ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Androgyny - หัวใจไร้สถานะ [ Yaoi ] -END-

    ลำดับตอนที่ #5 : 05 เพราะคุณหน้าตาดี

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.17K
      112
      11 ม.ค. 62

    05


    ไม่รู้ว่าต้องสูญเสียกันไปอีกเท่าไหร่ กว่าพวกหน้าห้องน้ำชายจะได้ยิน แล้ววิ่งเข้ามาช่วยแยกคู่กรณี 
    ชีกี๊ฟยืนเตี้ยเพราะส้นสูงหัก กอดอกหน้าคว่ำหัวฟูไม่เป็นทรง แก้มบวมตาปิด 
    ไอ้สมุนรับใช้สองตัวที่จับแขนฟานสภาพกระเซิง 
    พอๆกันกับมากิและไตตั้นที่สูทขาดเป้าแตกเพราะใส่ทรงเดฟมาเตะต่อย 
    สภาพดีที่สุดคือสามสาว ที่แค่เจ็บมือที่ตบหน้ากี๊ฟ 
    ส่วนฟานหน้าช้ำปากแตก สูทขาดเพราะแรงต่อสู้กับสมุนก่อนถูกจับตัวไว้ได้ทั้งที่เป็นศิลปะป้องกันตัว 
    เหตุเพราะเมาเครื่องดื่มแล้วดันมาหาที่อ้วก เลยเจอกลุ่มกี๊ฟที่ดักรอล้างแค้นอยู่ก่อน

    พี่ปลานายกสโมสรนิสิตของคณะยืนกอดอกที่เหลือเป็นกรรมการสโม5-6 คน 
    หนึ่งในนั้นคือพี่เลยืนทำหน้าขรึมกอดอกมองมาที่เดียร์ ส่วนไทยมุงก็อีกราวๆ5-6คน
    “บุกมาทำร้ายคนคณะพี่ถึงในคณะ กล้ามากเลยนะครับกี๊ฟ” 
    กี๊ฟเชิดหน้าไม่ตอบ

    “ทุเรศว่ะ หน้าด้าน”
    หญิงเมย์ว่า
    “ผู้ชายเขาไม่เอาแล้วแค้นงั้นเหรอ” 
    เก๋ด่าเข้าให้ นางกัดปากกัดฟันไม่ตอบเก๋ แต่เมินไปมองเสาที่จอดรถ
    “นึกว่าถ่อยแล้วสวย ถ่อยแล้วเท่ว่างั้น” 
    มากิเสริม ปรกติเขาไม่ด่าผู้หญิงแต่เห็นสภาพฟานแล้วสงสารจับใจ

    “จะเอายังไงก็ว่ามา ไม่เอายังไงก็จะกลับ” กี๊ฟเปรย
    พี่ปลามองมาที่ฟานซึ่งมีเดียร์ประคองกุมมืออยู่
    “ถามผู้เสียหายดีกว่า ฟานว่าไงครับ
    “ไม่ ไม่..ไม่แจ้งความ”
    ฟานตอบแบบใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เนื้อตัวยังสั่นระริก 
    ดูขวัญผวาเกินกว่าเหมือนแค่ชายขี้ขลาดคนหนึ่ง เดียร์ลูบหลังลูบไหล่  
    พี่เลเดินเข้ามาใกล้แล้วถามเบาๆ
    “ให้พี่ช่วยจัดการให้ไหม” 
    ฟานสบตาเดียร์แล้วพยักหน้า

    “เอางี้ไหม เมื่อฟานไม่อยากแจ้งความก็ไม่ต้อง อีกอย่างถ้าแจ้งความเป็นคดีอาญาเรื่องมันก็ใหญ่ ใหญ่มาก คนบางคนอาจจะเสียอนาคต ทางผู้เสียหายเองต้องวุ่นวายเป็นคดีความ” 
    ว่ากระทบกี๊ฟ
    “แต่จะให้ไม่ทำอะไรเป็นหลักเป็นฐานคงไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าคราวหน้ายังจะมีอีกไหม ผมว่าพี่ปลาช่วยพาคู่กรณีไปโรงพักลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานก็พอ ส่วนค่ารักษาพยาบาลทางฝั่งโน้นก็รับผิดชอบไป”

    ไม่มีใครเห็นเป็นอื่น จึงพากันยกขโยงไปโรงพัก 
    โดยสองสาวถ่ายสภาพยับเยินของทุกคนไว้เป็นหลักฐาน 
    ใจจริงอยากถ่ายกี๊ฟไว้ด้วย อยากจะเอาไปโพสต์แหกนางให้สะใจจริงๆ

    หลังเสร็จเรื่องที่โรงพักบ๊ายบายพี่ปลาและสโมแมนแล้ว ฟานไม่อยากหอบหน้าเยินๆกลับบ้าน 
    พลพรรคที่ต่างก็เหน็ดเหนื่อยเลยพากันหอบร่างไปกินข้าวต้มปลาในสภาพกระเซิงๆ 
    ก่อนแวะเซเว่นซื้อน้ำซื้อหนมและเครื่องเดื่ม จากนั้นก็โบกแท็กซี่กลับไปที่ห้องสูทเดิมที่จองไว้ 
    มาถึงห้องก็พอดีเที่ยงคืน ห้องมีสองห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่นสองห้องน้ำ 
    สองหนุ่มยึดห้องนั่งเล่น ยกห้องนอนให้สามสาวและฟาน 
    ต่างพากันอาบน้ำอาบท่าเปิดขนมดูทีวีด้วยกัน ไตตั้นเอาเสื้อยืดกางเกงบอลที่มีให้ฟานยืมใส่ 
    ส่วนเดียร์เอาผ้าขนหนูห่อน้ำแข็งประคบหน้าตรงแก้มช้ำให้ฟาน สงสารเพื่อนสุดหัวใจ 
    ฟานยังดูเหวอๆใจลอยอยู่ ทั้งหกนั่งดูทีวีด้วยกันสักพักหนึ่ง 
    ฟานนั่งที่พื้นแทบเท้าเดียร์โดยมีเดียร์นั่งลูบผมฟานไปมา

    “ขอบใจนะทุกคน” 
    ฟานเอ่ย ตาเศร้าๆ
    “ถ้าไม่ได้ทุกคน ผมคงแย่แน่ๆเลย”
    “กลัวไหม” 
    เดียร์ก้มถามอย่างอ่อนโยน
    “มาก” 
    เขาถอนใจ 
    “ไม่ว่าเจอมากี่ครั้งก็ไม่เคยชินได้เลย เดียร์บอกผมว่าแคร์สังคม แคร์คน แต่อย่างผมที่เจอคนแบบนี้มาตลอดเวลาก็อยากถามเหมือนกันว่า แล้วผมควรแคร์คนแบบนี้หรือ”

    ฟานเสยผม แม้ในความเศร้าท่วงท่าก็ยังงาม
    ทุกคนเงียบนั่งมองฟาน

    “นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ ผมจำไม่ได้ สิทธิของผมในการใช้ชีวิตทำไมมันถึงต้องโดนคนละเมิดอยู่เรื่อย ทำไมคนอื่นอยากคุยกับใครก็ได้ ไม่อยากคุยกับใครก็ได้  แต่เมื่อเป็นผม ผมกลับเลือกไม่ได้ ผมต้องตามใจคนอื่นเสมอเหรอถึงจะถูกต้องถูกใจทุกคน ทำไมทุกคนต้องเรียกร้องเอาอะไรจากผม ผมไม่มีสิทธิไม่ให้ใช่ไหม”

    “รู้สึกยังไง ที่ไม่มีอะไรเป็นส่วนตัว การเอาช้อนเข้าปากเวลากินข้าวยังโดนจ้อง รู้แม้กระทั่งไฝผมอยู่ตรงไหน ไม่มีความลับ แม้แต่เวลายืนเยี่ยวยังมีคนชะโงกมามองเกือบทุกครั้ง” 
    ไตตั้นกับมากิมีสีหน้าซึ้งอย่างเห็นได้ชัด

    “เวลาอยู่ในห้องเรียนแล้วคุณพยายามแทบตายเพื่อให้ได้เกรดดีๆ พอเกรดดีๆออกมาคุณภูมิใจได้ใช่ไหมว่าคุณพยายาม แต่เกรดดีสำหรับผมแปลว่าคุณครูโปรดปราน ไม่เคยเลยที่มันจะแปลว่าผมเก่งเพราะผมพยายาม”

    “บางครั้งบางคนเรียกร้องเอาจากผมมากกว่าที่กี๊ฟทำอีก มันเลวร้ายมากนะ นึกถึงสิคุณเบียดใครในรถเมล์ยังรู้สึกไม่ชอบใจ แล้วการโดนสัมผัสจากคนที่เราขยะแขยงมันชวนอ้วกขนาดไหน อ้วกแบบขมแสบคอเพราะน้ำดีมันออก ทำไม..ผมไม่เข้าใจการที่คนเราอยากได้ร่างกายคนอื่นมาเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะในตอนที่ผมเด็กกว่านี้ ปกป้องตัวเองไม่ได้ ต่อสู้ไม่ได้ มันฉิวเฉียดหลายครั้งจนผมต้องไปเรียนป้องกันตัว เพราะไม่มีใครช่วยผมได้หรอกในเวลาคับขัน มีแต่ผมกับสติเท่านั้นเองที่จะทำให้ผมรอด ”

    “คนที่อยู่ใกล้ผม ต้องเจอกับเรื่องเดือดร้อนเสมอ ทำไมกัน ผมไม่มีสิทธิคบใครที่ผมต้องการเลยเหรอ ผมอยากมีเพื่อนนะ แต่ใครจะทนรับไหวเมื่อต้องเจอใครก็ไม่รู้เข้ามาระรานเมื่อมาคบกับผม ที่ผมจัดการแทนเดียร์เพราะนั่นมันไม่ใช่เรื่องของเดียร์ แต่เป็นเรื่องของผม คนพวกนี้บ่อนทำลายชีวิตผม ล้ำเส้นผมวุ่นวายอาณาเขตของผม มันเป็นใครมาจากไหนกันวะ ถึงมีสิทธิมากำหนดชีวิตว่าใครจะต้องคบกับใคร”

    “บอกว่าผมหน้าตาดีให้ไปเป็นดารา จะบ้าหรือเปล่า ทุกวันนี้ผมยังเดือดร้อนไม่พอหรือไง การเป็นดาราเท่ากับผมเซ็นสัญญาว่าใครก็ละเมิดชีวิตผมได้ นั่นมันแย่กว่าที่ว่าแย่แล้วในตอนนี้อีกนะ ผมไม่อยากฝืนใจตัวเองให้ต้องยิ้ม หัวเราะให้คนที่ผมไม่พอใจ เห็นใจผมบ้างสิวะ ผมไม่ได้อยากเป็นคนของประชาชน ผมอยากเป็นตัวของผมเอง มีเพื่อนเยอะไปทำไม ผมอยากได้เพื่อนที่รู้จักผมสักคนก็พอแล้ว”

    อ้าว แล้วพวกกูล่ะ

    “แต่คืนนี้ ผมรู้สึกดีมากๆเลย ขอบคุณนะ ที่เห็นผมเป็นเพื่อน ขอบคุณนะ ที่ทำให้ผมรู้สึกว่ามีคนปกป้องผม ขอบคุณนะ...” 
    น้ำตาเม็ดกลมๆสวยๆ กลิ้งลงจากดวงตาแดงก่ำ ที่มองไปรอบๆมองหน้าทุกคนรอบตัว 
    หญิงเมย์กับเก๋สะอื้นเบาๆเหมือนดูตอนจบตำนานรักดอกเหมย

    “เราขอโทษนะฟาน” 
    เก๋เสียงสั่น 
    “ เราเคยคิดว่านายมันก็แค่คนหน้าตาดี หยิ่งยะโส ดูถูกคน เรามันแคบว่ะ ขอโทษที่ด่วนตัดสินนายทั้งที่เราไม่รู้อะไรเลย” 
    นั่นเป็นความคิดเดียวกันเหมือนกันกับของคนที่เหลือ เว้นแต่เดียร์คนเดียว
    “เราเป็นเพื่อนกันไง แล้วก็จะเป็นตลอดไปด้วย” 
    เดียร์พูดเสียงนิ่ม

    “สรุปว่า ฟาน มึงมันเป็นอินโทรเวิร์ทที่หน้าตาดีเกินไป จนมันมีปัญหานั่นเอง” 
    ไตตั้นสรุป จะว่าง่ายไปก็ใช่ แต่จริงๆมันก็ง่ายๆแค่นั้นนั่นแหละ 
    นั่งเล่นคุยหยอกกันไปมาสักพักฟานเรียกให้สองหนุ่มเข้าไปนอนดีๆในห้องด้วย 
    ด้วยความสงสารจิตใจที่กำลังเปราะบางของฟาน อีกสองคนเลยไม่ปฏิเสธ 
    สรุปก็นอนห้องละสามคนแยกหญิงชายกันไป

    ตื่นมาเป็นเช้าวันอาทิตย์เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเหมือนราวกับฝันไป 
    ฟานนั่งใส่เสื้อยืดย้วยยานของไตตั้นโชว์ผิวอกขาวสวย กับแก้มช้ำๆ นั่งดูทีวี รออาบน้ำ 
    พวกผู้หญิงอาบน้ำเสร็จแล้ว ออกมาชงกาแฟกิน
     แต่หันมาเห็นหน้าบวมปูดของห้องผู้ชายแล้วก็พากันหัวเราะได้ เหมือนเป็นเรื่องตลกๆที่ผ่านมา

    “ไปหาข้าวกินกันมั้ย” 
    เป็นครั้งแรกที่ฟานเรียกร้องกับเดอะแก็งค์
    “เขากับหญิงเมย์มีนัดกับที่บ้านแล้วอ่ะ”เก๋ว่า
    “ไปดิ๊”
    ไตตั้นกับมากิสนอง ส่วนเดียร์นั้นชิวๆไปได้อยู่แล้ว

    ทั้งสี่คนไปรถฟานที่ขับด้วยท่าทางร่าเริงกว่าปรกติ 
    เดียร์นั่งหน้าข้างคนขับเหมือนเคย
    ทำหน้าที่ดีเจเลือกเพลงจากจอทูดินและจากเสียงเรียกร้องของสองหนุ่มข้างหลัง 
    ร้านที่จะไปทุกคนตามใจพ่อคนอ่อนแอใจบาง อยากกินร้านไหนก็ได้ตามใจ 
    ฟานเลือกร้านกุ้งเผาริมน้ำพร้อมบังคับเสร็จสรรพว่าวันนี้ขอเป็นเจ้ามือ 
    ทุกคนเข้าใจดีว่านั่นเป็นเพราะฟานเลือกร้านแพงตามใจตัวเอง แล้วเกรงใจว่าเพื่อนจะไม่มีตังค์จ่าย 
    แต่ก็คร้านจะเถียง อยากเลี้ยงนักเลี้ยงได้ก็เลี้ยงไป

    ถึงร้านก็สิบเอ็ดโมงเศษ ฟานจอดรถเทียบกับรถตู้แวนยุโรปสีบรอนซ์ซึ่งกำลังเปิดประตูลงมากันพอดี

    “อ๊ะ พี่เล พี่เก้อ” 
    ไตตั้นอุทาน ลงจากรถไปทักทายกัน 
    มีคนบางคนเงียบส่งสายตาฆ่าฟันไปหาไทเกอร์เงียบๆ 
    ส่วนที่เหลือต่างเดินเข้าไปทักทายกันดิบดี

    “มากับที่บ้านเหรอคะพี่” เดียร์ทัก
    “ครับ”
    ไทเกอร์รับคำ มองแรงกลับไปที่คนขับรถคันนั้นบ้าง 
    ส่วนเล ดูจะอึกอักติดขัดนิดหน่อย แต่ก็พยักหน้ารับ 
    มาสิ้นสงสัยเอาเมื่อมีคนรูปร่างเล็กบางผมยาวในกางเกงขาสั้นสีหวาน เสื้อลูกไม้สีครีม
    เดินลงมาจากรถมายืนยิ้มอยู่ข้างๆเลโอ แล้วเอียงคอสะกิดถามยิกๆ

    “ใครอ่ะคะ เล”
    “น้องที่คณะจ้ะ น้องๆนี่พี่ริกาครับ อยู่อักษรมอเรา”

    เดียร์ยิ้มแย้มทักทายตามปรกติ แต่รู้สึกอะไรจิ๊ดๆที่ใจอย่างบอกไม่ถูก 
    อือม์ มากับที่บ้านแล้วด้วย 
    อือม์ แล้วที่ผ่านมาเทียวมาทักมาวอแวกันในหนึ่งเดือนนั้นฉันคิดอะไรไปเองหรา 
    ไม่มีใครตรงนั้นมองลึกได้ถึงภายในใจดวงน้อยที่กำลังอลหม่านว้าวุ่น 
    นอกจากหน้าเนิร์ดที่ยิ้มแย้มเป็นปรกติ
    พี่เลเล่าสถานการณ์ของงานเลี้ยงให้ฟังว่า เป็นไปด้วยดีจนจบงาน 
    ดาวคณะสรุปก็คืออิงค์คนงามตามคาด ส่วนเดือนได้แก่น้ำมนต์หนุ่มอบอุ่น 

    อาหารวันนั้นอร่อยสมกับที่ฟานผู้รสนิยมวิไลนำเสนอ 
    อร่อยจนทุกคนออกปากว่า จะต้องพาพ่อกับแม่มากินให้ได้ 
    เดียร์แอบส่องไปที่โต๊ะไกลๆ เห็นกลุ่มคนที่มากับรถตู้หัวเราะหัวใคร่กันเสียงดัง 
    โต๊ะนั้นมีผู้ใหญ่เป็นคนแก่ๆมาสองคนท่าจะเป็นพ่อแม่พี่เก้อ 
    บ้านนี้นั่งฟากหนึ่ง ส่วนเอริกานั้นนั่งข้างเลโอทำท่าทางเอาอกเอาใจ 
    เห็นแล้วอยากจะร้องแหมให้ถึงดาวอังคาร แต่แล้วก็ตัดใจเลิกส่องดีกว่า เราหนอเรา 
    อิ่มแปล้ด้วยฝีมือฟานที่นั่งแกะกุ้งเอาอกเอาใจเดียร์อยู่ข้างๆ ห้ามก็ไม่ฟัง 
    ว่าก็ว่าเถอะฟานสปอยล์เดียร์มาตลอดเวลาที่คบกัน 
    จนพวกเดอะแกงค์ล้อว่าฟานเป็นเมียเดียร์กันหมดแล้ว

    เมื่อส่งไตตั้นกับมากิขึ้นรถไฟฟ้าแล้ว ฟานก็บึ่งรถกลับบ้าน 
    เดียร์นั่งนิ่งในรถ อดใจลอยคิดถึงภาพคนตัวเล็ก กับคนตัวใหญ่ขาวสูงที่เจอเมื่อครู่ 
    ก็หยั่งกับคู่รักดาราเกาหลี สมกันจริงๆเนาะ 
    แวบหนึ่งก็อดอยากเป็นสาวตัวเล็กกับเขามั่งไม่ได้ นี่สูงปาเข้าไป 167 
    แถมเชยก็เชย เพิ้งก็เพิ้ง ใครเขาจะมาสนใจกัน 
    แต่แล้วก็รู้สึกตัวแอบโกรธตัวเองขึ้นมานิดๆ 
    บ้าจริงๆ เป็นตัวเองแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว หน้าตาแบบนี้ก็เลือกแบบนี้เอง 

    ถ้าใครสักคนจะเลือกเราเพราะเราสวยกว่าอีกคน เราจะดีใจจริงๆเหรอ 
    เราจะชอบคนที่เลือกคนจากหน้าตาจริงๆเหรอ 
    นั่งคิดสับสนอลหม่านจนไม่ได้สนใจฟาน

    “เดียร์!” 
    ฟานหันมามองหน้าคิ้วขมวดเล็กๆ
    “หา อะไร” 
    “คิดเรื่องพี่เลอยู่ล่ะสิ” 
    ดักคอขึ้นมาไม่สงสารเพื่อนบ้างเลย
    “ก็..นิดนึง” 
    เดียร์โกหกไม่เป็น
    “ไม่ต้องคิดถึงมัน คนเลว เผื่อเลือกแบบนี้ คบไปช้ำใจตาย”
    “บ้า คบอะไร พูดเยอะเกินไปแล้วนะฟาน” 
    เอ็ดเพื่อนเบาๆ

    “อยากให้มันเลือกเดียร์ ก็แค่กลับไปเป็นตัวเอง เท่านี้ผู้ชายโง่ๆก็กรานเข้ามาแทบเท้าแล้ว”
    เดียร์สะอึก ฟานรู้อะไร
    “พูดอะไรไม่น่าฟัง”
    “ผมมีปมเรื่องหน้าตา ผมก็รู้ตัวและยอมรับมันนะเดียร์ แต่คนบางคนมีปมแล้วไม่ยอมรับมัน คนๆนั้นแย่กว่าผมอีกนะผมว่า”

    หนาวๆร้อนๆขึ้นมา ไม่อยากเถียงกับฟานให้เข้าตัว 
    เดียร์หันไปยุ่งกับวิทยุทูดินแทน อีกฝ่ายปรายตามองแล้วอมยิ้มเอื้อมมือมาจับคางเดียร์สั่นเบาๆ 
    พอถึงบ้านเดียร์ก็ลงไปโดยไม่ลา พอเข้าไปถึงห้องส่วนตัว 
    เดียร์ก็ทรุดลงนั่งมองกระจกส่องหน้าอย่างเผลอไผล

    เดียร์ปลดแว่นเนิร์ดกรอบดำอันใหญ่นั้นลง 
    เอื้อมมือไปหยิบยางรัดผมมารัดผมพวงมาลัยปรกหน้าปรกตานั้นขึ้น 
    ภาพตรงหน้าเป็นเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่ง หน้าตาสะสวยผิวสองสีนั้นเนียนไม่มีไฝฝ้าราคี 
    จมูกโด่งเล็กๆรั้นๆ ตาสองชั้นกลมโตมีขนตาหนาเป็นแพ คิ้วเข้มทำให้ดูดื้อรั้น ริมฝีปากทรงกระจับสีสวย 
    เดียร์ลุกขึ้นปลดกางเกงและเสื้อยืดโคร่งเคร่งออกส่องดูกระจก
    มองเรือนร่างเพรียวนั้นสมส่วนด้วยโครงร่างอย่างคนกระดูกเล็กคอแขนเรียวอย่างเด็กสาว 
    เอวบางคอด อกเต็มตึงเกินมาตรฐานหญิงไทย 

    เดียร์เดินเข้าไปไล้กระจกอย่างเผลอตัว 
    มองอย่างยอมรับว่าภาพในกระจกดูยังไงก็เป็นคนสวย 
    สวยกว่าคนที่ในคณะเรียกว่าคนสวยอีกหลายๆคน 
    ถามว่าภูมิใจกับรูปโฉมที่มีอยู่นั้นไหม 
    เดียร์ตอบได้อย่างเต็มปากว่าแน่นอน 
    เดียร์พอใจมาก และแอบสาแก่ใจสมใจมาก เมื่อโดนเรียกว่าเนิรดหน้าหมาจู 
    และนั่นทำให้บางอารมณ์รู้สึกตัวได้ถึงความผยอง และเย่อหยิ่ง 
    ชัยชนะที่อยู่ในสถานะเหนือกว่าความคาดคิดของใครๆ 
    แกมไปด้วยความรู้สึกหยามเยาะ ดูแคลนดูหมิ่นคนที่ไม่เห็นคุณค่าความงามของตัวเดียร์เองในบางครั้งด้วยซ้ำ

    “นี่มันเป็นความคิดที่ทุเรศเอาการเลยนะ” 
    เดียร์พึมพำอย่างสลดใจกับความคิดของตัวเอง
    แล้วไงเล่า น่าทุเรศเท่าพวกที่เหยียดหยามหน้าตาคนอื่น 
    ก็คือฉันที่เป็นเหยียดในเหยียดนี่เอง 
    นี่ฉันหลงหน้าตาบูชาตัวเองยิ่งกว่าคนพวกนั้นเสียอีกไม่ใช่หรือ

    แอบนึกเลยไปถึงพี่เล
    คนแบบไหนถึงล้อเล่นกับความรู้สึกคนอื่นแบบนี้ 
    ใจร้ายมากนะ พี่เล







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×