ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ใต้ฟ้าสาธารณรัฐ

    ลำดับตอนที่ #44 : The ride of the Valkyries มารี (5)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 517
      3
      4 ก.พ. 54

    เวลา 15.01 น.

     

                    นายทหารทั้งสองกำลังสนทนากันอย่างคร่ำเคร่ง  ในขณะที่มองซิเออร์โคลแบร์กำลังช่วยดันหัวไหล่ของลูกชายกลับเข้าที่  ถัดไปไม่ห่างคือผู้หมวดซาเวียร์ที่ยังคงนอนพิงกำแพงหมดสติอยู่ 

     

                    แล้วมารีได้ทำอะไรบ้างในช่วงเวลาอันคับขันเยี่ยงนี้ ?

     

                    เธอนั่งคุดคู้ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว  นัยน์ตาของหล่อนเลื่อนลอยราวกับไร้วิญญาณ  ภาพของคนอื่น ๆ กำลังดิ้นรนเพื่อมีชีวิตรอดนั้นช่างดูไร้ความหมายเหลือเกิน  เมื่อได้ยินเสียงระเบิดมารีจะสะดุ้งอย่างหวาดผวา  แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะเสียสติไปแล้ว...

     

                    ความเจ็บปวดยังคงแสบทรวงบนแก้มไม่จาง  อีกทั้งความรู้สึกเปียกชื้นเบื้องล่างยังคงตามมาเยาะเย้ยให้อับอายอยู่ไม่ขาด

     

      ใช่แล้ว... มารีในตอนนี้มีสติดียิ่งกว่าครั้งไหน

     

    ทว่า  การมีสตินั้นเป็นเหมือนเครื่องทรมานที่กัดกร่อนจิตใจของหล่อน  เมื่อตอนที่พ่ายแพ้ให้กับความกลัว  สติสัมปชัญญะถูกดูดกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับความหวาดกลัว  ในหัวของหล่อนว่างเปล่า  ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีหรือความอับอายนั้นอันตธานหายไปจนหมดสิ้น  เหลือแต่ความสิ้นหวังและการยอมจำนน  กระนั้น  ความรู้สึกเจ็บปวดเมื่อฝ่ามือของ ผบ. หวดเข้าที่แก้ม ลากสติของหล่อนออกมาจากโคลนตมแห่งความสิ้นหวัง  ทำให้มารีรับรู้ถึงความน่าสมเพสของตนอีกครั้ง

     

    มารีกลัว... กลัวเสียงระเบิด  กลัวเสียงก้าวเดินของหุ่นกล  กลัวสงคราม  กลัวความตาย... แต่ก็รู้สึกอับอายที่หล่อนได้แต่ขี้ขลาดอยู่เช่นนี้

     

    กระนั้น  ถึงหล่อนจะอับอายแค่ไหน  แต่ความรู้สึกหวาดกลัวก็ยังฉุดรั้งตัวเธอไว้ไม่ให้ก้าวไปไหน

     

    ทั้งความกลัว  ทั้งความอับอาย  เธอรับรู้มันได้ชัดแจ้ง 

     

    เธอไม่ทราบหรอกว่าท่าน ผบ. และผู้กองเธโอดอร์วางแผนอะไร  ในหัวของหล่อนมีทั้งเสียงของโลกภายนอกและเสียงจากความทรงจำปะปนมั่วไปหมด  เสียงอวยพรอันอ่อนโยนของมารดา  เสียงบ่นด้วยความหงุดหงิดแต่แฝงความเป็นห่วงเป็นใยของเจ้าฌองน้องรัก  เสียงตะโกนโหวกเหวกของท่าน ผบ. ที่พูดถึง กุญแจ กับ รองเท้า   คำหวานของมิเกลที่สัญญาจะปกป้องหล่อนกับเสียงโหยหวนของเขายามเมื่อมองซิเออร์ดึงไหล่เขากลับเข้าที่  หล่อนได้ยินเสียงดนตรีขับกล่อมตอนงานเทศกาลหว่านเมล็ดพืชสลับกับคำรามของเครื่องยนต์และเสียงปืนที่ยิงกระหน่ำไปทั่ว 

     

    และเมื่อถึงจุดหนึ่ง  มารีรู้สึกได้ถึงเสียงกระซิบแผ่วเบาของชายผู้หนึ่งที่เธอเกือบจะลืมเลือนไปแล้ว  เสียงกระซิบของชายผู้มีสำเนียงหนักของคนภาคเหนือแต่กลับอ่อนโยน

     

    เสียงของผู้เป็นบิดา  ราอูล  มาลเดอร์...

     

    มารีไม่ทราบหรอกว่าคุณพ่อกำลังกล่าวอะไรกับเธอ  แต่มันทำให้หัวใจอันสั่นไหวสงบลงได้เหลือเกิน

     

    ใช่แล้ว  เพราะสงครามมันน่ากลัวอย่างนี้  คุณพ่อถึงได้ไม่เคยภูมิใจกับสิ่งที่ท่านต้องเผชิญมาเลย  ขนาดคุณพ่อที่ได้รับการขนานนามว่า สายฟ้าสีเงินแห่งอารียอง ยังหวาดกลัวสงครามขนาดนั้น  ฉะนั้นการที่ผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอจะขี้ขลาดได้ถึงขนาดนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย

     

    กระนั้น  เสียงบางเสียงในหัวก็คัดค้านออกมาอย่างหวาดหวั่น  มารีเอ๋ย  แต่ตอนนี้ตัวเธออยู่ในสงครามแล้ว  ถึงจะยอมรับได้แล้วว่าสงครามมันน่ากลัวแค่ไหน...มันก็สายไปแล้ว  ไม่มีใครฟังข้ออ้างของเธออีกแล้วนอกเสียจากพระผู้เป็นเจ้า  แต่พระองค์คงได้ฟังข้ออ้างนั้นเมื่อตอนที่หล่อนไปเข้าเฝ้าหน้าประตูสวรรค์แล้วล่ะ 

     

    เมื่อถึงตอนนั้น  ใบหน้าของซิลวีก็ผุดขึ้นมาในมโนภาพของเธอ  มันเป็นภาพรอยยิ้มครั้งสุดท้ายที่มารีเห็นตอนงานเลี้ยงก่อนออกรบ  เธอจำได้ดี  คำพูดสุดท้ายที่ซิลวีกล่าวกับหล่อนนั้นไม่ค่อยน่าพิสมัยเสียเท่าไหร่  แต่กระนั้นมารีก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่คำพูดสุดท้ายที่ซิลวีพูด

     

    .....เพราะฉะนั้น  รอจนถึงตอนนั้นหน่อยนะ

     

    ทว่า  ซิลวีก็ไม่กลับมา  หล่อนตายแล้ว  ภายใต้ผ้าคลุมสีเขียวนั่น  ป้ายชื่อเปื้อนเลือดที่เธอได้รับมา 

     

    ซิลวีตายแล้ว

     

    แล้วตัวเธอล่ะ  จะตามหล่อนไปอีกหรือเปล่า  หรือเธอจะปล่อยให้คนอื่นตามซิลวีไปอีกอย่างนั้นหรือ  ระหว่างนั้นเอง  ภาพของกองซากศพทหารจักรวรรดิในหลุมนั่นก็ปรากฏขึ้นแทน  นัยน์ตาไร้วิญญาณนับสิบนับร้อยจ้องมองมารี  และหนึ่งในนั้นคือใบหน้าเปื้อนเลือดของซิลวีที่ค่อยคืบคลานเข้ามาเรื่อย ๆ  จนกระทั่ง...

     

    เสียงเหล็กกระทบดังสนั่นปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์  วิคเตอร์วิ่งกระหืดกระหอบมายังมองซิเออร์โคลแบร์พลางสั่งว่า ฝากดูผู้หมวดด้วย ก่อนจะวิ่งกลับไปหาผู้กองเธโอดอร์ที่กำลังยืนเท้าเปล่า  ระหว่างนั้นเอง  มารีรู้สึกได้ถึงแววตาอันแห้งแล้งของ ผบ. เหลือบมองหล่อน  มันเป็นเพียงแค่ชั่วพริบตา  แต่นั่นมันก็เพียงพอที่จะทำให้มารีเห็นว่ามันเป็นแววตาที่ช่างน่าเศร้าเหลือเกิน

     

    มันเศร้าเสียจนรู้สึกว่า  ทั้งตัวหล่อนและ ผบ. นั้นไม่ต่างกันเสียเท่าไหร่เลย

     

    แต่ถึงแววตาของ ผบ. จะเศร้าแค่ไหน  เขาก็ยังเผชิญหน้าอย่างกับอันตรายอย่างกล้าหาญ  เมื่อสิ้นเสียง ตอนนี้ล่ะ  ไปได้!”  นายทหารทั้งสองก็ถีบตัวออกจากที่กำบังก่อนจะวิ่งไปตามทางของตน  ระหว่างนั้นเอง  มิเกลที่ไหล่เข้าที่แล้วก็รีบเขยิบตัวเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง  ใบหน้าของมิเกลกลืนกินแนวทัศนวิสัยของมารีทั้งหมด  แต่กระนั้นมันไม่ใช่ภาพใบหน้าของชายหนุ่มที่มารีกำลังมองอยู่...

     

    เธอเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่นของร้อยเอกเอมิลที่ยังถือปืนลูกโม่อยู่ในมือ  ควันขาวยังลอยฉุยออกมาจากปากกระบอก 

     

    จงฆ่าพวกมันอย่าให้เหลือเลยนะครับ เมื่อถึงวันนั้นแล้ว  ผมเชื่อว่ามาดมัวแซลจะต้องได้รับการปลดปล่อยเช่นเดียวกับผมในวันนั้นอย่างแน่นอน

     

    มารีทราบดีว่าสิ่งที่เอมิลกล่าวมามันไม่เกี่ยวกับสิ่งที่มารีกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้เลย  แต่ในใจลึก ๆ นั้นเธอกลับคิดต่างออกไป

     

    ตอนนี้ไม่มีใครปกป้องเธอได้แล้ว  ทั้งพ่อ ทั้งมิเกล  หรือแม้กระทั่ง ผบ. เดเวโรว์

     

    ใช่แล้ว  ถ้าฆ่ามันก่อนก็จบสินะ

     

    มารีเริ่มรวบผมที่ยุ่งเหยิงเป็นหางม้าด้วยไม่สนว่ามิเกลจะมีหน้างุนงงกับสิ่งที่เธอพึมพำออกมา  เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง  มารีทราบได้ทันทีว่านี่เป็นเสียงระเบิดของหุ่นกล  และในตอนนั้นเองที่สายตาของมารีเหลือบไปเห็นภาพที่ท่าน ผบ. กำลังล้มกลิ้งอยู่กับพื้น  เขากำลังกระเสือกกระสนอยู่กับการหาอะไรบางอย่าง

     

    มารี หลบเร็ว

     

    มิเกลกดหัวของมารีหมอบกับพื้น  เพียงไม่เท่าไหร่  เงาดำมืดก็ลากผ่านศีรษะของพวกเขาพร้อมพื้นที่สั่นสะเทือนเป็นจังหวะ

     

    เจ้าหุ่นกลแพนเซอร์กำลังมุ่งหน้าไปทาง ผบ.

     

    ถ้าจัดการเจ้าหุ่นนี่ได้ก็จบสินะ !”

     

    โดยที่ตัวเองก็ไม่ทราบว่ากำลังคิดอะไรอยู่  มารีสะบัดตัวจากอ้อมกอดของมิเกล  ถีบตัวทะยานออกจากที่หลบภัย  เธอกำลังวิ่งอยู่ใต้เจ้าหุ่นกลหุ้มเกราะตัวมหึมาราวกับคนบ้า  ระหว่างนั้นเองก็เกิดระเบิดขึ้นบนตัวหุ่นกลทำเอาตัวมารีเสียหลัก  แต่นั่นมันก็ไม่ได้หยุดเท้าของหล่อนได้เลย  มันเป็นโอกาสดีที่มารีจะวิ่งนำหุ่นกลที่มัวแต่ง่วนอยู่กับการทำลายผู้ที่เพิ่งโจมตี 

     

    ไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ  ถ้ากลัวก็แค่ต้องกำจัดมันทิ้งซะ

     

    มารีวิ่งอย่างเต็มแรง  ร่างของหล่อนพุ่งทยานไปอย่างรวดเร็ว  ปล่อยให้ผมหางม้าสีแดงฉาดปลิวลู่ไปตามลมราวกับเปลวเพลิงแห่งชัยชนะ  เป้าหมายคือ ผบ. เดเวโรว์ที่กำลังควานหาบางอย่างบนพื้น  มารีเห็นสิ่งที่คาดว่า ผบ. เดเวโรว์กำลังหาอยู่... กุญแจสลักเป็นเกลียวยาวสำหรับติดเครื่องของหุ่นกล  ในตอนแรกเธอเพียงแค่อยากจะช่วยท่าน ผบ. หาของอะไรบางอย่าง  ทว่า การกระทำต่อจากนี้มันผิดจากที่หล่อนคิดไว้ในตอนแรกไปหมด

     

    ใช่แล้ว  แค่กำจัดมันทิ้งซะ  ทุกคนก็จะไม่ต้องเดือดร้อนอีก

     

                    เธอคว้ากุญแจนั่นไว้  แต่แทนที่จะคืนให้กับ ผบ.  เธอกลับรีบวิ่งไปยังหุ่นกลสีเขียวที่นอนอยู่

     

              ทำอะไรของเธอนะ !”

     

                    ผบ. เดเวโรว์ตะโกนไล่หลังเศษฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย  กระนั้นมารีไม่สนใจอีกแล้ว  เธอรีบเลิกผ้าคลุมบริเวณส่วนหัวก่อนจะมุดตัวเข้าไปในผ้าคลุม  ปีนไปบนตัวหุ่นกลอย่างคล่องแคล่ว  เมื่อเสียบกุญแจที่รูไข  เกราะส่วนหน้าก็แง้มออกมา  พอมีที่ว่างให้เธอรีบสอดตัวเข้าไปในห้องบังคับทันที

     

                    แสงไฟสลัวภายในห้องบังคับสว่างพอที่จะทำให้มารีเข้านั่งประจำที่ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก  เธอสอดเท้าเข้าล็อคกับแป้นควบคุม  คาดเข็มเข็ด  ทุกการกระทำราวกับเป็นอัตโนมัติไม่มีการเคลื่อนไหวที่เสียเปล่า  เมื่อไขกุญแจเดินเครื่อง  เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์เกียตที่กำลังเผาผลาญแร่ไพไรท์บริสุทธิ์ดังคำรามขึ้นพร้อมกับเข็มหน้าปัดบนแผงควบคุมที่หมุนชี้ไปจนสุดอีกด้าน  จอภาพสีเขียวค่อย ๆ เรืองแสงขึ้น

     

                    พออยู่ในนี้แล้วมารีรู้สึกจิตใจสงบขึ้นกว่าเดิมมากเหลือเกิน  แม้ว่าหญิงสาวยังรู้สึกชื้นบริเวณเบาะที่นั่งอยู่แต่มันก็ยังดีกว่าจมกองฉี่โดยไม่ได้ทำอะไร เธอก็จัดการตบหน้าตัวเองเสียหนึ่งฉาดก่อนจะสอดแขนเข้าไปในคนบังคับที่ตรึงแขนไว้กับแขนเหล็กที่มีข้อต่อแบบเดียวกับแขนมนุษย์

     

              เจ้าคนขับแพนเซอร์เอ๋ย  เรามาเต้นรำกันเถอะ




    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
    Edit Log: 3 Feb, 2011: จบตอน
    Edit Log: 4 Feb, 2011: แก้ไขบทบรรยายเล็กน้อย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×