ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 06 หมู่มิตร
06
เขาวางเท็กซ์บุ๊คในมือลง แล้วหลับตาพักสายตานิดหนึ่ง
ยกมือขึ้นคลึงขมับที่รู้สึกปวดหนึบๆ
ใกล้สอบกลางภาคแล้ว งานชุกเต็มไปหมดทั้งรายงานทั้งโปรเจ็ค ทั้งบทความ นี่ยังจะสอบอีก
เท่านี้ก็ไม่มีเวลาให้อย่างอื่นแล้ว รวมถึงเรื่องของหัวใจด้วย
ภาพของน้องคนนั้นลอยขึ้นมาให้เห็นลางๆในความมืดของเปลือกตา
เด็กเด๋อผมพวงมาลัยกับแว่นเนิร์ดคนนั้น ในชุดเครื่องแบบโคร่งเคร่งใหญ่กว่าตัวทั้งเสื้อทั้งกระโปรง
แต่ความที่คนคนนี้เป็นคนที่เขาสนใจ
ทุกรายละเอียดจึงแม่นอยู่ในทุกสายตาที่มอง
มือนั้นเล็กนิดเดียว ผิวเนียนนั้นออกสีเหลืองเรื่อมากกว่าขาว
ขานั้นเรียวกว่าที่คิดเมื่อเจ้าตัวเผลอรวบกระโปรงสูงกว่าเข่าก็โชว์เรียวขาเนียนๆโดยไม่รู้ตัว
ว่าจะไม่มองก็เผลอแอบมองจนได้
เขาเป็นผู้ชายนี่นะ แถมยังอยู่ในวัยเจริญพันธุ์อีกต่างหาก
ดวงตาหลังแว่นเนิร์ดนั้นสุกใสเป็นเงาล้อมด้วยขนตาหนา
ปากทรงกระจับที่ใครๆพากันไปศัลยกรรมตามๆกัน
แต่นี่เป็นทรงธรรมชาติของตัวเองโดยไม่ได้แต่งอย่างใครๆ
ใต้เสื้อผ้าโคร่งนั้นเจ้าตัวตัวเล็กเอวบางนิดเดียว น่ากอดให้เอวขาดนัก
อือม์ ตาสว่างขึ้นมาทันทีเมื่อนึกเรื่องผู้หญิงขึ้นมา
แต่ช่วงหลังจากเจอกันที่ร้านอาหารวันนั้น เจ้าของชุดโคร่งก็ดูจะหายไปจากสายตาเขา
เหยียบเท้าเข้าไปในโรงอาหารทีไร สบตาแต่ไอ้เจ้าคู่รักกำมะลอคนนั้น
มองเขาหยั่งกับจะแทงให้ตาย หวงเพื่อนดีนักนะเรา
ส่วนคนที่เขาอยากเห็นแวบไปทันทีเหมือนนกรู้ เหมือนหลบหน้า
นึกถึงแววตาเขินนิดๆทุกครั้งที่เขาแวะคุยในช่วงซ้อมร้องเพลงกว่าเดือนนั้น
ตานั้นเงาวับหน้ายิ้มบ้าง เฉยบ้าง บึ้งบ้าง
ไม่ได้แย้มยิ้มตลอดเหมือนเวลาอยู่กับหมาแมวหรือเพื่อนกลุ่มสนิท
หน้านั้นแสดงอารมณ์ได้หลากหลายน่ารักเป็นที่สุด
อา..คิดถึงจัง
อยากบอกว่าพี่คิดถึง
เดียร์คงโกรธไม่น้อย และคิดว่าเขาหลอกลวงตัวเองเมื่อเจอเอริกาเข้าไป
จริงๆเขาไม่ได้หลอกลวงใครเลย
เอริกาเป็นแค่น้องคนหนึ่งซึ่งที่บ้านหมายเอาไว้ว่ามีโอกาสเกี่ยวดองกันก็ทำไปเถอะ เพื่อการเชื่อมต่อของตระกูล
อย่าคิดว่าแนวคิดแบบนี้โบราณมันยังอยู่ในปัจจุบันตราบใดที่มีคำว่าผลประโยชน์
การเชื่อมโยงครอบครัวผ่านความสัมพันธ์หนุ่มสาวแบบนี้ไม่เคยเชย
เพียงแต่มันมาอย่างแนบเนียนด้วยการให้รู้จักกันไว้แต่เด็ก
สำหรับเขาเอริกาเป็นแค่น้องลูกเพื่อนพ่อ พอๆกับไทเกอร์น้องลูกชายอา
ถ้าไทเกอร์หรือเขาสานสัมพันธ์กับเอริกาดีๆนั่นหมายความว่า
ดีไม่ดีอาจจะต้องไปเรียนโทเมืองนอกพร้อมกันก็ได้
เดียร์เด็กใจดีคนนั้น ใจดีกับสรรพสัตว์ตกยาก รวมถึงเพื่อนชายมีปัญหาทางจิตอย่างไอ้ฟาน
ก็เพราะความใส่ใจต่อเดียร์นี่แหละทำให้เขาเป็นคนเดียวที่เฝ้าจ้องมองทุกเม็ด
จนดูออกว่าเดียร์ไม่ได้เป็นแฟนฟาน เลจึงไม่เคยแยแสข่าวที่ว่าเขาแอบชอบแฟนคนอื่น
มันเป็นแฟนกันที่ไหนเล่า เดียร์ปฏิบัติต่อฟานไม่ต่างกับหมาแมวตกยาก
ส่วนฟานก็ทำตัวเหมือนลูกหมาติดเจ้าของพันแข้งพันขาเจ้านายอยู่ตลอดเวลา
หวงเดียร์กับเขาเหมือนบางแก้วหวงเจ้านาย ไล่กัดคนที่เข้าใกล้เจ้าของมันเสมอ
หยิบโทรศัพท์มือถือมาจ้อง มีหมดแหละ ทั้งเฟซ ไลน์ เบอร์โทร
แต่ไม่เคยกล้าติดต่อไปเลยสักครั้ง กลัวตัวเองจะทำมากไปมากกว่าที่ทำอยู่ทุกวันนี้
เท่าที่เป็นอยู่นี้ก็เสียหายเสียคนไปเยอะแล้ว
ตัวเองไม่กลัวหรอก แต่ถ้าน้องต้องมาโดนข่าวบ้าๆบอบอแบบนี้
ในยุคนี้ที่คนเรายุ่งเรื่องคนอื่นมากกว่าเรื่องตัวเอง น้องอาจจะเสียหายได้
ทั้งเขาทั้งน้องเองยังอายุไม่มาก ยังมีเวลาพัฒนาความสัมพันธ์ให้มั่นคงกว่านี้
เวลาเพียงแค่เดือนกว่าไม่ควรเอามาตัดสินอนาคตที่จะอยู่ด้วยกันทั้งชีวิตไม่ใช่หรือ
ก่อนสัปดาห์สอบกลางภาคหนึ่งสัปดาห์ก็เป็นวันปิดกีฬาเฟรชชี่ภายในมหาวิทยาลัยพอดี
เดอะแก็งค์ชวนกันไปให้กำลังใจไตตั้นซึ่งลงเป็นนักบอลตัวแทนคณะฯ
และปีนี้ได้เป็นคู่ชิงกับคณะวิศวะอย่างไม่มีใครคาดคิดมาก่อน หักปากกาเซียนราบคาบ
“บอลผีผลัก”
“เวจทะเบิ้ลโกสต์”
ไตตั้นนำแล้วมากิเสริมเอาฮา ฟานนั่งสกินชิพเดียร์อยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ
ตั้งแต่จับมือโอบไหล่ถึงหอมหัว จนอีกฝ่ายเบิ๊ดเข้าให้หลายหนถึงหยุดมือ
หลังจากเปิดใจกันในวันนั้น สถานการณ์ในกลุ่มก็ดีวันดีคืน
ฟานพูดคุยกับเดอะแกงค์อย่างเป็นกันเองเกือบเท่ากับเดียร์
ขณะที่ทุกคนเข้าใจความขาดของฟานกับสัมพันธภาพเยี่ยงเพื่อนที่ฟานทุ่มเทให้กับเดียร์มากว่าคนอื่นๆ
ข้าวของเงินทองยังคงประเคนให้เดียร์อย่างสม่ำเสมอ และเผื่อแผ่มาจนถึงเดอะแก็งค์
ฟานพูดไม่เยอะแต่มีเงินและใช้เงินของเขาเพื่อแสดงความรักต่อเพื่อน
เพื่อนของฟานต่างเข้าใจเมื่อเห็นท่าทางหยิ่งยะโส
เหมือนเจ้าหอยเม่นที่แทงหนามออกมาห่อหุ้มเนื้อในอ่อนบางของมันไว้
พวกเขาไม่รู้ทั้งหมดว่าฟานเจออะไรมาบ้าง
แต่มันคงเป็นสิ่งที่ไม่น่าอภิรมย์เอาเลยและทำร้ายความรู้สึกของฟานไม่น้อย
จนเขาต้องพองหนามแหลมปกป้องตัวเองที่อ่อนแอขนาดนี้
บาดแผลนั้นเยียวยาไม่ได้ในหนึ่งวัน มันต้องการเวลานานกว่านั้น
ทุกคนพยายามไปพร้อมกับฟานเพื่อเยียวยาหัวใจบางของเขา
ฟานไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน เพื่อนกลุ่มนี้เป็นเหมือนโอเอซิสของเขา
เหมือนดอกไม้ทะเลทรายบอบบางได้น้ำชุ่มชื่นใจ
ทุกวันฟานมาคณะอย่างมีความสุขที่สุด อยากจะบอกโลกว่าเขามีความสุขมากๆ
ที่ผ่านมาเขาก็มีความสุข แต่ไม่เคยรู้ว่าการมีเพื่อนมันมีความสุขขนาดนี้
มีคนคอยยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ และปกป้องเขา เดินไปด้วยกัน สบตากัน
อยากขอบคุณน้องขาว เอม และสัญชาตญานของเขาที่ทำให้เขาเจอกับเดียร์ สุดที่รักหนึ่งเดียวคนนี้
เดียร์ที่มอบความรัก และนำพาเขาไปพบกับเดอะแก็งค์อย่างทุกวันนี้
อย่างไรก็ตามกรอบของฟานก็ยังขีดไว้แค่เดอะแก็งค์
มันยังไม่รวมไปถึงโลกภายนอกอื่นๆ คนอื่นๆในสังคม
ฟานยังคงเป็นซุปเปอร์โมเดลเริดเชิดหยิ่งคนเดิม
ฟานยังเป็นคนดังแต่ความที่ฟานไม่เคยยอมให้ตัวเองเป็นบุคคลสาธารณะ
ภาพของฟานจึงไม่เคยอยู่บนหน้าเพจหน้าเว็บได้เกินวัน
โนติสจากทนายประจำครอบครัวฟานซึ่งแสนจะตามใจลูกชายคนสวยเสมอ
จะส่งตรงไปที่ทำการเพจนั้นๆทันที แม้แต่หน้าเพจของคณะหรือมหาวิทยาลัยก็ไม่เว้น
ฟานทำสีผมใหม่เป็นสีควันบุหรี่ นั่นส่งเสริมความงามของฟานขึ้นไปอีก
ฟานดูเปล่งประกายสุกสว่างไปจนแสบตาคนดู
พร้อมกับหน้าขาวปากแดงและผมสีอ่อนของเขา
ฟานรู้ตัวว่าหน้าตาดีและไม่เคยคิดจะปิดบัง
“หล่อก็ยอมรับสิว่าหล่อ จะต้องปิดบังไปทำไม”
เขามองตาเดียร์
“ผมไม่มีอะไรปิดบัง”
เดียร์เมินหน้า รู้แก่ใจว่าโดนว่ากระทบ
“มันเป็นความไม่เคารพตัวเองอย่างที่สุด”
ฟานประกาศ
“ทำไมคนเราถึงไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นอย่างที่เป็น การตกแต่งมันจะผิดเพี้ยนไม่ว่าด้านบวกหรือด้านลบ ไม่ว่าให้สวยเกินจริง หรือน่าเกลียดเกินจริง ก็เป็นความไม่จริงทั้งนั้น หลอกลวงทั้งนั้น หลอกใครไม่ว่าหลอกตัวเองนี่แหละแย่ที่สุด”
“มันอาจจะกลับกันก็ได้นะ มันเป็นวิธีการเคารพภายในอย่างที่สุดต่างหาก ไม่ว่าภายนอกจะเป็นยังไง ลวงตายังไงที่สำคัญที่สุดก็คือภายในไม่ใช่หรือ ความเป็นมนุษย์ไม่ได้อยู่ที่ผัสสะลวงตาแต่อยู่ที่การกระทำของเขาต่างหาก”
เดียร์เถียง
ฟานโต้กลับ
“คนทุกคนไม่ได้ตาบอดทุกคน ผัสสะอาจจะลวง แต่มันก็เป็นจริงในส่วนของมัน การปฏิเสธภาชนะว่าไม่มีจริง ก็เท่ากับว่ามันบรรจุของใช้ไว้ไม่ได้เช่นกัน จานข้าวก็เป็นจริงทั้งจานและข้าวไปพร้อมกันนะ ไม่ใช่แต่ข้าวที่เป็นจริง”
“พอเถิ๊ดดดด”
เดอะแกงค์เรียกร้อง
“พ่อคุณแม่คุณนักปรัชญา ข้าน้อยหิวข้าวกันแล้ว ไปหาอะไรกระแทกปากกันเถอะ หยุดเรื่องความจริงความงามอะไรพวกนี้ได้แล้ว หิวแล้ว”
ยกเว้นเรื่องนี้แล้ว ฟานไม่เคยขัดใจขัดคออะไรเดียร์เลยสักอย่าง
ทุกอย่างของเดียร์ดีไปหมดสำหรับฟาน
แต่เขาขัดใจที่สุดเรื่องที่เดียร์พยายามแสดงตัวเป็นคนขี้เหร่เหมือนนางเอกละครปลอมตัว
ทั้งที่ตัวเองสวยเจิดออกอย่างนั้น
“ตลกน่ะ เหมือนนางเอกต้องปลอมตัว เหมือนพระสังข์กับรจนาอะไรแบบนั้น”
“ช่างเดียร์เหอะฟาน เดียร์ไม่ได้เสแสร้งขนาดนั้น เดียร์เป็นแบบนี้ตั้งแต่มอปลายแล้ว”
ทุกคนจึงจำภาพและเข้าใจว่านี่เป็นเดียร์มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว
หล่อนเองก็สาสมใจกับการแปลงกายนี้มาตลอด
“มันมีประโยชน์มากนะ เดียร์เข้าไปหาใครก็ได้ ไม่เคยมีใครมองในแง่ลบ คนขี้เหร่อยู่กับใครก็ไม่เสียหาย ใครก็กล้าคุยด้วย อย่างฟานน่ะ ถ้ามีใครสักคนเข้ามาคุยแม้แต่ฟานเองก็คิดใช่ไหมล่ะว่าเขาเข้ามาแล้วต้องคิดกับฟาน หรือฟานเดินเข้าไปหาใคร ก็ต้องมีคนจับจ้องมองว่าฟานอยากได้อะไร ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องชู้สาวไปหมด นั่นไม่น่าเบื่อไม่น่ารำคาญเหรอ”
นั่นก็จริง หน้าตาดีมันควบคู่ไปกับคำครหาเสมอ ฟานรู้ดีกว่าใคร
“เราสองคนนี่มันตรงข้ามกันจริงๆเลยนะ ผมนี่อินโทรเวิร์ทผู้เปิดเผยความงาม แต่เดียร์คือเอ็กซโทรเวิร์ทผู้ปกปิดความงาม ต่างก็มีปัญหากันไปคนละแบบ”
เดียร์อมยิ้ม กับบทสรุปของฟาน
“โอ๊ะ หลบไม่ทันแล้วล่ะ มีบางคนเดินมาพร้อมประกายในดวงตา”
ฟานแซว เมือเห็นหนุ่มขาวยาวเพรียวนายหนึ่งเดินมาด้านหลังเดียร์ในระยะประชิด
“สวัสดีครับฟาน สวัสดีครับเดียร์”
อารมณ์หวงเพื่อนเริ่มพลุ่งพล่าน
ฟานโอบไหล่เดียร์ขณะที่อีกฝ่ายสะดุ้งตีมือเผียะ จึงชักมือกลับทำหน้าแหยๆ
“ครับ”
เปิดโหมดกลัวดอกพิกุลร่วง จะว่าไม่ทักแต่น้ำใจเลวันมีเรื่องก็ยังติดค้างอยู่
“เดียร์ไม่สนใจทักพี่มั่งเลยนะครับ”
เดียร์เงยหน้าขึ้นสบตาแล้วก็เมิน
“- ดีค่ะ”
อีกฝ่ายถือวิสาสะนั่งร่วมโต๊ะ ขณะที่เดียร์นั่งคอแข็งเชิดคางเกือบเหมือนฟาน
“ติวสอบกลางภาคกันอยู่เหรอครับ”
เงียบ แต่เลไม่ละความพยายาม
“แล้วนี่จะไปเชียร์บอลวันนี้กันไหมครับ ไตตั้นลงด้วยนี่ใช่ไหม”
พูดถึงไตตั้นทำไม พูดเรื่องคนขี้หลอกลวงดีกว่าไหม
“ถ้าไปแล้วเจอกัน พี่นั่งด้วยคนได้ไหมครับ”
ที่สาธารณะอยากนั่งก็นั่งสิ นั่งกับอักษรโน่นสิไม่ดีกว่าเหรอ
“ว้า ไม่มีคนคุยด้วยเลย งั้นพี่ล่วงหน้าไปก่อนดีกว่านะครับ”
ง่ะ ไม่พูดต่ออีกสักหน่อยเหรอ จะไปจริงๆง่ะ
“ก็..”
เดียร์อดไม่ได้
“ เดี๋ยวก็ว่าจะไปเหมือนกันค่ะ”
อ๊า อยากตีปากตัวเอง ไปพูดกับเขาทำไมเนี่ย หยุดเดี๋ยวนี้นะอุณาโลม
“เดี๋ยวพี่ซื้อน้ำซื้อหนมไปนั่งรอ แล้วเจอกันนะครับ”
เลขยับลุกเดินไปชวนเพื่อนที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกัน
ฟานหันไปมองจ้องเดียร์เขม็ง
“ผมรู้สึกได้ว่า เขารู้ว่าเราไม่ได้เป็นแฟนกัน”
“ก็เราก็ไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆสักหน่อย”
“ผมรู้ แต่โลกและทุกคนรู้แบบนั้น แล้วเขารู้ได้ไงว่าเราไม่ใช่ คนอะไรจะกล้ามาเต๊าะแฟนคนอื่นต่อหน้าแฟนเขาแบบนี้”
สีหน้าฟานบอกว่าไม่พอใจ ฟานเป็นเจ้าของเดียร์นะ
ใครในโลกก็ไม่ควรมาแย่งเวลาของเดียร์ไปจากเขาสิ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น