คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : หนูๆ ทั้งหลายจงจำไว้ ผลัดวันประกันพรุ่งมันไม่ดีหรอกนะ
เรือกอนโดล่าไม้โอ๊คสีดำขลับแล่นตัดผ่านผืนน้ำสีน้ำเงินอย่างเชื่องช้าเข้ากับบรรยากาศยามเช้าที่ไม่เร่งรีบ เสียงดังจ๋อม ๆ ของไม้ค้ำกับเสียงเกลียวคลื่นที่เรือแล่นตัดผ่านผสานกับเสียงนกนางนวลฟังแล้วทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นสงบลงได้อย่างเหลือเชื่อ แดดยามเช้าของวันนี้ดูอบอุ่นเป็นพิเศษ นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งแจ่มใสขนาดนี้ ชวนให้จินตนาการว่าเทพธิดาผู้ทรงศักดิ์แหวกม่านหมอกลงมาเที่ยวเตร่ในมหานคร ดังนั้นมันจึงไม่แปลกที่จู่ ๆ จะมีคนฮัมเพลงอย่างสุขอกสุขใจ หรือพ่อค้าแม่ค้าจะลดราคาสินค้าให้เป็นกรณีพิเศษ
ทว่าบนเรือกอนโดล่าลำน้อยนี้กลับตลบอบอวนไปด้วยบรรยากาศมืดมนและทุกข์ระทม ขัดกับบรรยากาศโดยรอบทุกประการ
“โอ้ย! ปวดหัว...”
เจ้าหญิงผู้เป็นรัชทายาทอันดับหนึ่ง มกุฎราชกุมารีแห่งอาณาจักรหอยกาบ องค์หญิงตาลอสติเตส เตเต้ บ่นงอแงอยู่ตลอดเวลานับตั้งแต่ตื่นนอนจวบจนถึงปัจจุบัน ในคราแรกเตเต้หวังว่าอากาศยามเช้าอันสดใสของวันจะช่วยให้หายอาการปวดหัวที่ราวกับมีปลาหมึกกำลังดูดมันสมองในหัว บวกกับอาการคลื่นไส้อาเจียนอันแสนจะทรมานนั่น
“แหว่ะ....ใครก็ได้ฆ่าฉันทีเหอะ”
แต่ดูจากสภาพในตอนนี้คงพูดได้ว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรสักนิด
“จำไว้เลย ต่อไปนี้ฉันจะไม่ดื่มอะไรที่ยายป้าคนนั้นยื่นให้อีกแล้ว!”
“เตเต้คะ ถ้าขยับตัวมากไปเรือจะพลิกได้นะ” ซีเรียกล่าวขณะที่มือเกาะขอบเรือกอนโดล่าที่กำลังโคลงเคลงไปมา
“ช่างมันประไร มันจะมีอะไรแย่ไปกว่าตอนนี้อีกแล้วล่ะ โอ๊ย ปวดหัว” เตเต้กุมศีรษะบิดไปมา ใบหน้าบู้บี้ราวกับว่าฟ้าจะถล่มดินจะทลายเดี๋ยวนั้น
แม่บ้านผู้สัตย์ซื่อได้แต่ถอนหายรอบแล้วรอบเล่าพลางหันหลังไปยิ้มแห้ง ๆ ให้กับคุณลุงฟิลิปเป้ ลูกค้าขาประจำของโรงเตี๊ยมร็อคซ่าน่าอินน์ ผู้ที่กำลังพายเรือกอนโดล่าอย่างสบายอกสบายใจ
“ขอโทษเลยนะคะที่ต้องรบกวนคุณลุงแต่เช้าเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงเสียมันก็เป็นทางผ่านอยู่แล้ว แถมยังมีสาวน้อยน่ารักๆ อย่างหนูมานั่งบนเรือลุงแค่นี้ก็ชื่นใจไปทั้งวันแล้วล่ะ”
และดูเหมือนว่าสิ่งที่คุณลุงฟิลิปเป้พูดนั้นจะเป็นความจริงมากกว่าเป็นแค่คำพูดตามมารยาท คุณลุงยิ้มร่าพลางผิวปากอย่างสบายอารมณ์ และดูเหมือนคุณลุงจะถือเป็นความสุขเล็ก ๆ ที่ได้ซีเรียมาประดับเรือให้เป็นที่สนใจของเรือลำอื่น
จากนั้นไม่นานเรือกอนโดล่าลำน้อยก็แล่นเข้าสู่คลองสายหลักที่เป็นหัวใจของการคมนาคมของมหานครชั้นใน คลองมีขนาดกว้างขนาดต้องใช้เรือกอนโดล่าต่อตามแนวยาวประมาณสิบกว่าลำถึงจะเชื่อมถึงอีกฝั่งหนึ่ง คูคลองทอดตัวคดเคี้ยวผ่านตัวเมืองโดยมีอาคารหลากสีสันตั้งตระหง่านราวกำแพงขนาบข้างทั้งสองฝั่งคลอง สภาพอากาศแจ่มใสเช่นวันนี้ชวนเชิญให้เหล่าผู้คนต่างเปิดหน้าต่างรับแสงแดดของวัน และมันก็ไม่แปลกถ้าเห็นแม่บ้านนำผ้าออกมาตากริมหน้าต่าง หรือเหล่าบรรดาสามีผู้ว่างงานออกมานั่งคาบยาสูบพ่นควันปุด ๆ บนระเบียงอย่างสบายใจ
“นอกจากคลองสายหลักนี้แล้วยังทางเส้นทางน้ำสายอื่นตัดผ่านตัวเมืองอีกนับร้อยสายเพื่อความสะดวกในการคมนาคมค่ะ ตรงนี้อาจจะเห็นไม่ชัด แต่ถ้าเตเต้ได้ขึ้นไปบนยอดปราสาทของวิทยาลัยโซเฟียแล้วจะเห็นได้อย่างชัดเจนค่ะ ตอนนั้นฉันเคยมีโอกาสได้ขึ้นไปชมทิวทัศน์ครั้งหนึ่ง มันเป็นภาพที่สวยงามมากเลย ราวกับว่าทั้งเมืองถูกขุดเป็นคูคลองซะพรุนไปหมดเลย]jt”
ตลอดลำคลองจะเห็นเรือพายลำน้อยใหญ่ต่างผูกกับเสาหลักสีฟ้าริมน้ำเรียงกันเป็นแถวไปจนแทบจะไม่มีที่ว่างเหลือ ในบางคราที่มีเรือลำอื่นแล่นสวนผ่าน คุณลุงฟิลิปเป้ก็ทักทายพูดคุยตามภาษาคนรู้จัก แถมอีกฝ่ายมีการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ถอดหมวกทักทายซีเรียอีกด้วย
ระหว่างนี้ซีเรียก็เริ่มถือวิสาสะเป็นมัคคุเทศก์เฉพาะกิจ มือของหล่อนชี้ไปมาพัลวัน เริ่มบรรยายเกี่ยวกับสถานที่และสิ่งก่อสร้างที่น่าสนใจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสะพานโค้งสีขาวไร้ตอม่อที่เป็นความภาคภูมิใจของอาณาจักรพ่อค้าอันมั่งคั่ง คุยฟุ้งเรื่องโดมวิหารหินอ่อนที่รอดจากเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ หรือนิทานเกี่ยวกับรูปปั้นของสองฝั่งเมืองที่ไม่ถูกกัน
แต่กระนั้นเตเต้กลับหาได้มีความสนใจในเรื่องราวที่ซีเรียเล่ามาเลย เธอเพียงแต่เหลือบมองตาลอย ๆ พลางพึมพำคำว่า “เหรอ” หรือ “อืม
” ก่อนกลับไปทำหน้าพะอืดพะอมต่อ
“เตเต้ค่ะ ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวเรากลับกันก่อนก็ได้นะคะ”
“เรื่องสิ! อุตส่าห์ออกมาแล้วทั้งที ฉันไม่กลับไปที่ร้านแล้วดื่มน้ำรสชาติพิลึกนั่นอีกหรอก”
ซีเรียถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนกับตรรกะแปลก ๆ ขององค์หญิง เพราะถึงกลับไปก็ไม่ต้องดื่มเบียร์หรือนมก็ได้
ดูเหมือนเตเต้จะเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง แต่ช่างมันเถิด ขืนให้ขลุกอยู่แต่ในห้องคงได้แย่กว่านี้แน่
ทว่ามันก็มีบางสิ่งที่ช่วยให้องค์หญิงน้อยสร่างเมาค้างเร็วขึ้น
ทันใดนั้น อาการวิงเวียนที่เคยอัดแน่นในหัวก็พลันอันตรธานหายไปสิ้นเมื่อภาพของปราสาทขาวปรากฏต่อหน้า นัยน์ตาสีน้ำทะเลเบิกกว้างเมื่อยามแหงนหน้ามองยอดหอคอยที่สูงจนทำให้ผู้มองรู้สึกเหมือนกับเป็นมดตัวน้อยที่คอยแหงนหน้ามองมนุษย์เลยทีเดียว
เรือกอนโดล่าลำน้อยจอดเทียบท่าบริเวณใกล้เคียงก่อนจะถึงตัวปราสาท เนื่องจากเลยคุ้งน้ำเลยจากนี้ไปเป็นเขตหวงห้ามที่ไม่ให้คนธรรมดาเลยล้ำเข้าไป
หลังจากกล่าวอำลาลุงฟิลิปเป้เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองจึงมุ่งหน้าเข้าสู่ลานกว้างที่หน้าปราสาท คูน้ำที่ต่อจากคลองหลักเป็นสิ่งที่แบ่งแยกส่วนของปราสาทกับลานกว้างออกจากกัน สะพานหินมีป้อมประตูขนาดใหญ่เชื่อมต่อระหว่างปราสาทกับลานกว้าง เหล่าบรรดาทหารหาญในชุดเครื่องแบบสีเขียวขาวกระชับปืนคาบศิลาติดดาบปลายปืนยืนเฝ้ายามราวกับเป็นรูปปั้นมีชีวิต กำแพงสีขาวสูงยังคงตั้งตระหง่านเหมือนเมื่อวันวานเมื่อครั้นถูกสร้างเมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว อีกทั้งยังประดับประดาด้วยเหล่าริ้วธงประจำราชอาณาจักรและตระกูลชั้นสูงทั้งหลายโบกไสวต้องสายลมราวกับเป็นศูนย์รวมของอำนาจผู้ปกครองในโลกนี้
“ซีเรีย ดูสิ ๆ ! นี่มันปราสาทขาวที่เห็นเมื่อวานนี่นา โห...ไม่คิดเลยว่ามันจะใหญ่ขนาดนี้”
เตเต้ยืนแหงนหน้ามองดูปราสาทสีขาวอย่างตื่นเต้นจนเผลออ้าหวอค้างเสียอย่างนั้นตั้งนานนม
“มันทำเอาเรากลายเป็นมดไปเลย เข้าใจไหมซีเรีย เป็นมดนะ ของจริงมันคนละเรื่องกับภาพในหนังสือเลย นี่ ๆ ซีเรียรู้อะไรเกี่ยวกับปราสาทนี้ไหม”
ซีเรียเผยรอยยิ้มพึงพอใจที่ในที่สุดองค์หญิงน้อยก็ต้องการรับฟังคำพูดของหล่อนเสียที
เมดสาวผายมือแนะนำปราสาทตรงหน้าด้วยความภาคภูมิ
“นี่ล่ะค่ะ วิทยาลัยโซเฟีย”
ปากของเตเต้ยิ่งอ้ากว้างเข้าไปอีกเมื่อได้ยินคำพูดของซีเรีย เธอหันมามองซีเรียอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้ยินเมื่อสักครู่ ก่อนจะหันกลับไปแหงนมองปราสาทพร้อมกลืนน้ำลายอึกใหญ่
“ธงบนกำแพงนั่นเป็นธงประจำตระกูลแสดงถึงผู้ที่กำลังเข้ารับการศึกษาในวิทยาลัยโซเฟียค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ ดิฉันเองเตรียมธงของอาณาจักรหอยกาบไว้เพื่อการนี้แล้วล่ะค่ะ เตเต้คงอยากเห็นธงหอยกาบโบกสะบัดบนยอดกำแพงเหมือนกันใช่ไหมล่ะ”
เจ้าหญิงแห่งอาณาจักรหอยกาบเหม่อมองธงบนกำแพง เหล่าตราสัญลักษณ์บนธงทั้งหลายล้วนดูคุ้นเคยเหมือนเคยผ่านตามตามตำราประวัติศาสตร์หรือพงศาวดารของเหล่าอาณาจักรทั้งหลาย
ระหว่างนั้นเองขบวนรถม้าก็เคลื่อนขบวนมุ่งหน้ามาทางปราสาท รถม้าสีน้ำเงินสลักทองลวดลายกวางสองตัวหันหน้าเข้าหากันพร้อมกับเหล่าขบวนผู้อารักขาบนหลังอาชาในชุดสีน้ำเงินหรูหราบ่งบอกถึงสถานะของผู้ที่โดยสารมาได้เป็นอย่างดี
“ดูจากตราบนรถม้าแล้วคงเป็นใครสักคนในตระกูลเซซิอารี่แน่เลยค่ะ”
ดูจากสีหน้าขององค์หญิงแล้วซีเรียก็พอจะทราบได้ว่าเตเต้ไม่ทราบถึงเรื่องที่ซีเรียกล่าวเมื่อสักครู่เป็นแน่
“โธ่ ดิฉันเคยสอนไปแล้วไม่ใช่เหรอคะเกี่ยวกับตระกูลผู้มีอิทธิพลทั้งหลายของอาณาจักรพ่อค้าอันมั่งคั่งนะค่ะ” องค์หญิงทรงส่ายพระพักตร์เป็นอันสรุปเรื่องราวทั้งหมด ซีเรียจึงต้องเริ่มสาธยายความรู้รอบตัวใหม่อีกรอบ “ตระกูลเซซิอารี่เป็นตระกูลพ่อค้าเก่าแก่ตระกูลหนึ่งของอาณาจักรพ่อค้าเลยทีเดียว ทำการค้าขายเป็นพ่อค้าคนกลางระหว่างจักรวรรดิกลางอันเกรียงไกรกับอาณาจักรทางภาคพื้นทวีปตะวันตกเป็นเวลาช้านาน นอกจากนี้ตระกูลเซซิอารี่ครองส่วนแบ่งหนึ่งในสี่ของการค้าทาสกับสินค้าจำพวกผ้าไหมและเครื่องเทศที่เข้าสู่ทางทวีปตะวันตกเชียวนะคะ ถือว่ามั่งคั่งเป็นอันดับต้น ๆ ไม่แพ้ตระกูลกษัตริย์ทั้งหลายเลย”
แต่ทว่านอกเหนือจากที่ซีเรียอธิบายแล้ว เตเต้ก็ได้ยินสิ่งที่ผู้คนบนท้องถนนซุบซิบนินทาอย่าเผ็ดมันด้วย
“ดูสิ ถึงขนาดกั้นถนนเพื่อเอารถม้าเข้ามาวิ่งอวดศักดาว่าข้ารวย เจ้าพวกคนรวยมันจะทำให้ชาวบ้านชาวช่องเค้าเดือดร้อนไปถึงไหนกัน!”
“นี่เดี๊ยนได้ยินมาว่าปีนี้พวกเซซิอารี่จะส่งเจ้าลูกเมียน้อยนั่นเข้าเรียนนี่ คงคิดจะส่งลูกสาวให้ไปจับพวกเจ้าชายโง่ ๆ ในนั้นแน่เลย”
“ได้ข่าวว่าผู้นำตระกูลดันเป็นหมันนี่ เปลี่ยนเมียมาตั้งหลายคนก็ไม่มีลูกเสียที แต่ดันไปทำนางบำเรอท้องซะได้แถมลูกออกมายังเป็นผู้หญิงอีก คิดเหรอว่าลูกของยายนั่นจะเป็นลูกแท้ ๆ ของตัวนะ ช่างน่าสมเพชจริง ๆ”
“พวกนั้นมันกระสันอยากจะมีเชื้อเจ้ามาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่นา โดนตระกูลอื่นดูถูกตลอดว่าเป็นแค่ตระกูลพ่อค้าริอาจเทียบชั้นกับตระกูลขุนนางชั้นสูง”
จนแม้แต่ขบวนรถม้าผ่านเข้าไปในปราสาทหมดแล้วเสียงข้อครหานินทาก็ยังซุบซิบกันปากต่อปากไม่หยุดหย่อน
“เตเต้คะ พวกเราเองก็เข้าไปกันดีกว่า”
เตเต้ทอดสายตามองเหล่าฝูงชนและปราสาทโซเฟียที่สูงชะลูดอย่างกระอักกระอ่วนใจก่อนจะหันไปยิ้มแห้ง ๆ กับซีเรีย
“แฮะ ๆ ฉันลืมเอาจดหมายเชิญมานะ”
“หา...ก็ดิฉันเห็นเตเต้หยิบมาแล้วนี่คะ”
ซีเรียแย้งแต่เจ้าหญิงเตเต้ยังพยายามแถเลี่ยงไปเรื่อย
“เอาน่า เรายังมีเวลาอีกตั้งอาทิตย์กว่าจะหมดเขตไม่ใช่หรือ ไปเที่ยวในตัวเมืองกันก่อนเถอะ อากาศดีออกขนาดนี้แท้ ๆ”
ซีเรียได้แต่ต้องทิ้งข้อสงสัยที่ว่า “แล้วเมื่อสักครู่ที่กำลังจะเป็นจะตายนั่นมันคืออะไร” ทิ้งไปก่อนเดินตามเตเต้ที่กระโดดอย่างเริงร่าบนท้องถนน
จากนั้นเตเต้และซีเรียก็ท่องเที่ยวรอบตัวเมืองอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะองค์หญิงที่ดูเหมือนจะตื่นตาตื่นใจไปกับทุกๆ อย่างที่เมืองนี้พึงจะเสนอมาได้
“ซีเรียลองไปกินพายร้านนั้นกันไหม เห็นคนต่อแถวกันยาวเลย”
ซีเรียมองชื่อร้านพายคุณนายเลิฟเ*ทแล้วก็พลันรู้สึกสยองขวัญขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุก่อนจะลากองค์หญิงไปห่างอย่างรวดเร็ว
“นั่นโรงอุปรากรใช่ไหม คืนนี้เรามาดูกันเถอะ”
ถ้าไม่สนเรื่องจำนวนเหรียญกษาปณ์ที่เหลือเพียงน้อยนิดในกระเป๋าแล้ว ซีเรียก็ไม่อยากให้องค์หญิงน้อยของตนโดนโคมไฟแชนเดอร์เลียล่นใส่พระเศียรสักเท่าไหร่นัก
“ว้าว หออะไรเนี่ยสวยจังเลย ดูสิ ๆ มีรูปสัตว์ประหลาดเกาะตามหลังคาเต็มไปหมด โห ระฆังเต็มไปหมดเลย อยากรู้จังว่าใครเป็นคนตีระฆังทั้งหมดนั่นนะ”
ซีเรียก็ได้แต่หวังว่าองค์หญิงคงจะไม่ต้องหนีใครหัวซุกหัวซุนจนไปเจอกับคนตีระฆังนั่นเข้าก็แล้วกัน
มันเป็นเวลาเย็นใกล้ค่ำก่อนที่ทั้งสองจะลากสังขารกลับมายังโรงเตี๊ยมร็อคซาน่าอินน์ ถึงแม้จะเดินเที่ยวทั้งวันอย่างไม่หยุดหย่อน แต่เตเต้ยังคงดูสดชื่นกระปรี้กระเปร่าพลังงานเต็มเปี่ยมผิดกับรูปร่างผอมแห้งแรงน้อย
ทันใดนั้นเอง....
โอ้ย !
ระหว่างกำลังจะขึ้นไปบนห้องตนจากทางด้านหลังของร้าน เตเต้ก็ชนเข้ากับชายฉกรรจ์คนหนึ่งที่ดูเหมือนรีบร้อนวิ่งลงมาราวกับหนีอะไรบางอย่างอย่างไม่คิดชีวิต แต่แทนที่จะกล่าวคำขอโทษ เขาหลับรีบเผ่นออกไปอย่างรวดเร็ว มีแต่เสียงด่าทอของเตเต้ไล่หลังเจ้าหมอนั่นไป
“ฉันจำหน้ามันไว้ได้แล้ว คอยดูเหอะ เจอครั้งหน้าแม่จับล็อคให้มันนอนตายกันไปข้างเลย!”
แต่ซีเรียกลับมีท่าทีเคร่งเครียดราวกับฉุกคิดอะไรได้บางอย่าง รีบวิ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็วก่อนจะตะโกนเรียกหาเตเต้อย่างรีบร้อน
“เตเต้คะ ไปเรียกร็อคซี่ขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!”
เตเต้เดินขึ้นไปข้างบนด้วยความสงสัยก็ต้องพบซีเรียที่กำลังประคองหญิงสาวแดงสกปรกผู้หนึ่งขึ้นมาจากพื้น ศีรษะของเธอมีรอยฟกช้ำเหมือนถูกอะไรกระแทกอย่างแรงจนหมดสติ
“เร็วสิคะเตเต้!”
..................................
.......................
............
....
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะค่ะ ขอโทษนะค่ะที่ทำให้ทุกคนวุ่นวายกันไปหมด”
หญิงสาวผมสีแดงสกปรกนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องครัวที่อยู่ด้านหลังโรงเตี๊ยม ศีรษะด้านขวาของหล่อนปูดบวมราวเป็นลูกมะนาวยิ่งทำให้ศีรษะเถิก ๆ ของหล่อนดูเด่นขึ้นเข้าไปใหญ่ ใบหน้าเรียวยาวที่เต็มไปด้วยกระของหญิงสาวอายุไม่เกินยี่สิบห้ายังคงแฝงไปด้วยความตื่นตระหนกไม่หาย นัยน์ตาสีน้ำตาลขุ่นจ้องมองแม่บ้านสาวที่ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นประคบศีรษะเธออยู่ สำเนียงภาษากลางที่เธอพูดนั้นดูกระท่อนกระแท่นคล้ายกับสำเนียงที่ร็อคซาน่าพูดราวกับเป็นคนบ้านเดียวกัน
“ไม่หรอกค่ะ ถ้าไม่ได้คริสเทียน่ามาเจอเข้าก่อนล่ะก็ ป่านนี้สมบัติของพวกเราคงโดนขโมยไปหมดแล้ว” ซีเรียกล่าว
“ใช่แล้วล่ะ ถ้าพี่ไม่อยู่ป่านนี้คงโดนยกเค้าหมดห้องแหง” องค์หญิงกล่าวเสริม
“ขอบคุณค่ะ โอ้ย!” คริสเทียน่าหลับตาปี๋เจ็บรอยปูดที่ซีเรียกำลังเช็ดอยู่
จากคำบอกเล่าของร็อคซาน่า คริสเทียน่าจะเป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานวันนี้เป็นวันแรก เธอเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังว่าระหว่างที่เธอกำลังเข้าไปทำความสะอาดห้องของเตเต้ เธอบังเอิญไปเจอผู้ชายคนหนึ่งกำลังพยายามงัดแงะห้องอยู่พอดี
“ตอนนั้นฉันพยายามจะตะโกนเรียกคนอื่นแล้ว แต่โดนผู้ร้ายคนนั้นผลักล้มหัวชนผนังจนมึนไปหมดเลยล่ะค่ะ”
ในตอนนั้นมันเป็นเวลาเดียวกันกับที่เตเต้และซีเรียมาถึงโรงเตี๊ยมพอดีเลยช่วยเธอไว้ทันกาล คาดว่าผู้ชายที่วิ่งชนเตเต้จะเป็นคนเดียวกันกับที่พยายามบุกเข้าไปในห้องกับทำร้ายคริสเทียน่า
“แต่ว่าแย่เลยนะ อุตส่าห์มาทำงานเป็นวันแรกก็เจอดีเข้าเสียแล้ว” เจ้าหญิงเตเต้เอ่ย “ถ้าเป็นที่เกาะหอยกาบต้องทำพิธีล้างโชคร้ายยกใหญ่เลยนะเนี่ย” เมื่อองค์หญิงพูดจบก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าเมื่อวันก่อนก็เพิ่งเจอเรื่องแย่ ๆ มาเหมือนกัน “นี่ซีเรีย ฉันว่าเราก็น่าจะทำเหมือนกันนะ ตั้งแต่มาสองวันนี่เจอแต่อะไรแปลก ๆ ทั้งนั้นเลย”
หลังจากนั้นคริสเทียน่าก็พยายามที่จะขอไปทำงานต่อ แต่ร็อคซาน่าสั่งผ่านซีเรียไว้ให้เธอไปพักผ่อน หลังจากถกเถียงกันอยู่นานสุดท้ายคริสเทียน่าก็ยอมไปพักผ่อนตามที่ร็อคซาน่าขอร้องมาโดยซีเรียจะเป็นคนช่วยทำงานแทนในส่วนของเธอไปก่อน
................................
........................
............
....
“ร็อคซี่นึกครึ้มอะไรกันค่ะเนี่ยถึงได้ จ้างเด็กใหม่มาทำงาน” ซีเรียถามร็อคซี่ระหว่างกำลังเช็ดแก้วอยู่ “ทั้งที่นอกจากหนูแล้วร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นจ้างคนอื่นเลยนี่คะ”
“เห...ที่ถามอย่างนี้น้อยใจที่น้าไปจ้างคนอื่นเหรอ”
“เปล่าค่ะ แค่มันกะทันหันจนน่าแปลกใจนะ”
เมื่อเห็นว่าซีเรียไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรเป็นพิเศษ ร็อคซ่าน่าจึงค่อยผ่อนตัวพิงเคาน์เตอร์อย่างเหนื่อยอ่อน “เห็นอย่างนี้ความจริงน้าเองก็แก่ลงมากเลยนะ เจ้าแก่นั่นก็ออกทะเล นานปีจะกลับมาบ้านที น้าเองก็คงทำโรงเตี๊ยมนี้คนเดียวแบบสมัยก่อนไม่ได้แล้วล่ะ”
“แปลกจริง ๆ เลยนะค่ะที่ร็อคซี่ยอมรับว่าตัวเองแก่นะ” ซีเรียกล่าวติดตลกพร้อมกับขำออกมาเล็กน้อย
ร็อคซาน่าที่ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะชอบใจออกมาพร้อมกับใช้ฝ่ามืออันทรงพลังขยี้ผมซีเรียอย่างเมามัน
“แหม ยังฝีปากยังคงดีไม่เปลี่ยนเลยนะ เห็นตอนอยู่กับคุณหนูหัวหยิกนั่นแล้วดูเรียบร้อยผิดหูผิดตาเชียว ยังนึกอยู่เลยว่าเปลี่ยนไปมากเหมือนกัน ที่ไหนได้...” หลังจากสาแก่ใจแล้วร็อคซาน่าจึงเล่าเรื่องต่อ “พูดถึงคริสเทียน่าตอนแรกน้าก็กะจะไม่จ้างหรอก เธอเองก็โผล่มาเมื่อเช้าตอนที่พวกเธอออกไปได้ไม่นานสักเท่าไหร่ แต่เห็นว่าหล่อนเป็นคนถิ่นเดียวกับน้าถ้าไม่ช่วยเหลือมันก็กระไรอยู่ เห็นเธอมาอ้อนวอนขอเข้าทำงานแล้วก็นึกสงสาร ช่วงนี้งานยิ่งหายากอยู่ด้วย แต่ก็ดีนะ เท่าที่ดูมาก็ทำงานได้คล่องเชียวล่ะ ประหยัดแรงน้าได้เยอะเลย”
“งั้นเหรอค่ะ” ซีเรียกลับไปใช้ความคิดอีกสักพักก่อนสักครู่ “ร็อคซี่ค่ะ หนูมีเรื่องติดใจเกี่ยวกับเรื่องเมื่อเย็นนะค่ะ”
“อืมมม น้าเองก็ตกใจเหมือนกันนะ มันกี่ปีมาแล้วนะที่ไม่มีคนกล้าลองดีปล้นโรงเตี๊ยมตั้งแต่น้าฟาดหัวเจ้าหนุ่มนั้นจนไม่ฟื้นนะ” ดูจากรูปร่างของร็อคซาน่าแล้วก็ไม่น่าแปลกใจนักที่เธอจะทำได้อย่างที่กล่าวมา
“เปล่าค่ะ ที่หนูสงสัยคือทำไมพวกนั้นถึงมาปล้นห้องของหนูต่างหาก ทั้งที่ก็เพิ่งมาพักเป็นคืนแรกแท้ ๆ เท่าที่หนูตรวจสอบดูแล้วนอกจากที่ห้องจะโดนค้นจนกระจุยแล้วสมบัติอื่น ๆ แทบไม่ได้ถูกแตะเลย หนูสงสัยว่าเจ้านั่นมันมีจุดประสงค์อื่นหรือเปล่าน่ะค่ะ”
“ซีเรียพูดอย่างนี้คงหมายถึงยายหนูหัวหยิกนั่นสินะ” ร็อคซาน่าอ่านความคิดของซีเรียออก “ถ้าเธอเป็นห่วงนักก็ไปหาซะสิ ตอนนี้ลูกค้าก็ไม่ค่อยมีแล้วน้าคนเดียวคงทำไหวน่า”
ถึงแม้ซีเรียค่อนข้างจะมั่นใจว่าเตเต้คงเล่นงานเจ้าพวกนั้นหมอบกระแตหมดแน่ แต่อย่างไรก็ดีซีเรียก็อดเป็นห่วงไปไม่ได้ จึงขอตัวขึ้นไปหาเตเต้บนห้อง
เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบกับเตเต้นอนแผ่บนเตียงทั้งฉลองพระองค์ที่ใส่มาทั้งวัน เสียงกรนเบา ๆ บ่งบอกถึงห้วงนิทราของสาวน้อยได้เป็นอย่างดี
ท่าทางการนอนของเตเต้นั้นดูสุขสบายจนซีเรียไม่อยากจะเข้าไปปลุกเลย แม้จะได้กลิ่นตุ ๆ เล็กน้อยจากตัวก็เถอะ แต่ใบหน้าที่ผ่อนคลายบนหมอนยัดขนเป็ดที่เยิ้มไปด้วยน้ำลายก็ทำให้ใครที่ผ่านมาเห็นต้องยิ้มออก
ซีเรียพลันเห็นม้วนจดหมายเชิญเข้าเรียนอยู่ในมือเตเต้ “เนี่ยนะหรือที่บอกว่าลืมไว้น่ะ” ซีเรียบ่นเบา ๆ พลางหยิบม้วนสารออกมาจากมือ
“หรือว่า....”
ด้วยเหตุบางประการ ซีเรียจ้องมองม้วนจดหมายในมือราวกับมีบางอย่างดลใจเธอว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะเชื่อมโยงกับม้วนจดหมายนี่ก็เป็นได้
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
Edit Log: April 3rd, 2008: จบตอนซะเลย ยืดมันเข้าไป ฮึ่ยๆ
Edit Log: April 4th, 2008: แก้ไขสำนวนเล็กน้อย
Edit Log: May 8th, 2008: แก้คำผิด ต้องขอขอบคุณท่าน -*-MomO-*- ที่ช่วยตรวจทานให้ครับ
Edit Log: Jan 9th, 2009: แก้ฟ้อนท์
Edit Log: June 27th, 2011: มหกรรมรีไรท์
Edit Log: June 14th, 2012: รีไรท์
ความคิดเห็น