ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #122 : เล่ม 5.1 - ตอนที่ 63.1 - บทสนทนาในกระท่อมร้าง (3)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 845
      0
      17 มี.ค. 51

    ดูแรนดัลใช้เวลาห้าวันในการเดินทางกลับมาถึงนครมิสต์และพักรักษาตัวจนหายบาดเจ็บในระดับหนึ่ง การศึกกับเวอร์น่อนที่ผ่านมาถือว่าหนักหน่วงที่สุดในรอบยี่สิบห้าปี
    การที่ดึงเอาพลังของทายาทแห่งอาร์คาน่าออกมาเป็นการฝืนธรรมชาติของร่างกาย แม้ว่าเขาเองจะมีสายเลือดแห่งอาร์คาน่าไหลเวียนอยู่กึ่งหนึ่ง ก็มิได้หมายความว่าจะทนทานพลังเหล่านั้นได้ โครงสร้างร่างกายมนุษย์นั้นแตกต่างกันมาแต่กำเนิด เมื่อมีการปลุกพลังเพิ่มแหล่งกำเนิดเอลอีกสองแห่งเข้าไปในพริบตา เสมือนเป็นการดึง “อายุขัย” ในอนาคตมาใช้ล่วงหน้า ใช้พลังภายนอกกระตุ้นสายเลือดอาร์คาน่ากึ่งหนึ่ง จำลองแหล่งกำเนิดจากสองเป็นสี่แห่ง ผลักดันพลังงานออกมาเป็นสองเท่า ถึงขนาดที่ทำให้เส้นผมแปรเปลี่ยนสีไปเหมือนกับผู้มีสายเลือดอาร์คาน่าเต็มตัวชั่วขณะ อีกทั้งยังใช้พลังนั้นผสานกับกุญแจแห่งสวรรค์อย่างเกินตัว ส่งผลให้เขาที่เป็นถึงผู้หยั่งรู้ฟ้าดินบาดเจ็บบอบช้ำสาหัส แม้ภายนอกจะไม่ปรากฏอาการใดๆให้ผู้อื่นผิดสังเกต แต่ถ้าได้จอมแพทย์ผู้ปราชญ์เปรื่องอย่างจอมแพทย์วีมาตรวจดูอาการ จะพบว่าแหล่งกำเนิดเอลทั้งสองนั้นบอบช้ำ ส่วนที่ใช้การได้เหลือเพียงหนึ่งหรือสองส่วนจากปกติ จำต้องพักผ่อนอย่างน้อยเป็นเวลาหกเดือน และหากมิใช่ผู้ที่มีความสามารถในระดับผู้หยั่งรู้ฟ้าดินกระทำเช่นนี้ เกรงว่าร่างกายจะทำงานล้มเหลว มิอาจมีชีวิตรอดถึงปัจจุบัน
    ห้องประชุมขนาดเล็กของตึกรองรับอาคันตุกะนครมิสต์ ตั้งอยู่ด้านหลังมหาวิหารแห่งเทพทั้งหก เป็นตึกสองชั้นหลังเล็กๆที่มีพื้นที่เพียงห้าสิบตารางวาเศษ สำหรับใช้รองรับผู้มาเยือนโดยเฉพาะ ซึ่งโดยปกติแล้วจะไม่เปิดให้ผู้คนเข้าพักได้ตามสะดวก เนื่องจากเป็นสถานที่พักประจำของอัครผู้พิทักษ์นามว่าดูแรนดัล
    วันนี้ตึกรองรับอาคันตุกะกลับมีอาคันตุกะมาเยือนเสียเอง และเป็นอาคันตุกะระดับสูงเสียด้วย ดูแรนดัลนั่งสนทนาอยู่กับผู้ที่มีอิทธิพลสูงสุดในนครมิสต์ จะเป็นใครเสียได้อีกประมุขคณะปกครองวัยชรา ผู้มีนามเต็มว่าคาเทจ วอน บิลไฮม์
    “ที่แท้เรื่องราวเป็นเช่นนี้” คาเทจกล่าวด้วยเสียงอันชราภาพหลังจากการสนทนาผ่านไปเกือบชั่วโมงหนึ่ง
    ดูแรนดัลขยับแว่นตากรอบไม้อันใหม่ ที่สร้างจากไม้โอ๊คสีเข้มกว่าเดิมเล็กน้อย ภายในยังคงคุณสมบัติที่ใช้เป็นสื่อกลางในการเรียกกุญแจแห่งสวรรค์ไม่เปลี่ยนแปลง อัครผู้พิทักษ์กล่าวด้วยสีหน้าที่เป็นจริงจังว่า “ด้วยข้อตกลงที่ทำไว้กับเวอร์น่อน มิให้มันก้าวก่ายกับกิจการภายในใดๆของจักรวรรดินอร์เป็นเวลาหกเดือน และห้ามมิให้ข้ายื่นมือไปขัดขวางการกระทำใดๆของวานเตสบุตรชายมันเช่นกัน ส่งผลให้อย่างน้อยฝ่ายจักรวรรดิมิอาจกรีฑาทัพจู่โจมต่างประเทศได้ชั่วคราว แต่นั่นเป็นการเปิดโอกาสให้มันจัดการกับดินแดนภายในอาณาจักรนอร์ได้ตามใจชอบ ข้อตกลงนี้ไม่รวมไปถึงการใช้หน่วยบุคคลหน่วยเล็กๆในการแทรกแซงอำนาจการเมืองของต่างประเทศ”
    เสียงถอนหายใจของดูแรนดัลดังขึ้นครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “แต่สิ่งที่ข้าเป็นห่วงที่สุดกลับมิใช่เรื่องนี้”
    ประมุขแห่งคณะปกครองพยักหน้าเข้าใจ หรุบสายตาที่มีคิ้วขาวปกคลุมลงพร้อมกล่าวว่า “สิ่งที่เจ้ากังวลเป็นเรื่องผู้สืบทอดลัทธิฮัสการ์ใช่หรือไม่?
    ดูแรนดัลลุกขึ้นยืน สายตามองออกไปยังนอกห้องประชุมลับ ในตึกที่พักของเอลมาสเตอร์คาเทจ กล่าวว่า “ข้ามีลางสังหรณ์ว่าผู้สืบทอดลัทธิฮัสการ์ที่แท้จริงมิใช่เวอร์น่อนแต่กลับเป็นบุคคลอื่น แม้ว่ามันสามารถใช้พลังของฮัสการ์ได้จริง แต่การใช้พลังเช่นนั้นเป็นการหยิบยืมมาใช้ในระดับสาวกชั้นสูง เฉกเช่นที่เวน ซอร์โดบิดาของมันเคยกระทำได้ ซึ่งหากเปรียบกับสายเลือดแห่งอาร์คาน่า ก็จัดว่าเป็นชนชั้นเดียวกับพวกลูกครึ่งเช่นตัวข้าเท่านั้น”
    คาเทจมองบุรุษหนุ่มผมสีน้ำตาลที่เป็นวีรบุรุษแห่งนครมิสต์ตั้งแต่อายุเพียงยี่สิบสองปีผู้นี้ กล่าวว่า “เมื่อใดที่เจ้าต้องเผชิญหน้ากับเวอร์น่อนอีก หากไม่จำเป็นต้องต่อสู้แตกหักก็อย่าได้ลงมือ ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องประสบชะตากรรมเดียวกับลาวิช
    ในดวงตาของดูแรนดัลปรากฏรอยปวดร้าววูบหนึ่งแล้วจางหายไป กล่าวว่า “ท่านพี่ลาวิชได้กระทำหน้าที่ของผุ้มีสายเลือดแห่งอาร์คาน่าอย่างเต็มเปี่ยม ทั้งในฐานะของลูกครึ่งทายาทแห่งอาร์คาน่า และในฐานะของที่ปรึกษาแห่งกษัตริย์กาเรียเมื่อกาลก่อน แม้ว่าการสังหารเวนต้องแลกด้วยชีวิตก็นับว่าคุ้มอยู่ เมื่อนึกถึงประชาชนอีกหลายหมื่นคนที่อาจต้องรับเคราะห์จากอิทธิพลของเวนในตอนนั้น และอีกหลายหมื่นคนที่ตกตายไป”
    คาเทจส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “เรื่องนี้จบไปถึงยี่สิบห้าปีแล้วอย่าได้รื้อฟื้นมันขึ้นมาอีกเลย ที่ข้าเตือนเมื่อครู่เป็นเพราะความหวังดี อยากให้เจ้าคิดหน้าคิดหลังให้รอบคอบก่อนที่จะกระทำเรื่องอันใดลงไป”
    “ข้าจะจำคำสอนของท่านไว้ทุกเมื่อ” ดูแรนดัลกล่าวอย่างจริงใจ
    คาเทจจึงเปลี่ยนประเด็น ถามว่า “เรื่องของทายาทแห่งอาร์คาน่าผู้นั้นเป็นอย่างไรบ้าง?
    “เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในศาสตร์แห่งเอลมากที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบพาน สิ่งที่ไหลเวียนอยู่ในกายมิใช่แค่ความเก่งกาจที่สืบทอดส่งผ่านมาทางสายโลหิต แต่เป็นผลจากความพยายาม มุมานะและเอาใจใส่ทุกขณะจิต ก่อให้เกิดเป็นพรสวรรค์ซ้อนพรสวรรค์ขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง ข้ามั่นใจว่าหากมีการคัดเลือกตำแหน่งเอลมาสเตอร์ในอีกสามปีข้างหน้า เขาจะต้องได้รับตำแหน่งนี้อย่างไม่มีข้อคัดค้าน”
    เอลมาสเตอร์คนปัจจุบันคาเทจ ทำสีหน้าประหลาดใจกับคำยกย่องของดูแรนดัล จึงถามให้แน่ใจว่า “เจ้าหมายความว่าเด็กคนนั้นจำสำเร็จเป็นผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน ภายในระยะเวลาสามปีอย่างนั้นหรือ?
    ตำแหน่งประมุขคณะปกครองนี้มิได้ควบรวมกับตำแหน่งเอลมาสเตอร์ดั่งที่ผู้คนทั่วไปเข้าใจ เช่นเดียวกับตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งเอนเซล ที่ควบรวมตำแหน่งประธานสมาพันธ์เอลเทค ความเป็นจริงก็คือ คาเทจฝึกฝีมือจนได้ระดับผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน แล้วผ่านการคัดเลือกจนได้รับตำแหน่งเอลมาสเตอร์ก่อนที่จะขึ้นเป็นประมุข หลังจากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปพอสมควรจึงได้รับการแต่งตั้งจากประมุขคณะปกครองคนก่อน ผู้พิทักษ์ชั้นอาวุโสคาเทจในวันนั้นจึงกลายมาเป็นประมุขคณะปกครองในวันนี้ โดยที่มิได้ละตำแหน่งของเอลมาสเตอร์
    ดูแรนดัลส่ายหน้าด้วยความมั่นใจพร้อมกล่าวว่า “ท่านคาเทจประเมินต่ำเกินไปแล้ว ศิษย์ข้าผู้นี้ต้องมิใช่ผู้หยั่งรู้ดินฟ้าทั่วไป ด้วยสายโลหิตพิเศษจะหนุนเสริมส่งผลให้เขาก้าวไปถึงระดับที่เหนือกว่านั้น ซึ่งแม้แต่ข้าหรือท่านเองก็ยังไม่เคยสัมผัสมาก่อน”
     
    เสียงหัวเราะของชายชราผู้หนึ่งพลันดังขึ้น จังหวะเดียวกันกับที่พวกลูททั้งสามทะลวงสู่เบื้องนอก
                    นับว่าโชคร้ายซ้ำสองเมื่อผู้ที่อุปราชหนุ่มนั้นรู้สึกได้นั้นมิใช่พวกเขา แต่เป็นชายชราที่หัวเราะเสียงดังก้อง อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาเปิดเผยตัวทะลวงหน้าต่างออกมาแล้วก็มิอาจหยุดยั้ง เพราะผู้ที่ตามหลังคือเจ้าครองแคว้นโทเซนและชิล่ายอดฝีมือระดับวิถีแห่งฟ้าและสำนึกแห่งซัน ซึ่งในจุดนี้ยูกิใช้ไหวพริบดึงเศษผ้ามาปิดหน้าของตนเอาไว้เผยให้เห็นเพียงดวงตา มิให้อีกฝ่ายหนึ่งจดจำได้ว่าผู้ลอบฟังคือยอดหญิงยูกิ มิฉะนั้นหากฝ่ายตรงข้ามทราบได้ว่านางเป็นผู้ใด จะสามารถสืบสาวชื่อเสียงและตำแหน่งจะมีเบื้องหลัง ผลสุดท้ายจะต้องถูกตามรังควาญไปตลอด จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตกตายไป
                    ลูทมองไปเบื้องหลังเห็นว่าเหตุการณ์กำลังจะซ้ำรอยเดิม หากหนีต่อไปเช่นนี้โทเซนกับชิล่าจะต้องตามทันในไม่ช้า จึงกล่าวว่า “พวกเจ้าหนีไปก่อน ข้าจะล่อพวกมันไปอีกทางหนึ่ง”         
    ลูทที่วิ่งตามหลังอยู่ก็หักเลี้ยวไปทางขวาไม่ยอมให้สตรีทั้งสองมีเวลาขบคิด วิ่งไปยังทุ่งโล่งชักนำโทเซนกับชิล่าให้ติดตามไป ยูกิที่วิ่งเลยไปเบือนหน้ามองเขาด้วยสายตาที่แฝงความห่วงใยอยู่พักหนึ่ง คำนึงในใจว่า โปรดถนอมตัว
                    แต่แล้วเรื่องราวกลับผิดคาด เมื่อโทเซนกับชิล่าแทนที่จะติดตามเขามาทั้งคู่กลับแยกเป็นสองทาง ชิล่าติดตามสตรีทั้งสองไป ส่วนโทเซนติดตามเขามา ทำให้ลูทต้องตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์กลางครัน วิ่งหักเลี้ยวซ้ายตัดแนวต้นไม้ไปดักหลังเส้นทางที่ยูกิและรินะวิ่งผ่านไป
    การกระทำเช่นนี้ทำให้ลูทวกกลับมาตามหลังสตรีทั้งสองอีกคราหนึ่ง เวลาที่สูญเสียไปกับการวิ่งเปลี่ยนทิศทางสองรอบ ส่งผลให้โทเซนและชิล่าไล่กวดเข้ามาประชิดตัว การวิ่งหนีต่อไปจึงมิใช่ทางเลือกอีก เห็นได้ชัดว่าภายในสามหรือสี่นาทีลูทจะต้องถูกตามทัน และจากการวิ่งหันหลังให้จะเปิดโอกาสทองให้ยอดฝีมือทั้งสองจู่โจมโดยง่ายมิอาจรอดพ้นจากความตาย จึงตัดสินใจขั้นเด็ดขาด ปักหลักหันหน้าเข้าหาผู้ติดตามทั้งสอง ลองวัดฝีมือดูสักครา
    ลูทพลันหยุดลงโดยใช้ขาซ้ายเป็นจุดหมุนพลิกร่างหันกลับหลังมาเผชิญศัตรู กระชับกระบี่เขี้ยวราชสีห์ด้วยมือขวา เรียงร้อยซันทั้งร่างด้วยจิตที่สงบนิ่ง พร้อมจะบรรจุซันลงกระบี่ทุกเมื่อที่ฟันออก สองตาจับจ้องไปที่ยอดฝีมือทั้งสอง สำรวจบุคลิกค้นหาจุดอ่อนฝ่ายตรงข้าม
                    โทเซนกับชิล่าหยุดฝีเท้าลงที่เบื้องหน้าเขา คนทั้งสองล้วนมีบุคลิกคล้ายกันคือผอมสูง ดูจากอายุสมควรจะอยู่ราวสี่สิบกว่าปี โทเซนไว้ผมสีดำยาวสยาย เค้าโครงใบหน้าเหี้ยมหาญ ใส่ผ้าคาดหน้าผากเอียงลงมาปิดตาข้างหนึ่ง เผยให้เห็นดวงตาที่เหลือเพียงหนึ่งเดียว ดวงตาที่เย็นชาราวกับไร้ความรู้สึก ลำตัวสวมเกราะอ่อนที่ใช้โลหะทอเป็นเส้น ตามหัวไหล่แขนขาสวมเกราะเป็นชิ้นที่สร้างจากโลหะสีเงิน ตัดกับเสื้อผ้าสีทองที่สวมอยู่ภายใน เฉกเช่นขุนพลเอกในสนามรบ
    ส่วนชิล่าที่สูงวัยมิได้มีเค้าหน้าสวยงามเด่นชัดดั่งสตรีงามเมือง แต่มีดวงตาชั้นเดียวที่เหมือนจะมองทะลุได้ทุกสิ่งเข้าไปเค้นหาความจริงได้ตลอดเวลา นางเกล้าผมสีดำเป็นมวยเสียบปิ่นปักยึดไว้ ผิวกายและผิวหน้าปรากฏริ้วรอยแห่งกาลเวลาเพียงเล็กน้อย สวมชุดยาวสีเขียวเข้มเผยให้เห็นหัวไหล่และข้อแขนทั้งสอง รองเท้าผ้าปลายแหลมสีเดียวกับชุด แม้การแต่งกายจะแตกต่างกันออกไป แต่สิ่งหนึ่งที่ทั้งสองมีเหมือนกันก็คือ ความเป็นชาวเอนเซลและสง่าราศีการวางตัว ที่เผยให้เห็นถึงความเป็นผู้นำระดับเจ้าครองแคว้น
    เป็นชิล่าที่เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำก่อนว่า “เจ้าเป็นใคร? หากยอมตอบคำถามแต่โดยดี ข้าอาจปล่อยสตรีทั้งสองนั่นไป”
    ร้ายกาจ เพียงแค่คำพูดแรกก็จี้ถูกจุดอ่อนของลูท ชิล่าดูออกว่าเขาให้ความสำคัญกับยูกิและรินะมากกว่าตนเอง จึงใช้จุดนี้มาเป็นข้อต่อรอง หากชิล่าใช้ความตายของเขามาเป็นเครื่องข่มขู่ คงจะไม่มีผลเท่านี้
    ลูทใช้ความคิดอีกครั้ง ประโยคเมื่อครู่ที่เป็นจุดอ่อนอาจเปลี่ยนมาเป็นจุดแข็งได้เช่นกัน หากยูกิกับรินะหนีไปได้ผลจะเป็นอย่างไร? อำนาจการต่อรองจะอยู่ที่ผู้ใด? คำตอบในคำถามแรกก็คือแผนการของพวกมันจะมีช่องโหว่ขึ้นมาทันที หากเรื่องล่วงรู้ไปถึงหูประธานาธิบดีราชิต โอกาสลอบสังหารที่พวกมันสนทนากันเมื่อครู่จะลดลงไปเกินครึ่ง ส่วนคำตอบในคำถามที่สองนั้นขึ้นอยู่กับว่า ยูกิกับรินะสามารถหนีไปได้ไกลเท่าใด พวกมันมีความสามารถในการติดตามขนาดไหน มีกองกำลังอยู่เคียงข้างหรือไม่ หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดีอำนาจการต่อรองของลูทจะมีมากขึ้นในระดับหนึ่ง
    คิดได้เช่นนั้นจึงกล่าวกีลีกูลู หาทางถ่วงเวลาไปว่า “ข้าเป็นใครน่ะหรือ? ข้าจะบอกเจ้าไปด้วยเหตุใด? แต่สุนัขที่ข้าเลี้ยงไว้สองตัว ตัวผู้ชื่อโทชิ ตัวเมียชื่อเซนล่า มีลูกอยู่สองตัว ตัวพี่ชื่อลูกเต่า ตัวน้องชื่อโสโครก อาศัยอยู่ในตรอกที่สามของเมืองธอร์ ห่างจากตลาดสิบแปดก้าว ทั้งสี่ตัวมีนิสัยชอบแว้งกัดผู้เป็นนายมากที่สุด”
    ดวงตาของโทเซนทอแววอำมหิต เมื่อถูกย้อนด่าทางอ้อม จึงกล่าวว่า “สนทนากับมันไปหามีประโยชน์อันใดไม่ สังหารมันเสียตรงนี้แล้วตามไปเค้นถามสตรีสองนางนั่นจะดีกว่า”
    ชิล่ามองลูทด้วยหางตาอันเย็นชา กล่าวว่า “เจ้าคงไม่ทราบว่าแผนถ่วงเวลาระดับต่ำใช้กับพวกข้าไม่ได้ผลแม้แต่น้อย เพราะอะไรน่ะหรือ? ทางที่ดีเจ้าสัมผัสเองจะง่ายกว่าให้ข้าอธิบาย”
    ภาพชิล่าที่คมชัดในสายตาลูทกลับเลือนหายไปในพริบตา ปรากฏวูบขึ้นมาใหม่ที่ตรงหน้าบุรุษหนุ่ม ย่นระยะห่างจากยี่สิบวากลายเป็นศูนย์ไปในเสี้ยววินาที ในมือถือไว้ด้วยศาสตราอาคมธาตุลมที่แปลงเป็นรูปมีด สะบัดปาดเข้าที่คอหอยลูททันใด รวมเวลาตั้งแต่ที่นางขยับกาย จนกระทั่งปาดมีดเข้าใส่คอหอยนั้น กินเวลาเพียงการกระพริบตาสองครั้ง
    เคร้ง!
    ลูทพลิกกระบี่เขี้ยวราชสีห์ที่อยู่ในมือขวา ขึ้นมาป้องกันคอหอยตนจากคมมีดได้ทันเวลา ใช้ปลายเท้าดีดตัวไปเบื้องหลังสามวา ผละออกห่างเจ้าครองแคว้นอิซซ์ในทันใด จากการที่ซันในร่างเรียงร้อยอยู่ก่อน พอถึงวินาทีสำคัญก็บรรจุลงไปพอดี ช่วยเร่งความเร็วและปฏิกิริยาการปัดป้องเป็นสองสามเท่า ทำให้พรานหนุ่มรอดจากการคอหอยขาดได้หวุดหวิด พร้อมกับคำนึงในใจว่า เร็วเกินไปแล้ว!’
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×