ปัญหาโลกแตกของนักเขียนหน้าใหม่หลายๆคน อยากรู้เรื่องราวอย่างละเอียดป๊อบจะเล่าให้ฟัง
บทความนี้แตกประเด็นมาจาก http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1114380
เหตุเพราะป๊อบกลัวกระทู้มันจั๊มเปอร์อ่ะครับ เดี๋ยวจะหากันไม่เจอครับผม
**** ป๊อบไม่ได้พูดในฐานะของนักเขียนคุณภาพนะครับ แค่พูดในฐานะคนที่ได้ตีพิมพ์แรกๆเท่านั้นเองครับ****
**** ถ้ามีคำผิดอย่าถือสานะครับ มันเป็นเรื่องที่ป๊อบแก้ไม่หายแล้วอ่ะ เหอะๆ ขออภัยไว้ล่วงหน้า***
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
1. เนื้อเรื่องที่แปลกใหม่หรือเปล่า ?
อันนี้ต้องขอย้อนไปตอนไวท์โรดยังแบะเบาะ นอนดูดนมอยู่ในเว็บเด็กดี ตอนนั้นเรื่องราวแฟนตาซี ไซไฟ ไม่แพร่หลายในประเทศไทยครับ ไม่มีเลยด้วยซ้ำ การที่ป๊อบเขียนอะไรเวอร์ๆ ตื่นตาตื่นใจ ย่อมทำให้เป็นจุดสนใจไม่ยาก ซึ่งป๊อบถือว่าแนวนี้จะได้เปรียบนะครับ เพราะคำว่า "ไซไฟแฟนตาซี" กรอบของมันจะกว้างกว่าคำว่า "แฟนตาซี" เป็นร้อยเท่าเลย ลองคิดเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือนวัตกรรมใหม่ใส่เข้าไป ก็เป็น "ไซไฟ" ได้แล้ว เพราะฉะนั้นจะสังเกตว่าแนวนี้ถ้าออกมา มักจะไปได้รอดตลอดครับ
แล้วในปัจจุบันล่ะ อะไรคือเนื้อเรื่องที่แปลกใหม่
คำตอบก็คือ อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่โรงเรียนเวทมนตร์ , อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่รักหวานเลี่ยน , อะไรก็ได้ที่ไม่เกี่ยวกับพ่อมดแม่มด
โรงเรียนเวทมนตร์
แฮรี่ พอตเตอร์ เป็นวรรณกรรมเยาวชนที่ดังที่สุดในโลกเรื่องหนึ่ง เมื่อนักอ่านมองไปตามร้านหนังสือแล้วเห็น "โรงเรียนเวทมนตร์" ส่วนมากไม่สนหรอกครับ ว่ามันคือโรงเรียนอะไร มีเวทมนตร์กี่แขนง มีแม่มด พ่อมดชื่ออะไร เพราะเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ฟันธงไปแล้วว่า "เป็นร่างแฝงของแฮรี่ พอตเตอร์" ถ้าเป็นเมื่อก่อนซักเจ็ดปี อาจจะไปได้ครับ เพราะตอนนั้นโรงเรียนมีไม่เยอะ แต่ตอนนี้เปิดกันจนมากกว่าโรงเรียนในเขตกทม. ไปแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ใช่ของใหม่
รักหวานเลี่ยน
อันนี้ถือว่าไม่ใช่ของใหม่ แต่ก็เป็นอะไรที่คลาสสิคนะครับผม - ความคลาสสิคก็คือ ทุกคนมีความรัก ทุกคนโหยหาความรัก ทุกคนอยากมีคนรัก เพราะฉะนั้นอะไรเกี่ยวกับรักจะขายได้ตลอดเป็นแนวอมตะ แต่คราวนี้ก็ต้องถามตัวเองว่า แนวรักที่เขียนนั้นเป็นยังไง
- รักแบบนางเอกแอบชอบพระเอกผู้หล่อเหลา ?
- รักแบบนางเอกสองคนชอบพระเอกคนเดียว (พระเอกสองคนชอบนางเอกคนเดียว หรือ พระเอกสองคนชอบผู้ชายคนเดียวกัน?)
ความรักจริงๆแล้วมีหลายรูปแบบครับผม ไม่จำเป็นต้องรักระหว่างวัยรุ่นก็ได้
ความรักแบบครอบครัว แบบเพื่อน แบบพี่น้อง ก็มีถมเถไป แต่ความรักแบบนี้อาจไม่ตรงใจ
กระนั้นมันก็ไม่ใช่จะไม่มีวิธีใช่ไหมครับ ที่จะทำให้แนวนี้เป็นที่ถูกใจได้ ป๊อบอยากให้ทุกคนลองไปอ่านวรรณกรรมตะวันตกหลายๆเรื่องดู จะพบว่าเขาเอาความรักหนุ่มสาวมาผนวกกับความรักหลายรูปแบบที่ป๊อบบอกได้อย่างลงตัว
ถ้านึกไม่ออกลองดูหนัง Love actually ก็ได้ครับ ตีโจทย์ได้แตกและกลายเป็นหนึ่งในหนังอมตะไปแล้ว
ป๊อบเข้าใจว่าหลายคนอาจเขียนแนวเวทมนตร์หรือความรักไปแล้ว แต่ถ้าลองกลับไปคิด หาอะไรใหม่ๆใส่เข้าไปให้มันแตกต่างซักหน่อย ก็คงจะทำให้นิยายของน้องโดดเด่นไม่ยากครับ
2. สิ่งที่ปรากฏบนหน้ากระดาษ
นี่คือหนึ่งสิ่งที่หลายคนมองข้ามคิดว่าไม่สำคัญแต่มันสำคัญมากในการจะก้าวเป็นนักเขียนมืออาชีพ
ป๊อบเคยพูดคุยกับผู้ใหญ่ในวงการหลายคน และได้พบความจริงว่ามีคนมากมายเหลือเกินที่อยากจะเป็นนักเขียน แต่หนึ่งสำนักพิมพ์มีบอกอไม่กี่คน
100% ของงานเขียนจะถูกส่งไปสุมเป็นกองอยู่ที่โต๊ะบอกอ
60% ถูกคัดออกโดยไม่ได้อ่าน
20% ถูกอ่านแบบไม่จบ
15% ภูกอ่านจนจบ
5% เท่านั้นที่ได้ตีพิมพ์
คำถามคือ ทำยังไงจะได้เป็น 5% นั้น
ป๊อบเคยเป็นกรรมการตัดสินผลงานเรื่องสั้นประกวดหลายครั้ง ซึ่งในคณะกรรมการก็เพรียกพร้อมด้วยผู้ใหญ่ทรงคุณวุฒิมากมายในวงการนักเขียน ทุกคนสรุปเหมือนกันว่า
การจัดหน้ากระดาษเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกๆ
- หน้ากระดาษจะเป็นสิ่งแรกที่บอกอเห็นนะครับ ถ้าน้องเขียนติดมาเป็นพรืด มองแล้วไม่เห็นย่อหน้า ไม่เห็นช่องไฟ เว้นวรรคผิด ตัวหนังสือตกหล่น พยายามจะอัดเนื้อหาในหน้าเดียว - สอบตกครับ!
- ตัวสะกด (อันนี้ป๊อบแย่มากกกกกกกก ขอออกตัวก่อนจะโดนนินทา อิอิ) - บางทีการอ่านงานใหม่จากนักเขียนโนเนม หากพบตัวสะกดมากกว่าสามครั้งในหนึ่งหน้า - สอบตกครับ
- คำซ้ำ - ในหนึ่งประโยคเจอคำซ้ำมากกว่าสองครั้งก็หงุดหงิดแล้วครับ บางทีเจอคำเดียวๆติดๆกัน - สอบตกครับ!
- คำหยาบ - โอเค ป๊อบเข้าใจเรืองคำหยาบว่าได้บ้าง แต่ไม่ใช่อ่านทั้งหน้ามีแต่สัตว์นานาชนิด อึดอัด - สอบตกครับ
- คำที่เลือกใช้ - อย่าคิดว่าการใส่คำหรูหราฟู่ฟ่าเข้ามาเยอะจะเป็นที่ถูกอกถูกใจนะครับ ไม่จริ๊ง ไม่จริง ใช้ได้ครับ แต่ให้มันต้องที่ ถูกจังหวะ ไม่ใช่ใส่มาซะเต็มพิกัด (ยกเว้นกรณีส่งบทร้อยกรอง) อ่านแล้วต้องไม่สะดุด พวกคำ "จากอน" หรือคำศัพท์เฉพาะ ถ้าไม่ได้มีอธิบายไว้ในเรื่องอย่างละเอียดอย่าใช้ครับ หรือถ้าใช้ก็ควรมีหมายเหตุข้างล่าง บอกอหลายคนให้ความเห็นว่า หากอ่านแล้วติดขัดบ่อยๆขอให้ สอบตก! ทันทีครับผม
นี่คือตัวอย่างคร่าวๆนะครับผม ที่ป๊อบได้ยินจากนักเขียนผู้ใหญ่หลายคนพูดถึงจึงนำมาบอกต่อ
3. การนำเสนอ
ทำไมป๊อบถึงพูดเรื่องนี้ เพราะป๊อบจบโฆษณา สาขาที่ป๊อบเรียนให้ความสำคัญเรื่องการนำเสนอมาก และเมื่อได้ขลุกขลีกกับวงการนักเขียนป๊อบก็พบว่า "การนำเสนอ" มีบทบาทสำคัญจริงๆ ครับ มากๆๆๆๆ ด้วยแต่ทุกคนก็มองข้าม
ลองนึกสภาพ มีซองสีน้ำตาลเชยๆร้อยซอง แล้วถ้าบังเอิ๊ญ บังเอิญ ของคุณเป็นซองสีดำ สีแดง สีชมพู มีกลิ่นซากุระ บ้าบออะไรก็ตาม มันจะง่ายต่อการถูกมองเห็นไหมครับ ? มันจะน่าหยิบหรือเปล่า ?
การนำเสนอเป็นการบ่งบอกถึงรสนิยมของผู้เสนอนะครับ เขาวัดคุณได้ตั้งแต่นาทีแรกที่เห็นซองแล้วล่ะว่างานจะเป็นยังไง
ต่อให้งานดีเลิศประเสริฐ์ศรี มีใบเกรด 4.00 แปะหน้าซอง แต่ซองสีน้ำตาล ยับๆ ขาดๆ เสื่อมจิต มันก็ไปจบในถังเหมือนกันครับ
เพราะฉะนั้นเราต้องแสดงจุดยืนว่าเราแตกต่างตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาได้เห็นงานของเราครับ
ยุคอินเตอร์เน็ตถือว่าได้เปรียบนะครับในการเสนอผลงาน และตอนป๊อบเขียนไวท์โรดป๊อบก็ใช้จุดเด่นที่ชัดที่สุดของอินเตอร์เน็ตเพื่อนำเสนอ นั่นก็คือ ฟีดแบค หรือ คอมเมนต์
ไวท์โรดถูกส่งครั้งแรกเป็นสองซองครับ ซองแรกต้นฉบับ (คำผิดอื้อมากๆๆๆ) ซองที่สองฟีดแบค
ซองของป๊อบก็ไม่ใช่ ซองจดหมายขี้ริ้วขี้เหร่นะครับ เป็นแฟ้มพลาสติก สวยงาม หรูหรา ดูมีค่า ราคา 15 บาทเท่านั้น (อันนี้สำหรับใส่ฟีดแบค)
และฟีดแบคป๊อบก็ไม่ได้ปริ๊นท์แบบไก่กาหมาวัดนะครับ เป็นสี สวยๆ งามๆ ดูแล้ว โอ้ ท่าทางจะตั้งใจทำ
ไม่ใช่แค่ต้นฉบับกับฟีดแบคนะครับที่ป๊อบส่งไป - รูปประกอบก็ด้วย - เวลาอ่านงานเขียนซักอันแล้วเห็นแต่ตัวหนังสือ กับเห็นรูปประกอบด้วยนี่ มันคนละฟิลลิ่งเลยนะครับ จำได้ว่าวาดรูปไวท์โรด้วยดินสอ วาดรูปตัวละคร วาดนาฬิกา แล้วยัดใส่ซองไปด้วย - บอกอที่ไหนเห็นก็ต้องตั้งคำถามล่ะครับ ว่ามันคืออะไร ?
อ๊ะๆ เราอย่าบรรยายทุกอย่างให้เขารู้ในรูปนะครับ - ให้เขาอยากจะรู้ อยากจะถาม เขาจะได้เรียกเราไปถามตัวต่อตัว อิอิ
และสำหรับยุคที่น้องๆเก่งคอมกันเหลือเกิน ป๊อบแนะนำว่า หากเป็นกราฟฟิคนะครับ คลิปวีดีโอสั้นๆ แอนิเมชั่นย่อมๆ ง่ายๆ ไม่ฟู่ฟ่า ใส่ซีดีส่งไปแนะนำแบบว่าเป็นการเกริ่น เรื่องย่อ ภาพรวม จุดเด่น อันนี้จะดีมากครับ - การใส่ "ซีดี" ปนไปกับต้นฉบับ มันเป็นการสร้างคำถามครับ ว่า เฮ้ย มันเกี่ยวอะไร ทำไมต้องมีซีดีด้วย เป็นความแปลกใหม่ครับ ซึ่งในคลาสโฆษณาป๊อบจะใส่ซีดีของแถมไปกับรายงานทั้งที่อาจารย์ไม่ได้สั่ง สุดท้ายก็ A ครับ อิอิ
อย่าหาว่าอวดตัว แต่การที่เรากล้าจะแตกต่าง มันจะทำให้คนจดจำเราได้จริงๆนะครับผม
4 กระแส ?
ประเด็นนี้อาจจะไม่ยุติธรรมสำหรับนักเขียนเท่าไหร่ครับ เพราะสำนักพิมพ์ก็อาจจะต้องอิงกระแสสังคม เศรษฐกิจไปด้วย
เนื่องจากในการลงทุนหนังสือหนึ่งเล่มนั้น ถ้าเป็นโนเนมทั่วไปก็หลักแสนนะครับ เขาต้องหวังที่จะได้ผลตอบแทบครบถ้วนและกำไรเพื่อต่อยอดให้กับสินค้าอื่น มันเลยเกิดประเด็นที่ว่า
จะเขียนตามใจสั่งหรือจะเขียนตามกระแสดี ?
อันนี้แล้วแต่คนจะคิดครับ แต่คิดอะไรก็ไม่ผิด
การเขียนตามใจสั่งจะทำให้เราทำงานนั้นออกมาได้ดีเยี่ยม มีแรงจะทำจนจบ เพราะมันเป็นงานที่เราอยากทำ
การเขียนตามกระแส มันก็จะอาจจะบั่นทอนกำลังใจเรา มันเหมือนการพยายามจะเป็นในสิ่งที่ไม่อยากเป็น บางครั้งเมื่อถึงจุดหนึ่งมันก็เลิกล้มไป อันนี้นักเขียนก็ต้องถามตัวเองครับว่า "เราเป็นแบบไหน?"
แต่สำหรับนักเขียนที่ฟลุ๊คเขียนผลงานเข้ากระแสพอดี อันนี้ถือว่าเป็นโชคครับ
หลายคนเคยถามว่าทำไมไวท์โรดได้พิมพ์ทั้งที่ไม่ได้วิเศษอะไรมากมาย
ไม่ใช่เส้นหรอกครับ เพราะไม่มีญาติพี่น้องในสำนักพิมพ์ ครอบครัวป๊อบก็ไม่ได้ทำธุรกิจด้านนี้
โชคกับดวงต่างหาก - ช่วงนั้นถึงจุดที่ว่าแฟนตาซีกำลังบูมจริงๆ ประมาณว่าไม้กวาดเกลื่อนฟ้า คฑาเกลื่อนเมือง แนวแฟนตาซีที่เกิดยุคนั้นจะมีชื่อเสียงหมด ป๊อบโชคดีที่เขียนถูกต้องตามความต้องการของตลาดพอดี
ตามหลักเศรษฐกิจครับ ความต้องการมาก สินค้าก็ขายได้มาก
เพราะฉะนั้นการจะเขียนอะไรซักอย่าง ลองคำนึงถึงกระแสตลาดด้วยก็ดีครับผม มันก็เหมือนวงการเพลงครับ มีเพลงตามกระแส กับเพลงอินดี้ แบบเดียวกันเลยครับผม ขึ้นอยู่กับว่าเราจะจับตลาดใหญ่ ตลาดกลาง หรือตลาดย่อยเท่านั้นเองครับ^_^
5. เลือกสำนักพิมพ์
การเลือกสำนักพิมพ์ก็เหมือนกับการเลือกเรียนคณะครับ
เราต้องเลือกสำนักพิมพ์ที่เหมาะกับเรื่องของเรา มีแนวทางชัดเจนว่าเป็นสำนักพิมพ์ของเรา รักๆก็แจ่มใสไปเลยโลด แฟนตาซีก็อาจจะสถาพร อะไรก็ตามแต่ เลือกให้ตรง เพราะหลายครั้งที่บอกอหยิบเรื่องขึ้นมาอ่าน แล้วพบว่า "เฮ้ย ส่งมาทำไม ฉันไม่ได้ทำแนวนี้" มันก็ถูกขว้างทิ้งไปตามระเบียบ
เพราะอะไรน่ะหรอครับ ? เพราะการที่สำนักพิมพ์จะให้กำเนิดแนวทางใหม่ของงานเขียนที่เขาไม่เคยทำมาก่อนต้องเสีย cost หรือค่าใช้จ่ายเยอะมากๆๆๆ ต้องทำโปรโมทใหม่ ต้องสร้างภาพลักษณ์ใหม่ ต้องแนะนำสื่อใหม่ๆ โอ้ว เขาไม่อยากทำกันหรอกครับ ถ้าเลือกสำนักพิมพ์ที่เหมาะได้ เราจะรู้สึกได้เองถึงการเทคแคร์ การเอาใจใส่ และการที่มีนักเขียนแนวเดียวกันอยู่ในนั้นหลายๆคนมันจะยิ่งช่วยเสริมภาพลักษณ์ของสำนักพิมพ์ให้เด่นชัดขึ้น เป็นประโยชน์ต่อสำนักพิมพ์ครับ
แต่ก็มีกรณีศึกษาที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเสนอผลงานให้สำนักพิมพ์ที่ไม่เคยมีแนวนั้นเลย
แน่นอนความเสี่ยงเป็นอย่างแรกที่เขาคิด แต่ถ้าเขาทำสำเร็จล่ะ อะไรจะเกิดขึ้น ? น้องก็จะกลายเป็นเบอร์หนึ่งในแนวนั้นในสำนักพิมพ์นั้นๆ เป็นเบอร์หนึ่งที่จะได้รับการโปรโมตมากที่สุดเพราะเขาต้องพยายามให้งานเขียนของน้องเป็นที่รู้จักมากที่สุด เพื่อให้ผลงานของน้องขายได้ แล้วเอาเงินใช้จ่ายทดแทนค่าโฆษณาต่างๆที่เขาเสียไป มันก็จะทำให้น้องโดดเด่น เพราะในสำนักพิมพ์นี้ไม่มีใครเหมือนน้อง เขาก็โปรโมตน้องเต็มที่ เป็นเรื่องดี
นี่ก็เป็นเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยสำหรับนักเขียนด้วยกันนะครับผม อย่าลืมนะครับ ป๊อบไม่ได้พูดในฐานะนักเขียนคุณภาพ แต่พูดในฐานะคนที่ได้ตีพิมพ์และมีประสบการณ์ในวงการนี้มาเกือบสิบปี มีมุมมองจากนักเขียนรุ่นใหญ่ให้ได้ถ่ายทอด ก็หวังว่าน้องๆ หลายๆ ลูกๆ เพื่อนๆ หลายคนจะได้แนวทางในการทำงานเพื่อเป็นนักเขียนที่มีผลงานต่อๆไปนะครับ
ติดตามตอนต่อไป "การเซ็นสัญญาและค่าตอบแทน" ได้เร็วๆนี้
ความคิดเห็น
PS. What will I do if I can't be with you Tell me where will I turn to, Who will I be Now that we are apart, Am I still in your heart Why don't you see that I need you here with me.
ขอบคุณจริงๆค่ะ ขยันจริงๆ
ราศีมีนแวะมาทักทายราศีธนู
ยินดีที่ได้รู้จัก ว่าแต่ว่า ............เหอะๆๆๆ
PS. ราศรีมีน ปลาว่ายไปว่ายมา ถึงจะงอแงง๊องแง๊งไปหน่อย แต่ก็เป็นพี่สาวที่ดีได้ล่ะน่า ว่ามะ
มืออาชีพมาแนะนำเองเลย หุหุ
PS. เถื่อนนิดๆ วิปริตนิดหน่อย playboyเล็กน้อย นี่แหละใช่เลย!
เยี่ยม ^O^
PS. ฉันเป็นเพียงดอกไม้ไฟเล็กๆ ด้อยค่า ที่มิอาจเทียบเคียงแสงจ้าของดวงตะวัน.. :: มธิรา~*
อืมมมม สุดยอดมากเลยตัวเอง
นึกไม่ถึงเลยนะเนี่ย ว่าจะส่งซองสีชมพูไปได้ด้วย
วันหลังลองส่งกลิ่นวาซาบิไปดีกว่า เผื่อเค้าจะสะดุดกลิ่น
555+
PS. ...หากต้องมีใครตาย ก็อาจจะเพราะเขาต้องตายอยู่แล้ว...