไม่เอ่ย... จะได้สบายใจในระดับหนึ่ง
ผมแปลกใจเล็กน้อยเมื่อจู่ๆชานยอลก็จับผมยัดเข้าเบาะหลัง แทนที่จะเป็นที่นั่งข้างคนขับ เหมือนที่ผมเคยนั่ง แต่แล้วความสงสัยของผมก็หายไป พร้อมกับรอยยิ้มของผม เมื่อเจ้าของรอยยิ้มหวานๆและใบหน้างดงาม ของเสี่ยวลู่หานเข้ามาในสายตาผม
“สวัสดี แบคฮยอน” ผมส่งยิ้มแห้งๆให้ลู่หานไปแค่นั้นจริงๆที่ผมพอจะฝืนทำได้
“นี่คิดว่านายจะไป โรงเรียนแล้วซะอีก ดีจริงๆที่รีบตื่น” ชานยอลพูดกับลู่หาน ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เหมือนไม่มีผมอยู่บนรถคันนี้ด้วย ทั้งคู่คุยกัน หัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี... เหมือนผมเป็นแค่ธาตุอากาศ
ผมทำได้แค่แกล้งหลับ ไม่อยากจะมองภาพที่ทำให้รู้สึกเหมือนมีอะไรมาปาดที่หัวใจ แต่ก็มิวายได้ยินเสียงหวานๆเละเสียงทุ้มของชานยอลที่แข่งกันหัวเราะอย่าง อารมณ์ดี
ผมอยากจะกระโดดลงไปจากรถคันนี้จริงๆ
ถ้านายรู้ว่าฉันเจ็บ นายจะไม่ทำแบบนี้ใช่ไหมชานยอล. . .
ถ้านายรู้ว่าฉันร้องไห้หนักแค่ไหนกับเรื่องนี้ นายจะทำยังไงหรอชานยอล. . .
~Hmn, aha, yea, yeah, alright~
~Hmn, aha, yea, yeah, alright~
~Say you love me, as much as I love you, yeah
But you hurt me baby ~
เสียงเพลง Die In Your Arms ของ Justin Bieber จากโทรศัพท์ของผมดังขึ้น ท่ามกลางเสียงหัวเราะของสองคนข้างหน้า เสียงจากโทรศัพท์ที่ผมลืมปิดเสียง ทำให้ผมมีตัวตนในสายตาของสองคนข้างหน้าขึ้นมาบ้างแล้วสินะ เพราะทั้งชานยอลแล้วก็ลู่หานหันมามอง
-ไอติ๋ม-
ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อ ร้อยวันพันปีโอเซฮุนที่ไม่เคยโทรหาใคร กลับโทรเข้ามาหาผมซะอย่างนั้น จะมีเรื่องอะไรหรือเปล่า
“ใครโทรมาอ่อ? ไอ้ลูกหมา” ชานยอลหันมาถามผมอย่างสงสัย
“อ่อ.. เซฮุนน่ะ ไม่รู้มันมีเรื่องอะไรรึเปล่า” ผมไม่รู้ว่าผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า เพราะทันทีที่เอ่ยชื่อเซฮุนออกมาทั้งชานยอล แล้วก็ลู่หาน เอาแต่นิ่งเงียบไปเลย
ผมอาจจะคิดมาไปเอง ... คงไม่มีอะไรหรอกเนอะ
“ว่าไง” ผมกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์อย่างรู้สึกดี พร้อมกับยิ้มบางๆที่มุมปากเพราะอย่างน้อยถ้านั่งคุยกับเซฮุนไปจนถึงโรงเรียน ก็จะได้ไม่ต้องทนเหงา ทนฟังสองคนข้างหน้าคุยกันอย่างสนุกสนาน แล้วตัวผมเป็นเหมือนธาตุอากาศ ...
(อยู่ไหนวะ มึงอ่ะ)
“แล้วทำไมวะ”
(ก็ว่าจะไปรับ ไปโรงเรียนด้วยกัน)
“อ่อ..หรอ ไม่ทันแล้วล่ะ ออกมาจากบ้านแล้ว”
(แล้วไปยังไงวะ..)
“เอ่อ...มากับไอ้หูกางไง กับไอ้หูกางแล้วก็ลู่หาน...” ชานยอลกับลู่หาน อือ ...
(อ่อ..หรอวะ เสียดายอดไปรับเลย งั้นแค่นี้ก็แล้...)
“อย่านะเว้ย.. ทำแบบนั้นไม่ได้นะเซฮุน ...” ผมพูดแทรกเข้าไปในสาย ไม่อยากให้เซฮุนวางตอนนี้ ผมไม่ชอบบรรยากาศอึดอัดที่เหมือนตัวผมเองไม่มีตัวตนแบบเมื่อกี้แล้ว ผมไม่ชอบ สองคนนั่นจะคุยอะไรก็คุยไปเลย ผมจะคุยกับเซฮุน
(คืออะไร... หมายถึงไม่ให้วางตอนนี้น่ะเหรอ..)
“อือ..แบบนั้นแหละ รู้ใจดีจริงๆ” ผมยกยิ้มอย่างพอใจ เมื่อเซฮุนเข้าใจอะไรง่ายกว่าที่คิด แถมยังชวนผมคุยจมลืมเรื่องสองคนข้างหน้าไปซะสนิท แต่เหมือนไม่ได้ยินเสียงคุยกันของสองคนข้างหน้าตั้งแต่ผมเริ่มคุยกับเซฮุน แล้วนะ
สองคนนั้นคงหมดเรื่องคุยกันแล้วล่ะมั้ง
:: Luhan ::
“นายไปห้องสมุดถูกใช่ไหมลู่หาน”
“ถูกสิชานยอล เราเคยไปมาแล้วน่า มีธุระนี่ไปทำเถอะ” ผมส่งยิ้มให้ชานยอล กับนิสัยน่ารักๆของร่างสูงที่เอาใจใส่ผมเป็นอย่างดีตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน
“โอเคๆ แล้วเจอกันตอนคาบหกเลยนะ” ชานยอลบอกแล้วรีบวิ่งไปทันที ผมไม่รู้หรอกว่าชานยอลไปไหน แต่ตลอดเวลาสามวันที่ผมเรียนอยู่ที่นี่ หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วชานยอลก็มักจะหายตัวไปแบบนี้เสมอ
ผมเดินทอดน่องไป เรื่อยๆ ในที่ที่ผมยังไม่คุ้นเคย เพื่อนก็ยังไม่ค่อยมี จะมีก็แต่ชานยอล แล้วก็เพื่อนๆของชานยอล ซึ่งก็ไม่ค่อยจะสนิทเท่าไหร่ แบคฮยอน จงอิน แล้วก็...โอเซฮุน
แอบเหงาอยู่นะที่ผมไม่ค่อยมีเพื่อนเลยในเวลาแบบนี้ เลยต้องไสตัวเองมาเดินหาห้องสมุดที่ผมไม่เคยแม้แต่อยากจะเข้าไป แบคฮยอนที่พูดน้อยไม่ค่อยคุยกับผมคงจะเพราะไม่สนิทก็ไม่อยู่ก็ขอตัวไปหลังจากกินข้าวเสร็จ จงอินที่ดูจะคุยได้บ้างก็ชอบทำหน้าง่วงๆใส่แล้วเวลาพักกลางวันทีไรก็จะไม่อยู่กินข้าวกับพวกเพื่อนๆ ส่วนเซฮุน... ตัดทิ้งไปได้เลย
ชาน ยอลเองก็ทำท่าว่าอยากอยู่เป็นเพื่อนผม แต่ธุระของชานยอลน่ะ คงสำคัญมากถึงได้ทำท่าเหมือนคนโลเล ตัดสินใจไม่ถูกอยู่อย่างนั้น ผมเลยต้องจำใจบอกให้ชานยอลไปทำธุระของตัวเอง ด้วยคำว่า ผมอยู่คนเดียวได้
“นี่...มาคุยกันหน่อยสิ” เสียงที่ผมคุ้นเคยดังขึ้น ในขณะที่ผมกำลังจะเดินผ่านมุมตึก”
“เซ...ฮุน..”
“นายทำแบบนี้ทำไมเสี่ยวลู่หาน” ผมมองเสี้ยวหน้าขาวๆของเซฮุน ที่กำลังทอดสายตาไปขางหน้า
“ทำอะไร...ฉันไม่เข้าใจเซฮุน” ผมขมวดคิ้ว และยังคงเงยหน้ามองเสี้ยวหน้าของเซฮุนอยู่ แค่หวังว่าเซฮุนจะหันมาสบตากับผมบ้างก็เท่านั้น
แค่หน้าฉันนายยังไม่อยากจะมองเหรอหรอ ... เซฮุน
“หรือนายจะบอกว่านายไม่รู้ ว่าแบคฮยอนชอบชานยอล”
“ฉัน...ไม่รู้”
“เลิกทำแบบนี้ซะ เลิกยุ่งกับชานยอล”
“........”
“ถ้านายคิดว่าการที่ นายเข้ามายุ่งกับชานยอล แล้วจะได้รับความสนใจจากฉัน นายคิดใหม่เถอะ ยังมีวิธีที่ดีกว่านี้เยอะแยะ” บางทีผมก็เกลียดรอยยิ้มของคนตรงหน้าจับใจ
รอยยิ้มของคนที่ผมอยากจะมองมากที่สุด รอยยิ้มที่ผมมองแล้วมีความสุข
แต่ตอนนี้รอยยิ้มของคนตรงหน้ามันทำให้ผม...กลัว...ไม่เข้าใจ หงุดหงิด
“เลิกยุ่งกับชานยอล ทำไมฉันต้องทำแบบนั้น ชานยอลเป็นเพื่อนฉันนะ”
“มันก็ดี ถ้านายคิดกับชานยอลแค่เพื่อน หึ” เซฮุนหันมามองผมพร้อมกับสายตาเหยียดๆ
“นายต้องการอะไรกันแน่เซฮุน หรือว่านาย....” ผมเข้าข้างตัวเองได้ใช่ไหม? ที่เซฮุนทำแบบนี้...
“หึงเหรอ? นายคิดว่าฉันหึงงั้นเหรอ? เหอะ อย่ามาเข้าข้างตัวเองไปหน่อยเลย เสี่ยวลู่หาน”
น้ำเสียงและถ้อยคำที่แสนห่างเหินแบบนั้น ... ผมไม่ชอบ
“งั้นมันอะไรเซฮุน!! นายก็บอกฉันมาสิ” ผมตะคอกใส่เซฮุนอย่างไม่อยากจะทนกับสายตาแบบนั้น แล้วไหนจะรอยยิ้มมุมปากแบบนั้น ผมไม่ชอบ..
“นายกำลังทำให้แบคฮยอนเจ็บ นายไม่รู้จริงๆหรอ”
เจ็บงั้นเหรอ? เพราะผมเหรอ? ชานยอลสินะ แบคฮยอนชอบชานยอล แล้วผมทำอะไรผิด
แล้วเกี่ยวอะไรกับเซฮุนล่ะ
“แล้วทำไมนายต้องมาเดือดร้อนแทนแบคฮยอนด้วยล่ะ เจ้าตัวเค้ายังไม่ว่าอะไรเลยที่ฉันจะสนิทกับชานยอล”
“เหอะ เพราะแบคฮยอนไม่ใช่คนแบบนายไง เสี่ยวลู่หาน คนแบบนายน่ะมัน...” เซฮุนเว้นคำหลังไว้ทำให้ผมแทบจะลงไปดิ้นด้วยความไม่พอใจ
“มันทำไมเซฮุน คนอย่างฉันมันทำไมห๊ะ โอเซฮุน!!!” ผมได้แต่กำมือของตัวเองแน่น อยากจะฟาดเข้าไปที่ใบหน้าขาวๆที่แสนจะยียวนของเซฮุนซะจริง
“ก็ไม่ทำไมอ่ะ แค่อยากจะบอกให้นายเลิกยุ่งกับชานยอลแล้วก็เลิกทำร้ายแบคฮยอนสักที”
“นายเป็นห่วงแบคฮยอนมากสินะ ทำไมหรอเซฮุน.. หรือว่านายชอบ.. ชอบแบคฮยอนอย่างงั้นเหรอ?”
“ใช่!! ฉันชอบ แล้วคนอย่างนายก็ไม่มีสิทธิ์มาทำให้แบคฮยอนเจ็บปวด”
แต่คนอย่างนาย..มีสิทธิ์ทำให้ฉันเจ็บปวดได้อย่างนั้นสินะ เซฮุนฉันถึงเจ็บกับคำพูดของนายแบบนี้
“อย่างงั้นเหรอ? นายไม่อยากให้แบคฮยอนเจ็บปวด นายทนเห็นแบคฮยอนเจ็บปวดไม่ได้สินะ...”
นายเจ็บใช่ไหมที่จะต้องเห็นแบคฮยอนเจ็บปวด...ใช่ไหมเซฮุน หึ!
“ ฉันจะไม่เลิกยุ่งกับชานยอล ฉันจะทำ... ฉันจะทำทุกทาง ทำให้บยอนแบคฮยอนเจ็บปวด”
“เดี๋ยวนายก็รู้ โอเซฮุน!!!”
TBC
★★★★
ความคิดเห็น