ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {จบเเล้วว} [★ Fic exo ★ ChanBaek]Love of a friend (ft.HH KD)

    ลำดับตอนที่ #6 : [★ Fic exo ★ ChanBaek] Ch 5 : Far Away

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.78K
      13
      13 มิ.ย. 57

     
    :) Shalunla
     


    Love of a friend

    Chapter 5:

    Far Away


    c-clown - far away

     


    솔직히 니가 내겐 너무 과분한 알아

    เชื่อสิ ฉันรู้ว่านายนั้นเหมาะกับฉันมากกว่า

    말고 다른 여자는 필요 없어 Baby

    หากไม่ใช่นาย ใครอื่นฉันก็ไม่ต้องการ

    정말 사람이 좋니

    นายชอบคนแบบนั้นงั้นเหรอ?

    남잔 사랑할 몰라

    ผู้ชายคนนั้นไม่เห็นมีทีท่าจะรักนายเลย

    옆에 사람보다 내가 어울릴 텐데

    ฉันดีกว่าผู้ชายที่อยู่ข้างๆ นายตั้งเท่าไหร่

     

     

    I don't know I I don't know

    ฉันไม่รู้....ไม่รู้แล้ว

    나도 모르겠어 이런 감정

    ฉันสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง

    I don't know I I don't know

    ฉันไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้

    내가 무슨 짓을 하는 건지

    ฉันไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรต่อไปดี

    지금 아니면 미칠지 몰라 정말

    หากคนๆนั้น ของฉันไม่ใช่นาย ฉันคงเสียสติในไม่ช้า

     

    ......

     

    아직도 너의 눈가에 다른 남자가 보이네

    แต่ในสายตานาย ไม่ว่ายังไงก็มีแค่เขาคนนั้น

    I wanna break down I wanna break down 미안해.  .  .

    ฉันอยากจะแทรกกลางระหว่างนายและเขา ขอโทษนะ . . .

     

    ★★★★

     

     

     

                “. . . .”

                “ก็คิดว่าจะปล่อยให้รอเก้อซะแล้ว ไอ้หมา” เสียงของเซฮุนทำให้ผมมองค้อนๆให้มัน

                “อะไรวะ ก็กูบอกให้รอ ก็คือให้รอ กูไม่ให้มึงเก้อหรอกน่า”

                “หึ ไม่เป็นไรหรอก นานกว่านี้กูก็เคยรอมาแล้ว ต่อให้มึงจะไปกับไอ้ยอลจริงๆ กูก็ไม่เฟลเท่าไหร่หรอก. . .”

                “มึงเป็นอะไรวะ ไอ้ฮุน . .. กูไม่เข้าใจว่ะ แต่ช่างเถอะ มีอะไรบอกกูได้นะเว้ย”

                “อือ เดี๋ยวถ้ามีแล้วจะบอกละกัน หึ”

                “จะหึทำไมวะ ไม่ได้อะไรนะเว้ย แค่กูบอกมึงเรื่องของกู ก็เกรงใจเป็นนะ” ผมส่งยิ้มให้มันอย่างรู้สึกขอบคุณ จริงๆนะ . . . ถ้าไม่ได้มันวันนี้ผมอาจจะร้องไห้ต่อหน้าชานยอลก็ได้ . . . ผมรู้ดี

                “เพื่อนกัน เกรงใจทำไมวะ ป่ะๆ ขึ้นรถๆ” มันตัดบทสนทนาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณของผม ด้วยการดันตัวผมไปติดกับประตูรถ แล้วมันก็เดินไปฝั่งคนขับ ... ไอ้บ้านี่ ผมเจ็บนะ

     

                แต่ก็นะ ตอนนี้เจ็บที่กาย . . .มันไม่ได้ครึ่งนึงกับเจ็บที่ใจเลย . . .

     

                ผมที่นั่งเงียบมาตลอดทางต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ เมื่อรถจอดที่หน้าบ้านของตัวเอง แต่ขาและมือผมกับไม่ได้รับการสั่งงานให้พาตัวเองออกไปจากรถของเซฮุน  บางทีผมน่าจะตงิดใจ ตั้งแต่วันนั้นที่เจอเสี่ยวลู่หาน ตรงประตูบ้านตรงข้าม ผมน่าจะเอะใจ ว่าบ้านของเสี่ยวลู่หานเป็นหลังนั้น บางทีผมอาจจะหาวิธีรับมือไม่ให้มาเจออะไรแบบนี้ได้ ผมละสายตาจากร่างสูงและร่างบางที่ยืนหยอกล้อกันอยู่ ร่างเล็กของเสี่ยวลู่หาน มีรอยยิ้มประดับใบหน้าสวยๆนั้นอยู่ตลอด ส่วนร่างสูงของชานยอลก็มองเสี่ยวลู่หาน ด้วยแววตาที่มีความหมาย . .. มีควาหมายมากจนผมที่นั่งอยู่ในรถยังสัมผัสได้

     

                “เจ็บ . . .” ผมพูดออกมาอย่างแผ่วเบา เมื่อมือหนาของเซฮุนบีบมือผมไว้แน่น และแรง

                “โทษที ไม่ได้ตั้งใจว่ะ” เซฮุนว่าพลางปล่อยมือผมให้เป็นอิสระ

                “ไม่เท่าไหร่หรอก  เจ็บที่ใจมากกว่า...” ผมบอกแค่นั้น ก่อนจะเบือนหน้าหนีจากภาพตรงหน้าเมื่อมือหนาของชานยอลถูกวางลงบนหัวเล็กๆของเสี่ยวลู่หาน ก่อนที่ชานยอลจะขยี้มันเบาๆ อย่างถนุถนอม . .. ทั้งๆที่ปกติ ชานยอลจะทำแบบนั้น แค่กับผม ผมเคยคิดว่ามันคือสิทธิพิเศษที่ผมได้รับจากชานยอล ... แต่วันนี้มันไม่ใช่แล้วสินะ

     

     

     

                “ลู่หานคนนั้นน่ะ...น่าปกป้องเนอะ เซฮุน”

                “.....”

                “ลู่หานน่ะ  เหมาะกับชานยอลมากไหมเซฮุน...?”

                “ลู่หาน...ลู่หานน่ะ ชานยอลชอบคนแบบเสี่ยวลู่หานสินะ เซฮุน” ผมยังคงพูด...ผมไม่ได้ต้องการคำตอบจากเซฮุน ผมแค่กำลังสับสน...ไม่รู้ แล้ว ผมไม่ได้ไม่ชอบเสี่ยวลู่หาน ผมแค่...หวงชานยอล ผมเห็นแก่ตัวไปแล้วนะ ไม่เอาแล้ว แบบนี้ไม่ชอบเลย ...ไม่เอาแบบนี้

     

     

                “ถ้าเป็นฉันนะ ถ้าตรงนั้นเป็นฉัน....”

     

     

     

     

                บรืนนน!!!!!

     

                จู่ๆรถที่ผมนั่ง รถที่เซฮุนเป็นคนขับก็ออกตัวอย่างรวดเร็วและแรง จนผมคิดว่าสองคนที่ยืนมีความสุขกันอยู่ตรงนั้นอาจจะต้องหันมามอง  ผมหันหน้าไปมองเซฮุนอย่างต้องการจะทักท้วงเพราะผมยังไม่ได้ลงเลยนะ แล้วเซฮุนจะไปไหน

     

                “อย่าถามกูก็ไม่รู้ว่าจะพามึงไปไหน ไอ้หมา... แต่กูว่ามึงต้องฟุ้งซ่านแน่เลย บอกกูก่อนสิว่าถ้าปล่อยให้มึงเข้าบ้านไปตอนนั้น มึงจะไม่รีบวิ่งเข้าห้องไปร้องไห้ แล้วกูจะกลับไปส่งมึง...”

     

                ไร้คำตอบใดใดจากปากผม ไร้คำถามที่อยู่หัว ... ว่างเปล่า ราวกับไม่ต้องการจะรับรู้อะไรอีกแล้ว ที่เซฮุนพูดมา ผมจะทำมันแบบนั้นเลย ผมจะทำแบบนั้น ผมทำได้แค่นั้นนี่ จะให้ผมทำอะไรล่ะ อยากจะเข้าไปดึงมือของชานยอล ออกมาเท่าไหร่ก็ไม่รู้หรอก แค่รู้สึกอยากเข้าไปแทรกตรงนั้น แทรกตรงกลางระหว่างชานยอลกับเสี่ยวลู่หาน ก่อนที่จะไม่มีช่องว่าง..ให้เพื่อนอย่างผมเข้าไป
     

     

     

                ครืด..ๆ

     

                รูปของชานยอลที่ชูสองนิ้วปรากฏขึ้นบนหน้าจอมือถือของผม ผมมองโทรศัพท์อยู่สักพัก ก่อนจะชั่งใจกดรับไป แอบเหลือบไปมองเซฮุนเล็กน้อย ก็พบกับสายตาที่มีความห่วงใยอยู่ ผมพยักหน้าให้เซฮุน ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู

     

                “หืม?” ผมครางในลำคอแผ่วเบา

                (ถึงบ้านรึยัง ไอ้ลูกหมา)

                “เอ่อ...ทำไมอ่ะ มีอะไรรึเปล่า...” ผมไม่รู้ว่าทำไมไม่ตอบชานยอล แต่กลับเปลี่ยนเรื่องไปแบบนั้น ...

                (ก็ตอบมาดิวะ ถึงแล้วรึยัง...)

                “คือ..ก็แล้วจะรู้ไปทำไมเล่า”

                (เอ้า ทำไมวะ เดี๋ยวนี้ถามไม่ได้เลยรึไง)

                “เออ ถ้าเป็นแบบนั้น...แล้วมันจะยังไง...วะ” ทำไมเหมือนจะทะเลาะกับชานยอลแล้วล่ะ ผมพยายามจะถอนหายใจเอาความรู้สึกแปลกๆออกมา ผมอดไม่ได้หรอก ที่จะประชดประชันชานยอล... ผมมันก็นิสัยเสียแบบนี้แหละ

     

                “เอามานี่มา” เซฮุนคว้าโทรศัพท์จากมือของผมไป พร้อมกับทำหน้าหงุดหงิด ผมไม่ได้แย่งกลับมา เพราะตอนนี้เสียงของคนที่ผมไม่ได้อยากได้ยินมากที่สุด ก็คือเสียงของปาร์คชานยอล เป็นเสียงเดียวกับเสียงที่ผมอยากจะได้ยินทุกวัน

     

                “เออ อยู่กับกูนี่แหละ มึงมีอะไรไอ้ยอล”

     

                “ไม่รู้ เอ้า ก็กูไม่รู้จริงๆนี่หว่า”

     

                “อันนี้ก็ไม่รู้ ไม่ต้องหรอกมึง อาจจะไม่กลับไปเลยก็ได้ แล้วตกลงมึงไม่มีอะไรแล้วนะ”

     

                “อะไรวะ มันไม่คุยหรอก เออๆ มันลงไปซื้อขนม แค่นี้แหละ กูจะขับรถ” ผมส่ายหัวเล็กๆกับคำโกหกของเซฮุนคนนี้ ไอ้เพื่อนคนนี้ของผมมันโกหกเก่งมาก ให้เดาไหม? มันคงจะบอกว่าผมอ่ะลงไปซื้อขนม แต่พอประโยคต่อมามันก็บอกว่ามันขับรถอยู่

     

                “ประโยคโกหกประเภทไหนวะ เซฮุน”

                “ประเภทตั้งใจให้มันรู้ว่ากูโกหกไง J” ผมไม่เข้าใจรอยยิ้มแบบนั้นของเซฮุนสักเท่าไหร่ เลยได้แต่ยักไหล่ให้ไป

                “แล้ว...ตกลงจะไปไหนวะ” ผมหันไปมองเสี้ยวหน้าของเพื่อนที่ปากเสียที่สุดเท่าที่เคยคบมา แต่ก็รู้ใจผมที่สุด ไม่รู้สิ เซฮุนน่ะ มันเข้าใจทุกคนแหละ

                “ไปไหนวะ ... ไปกินเค้กป่ะ ไม่รู้ว่ะ ไปกินเค้กเนอะ” ผมพยักหน้าไปงั้นแหละ ไม่รู้สึกยินดียินร้ายอะไร บางทีมันก็คงไม่เสียหายอะไร ถ้าจะปล่อยใจให้มันล่องลอย..ลอยไป ลอยไปในที่ที่ผมจะไม่คิดอะไรเลย

     

     

                ร้านคอฟฟี่ชอปที่เซฮุนพามา ถูกตกแต่งด้วยสีฟ้าอ่อนๆ อย่างน่ารัก ลวดลายบนที่ติดอยู่ในทุกที่ของร้านนี้ดูน่ารักไปหมด อย่างน้อยก็สร้างความรู้สึกดีของผมขึ้นมาได้บ้างล่ะนะ... เออแล้วอีกอย่าง ร้านนี้อยู่ใกล้โรงเรียนผมมากเลยนะ คือแบบ สรุปแล้วคือ เซฮุนขับรถออกจากโรงเรียน ไปบ้านผม แล้วก็ขับกลับมาแถวโรงเรียนอีกที ...รู้นะว่าบ้านมีตังอ่ะ แต่แบบทรัพยากรมันหมดได้ป่ะวะ ผมไม่เข้าใจโอเซฮุนเลยจริงๆ

     

                “เออนี่ ... ไอ้ลูกหมา มึงอ่ะ อยากจะลืมไอ้ยอล...บ้างไหมวะ” อยู่ๆ เซฮุนที่นั่งเงียบก็พูดขึ้น

                “ถามแบบนี้ทำไมวะ” ผมเผลอกัดริมฝีปากล่างแน่น ไม่กล้าสบตามองเซฮุน

                “. . . ..”

                “เอ้า... อย่าเงียบดิ ...กูยังไม่อยากลืมว่ะ เดี๋ยวอยากลืมเมื่อไหร่กูบอก เคป่ะ” ผมก้มหน้าพูด ไม่ค่อยเข้าใจหรอกน่า ว่าเซฮุนถามทำไม แต่คำถามก็แทงใจผมเป็นบ้า นั่นสิ ... เมื่อไหร่ผมจะลืม แล้วก็ต้องมีคำถามผุดขึ้นมาอีกมามายเมื่อผมคิดเรื่องนี้

     

                ทำไมผมยังไม่ลืม

                ทำไมผมยังรู้สึกแบบนี้กับเพื่อนของตัวเอง ... คำถามพวกนี้ไม่มีคำตอบ

                แล้วผมจะลืมชานยอลทำไม?? ผมจะตัดใจทำไม แต่คำถามนี้มันกลับมีคำตอบมากมายประดังประดาเข้ามาในหัวของผม มากกซะจนผมอยากจะตัดใจ

                แต่แค่คำนี้เลยจริงๆ ผมไม่กล้าตัดใจ

                ไม่กล้า ตัวผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าทำไม ...

               

     

                “เอาสั่งดิ อย่าเหม่อๆ” เซฮุนเอื้อมมือมาโยกหัวผม ให้ได้สติขึ้นมาจากห้วงความคิด

                “เอ้า อย่ามาเล่นหัวว่ะ ไอ้นี่” ผมขมวดคิ้วแล้วยู่ปากใส่เซฮุน ก่อนที่จะเอื้อมมือไปผลักหัวของเซฮุนบ้าง

                “ฮ่าๆ เออๆ ไม่เล่น...อีกสักสิบนาทีก็แล้วกันนะ”

                “งื้อออออออออออออออ” ผมเงื้อมือเตรียมจะฟาดเซฮุน แต่แค่ขู่ๆเท่านั้นแหละ เอาล่ะ เซฮุนอุตส่าห์หวังดีพาผมมาที่นี่ ผมไม่ควรมานั่งเครียดที่นี่ป่ะ ค่อยกลับไปเครียดที่บ้าน ผมรู้...ว่ายังไงผมคงจะต้องร้องไห้กับเรื่องนี้

     

                “มามะ เอารสอะไร รสถั่วไหม” ผมเกือบจะหยุดกึกกับคำพูดของเซฮุน ปากเสียจริงๆนะคนคนนี้ คิดก่อนพูดได้ป่ะวะ แต่ผมก็ต้องทำให้เป็นปกติ เพราะมไอยากเครียดให้เซฮุนเห็น

                “เตรียมพากูไปโรงพยาบาลเหอะมึงอ่ะ อะไรก็ได้ว่ะ สั่งๆมาเหอะ” ผมตัดบทก่อนจะมองสำรวจไปรอบๆร้านอีกครั้ง ไม่รู้สิแค่รู้สึกได้น่ะนะ ว่าเหมือนมีคนมองอยู่ แล้วก็เจอจริงๆ

                ผมเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามว่า มีอะไร เมื่อสายตาเรียวของผมสบเข้ากับตาคมๆ ของผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นพนักงานหรืออะไรที่นี่ เพราะเค้านั่งอยู่ในโซนพนักงาน ใบหน้าคมกับสายตาคมๆ ที่รับกับจมูกโด่งๆ ของคนตรงหน้าไม่ได้ทำให้ผมใจเต้นหรืออะไรหรอก ผมก็แค่ส่งยิ้มตอบกลับไป เมื่อเค้าส่งยิ้มมาให้ ... ไม่เหมือนกับรอยยิ้มของชานยอลที่เห็นแล้วใจพองโต ไม่มีใครเหมือน ...

     

                “ฮึ่มๆ”

                “อะไร ไอ้ฮุน” ผมเลิกคิ้วถามเมื่อเซฮุนส่งเสียงดังในลำคอ

                “ป๊าววววว แค่เห็นคนที่หว่านเสน่ห์ไปทั่วแล้วกูหมั่นไส้ ฮ่าๆ”

                “หว่านเสน่ห์บ้าบอไรล่ะ เอ้อ ไอ้นี่นิแม่ง ก็เค้ายิ้มให้กูอ่ะ จะให้กูทำหน้าหงิกๆใส่คนอื่นแบบที่มึงทำรึไง” ผมล่ะอยากจะเอาค้อนฟาดมันซะจริง ไอ้ฮุนปากหมาคนเดิมกลับมาแล้วล่ะ

     

                “เค้กที่สั่งมาแล้วครับ” บทสนทนากวนประสาทของผมและเซฮุนจบลงเมื่อพนักงานมาเสิร์ฟเค้ก ผมแอบเขม่นเซฮุนนิดหน่อยเพราะว่าพนักงานคนที่เซฮุนแซวๆผมเมื่อกี้เป็นคนเอาเค้กมาเสิร์ฟ

                “ไอ้เทา นั่งก่อนดิวะ มามาลูกเจ้าของร้านไม่ต้องทำงานก็ได้เว้ย”  ชื่อเทางั้นเหรอ เป็นลูกเจ้าของร้าน มิน่าเซฮุนถึงทำสายตาล้อเลียนผมขนาดนั้น รู้จักกันนี่เอง

     

                “นี่ไอ้แบคฮยอน รู้จักกันไว้ดิ ไอ้หมานี่ไอ้เทา เพื่อนกันสมัยอยู่จีนเว้ย”

                “เพื่อนมึงอ่อ ... ทำไมไม่เคยเห็นหน้าวะ” ผมว่าพลางสำรวจหน้าของเทาอะไรนั่น ผมไม่เคยเห็นจริงๆ

                “เออ เพื่อนกูเอง แต่มันอยู่โรงเรียนนั่นอ่ะ โรงเรียนอะไรวะ ที่มันอยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนเราอ่ะ”

                “อ่าๆ” ผมเลิกคิ้วมองเทาเล็กน้อยโรงเรียนที่อยู่ตรงข้ามโรงเรียนเรา อือ...

                “เลิกมองมันได้แล้ว มันหน้าแดงลามไปถึงหูแล้วเนี่ย” เซฮุนว่าพร้อมกับผลักหัวผม

                “เอ้า อะไรวะ ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” ผมบอกและหันไปมองหน้าจื่อเทาชัดๆ ใบหน้าของเทามีเลือดฝาดๆอยู่ แดงนิดหน่อยเท่านั้นเอง ไม่เห็นจะแดงตรงไหน แต่หูน่ะแดงมากจริงๆ ไม่ใช่เพราะผมหรอกน่า ฮ่าๆ

     

                “อ่าลืมเลย ฉันแบคฮยอนนะ บยอนแบคฮยอน ยินดีที่ได้รู้จัก” ผมส่งยิ้มพร้อมกับยื่นมือไปให้ จื่อเทายิ้มเล็กๆและยื่นมือมาจับมือผม มือเย็นชะมัดเลย

                “ฉัน ฮวางจื่อเทา...นะ”

                “พูดน้อยจัง เพื่อนไอ้ฮุนแน่อ่อ?” ผมถามติดตลกก่อนจะส่งเค้กเข้าปาก

     

                อร่อย ^_^

     

                “นี่รู้ไหมแบคฮยอน ครั้งนึงไอ่เซฮุนมันเคยกินชานมไข่มุกแล้วติดคอด้วยนะ เพราะมันเอาแต่มองผู้หญิงจนลืมไปว่าไข่มุกอยู่ในปากมันอ่ะ ฮ่าๆ”

                “จริงอ่ะ ฮ่าๆ ไอ้ฮุน ฮ่าๆ โอ้ยย นี่มีเรื่องอะไรจะเผามันอีกไหม อยู่กับฉันเนี่ยมันนิ่งมากอ่ะฮ่า” ตอนนี้ผมค้นพบแล้วล่ะว่าจื่อเทาน่ะ เป็นคนที่อารมณ์ดีอยู่ไม่น้อย คุยถูกคอซะด้วยสิ ฮ่าๆ

                “หือ พอเลยไอ้เทา ไม่หยุดนี่จะไม่พาไอ้แบคมาหาละนะ”เซฮุนทำหน้ามุ่ยๆ ก่อนจะหยิบแก้วชานมไข่มุกหัวข้อสนทนาขึ้นมาดูด ก่อจะบิดหน้าไปทางอื่น ไอ้ติ๋มเอ้ยย

                “ฮ่าๆ ไม่ต้องเลยจื่อเทา ไม่ต้องหยุด เดี๋ยวฉันมาหานายเองก็ได้ ฉันไม่ง้อหรอกเซฮุนเนี่ยฮ่าๆ”

                “เดี๋ยวเอาไว้เล่าให้ฟังตอนไม่มีไอ้ฮุนละกัน อยากนินทามันให้แบคฟังมากอ่ะ แต่มันอยู่ตรงนี้เดี๋ยวไม่เรียกว่านินทา”

                “แบบนั้นก็ได้นะจื่อเทา 5555555” ผมหัวเราะลั่นเลยล่ะ เพราะเวลานี้ไม่มีลูกค้าแล้วล่ะ ปาเข้าไปสองทุ่มกว่าแล้ว ร้านที่ควรจะปิดได้ตั้งนานแล้วยังมีคนอยู่ คือผม ไอ้ฮุน แล้วก็จื่อเทา

     

                “พอๆ ทั้งคู่เลย ป่ะไอ้หมากลับๆ”  เซฮุนยืดตัวขึ้นเต็มความสูงก่อนจะกระตุกแขนผมตามไป ผมได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆให้จื่อเทาประมาณว่าเราทำเซฮุนงอนเข้าแล้วล่ะ

                “โหอะไรวะ ฮุนนี่ กูกำลังคุยกับจื่อเทาอยู่แท้ๆนะเว้ย” ผมกระตุกมือของตัวเองเบาๆ

                “ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก ถ้ามึงไม่คุยกันเรื่องกูอ่ะ ไอ้เทาก็เหมอืนกัน เดี๋ยวกูเคลียร์ทีหลัง”

                “อือว่ะ กลับตอนนี้ก็ดีเหมอืนกัน นี่มันจะสามทุ่มละ ดีนะวันนี้แม่ไม่อยู่บ้าน ไม่งั้นโดนบ่นแน่เลยว่ะ” ผมบอกก่อนจะคาดเข็มขัดนิรภัย แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรกับเซฮุนอีกเลย ดวงตาของผมมองไปข้างนอกหน้าต่าง บรรยากาศยามค่ำคืน. . . ทำให้ผมหวนนึกไปถึงคนคนนั้นอีกแล้วสิ ได้แค่ไม่นานจริงๆสินะ สุดท้ายก็ต้องกลับมาคิดถึงชานยอลอยู่ดี แต่ก็นะ มันก็เศร้าน้อยลงน่ะนะ

     

                คิดถึงชานยอลทีไรใจมันก็โหวงๆ ความรู้สึกแปลกๆแบบนี้ ผมเกลียดมันจริงๆนะ ภาพที่เห็นชานยอลยิ้มให้ลู่หาน ภาพที่ชานยอลขยี้ผมของลู่หาน ภาพต่างๆ ภาพบ้าๆพวกนั้น ทำให้ผมต้องกัดริมฝีปากของตัวเองแน่น

               

                ไกล ...ออกไปทุกทีสินะผมกับชานยอลน่ะ

                แค่จะให้ผมกลับไปทำตัวเป็นเหมือนเดิม กับชานยอลผมยังทำไม่ได้เลย เรื่องระหว่างเราจะให้เพิ่มขึ้นไปมันคงเป็นไปไม่ได้สินะชานยอล แค่ทำให้มันเท่าเดิม ผมยังทำไม่ได้เลย ลด..ลงไปเรื่อยๆ ความสัมพันธ์ของเราจะเป็นยังไงต่อไปหรอชานยอล ...ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง แต่ผมสัมผัสได้นะ ว่าถ้าผมยังเป็นแบบนี้ มันจะไม่มีอะไรดีขึ้น มีแค่ผมที่เจ็บมากขึ้น ก็เท่านั้น แค่นั้นเอง กับการกระทำอันแสนงี่เง่าแบบนี้ของผม

     

                ผมไม่คิดจะโทษใคร ไม่โทษเสี่ยวลู่หาน ไม่โทษปาร์คชานยอล ไม่โทษใครๆ ถ้าจะโทษ คงต้องโทษตัวผมเอง ตัวผมเองที่หลงรักเพื่อนสนิของตัวเองจนถอนตัวไม่ขึ้น ทั้งๆที่ชานยอลเป็นเพื่อนที่ดีมาก แล้วผมเองก็อยากจะเป็นเพื่อนที่ดีของชานยอลเช่นกัน แต่จะให้ทำยังไง

     

                เมื่อในวันนี้ความรู้สึกที่มี ...มันเกินคำว่าเพื่อนไปไกล

                ไกล ...จนไม่สามารถกลับมาทำตัวแบบเดิมได้แล้ว

                ไกล...ออกไปทุกทีสินะ ชานยอล

                ถึงผมจะไม่ถอยออกมาจากชานยอล... เราสองคนก็ต้องไกลออกไปอยู่ดี ไกล...เพราะชานยอลตอนนี้น่ะ มีแต่เสี่ยวลู่หานเท่านั้น ...ผม...น่ะถึงอยากจะเข้าไปแทรกกลางระหว่างสองคนนั้นมากแค่ไหน ผมก็ไม่กล้าอยากจะดึงชานยอลออกมาจากเสี่ยวลู่หาน ด้วยคำว่ารักของผม ผมก็รู้ว่ามัน เป็นไปไม่ได้

     

                ผมไม่เห็นว่าเสี่ยวลู่หานจะมีท่าทีแสดงว่าชอบชานยอลตรงไหนเลย...ผมยังไม่เห็น ผมแทบจะบ้าอยู่แล้วนะ ทำไมเสี่ยวลู่หานคนนี้ทำให้ผม...หึ่ย

     

    ผมไม่รู้แล้ว ...ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้ ...

                ผมสับสนไปหมดแล้ว ทั้งๆที่ถ้าเป็นผม  เสี่ยวลู่หานที่แสนจะน่าปกป้องคนนั้น กับผมที่อยากจะดูแลชานยอลผมไม่รู้หรอก ว่าน่าปกป้องน่ะ มันเป็นยังไง ชานยอลไม่เคยมาปกป้องผม ... ไม่เคยแสดงสายตาอะไรแบบนั้นให้ผมเห็นสักครั้ง

     

                แต่ถ้าเป็นผม ถ้าผมได้ยืนอยู่ตรงนั้นข้างๆชานยอล ผมจะดูแลชานยอล...ให้ดีที่สุด

               

               

                “เห้อ....” ผมถอนหายใจอีกแล้ว

     

                เสียงเครื่องยนต์ดับลงไปแล้ว เมื่อรถที่เซฮุนเป็นคนขับ ได้ถึงจุดหมายแล้ว ก็คือหน้าบ้านของผมเอง ..

    ผมยังไม่ได้ลงไป สายตาของผมมองไปที่บ้านของเสี่ยวลู่หาน บ้านหลังนั้น ...ที่หน้าบ้านมีรถของชานยอลจอดอยู่ ...ยังไม่กลับไปอีกหรอ..

               

                “ไอ้หมา...ลงไปได้แล้ว” เซฮุนเอ่ยออกมาทำลายความเงียบ มันไม่ได้มองหน้าผม แต่ไม่รู้ว่าอะไร ทำไมผมถึงมองเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของเซฮุน ผมว่า ผมคงตาฝาดไปเองแล้วล่ะ ผมได้แต่ส่ายหัวสะบัดความคิดแปลกๆออกไป

     

     

                “อือ ... ขอบใจสำหรับวันนี้นะ เซฮุน..”

     

     

                ผมก้าวลงมาจากรถอย่างหมดแรง รถของเซฮุนค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ ... หรือเพราะผมเองที่รู้สึกว่าสิ่งรอบข้างทุกอย่างมันดูเชื่องช้า และเซื่องซึมไปหมด...

     

                ผมพ่นลมหายใจออกมาทางปากเบาๆหนึ่งครั้ง สองครั้ง...และสามครั้ง ก่อนจะยกยิ้มให้ตัวเองอีกครั้ง...สองขาเดินไปเตรียมจะเปิดประตูรั้ว แต่ผมก็ต้องเบิกตาเรียวๆของตัวเองขึ้น

     

     

     

     

                ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ ทำไม...ไม่ได้อยู่กับ.... ทำไม....

     

     

     

     

                “ชานยอล...”

     

     

    TBC

    ★★★★

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×