คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : เด็กดีทั้งหลายไม่ควรดื่มเครื่องดื่มมีนเมานะจ๊ะ
ถ้าจะเปรียบนครแห่งพ่อค้าเป็นเหรียญที่มีสองด้านก็คงไม่ผิดนัก
เหรียญด้านหนึ่งคือมหานครแห่งการค้าอันมั่งคั่งเป็นอันดับหนึ่งที่เป็นศูนย์กลางการค้าของโลก เป็นแหล่งศูนย์รวมของเหล่าปัญญาชนและศิลปินที่เป็นเฟืองจักรขับเคลื่อนการพัฒนาความศิวิไลซ์ของมนุษยชาติ หลักตรรกะและวิทยาศาสตร์ต่างเฟื้องฟู แนวคิดและนวัตกรรมต่างๆ ถูกประดิษฐ์รังสรรค์ไม่เว้นแต่ละวัน อาคารตึกรามบ้านช่องถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตราวกับยกสรวงสวรรค์ลงมาจากฟ้า
กระนั้นเหรียญอีกด้านกลับอัปลักษณ์ราวกับเป็นเงามืดของแสงสว่างจัดจ้านของอีกด้าน
อีกด้านหนึ่งของนครแห่งพ่อค้าคือความเหลื่อมล้ำทางสังคมระหว่างคนรวยกับคนจน ระหว่างคนที่สามารถทิ้งขว้างเงินที่เท่ากับเงินเก็บทั้งชีวิตของอีกคนเพียงเพื่อผ้าเช็ดหน้าเพียงผืนเดียว ความโสมมและความเน่าเฟะทางจริยธรรมที่หลบซ่อนอยู่ในซอกลืบของความฟุ้งเฟ้อเหล่านั้นมีให้เห็นได้ทั่วไปเมื่อยามราตรีมาเยือน
ถ้าลองเดินไปตามตรอกซอกซอยของท่าเรือฝั่งตะวันตกในยามค่ำคืนจะพบกับแสงสีเสียงที่ดูตระการตาราวกับเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหล แสงตะเกียงหลากสี เสียงดนตรีและผู้คนจากทั่วสารทิศที่เข้ามาเทียบท่าต่างเข้ามาหาความสำราญนั้นไม่อาจซ่อนสันดานดิบของเหล่ามนุษย์ได้ ภาพของเหล่ากะลาสีกลัดมันผู้กระสันหาหญิงสาวมาดับตันหาที่ค้างคาจากการติดแหง็กบนเรือเป็นเวลานาน เหล่านางโลมในชุดยั่วยวนคอยเชื้อเชิญบรรดาชายหนุ่มทั้งหลายให้มาหาความสำราญกับตนอย่างไร้ยางอาย เศรษฐีสูงวัยผู้มีอันจะกินควงเด็กสาวคราวลูกที่ตัวสั่นราวลูกนกเดินเข้าห้องรโหฐาน บรรดาขี้เมาทั้งหลายที่เดินโซเซไปมาคอยตกเป็นเหยื่อของแก๊งเด็กข้างถนนที่ฉกชิงวิ่งราวเพื่อประทังชีวิตไปวันๆ เสียงคนเมาอาละวาดตีกันจนเป็นสงครามขนาดย่อมมีเห็นได้ทั่วไปเกือบทุกวัน
แต่ท่ามกลางร้านรวงซ่องหอนางโลมและแสงสีเหล่านั้นกลับมีโรงเตี๊ยมคูหาเดียวซอมซ่อดูไม่เข้าพวกแห่งหนึ่งที่เปิดกิจการอยู่เป็นเวลาช้านาน ด้านหน้าทางเข้ามีเพียงป้ายไม้ที่ตัวอักษรจางจนอ่านแทบไม่ออก ดอกไม้เหี่ยว ๆ บนกระถางที่ห้อยประดับป้ายบ่งบอกการดูแลสภาพหน้าร้านที่ถูกละเลยเป็นเวลานาน
ไร้ซึ่งหญิงสาวคอยเชื้อเชิญแขก เหล่าแขกขาจรเข้าออกร้านอย่างเบาตา หน้าร้านที่ไม่ดึงดูดความสนใจแม้แต่น้อย
นั่นล่ะคือโรงเตี๊ยมร็อคซาน่าอินน์
...................................
.......................
...........
....
“นี่ซีเรียคนนั้นจริงๆ หรือ”
“โหหนูน้อยซีเรียกลายเป็นสาวสวยไปแล้วเหรอเนี่ย!”
“นี่ซีเรีย สนใจมาเป็นลูกสะใภ้ของลุงไหม?”
“ไม่ได้หรอกฟิลิปเป้ หนูซีเรียมีครอบครัวเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว แถมมาคราวนี้พกลูกมาด้วยนะ”
“ลุงเปโดรคะ หนูยังไม่ได้แต่งงานแล้วก็ยังไม่มีลูกด้วยค่ะ”
ภายในโรงเตี๊ยมซอมซ่อเต็มไปด้วยบรรยากาศครึกครื้นผิดกับรูปลักษณ์ภายนอก เหล่าบรรดาคุณลุงแก่ ๆ ซึ่งเป็นลูกค้าประจำของร้านต่างเข้ามาทักทายต้อนรับซีเรียอย่างชื่นมื่นราวกับได้พบหลานสาวอันเป็นที่รักอีกครั้ง ไม่น่าเชื่อเลยว่าภายในโรงเตี๊ยมคร่ำครึที่เหมือนรอเวลาการปิดกิจการลงกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอันอบอุ่น ราวกับเป็นการรวมครอบครัวที่ไม่ได้พบหน้ากันมานาน
ทว่าถัดออกไปเพียงช่วงตัวเดียวคือองค์หญิงเตเต้ที่เปลี่ยนฉลองพระองค์ชุดใหม่เสร็จแล้วถูกทิ้งให้นั่งแกร่วกับสัมภาระบนเคาน์เตอร์เพียงลำพัง ปล่อยให้หล่อนเหม่อมองอีกตัวตนของซีเรียที่พระองค์ไม่รู้จักมาก่อน
ตั้งแต่ทรงย่างเท้าเข้ามาในที่นี้เตเต้ก็เหมือนกับเป็นคนนอกมาตลอด เหล่าบรรดาคุณลุงทั้งหลายต่างล้อมหน้าหลังซีเรียทิ้งให้เตเต้เดียวดายในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย องค์หญิงก็ได้แต่นั่งงอนแก้ม ตุ๊บป่องรอซีเรีย
“ช้าจริงๆ เมื่อไหร่จะคุยเสร็จซะทีน้า ฉันหิวแล้ว”
เตเต้เท้าคางมองซีเรียอย่างหงุดหงิดโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีคนเพิ่งวางแก้วน้ำบนเคาน์เตอร์ด้านหลัง
“เอ้า ทำไมทำหน้าบูดซะอย่างนั้นล่ะ” เสียงของหญิงวัยกลางคนอันแหบแห้งดังขึ้นจากเบื้องหลัง “ดื่มนมอุ่นๆ ก่อนสิจ๊ะ”
ผู้ที่เสนอนมอุ่น ๆ แก่เตเต้เป็นหญิงวัยกลางคน ผิวขาวรูปร่างท้วม ผมสีแดงส้มราวกับถูกโฉลมไปด้วยฝุ่นทรายเกล้าเป็นมวนรวบไว้ด้านหลัง เธอมีนัยน์ตาสีน้ำตาลขุ่นบนใบหน้าที่อ้วนพองที่รอบคางสามารถแกว่งริ้วไขมันส่วนเกินไปมาได้เล็กน้อย สวมเพียงชุดปอน ๆ เก่าซอมซ่อที่มีผ้ากันเปื้อนสีขาวคาดไว้
เตเต้ไม่คิดว่าจะมีผู้อื่นมาสนทนากับตน จึงมองหญิงวัยกลางคนผู้นี้อย่างสับสน
“หือ หนูเข้าใจที่น้าพูดมั้ย?” หญิงรุ่นป้าถามเมื่อเห็นเตเต้ทำหน้างงๆ “หนู พูด ภา ษา กลาง เป็น มั้ย ?”
เตเต้ชี้มาที่ตัวเองเป็นการถามว่าพูดอยู่กับตนอย่างนั้นหรือ
“ใช่ หนูนั่นล่ะจ้ะ”
เตเต้พยักหน้าตอบ เมื่อเห็นดังนั้นหญิงวัยกลางคนจึงยิ้มอย่างถูกอกถูกใจ
“ดีแล้วๆ ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องคงจะลำบากแย่ แล้วหนูชื่ออะไรล่ะจ๊ะ”
“เตเต้... ตาลอสติเตส เตเต้”
“เตเต้งั้นเหรอ ชื่อน่ารักดีนะ” คุณป้าลูบศีรษะด้วยความเอ็นดู “น้าชื่อร็อคซาน่า แต่หนูเรียกแค่ว่าร็อคซี่ก็พอนะ”
คุณป้าร็อคซี่ที่กล่าวสรรพนามแทนตัวเองว่า “น้า” ได้อย่างหน้าตาเฉยยังคงยืนจ้องเตเต้อย่างสนอกสนใจ โดยไม่ได้สนเลยว่าเตเต้จะแสดงความรู้รู้สึกกระอักกระอ่วนออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน
“เอ้า ดื่มนมก่อนที่มันจะเย็นซะซี่ น้าเลี้ยงเอง ”
แก้วนมที่มีควันกรุ่นถูกเลื่อนไปเบื้องหน้า เตเต้มองของเหลวสีขาวขุ่นในแก้วอย่างฉงนใจ องค์หญิงน้อยยกแก้วมาดมฟุดฟิดราวกับสุนัขน้อยก่อนจะลองจิบนมสักอึก ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสงสัยเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าเหยเก
“แหวะ น้ำอะไรเนี่ย เหม็นคาวจะอ้วก!”
“ก็นมวัวธรรมดาๆ เท่านั้นเองนี่นา” คุณป้าร็อคซี่ลองจิบนมที่เตเต้ดื่มเหลือไว้อย่างสงสัย “ก็ไม่ได้บูดนี่นา... หรือว่าหนูไม่เคยดื่มนมวัวล่ะ”
เตเต้ส่ายหัวทั้งที่ยังหลับตาปี๋ แล่บลิ้นพยายามดับคาวในปากอย่างเอาเป็นเอาตาย แน่นอนว่า เกาะเล็ก ๆ อย่างอาณาจักรหอยกาบไม่มีวัวอยู่เลยสักตัว แล้วองค์หญิงจะเคยได้ดื่มนมจากไหน
“ว้า...ทำไงดีล่ะเนี่ย น้ำเปล่าก็ไม่มีซะด้วย” ร็อคซี่มองไปรอบตัวจนในที่สุดก็เหลือบไปให้ถังไม้ขนาดใหญ่ด้านหลัง
“เอ้า ดื่มนี่ไปก่อนก็แล้วกัน” ร็อคซี่วางเหยือกไม้ตรงหน้าองค์หญิงน้อย “ถึงขมหน่อยแต่ก็น่าจะกลบกลิ่นคาวนมได้ แต่อย่าดื่มเยอะล่ะ”
บทเรียนเมื่อสักครู่ทำให้เตเต้ค่อนข้างจะผวากับเหยือกตรงพอสมควร แต่ความคาวในพระปากมันช่างน่าสะอิดสะเอียนยิ่งกว่า
ในที่สุดเตเต้ก็กระดกแก้วขึ้นดื่ม
จิบแรกที่กล้ำกลืนลงไปมันช่างเฝื่อนขมเสียนี่กระไร แต่มันกลับมีแรงดึงดูดบางอย่างให้อยากดื่มต่อ เหมือนแต่ละจิบที่ผ่านคอไปจะค่อย ๆ ร้อนวูบวาบขึ้นอย่างแปลกประหลาด
“ร็อคซี่!” ซีเรียแทรกตัวออกมาจากกลุ่มคุณลุงทั้งหลายวิ่งมาหาร็อคซี่อย่างดีอกดีใจ เธอเดินอ้อมเข้าไปด้านหลังเคาท์เตอร์ก่อนจะเข้าไปสวมกอดคุณป้าร็อคซ่าน่าพร้อมทั้งน้ำตา “หนูกลับมาแล้วค่ะ ขอโทษจริงๆ ที่ไม่ได้ติดต่อมาเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ แค่หนูปลอดภัยน้าก็ดีใจแล้ว...” ร็อคซี่ตบหลังซีเรียเบาๆ “ว่าแต่นี่เหรอหนูน้อยซีเรียที่เคยทำงานอยู่ในร้านฉันนะ ตอนนี้โตจนเป็นสาวสวยไปซะแล้ว!”
“ฮะ ๆ ชมหนูเกินไปแล้วค่ะ” ซีเรียปาดน้ำตาอย่างเขินอาย “ว่าแต่ร็อคซี่ได้พบกับเตเต้แล้วรึยังคะ?”
“อ๋อ ลูกสาวหนูนะเหรอ เมื่อกี๊น้าเพิ่งให้นมไปดื่มแนะ”
“หนูยังไม่ได้แต่งงานค่ะ จะมีลูกได้ยังไงกัน” ซีเรียรีบโวยวาย “นี่คือเจ้านายของหนูค่ะ องค์หญิงเตเต้รัชทายาทแห่งอาณาจักรหอยกาบค่ะ”
เมื่อร็อคซี่หันไปมองยังเด็กสาวอีกรอบก็พบกับสิ่งที่ทำให้ร็อคซี่ต้องตกใจยิ่งกว่าการที่เตเต้เป็นเจ้าหญิง... มันคือภาพของเตเต้กำลังกระดกเยือกน้ำดื่มเอื้อก ๆ ไม่หยุด
“ตายแล้ว ๆ น้าบอกให้ดื่มนิดเดียวไง” ร็อคซี่รีบแย่งเหยือกแก้วมาจากมือเพียงเพื่อพบว่าภายในเหยือกนั้นว่างเปล่าเสียแล้ว “แค่ไม่ได้มองแป็บเดียวเอง”
“นี่ร็อคซี่ให้องค์หญิงดื่มอะไรคะเนี่ย” ซีเรียหันไปมองเตเต้ก็ต้องถึงกับตกใจไปอีกคน เมื่อใบหน้าของเตเต้ก่ำราวผลมะเขือเทศ นัยน์เยิ้มเหม่อลอย และปากที่ยิ้มร่าหุบไม่ลง
นี่มันอาการคนเมาชัด ๆ
“คือ... น้าก็แค่เห็นว่าเค้าเหม็นคาวก็เลยหาอะไรกลบคาวสักหน่อย แต่แถวนี้ก็มีแต่เบียร์กับเหล้า...” ร็อคซี่พยายามแก้ตัวพัลวัน “งั้นพาไปนอนชั้นบนก่อนก็แล้วกัน น้าจัดห้องไว้เรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ”
ซีเรียถอนหายใจพลางพยักหน้าตกลงก่อนจะเดินอ้อมเคาท์เตอร์เพื่อไปพาองค์หญิงตัวน้อยที่เมาแอ๋ไปนอนเสีย
“เตเต้ไปนอนก่อนเถอะค่ะ เมาเละแล้วเนี่ย”
แต่เตเต้กลับหันมาจ้องซีเรียด้วยนัยน์ตาเลื่อนลอย ศีรษะโยกไปเยกมาไม่หยุด
“มง มาว อารายกานนนน ช้านม่ายรู้จากกก” เตเต้ดื้อไม่ยอมลุก พลางพูดภาษาอาณาจักรหอยกาบปนกับภาษากลางมั่วซั่วไปหมด “ซีเรียจาล่ายช้านไปกลายๆ ช่ายม๊ายล่า หา...”
“อย่าดื้อสิค่ะ เตเต้สภาพตอนนี้ดูไม่ดีเลย”
“ม่ายดงม่ายดีอารายกาน... ช้านออกจาแฮ้ปปี้” องค์หญิงยังคงกล่าวไม่เป็นภาษาพลางหัวเราะอย่างไม่มีเหตุผล
ลูกค้าทั้งร้านต่างหันมามององค์หญิงน้อยเป็นทางเดียวกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วเกรงใจซีเรียและร็อคซาน่าเลยทำเป็นไม่สนใจต่อไป แต่ก็มีลูกค้าหลังร้านบางส่วนที่ดูเหมือนจะไม่ใช่ลูกค้าประจำทำท่าทางไม่ค่อยจะพอใจนัก
“นี่ซีเรีย...ยายหนูนี่เป็นเจ้าหญิงจริงเหรอ” ร็อคซี่กระซิบถามซีเรีย
“ค่ะ ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นอย่างนี้ แต่พระองค์จริง ๆ แล้วน่ารักมากเลยนะคะ”
ทว่าหูของเตเต้กลับไวเป็นเลิศ ได้ยินการสนทนาเมื่อสักครู่หมดทุกคำ
“อีกละ มีแต่โคนชอบมองข้ามช้านอยู่เรื่อยเลย...” คราวนี้องค์หญิงเอ่ยเป็นภาษากลางทุกคำ “ช้านเปนจ้าวหญิงแล้วจาทามมายยย....ฮือๆๆ”
จู่ ๆ พระองค์ก็เริ่มร้องไห้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เจ้าหญิงน้อยก้มซบเคาน์เตอร์พลางยกมือทุบอย่างเอาเป็นเอาตาย จากนั้นก็นิ่งเงียบไปสักพัก
“........”
“เตเต้...”
ก่อนที่ซีเรียจะได้เอื้อมมือไปถึง เตเต้ก็พลันเงยหน้าจ้องเขม็งซีเรียซีเรีย ทันใดนั้นเตเต้ก็เริ่มทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด
นั่นคือกระโดดขึ้นไปยืนบนเคาน์เตอร์ก่อนยืนตะโกนแหกปากดังทั่วร้าน
“พวกที่ม่ายเชื่อว่าราวเปนจ้าวหญิงนะฟางทางเน้!”
เตเต้ล้วงกระเป๋าหยิบม้วนสารหนังออกมา ก่อนคลี่ม้วนสารชูขึ้นให้ทุกคนในร้านเห็น
”ช้านนาเปนจ้าวหญิงเจงๆ น๊า ดูเลย สารเชิญเข้าปายเรียนที่วิทยาลายโซเฟียของจริง!อย่างน้อยช้านก็สำคัญพอที่จาด้ายร้าบเชิญเข้าปายเรียนล่า!”
จากนั้นเตเต้เริ่มแสดงสีหน้าอย่างพะอืดพะอม
แหวะ...
มันใช้เวลาไม่นานก่อนที่รัชทายาทแห่งเกาะหอยกาบจะขย้อนคายของเก่าในท้องออกมาเลอะเทอะไปหมด พร้อมกับร่างที่ทรุดฮวบหล่นลงมาอย่างน่าใจหาย แต่ซีเรียสาวรับใช้ผู้จงรักก็ว่องไวพอที่จะรองรับเจ้าหญิงน้อยของตนไว้ได้ทันท่วงที
ในที่สุดเตเต้ก็สงบลง นัยน์ตาหลับพริ้มราวกับเด็กอ่อนไร้เดียงสาในอ้อมอกแม่ ซีเรียได้แต่โล่งใจที่เตเต้ไม่หัวร้างข้างแตกเอา
“ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้ทุกคนวุ่นวาย” ซีเรียก้มศีรษะขออภัยร็อคซาน่า
“ความผิดน้าเองล่ะ น้าเป็นคนให้ยายหนูดื่มเบียร์เอง”
“ไม่หรอกค่ะ หนูเองที่ไม่ได้ดูองค์หญิงอยู่ตลอด เดี๋ยวหนูทำความสะอาดให้เองนะคะ” ซีเรียยังคงยืนกรานอย่างนอบน้อม
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวน้าจัดการเอง หนูซีเรียพาองค์หญิงของหนูไปพักก่อนดีกว่านะ”
ซีเรียยังลังเล แต่ร็อคซาน่ายืนกรานด้วยใบหน้าอันอ่อนโยน ปราศจากความโกรธแม้แต่น้อย สุดท้ายแม่แต่ซีเรียก็ต้องยอมทำตามเมื่อเห็นแก่เตเต้ในอ้อมแขน
............................................
............................
...............
.......
...
หลังจากซีเรียเปลี่ยนชุดนอนให้เตเต้เสร็จแล้วก็จัดแจงห่มผ้าห่มให้ เตเต้ที่นอนคุดคู้ในผ้าห่มบนเตียงดูน่ารักน่าชังไม่เหมือนกับตอนที่ที่ทุ่มชายร่างสูงใหญ่เกินตัวได้น่าตาเฉย หรือตอนที่เมาโวยวายในร้านข้างล่าง เมื่อเห็นพระพักตร์ดูสงบอย่างนี้แล้วซีเรียก็อดไม่ได้ที่จะลูบใบหน้าด้วยความเอ็นดู
“อืมม... เด็จพ่อจ๋า”
เสียงอู้อี้โหยหาพระราชบิดามาพร้อมกับน้ำตาไหลริน แขนกวาดไปมาราวไขว่คว้าหาบุคคลผู้เป็นที่รักยิ่ง แต่หากแดนไกลบ้านอย่างนี้มือเล็ก ๆ คู่นี้จะเอื้อมถึงพระบิดาผู้ทรงอ่อนโยนได้หรือ ?
แต่มือคู่นั้นนั้นหาได้ไขว่คว้าอย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไป ซีเรียกุมมือน้อย ๆ ที่ดูหยาบกร้านแต่กลับเปราะบางไว้ไม่ให้ห่าง
“ไม่ต้องห่วงหรอกนะเจ้าค่ะ ดิฉันจะคอยอยู่เคียงข้างปกป้องเตเต้จนกว่าชีวิตจะหาไม่เลย”
“อืมมม...”
จากนั้นก็ตามด้วยเสียงกรนอย่างสบายใจโดยที่ยังกุมมือของซีเรียแน่น รอยยิ้มของซีเรียที่มอบให้กับองค์หญิงน้อยนั้นช่างดูราวกับแม่กำลังดูการเจริญเติบโตของลูกสาวตัวดี ริมฝีปากอันเรียวสวยค่อย ๆ ก้มลงจุมพิตบนหน้าผาก
“ฝันดีนะเจ้าคะ”
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
Edit Log: 21 Feb, 2008: Finish chapter
Edit Log: 22 Feb, 2008: แก้สำนวน
Edit Log: 23Feb, 2008: แก้สำนวน
Edit Log: 25 June, 2011: มหกรรมรีไรท์
Edit Log: 14 June, 2012: รีไรท์
ความคิดเห็น