เรื่องมีอยู่ว่า....
26 พฤษภาคม คือ วันที่ป๊อบรู้ว่าคุณปู่ของน้องเหมียวผู้ก่อตั้งไวท์โรดแฟนคลับ กำลังต้องการเลือดเพื่อใช้ผ่าตัด
27 พฤษภาคม คือ วันแรกที่ป๊อบช่วยป่าวประกาศตามเว็บๆต่างเพื่อขอรับบริจาคเลือด ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดี
5 มิถุนายน คือ วันที่น้องเหมียวบอกว่าคุณปู่ไม่แข็งแรงพอจะเข้ารับการผ่าตัด จึงเปลี่ยนเป็นการฉายแสง
และ
10 มิถุนายน คือ วันที่น้องเหมียวส่งข้อความเข้ามือถือป๊อบว่า "คุณปู่เสียแล้ว"
.
.
.
.
.
ย้อนกลับไปหลายวันก่อนหน้านี้
15 พฤษภาคม คือ วันที่ป๊อบรู้ว่าเพื่อนสนิทคนหนึ่งเพิ่งกลับมาจากอังกฤษ
1 มิถุนายน คือ วันที่ป๊อบโทรนัดทุกคนว่าจะไปกินอาหารญี่ปุ่นกันที่คุโรดะ
11 มิถุนายน คือ วันนัด
11 มิถุนายน เวลา 17.40 น. ป๊อบกับอนิรุทธิ์เพื่อนสนิท นั่งรอเวลานัดหมายอยู่ที่สยามพารากอน
11 มิถุนายน เวลา 17.45 น. อนิรุทธิ์ได้รับโทรศัพท์จากก้าวว่า "แม่ปารมีเสียแล้วนะ"
.
.
.
.
.
ย้อนกลับไปหลายปีก่อนหน้านี้
2 มกราคม 2546 คือ วันที่ป๊อบ คุณแม่ คุณพ่อ น้องสาว กำลังจะหนังเรื่อง The Metrix กัน
แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทุกอย่างถึงดูไม่ค่อยลงตัว คนโน่นลืมนี่บ้าง คนนั้นไม่พร้อมบ้าง
จนเมื่อเวลาล่วงเข้าทุ่มตรง โรงพยาบาลราษบูรณะก็โทรเข้ามือถือคุณแม่ว่า "คุณยายไม่หายใจแล้วนะครับ"
นั่นเอง เป็นนาทีที่ป๊อบได้เห็นแม่ร้องไห้...ป๊อบไม่เคยได้เห็นแม่ร้องไห้มาก่อน...วันนั้นป๊อบจำได้ว่าพ่อเข้าไปกอดแม่ และแม่พูดว่า "ใครจะไปดูก็ได้นะ แต่แม่ไม่ไป"
หลังจากนั้นเราทั้งหมดก็เดินทางไปยังโรงพยาบาล เมื่อเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย
สิ่งที่เห็นคือ คุณยายซึ่งเต็มไปด้วยสายระโยงระยางจากเครื่องช่วยเหลือต่างๆ แถมที่แปลกก็คือแขนทั้งสองของยายถูกมัดกับไว้กับขอบเตียงด้วย - ป๊อบจำได้ดีว่ามีพยาบาลอยู่ในห้องนั้นสี่คนกับคุณหมออีกหนึ่งคนซึ่งสวมชุดไหมสีเหลืองอ่อน - เราเป็นพวกแรกที่มาถึง ก่อนที่ญาติๆทั้งหมดจะตามมา ทุกคนล้วนมีสีหน้าท่าทางตื่นตกใจ จำนวนของพวกเราทำให้ห้องพักผู้ป่วยตอนนั้นแน่นจนดูเล็กไปถนัดตา
หมอบอกว่า "มีทางช่วยทางเดียวคือต้องทำบอลลูนหัวใจ แต่คนไข้ไม่อยู่ในสภาพพร้อมจะเคลื่อนย้าย"
ตอนนนั้นเองที่ป๊อบรู้แล้วว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น
"คนไข้พยายามจะดึงสายช่วยเหลือออกแล้วหลายครั้ง เราจึงต้องมัดแขนไว้"
ความหดหู่แผ่ไปศาลทั่วบริเวณ มีทั้งเสียงร้องไห้ เสียงปลอบโยน เสียงพูดคุยต่างๆนานา
แต่ป๊อบจำไม่ได้หรอกว่าพวกเขาพูดอะไร รู้แต่ว่าใจป๊อบไปหยุดอยู่ที่เตียงของคุณยายแค่เท่านั้น
ขณะที่ทุกคนรออยู่นอกห้องเฝ้ารอความหวัง ไม่รู้เพราะอะไร ป๊อบถึงเป็นคนเดียวที่เลือกจะเปิดประตูเข้าไปในห้องพักคุณยายอีกครั้ง - เตียงผู้ป่วยห้อมล้อมด้วยเหล่าพยาบาลและคุณหมอที่หาทางยื้อชีวิตคุณยาย พวกเขาเห็นป๊อบ แต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร
ตรงกันข้าม พวกเขาเลือกจะหลบทางให้ด้วยซ้ำ
คุณหมอคนนั้นเดินเข้ามาหาป๊อบ และสัมผัสมือลงบนบ่าเบาๆ ก่อนทั้งหมดจะเดินออกไปจากห้อง เหลือแค่ป๊อบกับยายเพียงสองคน
"ยายเจ็บไหม?"
นั่นคือสิ่งแรกที่ป๊อบถาม พอลองสังเกตดูป๊อบก็พบว่าสายยางที่มัดแขนยายไว้ถูกแก้แล้ว ยายมีแรงเหลือพอจะเคลื่อนมือมาจับมือป๊อบ - มือข้างเดียวกับที่เคยทำอาหารให้ป๊อบทาน, มือข้างเดียวกับที่เคยป้อนยาให้ป๊อบ, มือข้างเดียวกับที่เคยใช้ก้านมะยมตีป๊อบเวลาดื้อ
และเป็นมือข้างเดียวกับเคยปาดน้ำตาให้ป๊อบเวลาร้องไห้
ป๊อบใช้สองมือกุมมือยายไว้แน่น ยายไม่ได้ตอบคำถาม แต่ส่งยิ้มมาให้ - เราสบตากัน ในห้องที่มีแต่เสียงจากอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆนานา มีอะไรตั้งหลายเรื่องที่ป๊อบอยากจะคุยกับยาย อยากจะพูด อยากจะถาม แต่ตอนนั้นก็นึกไม่ออกเลย - เราได้แต่สบตากัน ยิ้มให้กัน ป๊อบรู้สึกว่าหัวใจเต้นด้วยความกลัว แต่ก็ไม่มีน้ำตาไหลลงมาเลยแม้แต่หยดเดียว
และสิ่งที่ป๊อบพูดได้ก็มีเพียงแค่
"ยายจำได้ใช่ไหมที่เคยบอกว่าอยากเห็นป๊อบประสบความสำเร็จ อยากเห็นป๊อบร้องเพลง อยากเห็นป๊อบมีชื่อเสียง อยากเห็นป๊อบในทีวี ป๊อบจะทำตามความฝันของเราให้ได้....และป๊อบ...."
เป็นนาทีแรกที่ป๊อบรู้สึกได้ว่าน้ำตากำลังจะไหล แต่เมื่อมองแววตาของยาย ป๊อบก็เลือกที่จะเข้มแข็งอีกครั้ง
"ป๊อบจะรักยายเสมอไป ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งครับ"
ยายไม่ได้ให้พรป๊อบ ไม่ได้พูดตอบอะไรป๊อบ
แต่สิ่งที่ยายทำคือการจับมือป๊อบแน่นๆ...ด้วยแรงที่ไม่น่าเชื่อว่าจะยายจะทำได้
มันเหมือนกับยายกำลังบอกป๊อบว่า "ยายเชื่อ....ยายจะเป็นกำลังใจให้" และป๊อบก็ส่งยิ้มกลับไปด้วยความเข้าใจ
เพียงนาทีจากนั้นดวงตาของยายก็ปิดลง ก่อนเสียงติ๊ดลากยาวของเครื่องวัดระดับความเต้นของหัวใจจะดังไปทั้งห้อง
เสียงฝีเท้ามากมายประดังขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับนัดหมาย - ป๊อบได้ยินเสียงร้องไห้ของแม่มาเป็นอันดับแรก - ตามด้วยเสียงของพวกคุณหมอและพยาบาล - แต่ป๊อบไม่เห็นอะไรเลย - เพราะสายตาของป๊อบยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหลับสนิดของยายเช่นนั้น - มือของยายยังกำมือป๊อบเอาไว้ - กำไว้แน่นราวกับไม่มีวันปล่อยไปไหน - พยาบาลคนหนึ่งเข้ามาบอกให้ป๊อบออกไป - แต่ป๊อบรู้สึกว่าถูกความรู้สึกหลายอย่างตรึงติดจนขยับตัวไม่ได้ - ตอนนั้นป๊อบก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนแกะมือยายออกไปจากป๊อบ - รู้แต่มีคำพูดแนวๆว่า "ไม่เป็นไรนะป๊อบ" "ยายไปแล้ว" "เข้มแข็งนะป๊อบ" ดังรอบกายไปหมด ป๊อบไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากลายมาเป็นส่วนหนึ่งของวงล้อมผู้คนมากมายเมื่อไหร่ - ภาพที่เห็นคือพวกหมอกำลังช่วยปั้มหัวใจ - และเหล่าพยาบาลกำลังกันพวกญาติออกไป
ส่วนป๊อบค่อยๆเดินออกห่างวงล้อมแห่งความสับสน แล้วออกจากห้องไปโดยไม่มีใครเห็นเลยซักคน
.
.
.
และแล้วคุณยายก็จากไป...
.
.
.
ป๊อบใช้เวลาประมาณยี่สิบนาทีในการยืนอยู่คนเดียวริมถนน...ทุกอย่างเหมือนจะพร้อมใจกันเงียบสนิด
ไม่มีรถเลยซักคัน
คนก็น้อย
ทุกอย่างเหมือนจะเป็นใจส่งบรรยากาศแห่งความว่างเปล่า...
แต่ป๊อบก็ไม่ได้ร้องไห้...ไม่ได้ฟูมฟายเหมือนแบบตัวละครในทีวี ป๊อบทำได้แค่นิ่ง เลื่อนลอย ยืนเหม่อไปเรื่อย...มองผ่านๆอาจนึกว่าคนเสียสติด้วยซ้ำ ในใจป๊อบคิดถามตัวเองทำไมถึงไม่ร้องไห้ ? ไม่รักยายหรอ ? ไม่มีหัวใจหรอ ? ไม่รู้สึกอะไรเลยหรอ ? พูดตรงๆว่าป๊อบไม่ได้ร้องไห้เลยแม้แต่น้อย ไม่มีน้ำตาให้กับการจากไปอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้เลยแม้แต่นิดเดียว
??
ตอนนั้นเองที่เสียงหนึ่งดังขึ้น ป๊อบหันไปมองแล้วก็พบว่าเป็นคุณยายแก่ๆที่เดินหาบกล้วยปิ้ง
ป๊อบไม่ได้รู้สึกหิว
ป๊อบมีเงินติดตัวแค่ยี่สิบบาทด้วยซ้ำ
แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ป๊อบถึงเรียกให้เขาหยุด
"สามลูกสิบ รับเท่าไหร่ดีจ๊ะ?" คุณยายถามอย่างใจดี ป๊อบจ้องมองแกอยู่ครู่หนึ่งโดยไม่รู้ตัว จนเมื่อแกถามอีกครั้ง ป๊อบถึงตอบว่า
"สิบบาทครับ"
จากนั้นแกก็หยิบกล้วยยี่สิบบาทใส่ถุงให้ และตอนนั้นเองที่ป๊อบมีคำถาม
"สี่ลูกหรอครับ ?"
"เห็นหนูท่าทางเศร้าๆ ยายแถมให้แล้วกัน"จากนั้นแกก็ทำท่าหาตังทอน
"ไม่ต้องหรอกครับ" ป๊อบรีบบอก "ไม่เป็นไรครับ"
"ขอบใจมากนะหลาน" ยายบอก แล้วก็แบกหาบจากไป
ป๊อบมองแกจนลับสายตา มองอยู่อย่างนั้นราวกับแกเป็นอะไรที่ป๊อบไม่เคยเห็น...
และทันทีที่ได้กัดกล้วยปิ้งเพียงคำแรก น้ำตาของป๊อบก็ไหลออกมาทันที
นั่นก็เพราะ....กล้วยปิ้งเป็นอาหารโปรดของป๊อบ
....และป๊อบได้กินครั้งแรก ก็เพราะคุณยายเป็นคนทำให้ป๊อบกิน
.... กล้วยปิ้งของคุณยายเป็นกล้วยปิ้งที่อร่อยที่สุด อย่างไม่มีที่ไหนเหมือน
....และป๊อบคงไม่มีโอกาสได้กินกล้วยปิ้งที่อร่อยเท่านั้นอีกต่อไปแล้ว
.
.
.
.
.
การจากไปของยาย ทำให้ชีวิตป๊อบเปลี่ยนไปในหลายด้าน ป๊อบกลายเป็นคนทะเยอทะยาน มุมานะ ไม่ย้อท้อ และมีความพยายามเป็นเลิศ ทุกสิ่งก็เพื่อทำตามความฝันของเราให้ประสบความสำเร็จ เพื่อให้คำสัญญาสุดท้ายระหว่างป๊อบกับยายไม่สูญเปล่า
แต่กระนั้นก็มีหลายอย่างที่ป๊อบเสียใจ นั่นก็คือ
ยายไม่ได้มีโอกาสได้เห็นป๊อบตอนที่รับปริญญา
ยายไม่ได้มีโอกาสเห็นป๊อบขึ้นเวทีแสดงครั้งแรก
ยายไม่ได้มีโอกาสเห็นป๊อบเป็นพิธีกร
ยายไม่ได้มีโอกาสเห็นว่าป๊อบสามารถทำไวท์โรดได้ถึงสิบเล่ม
ยายไม่ได้มีโอกาสเห็นป๊อบตอนเป็นพระ
และยายคงไม่ได้มีโอกาสเห็นป๊อบประสบความสำเร็จกับอีกหลายความฝันในอนาคต
แต่ป๊อบไม่เคยรู้สึกว่าป๊อบกับยายไกลกัน เพราะคำสอนของยายยังอยู่และหลายครั้งที่เราเจอกันในฝัน นั่นแหละทำให้ป๊อบประจักษ์ว่า คนที่เรารักไม่เคยจากไปไหน ตราบใดที่เรายังคิดถึงเขาเสมอเขาจะเป็นดั่งกำลังใจ เป็นดั่งจุดยึดเหนี่ยวจิตใจให้เราฝ่าฟันทุกอย่าง แม้จะมองไม่เห็น แต่เราก็ไม่เคยห่างกัน
เหตุการณ์ที่ป๊อบรวมทั้งคนรอบกายอีกหลายคนต้องเสียคนรัก สอนให้ป๊อบรู้ว่า
"ก่อนตาย เราควรทำทุกสิ่งที่อยากทำ เพื่อจะได้ไม่เสียใจว่าจากโลกนี้ไปโดยมีหลายสิ่งที่อยากทำหรืออยากเห็น ที่สำคัญยิ่งเราทำสิ่งนั้นประสบความสำเร็จเร็วมากขึ้นเท่าไหร่ เราก็ยิ่งทำให้คนที่รักเราได้มีความสุขมากขึ้นเท่านั้น จงอย่ารอช้าที่จะก้าวไปสู่ความฝัน เพราะถ้าสายเกินไป คนที่เราอยากให้เขาได้ภูมิใจ อาจไม่มีโอกาสได้เห็นมัน"
และในวันนี้ สิ่งสุดท้ายที่ป๊อบอยากจะบอกยายก็คือ ( ฟังดีๆนะยายนะ )
"แม้ป๊อบจะคิดถึงแต่ป๊อบจะไม่เสียใจที่ยายจากไป เพราะยายได้อยู่ในที่ๆดีกว่าป๊อบ
ขอให้ยายเฝ้ามองป๊อบอยู่บนนั้น
ป๊อบจะทำให้ยายได้เห็นว่าป๊อบไปได้ไกลดังที่ใจป๊อบหวัง
ป๊อบจะทำให้ยายภูมิใจ
ป๊อบจะให้ยายได้รู้ว่าหลานชายที่ยายเลี้ยงมากับมือก็แน่ไม่แพ้ใคร
ไม่ต้องห่วงครับ อีกไม่นาน เราจะได้เจอกันอีก
รอป๊อบจนกว่าจะถึงวันนั้นนะ"
แด่ คุณยายที่แสนวิเศษและทำกล้วยปิ้งอร่อยที่สุดโลก
คุณยายดาวเรือง เครือสุวรรณ
ความคิดเห็น
วันนี้พอมาอ่านไดพี่ป๊อป((ย้อนหลังอันนึง - -*)) ทำให้เห็นว่าพี่ป๊อปรักยายของพี่ป๊อปขนาดไหน แล้วก็ทำให้แพร์ได้มองย้อนกลับมาดูตัวเองว่า..แพร์เคยทำอะไรให้ยายดีใจบ้างรึเปล่า..ต่อไปนี้แพร์จะรักยายให้มากม๊ากกกกกกกกกมากๆค่ะ ตอนนี้ปู่ย่าตายาย แพร์เหลือแค่ยายคนเดียวแล้วด้วย -.-
ปู่เสียก่อนที่แพร์จะเกิดซะอีก ส่วนย่าเสียตั้งแต่แพร์ยังจำความไม่ได้ ตาแพร์เสียช่วงปลายปี46..แต่ว่าคุณตาไปแบบสงบๆ นิ่มๆ เหมือนหลับไป...เสียไปแล้วหน้ายังยิ้มน้อยๆอยู่เลยค่ะ ตอนนี้เหลือแต่คุณยายก็ต้องดูแลท่านดีๆซักหน่อยแล้ว ^^
ขอบคุณพี่ป๊อปมากนะคะสำหรับข้อคิดดีๆในทุกๆด้านจากทุกๆบทความ....จะติดตามผลงานพี่ป๊อปต่อไปนะคะ
ซึ้งมากๆเลยค่ะตอนแรกนึกว่าจะน้ำตาไหลพรากแล้วแต่ทำไมมันไม่ไหลนะ???งงตัวเองเหมือนกัน555+(เรียนพิเศษอยู่เกิดไหลขึ้นมาอายชาวประชาแย่-*-)
อ่านแล้วได้ข้อคิดเยอะเลยค่ะ แต่ตัวหนูเองน่ะคงไม่มีโอกาสได้อย่างนั้นหรอก..คุณตากับคุณยายของหนูเสียตั้งแต่พ่อกับแม่ยังไม่แต่งงานกันเลย คุณปู่ก็เสียตั้งแต่ตอนเล็กๆแทบจำหน้าปู่ไม่ได้ด้วยซ้ำ ตอนนี้เหลือคุณย่าคนเดียว แถมคุณย่าอยู่ที่สุราษฎร์โน่นปีนึงไปเยี่ยม 2-3ครั้ง..ตอนนี้คุณย่าก็ยังแข็งแรงค่ะ^ ^ มีแค่โรคประจำตัวพอๆกับคนสูงอายุปกติแต่..ด้วยความห่างขนาดนี้..ถ้าคุณย่าจากไปแบบรวดเร็วล่ะก็หนูคงไม่ได้ไปหาท่านแน่ๆT^T ยังไงก็อ่านแล้วซึ้งค่ะ ทำให้เห็นคุณค่าของชีวิตที่มากกว่า ตื่นเช้าหาของกิน กลางนั่งหลับในห้องเรียน ตอนกลางคืนซุกหัวลงใต้ผ้าห่มเยอะเลยค่ะ พี่เป็นคนมีความสามารถจริงๆค่ะ
PS. ฝากช่วยไปอ่าน+เม้นด้วยนะคะhttp://my.dek-d.com/L_B_K/story/view.php?id=336630killer of fire มหาตำนานนักฆ่าแห่งไฟค่ะ