คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : สู่วิทยาลัยโซเฟีย! 15 ตอนแห่งการรอคอย!
ชายผู้มีจมูกโค้งงุ้มราวจงอยปากเหยี่ยวพยายามทรงตัวบนเรือด้วยความลำบาก กว่าเขาจะเอาร่างท้วม ๆ ขึ้นบนฝั่งได้ก็ทำท่าเสียวไส้จะหล่นไปในน้ำเสียหลายรอบ เขาคือพ่อบ้านวัย 48ปี ผู้ไม่ค่อยประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงานเอาเสียเลย จนบัดนี้แล้วหน้าที่การงานเขาไม่ได้ก้าวหน้าไปมากกว่าหัวหน้าฝ่ายดูแลสัมภาระของวิทยาลัยโซเฟีย ถ้าเทียบกับเพื่อนร่วมรุ่นอีก 3 คนแล้วเขาถือได้ว่าค่อนข้างล้าหลังในตำแหน่งหน้าที่ไปเกือบสิบปีเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีเรื่องสุขภาพให้เขาต้องกังวลใจอีกด้วย ในระยะหลังนี้หลังที่เคยทรงพลังกลับปวดขึ้นอย่างน่าประหลาดจนทำให้เขารู้สึกทรมานแทบทุกครั้งเมื่อต้องนั่งนาน ๆ โดยเฉพาะเวลาที่ต้องนั่งโดยสารไปมาระหว่างท่าเรือกับวิทยาลัยเพื่อกำกับการขนส่งสัมพาระของบรรดานักเรียนเข้าใหม่ในช่วงนี้แล้วมันแทบจะทำให้เขาอยากกระโดดน้ำจบชีวิตแสนเส็งเคร็งนี่เสีย ถ้าไม่ติดที่ว่าภรรยาคนที่สองที่อายุน้อยกว่าเขาราวรุ่นลูกจะตั้งท้องได้เกือบหกเดือนแล้ว
แดดยามสายไม่ทำให้เขาสดชื่นแม้แต่น้อย ช่วงนี้อากาศแปรปวนอย่างบอกไม่ถูกจนทำให้ลูกน้องของเขาป่วยเป็นหวัดไปหลายคน แม้แต่เขาเองยังรู้สึกไม่ค่อยสบายในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เหมือนกัน
พ่อบ้านจัดการปัดเศษฝุ่นจากเสื้อนอกสีเขียวอ่อนที่ติดมาจากการเดินทาง จัดแต่งวิกขาวที่ถูกม้วนเป็นลอนให้เข้าที่ นัยน์ตาสีน้ำตาลที่ดูเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานสอดส่องโรงเรียนงานบ้านงานเรือนที่บัดนี้แทบร้างผู้คน เหล่าเด็กฝึกงานทั้งหลายต่างถูกเกณฑ์ไปทำงานในปราสาทจนหมดสิ้น ช่วงฤดูกาลนี้ถือได้ว่าเป็นช่วงที่ทางวิทยาลัยโซเฟียจะยุ่งวุ่นวายที่สุดเพราะเป็นช่วงที่เหล่าบรรดานักเรียนรุ่นใหม่ประจำปีเริ่มจะทยอยเข้ามาก่อนการเปิดภาคเรียนในช่วงฤดูหนาว ที่เลือกเปิดเทอมฤดูหนาวเป็นเพราะเหล่าอาณาจักรบนภาคพื้นทวีปส่วนใหญ่แล้วจะจมอยู่ภายใต้ลมหนาวหรือหิมะ มันจึงเป็นโอกาสดีสำหรับเหล่าราชวงศ์ที่จะหนีลมหนาวมาศึกษาต่อ ณ วิทยาลัยโซเฟียแห่งนี้ ดังนั้นพ่อบ้านอย่างเขาจึงต้องทำงานกันตัวเป็นเกลียวไม่เว้นแต่ล่ะวัน
แม้จะมีเหล่าเด็กฝึกงานมาช่วยเสริมแล้ว ส่วนงานของเขาก็ยังขาดคนอยู่อีกหลายมือเลยทีเดียว พ่อบ้านจมูกเหยี่ยวได้ยินมาว่าที่โรงเรียนยังมีเด็กผิวสีที่เพิ่งเข้ามาใหม่เหลืออยู่อีกสามสี่คนกำลังฝึกงานอยู่ ถึงเขาจะมีอคติเล็กน้อยกับเหล่าลูกเจี๊ยบพวกนี้ แต่มันก็ไม่มีทางเลือกมากนัก อย่างน้อยมันก็ดีกว่าขาดคนทำงานก็แล้วกัน เขาอุตส่าห์ยอมทนนั่งเรือกอนโดล่ามาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
ไม่ว่าอย่างไรเขาต้องหาคนไปเพิ่มให้จนได้ !
ขั้นแรกเขาต้องไปเจรจากับครูฝึกเจ้าปัญหาที่ชื่อ เมลิซซ่า ล็อปป์ เสียก่อน พ่อบ้านจมูกเหยี่ยวไม่ได้แวะมาเยี่ยมเยียนสถาบันมาอย่างยาวนานแล้ว แต่เขาเองก็ได้ข่าวมาเหมือนกันว่าระหว่างที่เหล่าผู้บริหารของโรงเรียนการบ้านการเรือนไม่อยู่ ผู้ดูแลชั่วคราวคนนี้ดูจะเรื่องมากกับการดูแลเด็กของเจ้าหล่อนเหลือเกิน โดยเฉพาะพวกเด็กผิวสีที่เธอมักจะกำชับนักหนาว่าให้ดูแลเป็นอย่างดี แถมเธอมักจะแอบตามไปสังเกตการณ์อยู่ร่ำไป เหล่าผู้ที่มายืมตัวเด็กฝึกงานจากเธอทุกคนต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันถึงความจุ้นจ้านของเจ้าหล่อนอยู่เสมอ
สิ่งที่คนอื่นเล่าไว้นั้นไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย เขาพบว่าเมลิซซ่าเป็นผู้ที่ให้ความร่วมมือยากยิ่ง แน่นอนว่าถึงแม้งานส่วนใหญ่ของโรงเรียนคือการให้การสนับสนุนกับทางวิทยาลัยโซเฟีย แต่ทางโรงเรียนก็มีหน้าที่หลักอื่นที่สำคัญไม่แพ้กันคือการดูแลความเรียบร้อยของจวนผู้ว่าที่อยู่ติดกัน ถึงแม้ตัวเจ้าเมืองที่ปีนี้เป็นเศรษฐีใหญ่แห่งตระกูลเซซิอารี่จะอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ส่วนตัวที่ใหญ่กว่านี้หลายเท่า มันก็เป็นหน้าที่ที่ทางโรงเรียนงานบ้านงานเรือนจะต้องรับผิดชอบอยู่เนืองนิด ในตอนนี้ทั้งโรงเรียนเหลือแต่เพียงตัวเมลิซซ่า เหล่าลูกเจี๊ยบฝึกงานเพียง 6 คน คนสวนแก่ ๆ และเด็กขัดรองเท้าลูกคนสวนรวมเป็นสองคน แทบจะไม่พอต่อการดูแลคฤหาสน์และตัวโรงเรียนทั้งหลังด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่เมลิซซ่าจะปฏิเสธคำขออย่างแน่นอน
ทว่าขนาดแม่ยายที่หวงลูกสาวสุดขีดยังต้องยอมใจอ่อนต่อลูกตื้อของคุณลุงผู้นี้จนยอมยกลูกสาววัยขบเผาะให้ มีหรือที่เมลิซซ่าจะรับมือไหว
“งั้นดิฉันจะให้ยืมพวกลูกเจี๊ยบปีหนึ่งไปแล้วกันนะคะ” เมลิซซ่าหมายถึงเหล่าเด็กฝึกงานผิวสีทั้งสามนั่นเอง เพราะถึงแม้เจ้ารุ่นพี่ทั้งสองจะขี้เกียจสันหลังยาวแค่ไหน แต่อย่างน้อยพวกนั้นก็รู้งานรู้การ แถมมีประสบการณ์อยู่แล้ว ส่วนเตเต้นั้นซีเรียกำชับไว้ว่ายังไม่ให้ส่งไปที่ปราสาทดังนั้นเมลิซซ่าจึงไม่ได้ส่งไปด้วย หลังจากส่งมอบเหล่านักเรียนผิวสีทั้งสามให้เรียบร้อยแล้วเมลิซซ่าจึงกำชับเสริมไปว่า “ขอให้คุณดูแลดีๆ ด้วยนะคะ แล้วไม่ต้องมาขอยืมทางนี้อีก แค่นี้ฉันก็ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวอยู่แล้วค่ะ”
พ่อบ้านจมูกเหยี่ยวไม่สนคำพูดของเมลิซซ่านักหรอก แค่นี้ก็ได้คนเพิ่มมาตามที่ต้องการก็บรรลุผลแล้ว แต่ดูเหมือนจะยังขาดไปอีกหนึ่งตามที่เขาหวังไว้ เขาคิดไปเดินไปตามทางโดยมีเหล่าลูกเจี๊ยบผิวสีเดินตามกันไปเป็นพรวนราวกับเป็นแม่เป็ด
ระหว่างนั้นเองพ่อบ้านวัยกลางคนก็ได้พบกับอีกหนึ่งคนที่ยังขาดอยู่ สาวน้อยผิวคล้ำร่างเล็กที่ผมอันฟูฟ่องถูกรวบไว้อย่างง่าย ๆ กำลังนำเสื้อแม่บ้านและผ้ากันเปื้อนที่ดูผ่านการขยี้ซักอย่างรุนแรงมาตากบนราว ถ้าเดินไปใกล้ ๆ จะยังได้กลิ่นเหม็นตุโชยมาจากเสื้อผ้าชุดนั้นอยู่ดี
แต่เรื่องเหล่านั้นหาใช่ประเด็นที่พ่อบ้านจมูกเหยี่ยวสนใจมากไปกว่าชุดแม่บ้านที่หล่อนสวมอยู่ มันเป็นเครื่องบ่งบอกว่าเธอจะต้องเป็นเด็กฝึกงานของที่นี่ไม่ผิดแน่
หลังจากที่เกือบจะหมดหวังว่าจะพบกับเสื้อที่หายไป ในที่สุดเตเต้ก็คนพบว่าเสื้อผ้าที่หายไปถูกหมกอยู่ในบ่อขับถ่ายครบทุกชิ้น แม้จะยังอยู่ในสภาพดีผิดกับครั้งก่อน แต่กลิ่นเหม็นที่เนื้อผ้าได้ซึมซับไว้ตลอดทั้งคืนมันยากที่จะขจัดออกไปโดยง่าย “เจ้าพวกรุ่นพี่พวกนั้นช่างเข้าใจคิดนะ เอาเสื้อไปโยนในส้วมแก้แค้นที่ทำขี้หกใส่นะ” เตเต้ได้แต่บ่นอุ่บในใจ
ในระหว่างนั้นเองเตเต้ไม่ทราบเลยว่าตัวเองกำลังถูกจับตามองอยู่
พ่อบ้านจมูกเหยี่ยวเพ่งพินิจองค์หญิงอยู่สักพักถึงองค์หญิงจะดูตัวเล็กแรงน้อย แต่ว่า... มีคนช่วยเพิ่มก็ยังดีกว่าไม่มีล่ะน่า
“แล้วไม่ต้องมาขอยืมทางนี้อีก แค่นี้ฉันก็ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวอยู่แล้วค่ะ”
คำพูดของเมลิซซ่าก้องในใจพ่อบ้านจมูกเหยี่ยว...
ช่างมันปะไร...ในเมื่อเขาคงขออีกสักคนคงไม่ได้แล้ว งั้นเขาก็จะลากเอาไปดื้อ ๆ อย่างนั้นล่ะ
“นี่แม่หนู”
เตเต้หันไปหาเจ้าพ่อบ้านที่แต่งตัวราวกับออกมาจากงานเลี้ยงแฟนตาซีอย่างงง ๆ ก่อนจะหันไปมองเหล่าลูกเจี๊ยบร่วมชั้นปีทั้งสามที่เดินตามไม่ห่าง
“ฉันพูดกับหนูนั่นล่ะ เธอเป็นนักเรียนของที่นี่ใช่ไหม”
เตเต้พยักหน้าตอบ
ส่วนพ่อบ้านจมูกเหยี่ยวยิ้มอย่างพึงพอใจ
“งั้นมากับลุงหน่อยได้ไหมล่ะ ลุงอยากให้หนูไปช่วยงานลุงที่วิทยาลัยโซเฟียหน่อย”
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
Edit Log: Sept 6th, 2008: จบตอนอย่างนี้ล่ะ
Edit Log: Sept 8th, 2008: แก้คำผิด
Edit Log: Dec 23th, 2008: เกลาสำนวนเล็กน้อย
Edit Log: July 3rd, 2011: มหกรรมรีไรท์
Edit Log: April 18th, 2013: รีไรท์
ความคิดเห็น