ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ใต้ฟ้าสาธารณรัฐ

    ลำดับตอนที่ #45 : Clash of the Titans ปะทะ (1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 496
      1
      5 ก.พ. 54


    แคว้นแกรนูร์ เวลา 15.07 น.

     

                    ภายใต้แสงแดดจ้ายามบ่าย  ฌองล้มตัวลงนอนใต้ร่มเงาของหมู่ไม้อย่างเหนื่อยอ่อนพร้อมกับท้องที่ร้องโอดครวญ  กลีบใบไม้สีทองเลม่อนเริ่มจะร่วงโรยต้อนรับการมาของฤดูใบไม้ร่วง  สายลมเอื่อยอ่อนลูบไล้ผิวกายที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเย็นสบายขึ้นมาบ้าง 

     

    ฌองเหม่อมองท้องฟ้าที่ระยิบระยับผ่านร่มเงาของต้นไม้พยายามลืมความหิวที่กำลังก่อการประท้วงในท้อง  บรรยากาศมันช่างสงบจนเขารู้สึกเบื่อหน่ายอย่างเหลือเชื่อ  ทั้งที่เขารู้ดีว่าในตอนนี้ประเทศที่รักยิ่งของเขากำลังทำสงครามศักดิ์สิทธิ์อยู่  แต่ดูเหมือนสิ่งนั้นจะดูไกลเกินความเข้าใจของเด็กหนุ่มผู้โหยหาความผจญภัยเหลือเกิน 

     

    ป่านนี้พี่สาวของเขาจะเป็นอย่างไรแล้วหนอ  ฌองได้แต่นึกถึงการผจญภัยที่พี่สาวของเขากำลังได้สัมผัสอยู่  มันต้องรู้สึกยอดเยี่ยมเหลือเกินสำหรับการที่ได้ทำหน้าที่รับใช้ชาติ  ฌองนั้นแม้ว่าจะไม่ค่อยมั่นใจนักว่าตัวเขาจะทำอะไรได้มากน้อยเพียงใด  แต่เลือดรักชาติของเขาก็ร่ำร้องให้เขาเดินไปเซ็นชื่อสมัครเป็นทหารอาสาที่จตุรัสกลางเมืองเสียอยู่ร่ำไป

     

    ใบไม้ที่ทองที่ร่วงหล่นบนหน้าผากปลุกเขาตื่นจากความหวังอันไร้เดียงสา  ฌองลุกขึ้นนั่งพลางปัดใบไม้ออกด้วยความรำคาญ  ก่อนที่สายตาของเขาจะไปจับจ้องรองเท้าบู้ทหนังพื้นโลหะสำหรับบังคับหุ่นกลที่เขาเพิ่งถอดออก  เขามองมันพลางถอนหายใจอย่างอย่างเศร้าหมอง  รองเท้านั้นเป็นคู่ที่พี่สาวคนสวยใส่ไม่ได้แล้ว  กระนั้น  มันก็ยังหลวมไปสำหรับหนุ่มน้อยผู้นี้

     

    กลับบ้านไปซะเถอะเจ้าหนู  โตกว่านี้ค่อยมาสมัครใหม่นะ 

     

    คำพูดเชิงขบขันของสัสดีกับเสียงหัวเราะของคนอื่นยังคงก้องกังวาลในหัวไม่คลาย  ใช่แล้วล่ะ  ฌองเคยแอบแม่และพี่สาวไปสมัครทหารอาสาถึงสองครั้ง  และก็ถึงไล่กลับบ้านทั้งสองรอบ  ทั้งที่เพื่อนเขาที่อายุเท่ากันแอบโกงอายุสมัครเข้ากองทัพไปแล้วตั้งหลายคน  ทั้งเอมิล  ปาสกาล  เรมี่  กลุ่มเพื่อนเขาทุกคนนอกจากตัวฌองที่ร่างกายยังไม่หลุดจากความเป็นเด็กเสียที

     

    ฌองเริ่มขยี้ศีรษะด้วยความหงุดหงิด  ทว่าก็ต้องหยุดลงด้วยความอับอายเมื่อพบว่าในตอนนี้เขาไม่ใช่คนเดียวที่อยู่บริเวณนี้  ภายใต้ร่มเงาสีทองของต้นไม้ฤดูใบไม้ร่วง  เด็กสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขากำลังหัวเราะขบขันอยู่

     

    ข... ขำอะไรของเธอนะ  ฌองกล่าวทั้งหน้าที่แดงก่ำกับเด็กสาว

     

    ก็ฌองนะ...  เธอพยายามกลั้นหัวเราะเพื่อจะพูดอย่างทรมานเหลือเกิน  มันตลก....มากเลยรู้ไหม  จู่ ๆ ก็ขยี้ผมอย่างนั้นอย่างกับคนบ้าแนะ

     

    ฌองรู้จักเด็กสาวผู้นี้ดี  ชาล็อต  เครเมอร์  ลูกสาวคนสุดท้องของบ้านตระกูลเครเมอร์ที่อยู่ริมน้ำ  ใบหน้าอ่อนหวานเด็กสาวมีกระเล็กน้อย  แต่มันก็ไม่เห็นเด่นชัดเลยเมื่อเทียบกับนัยน์ตาขี้เล่นสีอำพันที่กลมโตราวไข่ห่าน  ปรกติแล้วชาล็อตมักจะมัดผมสีน้ำตาลเกาลัดยาวเป็นเปียสองข้าง  แต่วันนี้เธอกลับรวบมันไว้ในผ้าโพกศีรษะ  ร่างปราดเปรียวของเด็กสาวสวมใส่เสื้อกระโปรงสีน้ำตาลตัวเก่าที่ผูกผ้ากันเปื้อนไว้ช่วงเอว  ดูจากการแต่งตัวของหล่อนแล้วบอกได้ไม่ยากว่าวันนี้เธอต้องช่วยพ่อแม่ทำงานแทนพี่ชายอีกแล้ว  แต่เขาก็ยังสงสัยอยู่ว่าเด็กสาวผู้นี้มาหาเขาทำไม  แถมในมือของเธอยังถือตะกร้าปริศนาอีกด้วย

     

    ชาล็อต  เครเมอร์  เด็กผู้หญิงคนนี้ล่ะที่ฌองชอบแอบขับหุ่นกลมาอวดเสมอ    

     

    เลิกหัวเราะได้แล้วน่า  มันไม่เห็นขำเลย  แล้วเธอมีธุระอะไรกับฉันรึ ? 

     

    ถึงจะกล่าวด้วยน้ำเสียงกึ่งโมโหอย่างนั้น  แต่เขาก็ไม่อาจโกหกเสียงหัวใจที่เริ่มเต้นแรงพร้อมกับความรู้สึกร้อนผ่าวบนใบหน้า 

     

    เห.... แล้วเราอยากจะมาหาฌองบ้างไม่ได้เหรอจ้ะ ? สมัยก่อนเราไปหาตั้งบ่อยไม่เห็นเคยบ่น 

     

    คำพูดของชาล็อตบีบหัวใจของเด็กหนุ่มให้เต้นโครมครามจนต้องหลบหน้าหนีนัยน์ตาขี้เล่นนั่น

     

    พูดมากน่า  เด็กผู้ชายเล่นกับเด็กผู้หญิงมันน่าอายจะตาย

     

    แหม่  เขินกับเขาเป็นด้วยเหรอจ้ะ  ฌองผู้ห้าวหาญ  ชาล็อตทำเสียงล้อเลียนพยางเลียนแบบท่าทางขึงขังของเขา  ทีตอนไปสมัครทหารแล้วโดนเขาไล่กลับมาตั้งสองรอบยังทำมาแล้ว  ไม่เห็นอายขนาดนี้เลย

     

    มันเป็นทั้งความอับอายและความโมโหเหลือเกินเมื่อได้ยินคำพูดที่ราวกับเหยียบย่ำแผลเก่าของเขา... และมันยิ่งรู้สึกแย่หนักเมื่อได้ยินจากปากของเด็กสาวผู้นี้  ยุ่งน่า  มันเรื่องของฉัน !”  ฌองเผลอตวาดออกไปด้วยความฉุนเฉียว... 

     

    หลังพูดกระแทกไปอย่างนั้นแล้วฌองรู้สึกไม่ดีเลย  เขารีบหันหน้าหาชาล็อตเพื่อจะกล่าวขอโทษ  ทว่าเด็กหนุ่มก็ต้องสะอึกกับใบหน้าที่ดูเหงาหงอยของเด็กสาวตรงหน้า

     

    แต่เราดีใจนะที่ฌองไม่ได้ไปเป็นทหารเหมือนคนอื่นนะ  

     

    หมายความว่าไงนะ  หัวใจของฌองเต้นโครมครามเมื่อได้ยินคำพูดนั้นของเพื่อนสาว  เขากลืนน้ำลายดังเอื้อกรอลุ้นว่าสิ่งที่เธอจะพูดต่อไปคืออะไร

     

    ชาล็อตก้มหน้าเช็ดบางอย่างที่เบ้าตาก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ... ก็... ถ้าฌองไม่อยู่แล้ว  ฉันก็...

     

    ก็ ?

     

    ฉันก็ไม่มีใครช่วยทำนาให้บ้านฉันสิ !”

     

    จู่ ๆ ใบหน้าที่เหมือนจะเศร้าสร้อยพลันแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบานแฉ่งราวกับยามเช้าของฤดูร้อน  ฌองได้แต่เลิกคิ้วทำหน้าบอกบุญไม่รับ  ความตื่นเต้นเมื่อสักครู่พลันฝ่อลงราวกับมีใครปล่อยลมออกจากหัวใจที่พองโต

     

    ก็จริง ๆ เลยนะ  ทั้งพี่มิเชลกับพี่เปสเตียนก็ไม่อยู่  พี่สาวของฌองก็ถูกเกณฑ์ไปเหมือนกันใช่ไหมล่ะ  แล้วหมู่บ้านเราจะเหลือสักกี่คนเชียวที่ขับหุ่นกลได้นะ  ถ้าไม่ได้ฌองแล้วบ้านเราคงลำบากน่าดูเลย

     

    อ้อ  เหรอ...  ฌองกล่าวอย่างหมดแรงจูงใจจะคุยต่อ

     

    จริงสิ  เกือบลืมแน่ะ  ว่าแล้วชาล็อตก็ยื่นตะกร้าสานที่เธอถือแต่แรกให้  ของขอบคุณสำหรับช่วยงานจ้า  พายแอ็ปเปิ้ลที่เรากับแม่ทำเองเชียวนะ  กินแล้วก็จงทราบซึ้งในความอร่อยซะดี ๆ ล่ะ

     

    หึ  ใครกันอยากจะกินพายที่เธอทำเล่า 

     

    ทว่า  ท้องของฌองกลับหาได้คิดเช่นนั้นไม่  มันร้องบ่นโอดครวญออกมาต่อหน้าชาล็อตเมื่อเขาเพิ่งกล่าวประโยคนั่นเสร็จ

     

    อ...อย่าหัวเราะนะ

     

    มันไม่ทันแล้ว  เพราะใบหน้าของเด็กสาวพองโตอัดแน่นไปด้วยความขบขันที่พร้อมจะระเบิดออกมาทักเมื่อ 

     

    ...........................................

    ...............................

    .....................

    .......

     

    ภายใต้ร่มเงาอันสงบเงียบของไร่ตระกูลเครเมอร์  เด็กชายและเด็กหญิงนั่งเหยียดขาหันหน้าออกไปมองไร่นาที่ถูกขุดเป็นแนวยาวจนสุดถึงริมน้ำที่อยู่ห่างไปประมาณสองกิโลเมตร  มันถูกขุดไว้สำหรับการหว่านเมล็ดสำหรับการทำนาช่วงหน้าหนาว  ตรงกลางผืนดินอันกว้างใหญ่มีหุ่นกลเกษตรกรรมคล้ายเศษเหล็กยืนตระหง่านสงบนิ่ง

     

    นี่  แล้วป้าแคทเป็นไงบ้างล่ะ  ชาล็อตหันมาถามเด็กหนุ่มที่กำลังเคี้ยวพายแอ็ปเปิ้ลอย่างเอร็ดอร่อย

     

    แม่เหรอ  ก็สบายดีนะ  ฌองตอบทั้งที่ปากยังเต็มไปด้วยพายของเด็กสาว  ช่วงนี้แม่ต้องทำงานหนักแทนในส่วนของพี่ด้วยนะ  แต่ตอนนี้ก็ยังดีอยู่  เป็นห่วงช่วงหน้าหนาวมากกว่า 

     

    เหรอ  แล้วฌองได้จดหมายจากพี่มารีบ้างหรือเปล่าล่ะ  ชาล็อตกล่าว

     

    ฉบับสุดท้ายมาถึงเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วนะ  เห็นว่าจะออกรบแล้วอาจจะไม่ได้เขียนส่งอีกนานเลย  แล้วทางพวกพี่ ๆ ชาล็อตล่ะ

     

    เด็กสาวส่ายหัว  เหมือนกันเลย  หวังว่าพี่ ๆ จะปลอดภัยดีนะ  ว่าแล้วเธอก็เหยียดตัวบิดขี้เกียจอย่างไร้ความเป็นกุลสตรี  ให้ตายสิ  ทำไมพวกพี่ต้องไปตามที่เขาสั่งด้วยนะ

     

    พี่เธอไปนะดีแล้ว  รู้ไหมว่าถ้าหนีทหารแล้วต้องเจอโทษแค่ไหน  ฌองเริ่มเขมือบพายชิ้นที่สองอย่างรวดเร็ว  เธอเองก็น่าจะเคยได้ยินนะว่าเกิดอะไรขึ้นกับคู่แฝดบ้าน เนย์ นะ

     

    ก็นะ  ชาล็อตบิดคอก่อนจะยันตัวลุกขึ้นมายืนอย่างกระปรี้กระเปล่า  แต่ว่าพวกพี่เขาเก่งอยู่แล้วล่ะ  ฝีมือขับหุ่นกลตอนช่วงงานเทศกาลไม่มีใครเทียบพี่ฉันได้เลย  อย่างพวกทหารจักรวรรดิกิ๊กก๊อกอะไรนั่นไม่คณามือพี่ชายของเราหรอก

     

    เด็กสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ภาคภูมิใจ  ทว่า  เธอก็ต้องถูกขัดจังหวะด้วยเสียงหัวเราในลำคอจากเพื่อนชายที่อยู่ข้างเคียง

     

    หึหึ แต่พี่ชายของชาล็อตนะยังสู้พี่สาวฉันไม่ได้หรอกนะ

     

    เห... เรื่องแบบนี้เอามาจากไหนเรอะ  ชาล็อตยืนเท้าสะเอวพลางมองฌองแก้มงอนตุบป่องที่ฌองดูถูกว่าพี่ชายทั้งสองของเธอมีฝีมือด้อยกว่าพี่สาว

     

    ฌองยัดพายชิ้นสุดท้ายเข้าปาก  ก่อนจะลุกขึ้นมาปัดเศษอาหารบนหน้าตักอย่างใจเย็น  ฉันไม่ได้กะจะดูถูกพี่มิเชลกับพี่เปสเตียนหรอกนะ  แต่ว่า...  ว่าแล้วฌองก็ชี้ไปยังผืนดินที่เขาเพิ่งขุดเป็นร่องเตรียมการสำหรับการหว่านเมล็ด  เธอน่าจะรู้นะว่าการจะดูว่าใครมีฝีมือการบังคับหุ่นกลแค่ไหนให้ดูจากวิธีการเดินนะ  และการพรวนดินนี่ก็ต้องอาศัยการเดินที่ซับซ้อนใช้ได้เลยล่ะ  อย่าได้ดูถูกมันไปเชียว  เห็นที่นาที่ฉันเพิ่งไถไหม  ระดับมือสมัครเล่นอัจฉริยะอย่างฉันใช้เวลาประมาณสามวันถึงจะเสร็จ.. 

     

    พื้นที่ที่ฌองไถนั้นครอบคลุมพื้นที่ริมน้ำจนเข้ามาแนวต้นไม้ที่นั่งอยู่  เบ็ดเสร็จแล้วเป็นพื้นที่หลายตารางกิโลเมตร 

     

    ถ้าเป็นระดับพี่มิเชลหรือพี่เปสเตียนคงจะไถได้มากกว่าฉันประมาณสองหรือสามเท่าภายในเวลาสามวัน  ซึ่งถือว่าเป็นเวลาที่ไม่เลวเลยล่ะ  ไม่สิ เรียกว่ายอดเยี่ยมมากเลย...

     

    ชาล็อตเอียงหน้าก่อนจะถามเพื่อนชายที่อยู่ดี ๆ ทำตัวยิ่งใหญ่เสียเกินหน้าเกินตา

     

    แล้วของพี่มารีล่ะ

     

    ฌองไม่ได้ตอบคำถามโดยทันที  เขากวักมือเรียกชาล็อตให้เดินตามเขาไปยังอีกฟากหนึ่งของแนวกันดิน  และผืนดินที่ปรากฏต่อหน้าฌองและชาล็อตนั้น....

     

    ส่วนนี่คือฝีมือที่พี่มารีทำไว้ก่อนจะไปรบนะ

     

    มันเป็นผืนดินที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ตั้งแต่คันดินจนจรดแนวสันเขาที่อยู่ตรงเส้นขอบฟ้า  มองไปทางไหนก็เห็นแต่ผืนดินที่ถูกไถแล้วเป็นอย่างดี  พื้นที่ของมันกว้างกว่าส่วนที่ฌองรับผิดชอบไม่รู้กี่เท่า 

     

    พี่ทำเสร็จทั้งหมดภายในสามวัน



    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

    Edit Log: 5 Feb, 2011: จบตอน
    Edit Log: 5 Feb, 2011: แก้ไขคำผิดกับชื่อฌองเล็กน้อย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×