ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    merMAID Princess!! เงือก เมด เจ้าหญิง ป่วน!

    ลำดับตอนที่ #19 : ห้องสมุดให้อะไรคุณมากกว่าเป็นที่แอบงีบหลับกับที่เล่นผีถ้วยแก้วนะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 973
      1
      19 เม.ย. 56

     

     

                    เตเต้เคยให้คำมั่นสัญญากับซีเรียอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไม่ทำอะไรที่เสี่ยง  ซึ่งเรื่องเหล่านั้นรวมไปถึงการเข้าไปในปราสาทก่อนซีเรียด้วย 

     

                    ทว่า...     

     

                    ไม่เป็นไรหรอกน่า...  เราก็แค่อยากลองแว่บมาดูลาดเลาสถานที่เท่านั้นเอง  ไม่เห็นจะอันตรายซะหน่อย

     

                    ด้วยเหตุนี้องค์หญิงจึงทรงตอบตกลงคุณลุงแปลกหน้าอย่างไม่ลังเล

     

                    ถึงแม้ว่าจะเคยเห็นตัวปราสาทภายนอกมาแล้วหลายคราแล้ว  แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะต้องทึ่งในความยิ่งใหญ่ของทุกครั้งไป  เตเต้ได้แต่แหงนหน้ามองกำแพงหน้าสีขาวพลางจินตนาการเสมอว่าเบื้องหลังปราการสูงนั่นจะเป็นเช่นไร 

     

    และในที่สุดเจ้าหญิงตาลอสติเตส  เตเต้ก็ได้เข้ามาในปราสาทโซเฟียสมใจอยาก... 

     

    ถึงแม้จะในฐานะคนรับใช้ก็ตามทีเถอะ

     

    ถ้าลองได้ตื่นตากับภาพลักษณ์ภายนอกแล้ว  การตกแต่งภายในยิ่งต้องทำให้แขกผู้มาเยือนเป็นครั้งแรกต่างประหลาดใจไม่น้อย  ถ้าให้อธิบายความแตกต่างแล้ว  ลักษณะภายนอกเปรียบได้กับความเป็นบุรุษเพศอย่างเห็นได้ชัด  กำแพงปราสาทกับหอคอยสูงสไตล์โกธิคตั้งตระหง่านอย่างน่าเกรงขามเปรียบดั่งกล้ามเนื้อกำยำ อันทรงพลังไว้สำหรับสยบพลังอื่นที่อ่อนแอกว่า  สีขาวอ่อนโยนที่ทารอบกำแพงไม่อาจซุกซ่อนความกดดันที่ถาโถมใส่ผู้คนภายนอกที่ไม่ต่างจากแมลงตัวจ้อยในสายตาของหอคอยสูงอย่างไม่ปราณี  ไม่มีใครที่เห็นปราสาทนี้เป็นครั้งแรกแล้วจะไม่รู้สึกถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรพ่อค้าอันมั่งคั่งได้

     

    กระนั้นภายในกลับต่างจากภายนอกโดยสิ้นเชิง  หากภายนอกเปรียบเสมือนภาพลักษณ์ของบุรุษเพศ  ภายในก็เป็นตัวแทนความงามของอิสตรีวัยแรกแย้มที่ถูกตกแต่งด้วยสถาปัตยากรรมสไตล์รอคโคโค  ความคลั่งไคล้ลวดลายโค้งเปลือกหอยสีทองอร่ามทับซ้อนไปมาราวกับเป็นช่อดอกไม้สามารถเห็นได้โดยทั่ว  แม้แต่ในที่มืดมิดที่สุดยังหลีกหนีสีทองไปไม่พ้น  รูปภาพ และงานปั้นของศิลปินที่มีชื่อเสียงประดับประดาตามผนังและเพดานนับร้อยชิ้นราวกับพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ  ความหรูหราชวนฝันนี้ก็เปรียบได้กับความฝันของเหล่าสาวน้อยดั่งเช่นองค์หญิงเตเต้นั่นเอง

     

    ทว่าเตเต้กลับมีเวลาอันน้อยนิดที่จะได้ลิ้มรสกับความงามชั้นเลิศเหล่านี้ 

     

    อย่าว่าแต่เวลาให้พักเลย  เวลาให้คิดยังจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ!

     

    เฮ้ย  วางกระเป๋ากันเบาๆ หน่อยสิ  ขืนของข้างในเป็นอะไรพวกแกโดนไล่ออกหมดแน่

     

    เธอนะ  ไปช่วยแบกด้านโน้นที

     

    ระวังนะ  หนึ่ง  สอง  สาม  เอ้ายก  ฮึบ

     

    หลังฉากของความหรูหราสะดวกสบายของเหล่าชนชั้นสูงคือน้ำพักน้ำแรงของบริวารชายหญิงที่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ  คอยบริการเอาใจเหล่าชนชั้นสูวจอมเกียจคร้านเพื่อเศษเงินเพียงน้อยนิด  ตั้งแต่มาถึงเตเต้ก็ถูกใช้ให้แบกหามข้าวของสัมภาระของเจ้าชายแห่งอาณาจักรสักแห่งที่เพิ่งมาถึงหมาด ๆ  เรือพายบรรทุกสัมภาระตรงมาจากท่าเรือน้ำลึกลำแล้วลำเล่าจอดเรียงรายเป็นตับเพียงเพื่อขนถ่ายข้าวของของคน ๆ เดียว  โดยที่เตเต้ก็ทรงอดคิดไม่ได้ว่าเจ้าตัวป่านนี้คงทอดน่องเดินฉุยฉายสบายใจเฉิบอยู่ที่ไหนสักแห่งกระมัง

     

    งานของเตเต้ยังไม่จบลงแค่ขนของเท่านั้น  หลังจากสัมภาระส่วนใหญ่ถูกขนถ่ายจากเสร็จสิ้นแล้ว งานต่อไปคือขนกองหนังสือมหึมาที่อาณาจักรทั้งหลายบริจาคมาให้ในปีนี้ไปเก็บไว้ในห้องสมุด 

     

    ถึงเตเต้จะชอบหนังสือแค่ไหน  แต่ต้องขนหนังสือกองโตขนาดนี้ก็พลางทำให้ขยาดเอาได้เหมือนกัน  และด้วยความขี้เกียจที่ไม่อยากเดินหลายเที่ยว  เตเต้จึงพยายามซ้อนหนังสือให้สูงที่สุดเท่าที่จะสูงได้...      

     

    หลังจากความยากลำบากในการทรงตัวไม่ให้หนังสือถล่มลงมาก่อนเวลาอันควร  ในที่สุดเตเต้ก็มาถึงห้องสมุดอันเป็นจุดหมาย —

     

    เตเต้วางกองหนังสือลงเป็นที่เรียบร้อยก็พบว่าตัวเองเหลือเพียงอยู่ตัวคนเดียวภายในห้องสมุดอันกว้างใหญ่  ดูเหมือนว่าเธอจะเดินช้ากว่าคนอื่นจนพลัดหลงกับกลุ่ม  แต่เพราะเห็นนี้องค์หญิงจึงได้มีโอกาสแหงนหน้าชื่นชมกับความงดงามของวิทยาลัยโซเฟียอย่างเต็มตาเป็นครั้งแรก

     

    และนับว่าเป็นโชคดีเหลือเกินที่ตอนนี้องค์หญิงได้ยืนอยู่ใจกลางหนึ่งในห้องสมุดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอาณาจักร

     

    องค์หญิงได้แต่ยืนตาโตอ้าปากค้างด้วยความรู้สึกปลื้มปิติ และความยำเกรงในเวลาเดียวกัน

     

    หากกล่าวโดยรวมแล้วพื้นที่ใช้สอยภายในปราสาทเกือบทั้งหมดถูกบูรณะใหม่เมื่อหลายสิบปีก่อนให้เป็นสถาปัตยากรรมรูปแบบรอคโคโคอย่างที่เป็นอยู่  จะมีเพียงส่วนพื้นที่ของห้องสมุดเท่านั้นที่ยังคงรูปแบบโกติคไว้เหมือนเดิม   หอสมุดสูงบรรจุหนังสือนับพันนับหมื่นบนตู้เรียงรายไปตามแนวโค้งของอาคารที่สูงนับสิบชั้น  บนยอดเพดานเป็นส่วนของเสาที่มาบรรจบกันมองเห็นเป็นรูปคล้ายพัดสานที่ค้ำยันหลังคาไว้  ส่วนต่อเติมชั้นล่างสุดยังมีแถวของตู้หนังสือเรียงรายกันอีกนับสิบแถวเป็นกำแพงแห่งความรู้รักษาภูมิปัญญาของบรรพชนในอดีตให้สืบทอดต่อไปยังชนรุ่นหลัง   

     

    แต่สิ่งที่ขึ้นชื่อของหอสมุดนี้มากที่สุดคงจะเป็นกระจกสีโมเสกบริเวณส่วนหน้าของหอที่ตกแต่งเป็นรูปต่าง ๆ  อย่างงดงาม  แสงแดดยามบ่ายส่องผ่านกระจกหลากสีส่องแสงแวววาวเสียยิ่งกว่าประกายเพชรเสียอีก  นับได้ว่าเป็นผลงานชั้นเอกในศิลปะแขนงเดียวกัน

     

    งานศิลปะกระจกสีดึงดูดความสนใจของเตเต้มากขึ้นเมื่อพบว่าภาพเหล่านั้นปรากฏภาพของนางเงือกมากมายราวกับต้องการจะเล่าเรื่องบางอย่างออกมา 

     

    กระนั้นเตเต้ก็มีเวลาชื่นชมและตื่นตะลึงกับความงดงามได้ไม่นานนักเมื่อบรรณารักษ์หนุ่มผู้อายุประมาณกลางยี่สิบปลุกให้กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง

     

    เธอตรงนั้นนะ  ฟังที่ฉันพูดรู้เรื่องไหม 

     

    ถึงเตเต้จะหงุดหงิดนิดหน่อยที่เจ้าบรรณารักษ์หนุ่มดูแคลนนึกว่าพระองค์พูดภาษากลางไม่รู้เรื่อง  แต่เตเต้ก็พยักหน้าตอบรับ

     

    ฉันหรือ ?

     

    โอ้ยอดมาก  โดยที่ไม่ทันได้ถามถึงความสมัครใจ  บรรณารักษ์หนุ่มวิสาสะยกกองหนังสือมาให้กับเตเต้  ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยขนหนังสือกองนี้แล้วตามฉันมาที

     

    ด... เดี๋ยวก่อนสิ  ฉันยังไม่ทันตอบตกลงเลย ?

     

    เอาน่า  ถ้ากลัวหัวหน้าดุล่ะก็เดี๋ยวจะบอกให้เองว่าเธอมาช่วยงานฉันเอง

     

    ว่าแล้วบรรณารักษณ์หนุ่มก็จัดแจงขนกองหนังสือที่เหลือก่อนจะเดินนำองค์หญิงเตเต้ไปโดยไม่คิดจะรอฟังคำตอบ 

     

    เตเต้เห็นดังนั้นจึงได้แต่ถอนหายใจก่อนเดินตาไปอย่างไม่มีทางเลือก

     

    ผ่านตู้หนังสือทะมึนชั้นแล้วชั้นเล่า  บรรณารักษ์หนุ่มกวาดสายตามองตามตัวอักษรภาษาตะวันออกอย่างกลุ้มใจ  บางทีเขาก็บอกให้เตเต้หยุดก่อนจะมาด้อม ๆ มอง ๆ ชื่อปกหนังสือกับหมวดหนังสือบนตู้อย่างไม่แน่ใจว่าอยู่ถูกหมวดหรือเปล่า

     

    พี่วางหนังสือผิดที่รึเปล่าเนี่ย

     

    องค์หญิงทักท้วงก่อนที่บรรณารักษ์จะสอดหนังสือไปจนสุดตู้ 

     

    ว่าไงนะ ?

     

    เตเต้หน้าบู้พลางบ่นในใจอย่างเหนื่อยหน่ายว่าเจ้าหมอนี่ขลุกอยู่แต่กับหนังสือจนหูหนวกหรือไง  พี่จะจัดเรียงหนังสือตามตัวอักษรบนตู้นั้นใช่ไหมล่ะ  ก็ชื่อบนสันหนังสือกับตัวอักษรบนตู้มันคนล่ะตัวนี่นา

     

    บรรณารักษ์หนุ่มหยิบหนังสือขึ้นมาดูเทียบกับตัวอักษรบนตู้อย่างละเอียดอีกรอบ 

     

    จริงด้วย  นี่มันคนล่ะตัวนี่นา 

     

    เขาค่อย ๆ หันมามองสาวใช้หัวฟูด้วยความทึ่งและประหลาดใจ

     

    เธออ่านภาษาตะวันออกได้ด้วยหรือ...

     

    นิดหน่อย  เตเต้ตอบ

     

                    บรรณารักษ์กลับไปครุ่นคิดอีกรอบ  ก่อนจะตบมือเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก

     

                    ดีล่ะ  งั้นเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน....

     

                    สุดท้ายแล้วดูเหมือนหน้าที่ของทั้งสองจะกลับตาลปัดกันอย่างช่วยไม่ได้  คุณบรรณารักษ์ผู้แสนดีอาสาจะแบกกองหนังสือแทนโดยที่เตเต้จะเป็นผู้เดินหาหมวดหนังสือ  เตเต้ใช้เวลาเพียงไม่เท่าไหร่ในการเรียนรู้ระบบการเรียงหนังสือของห้องสมุดแห่งนี้

     

    หลังจากสลับหน้าที่กันได้ไม่นานนัก  ในที่สุดกองตั้งหนังสือก็หมดไปจากอ้อมแขนของบรรณารักษ์ไปสู่ที่มันควรจะอยู่หมดสิ้น

     

                    ยอดเลย  ปรกติแล้วเคยใช้เวลาเกือบครึ่งวันกว่าจะจัดหนังสือภาษาตะวันออกเสร็จ...

     

                    หุหุ  ฉันเก่งใช่ไหมล่ะ  องค์หญิงยืนยืดตัวกอดอกแบน ๆ โอ้อวดความสามารถของตนอย่างไม่เกรงใจ  คิดว่าเป็นการเอาคืนที่ทำท่าทางเหมือนจะดูถูกความสามารถของเธอในตอนแรก

     

                    ทว่าเจ้าหนุ่มบรรณารักษ์กลับไม่มีท่าทีเหมือนโดนดูถูกแม้แต่น้อย

     

                    เก่ง... ไม่สิ  เก่งมากด้วยล่ะ  เขามองหน้าเตเต้ด้วยความทึ่ง  ที่อ่านภาษาตะวันออกได้นี่...เธอมาจากจักรวรรดิกลางอันเกรียงไกรเหรอ ?  ดูเหมือนเธอจะไม่ได้มาจากแถบนี้เลยนี่นา

     

                    องค์หญิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งได้ใจขึ้นไปอีก

     

                    หึ... เปล่าหรอก  ลุงอาลีเคยสอนฉันระหว่างตอนรอลมสินค้านะ

     

                    แน่นอนว่าบรรณารักษ์หนุ่มคงจะไม่รู้จักลุงอาลีที่เตเต้กล่าวถึงหรอก  กว่าที่เขาจะรู้ว่า ลุงอาลี คนดังกล่าวคือนักเดินเรือผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรทะเลทราย  ผู้ผ่านหน้าน้ำมาเจ็ดสมุทร  และเป็นตำนานมีชีวิตที่กลายเป็นเรื่องเล่าอันยิ่งใหญ่นั้นก็เป็นเรื่องราวที่จะเล่าถึงในภายหลัง  ทว่าสิ่งที่บรรณารักษ์สงสัยมากกว่าในเวลานี้คือตัวเตเต้นั่นเอง 

     

                    สำเนียงภาษากลางของราชสำนักนั่นอีก  ดูเหมือนเธอจะไม่ใช่แม่บ้านธรรมดา ๆ เลยนะ 

     

                    เตเต้ได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อนไป  ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องเบนความสนใจ

     

                    อ้อ  ใช่แล้ว  ฉันสงสัยตั้งแต่เห็นแล้วว่ารูปบนกระจกนั่นมันเกี่ยวกับอะไรน่ะ  เตเต้แหงนหน้าไปมองกระจกสีขึ้นชื่อของห้องสมุด

     

                    อ้อ  รูปนางเงือกนั่นเหรอ  เขามองไปยังกระจกโมเสก  ก็ไม่มีอะไรหรอก  เธอคงจะแปลกใจใช่ไหมล่ะว่าทำไมถึงเอาภาพของปีศาจอย่างนั้น....

     

                    โครม !

     

                    ก่อนที่บรรณารักษ์หนุ่มผู้ไม่ระวังปากจะกล่าวจบ  เสียงอะไรบางอย่างกระทบตู้ดังโครมราวกับมีคนเพิ่งเอาค้อนมาทุบอย่างจัง —

     

                    เอ่อ... ผมพูดอะไรผิดรึเปล่าเนี่ย

     

                    เขาจ้องมองอย่างผวาไปยังกำปั้นของเตเต้ที่บัดนี้ประทับอยู่บนตู้ไม้ที่แสนโชคร้าย องค์หญิงน้อยที่เพิ่งสำนึกได้ว่าทำอะไรลงไปรีบชักมือกลับคืน

     

    อ้อ  ทุบแมลงนะ

     

    รอยยุบเล็ก ๆ  ยังคงประทับตราตรึงอีกนานเท่านาน  จนกลายมาเป็นหนึ่งในปริศนาลึกลับของห้องสมุดนี้ในเวลาต่อมา

     

                    เล่าต่อสิคะ

     

                    ผู้ดูแลห้องสมุดไอกระอ้อมกระแอ่มอีกสองสามทีก่อนเริ่มจะเล่าต่อ 

     

    ถึงจะเป็นปีศาจ  แต่สมัยก่อนนางเงือกก็เป็นตัวแทนของความรู้นะ  ลองดูในมือของนางเงือกสิ  เขาชี้ไปยังรูปหนึ่งบนกระจกโมเสก  จะเห็นเป็นม้วนกระดาษแห่งความรู้  อ้อ... แล้วรู้สึกว่าตามตำนานจะเป็นผู้ที่มอบภาษาให้แก่มนุษย์ด้วย  แต่ถ้าเธอเข้าโบสถ์ทุกอาทิตย์คงจะไม่เชื่อตำนานโบราณอย่างนั้นหรอก

     

                    เตเต้ยังคงจ้องมองรูปนั้นอยู่ต่อราวกับต้องมนต์สะกด...

     

    นางเงือก 

     

    ความรู้ 

     

    ภาษา...

     

    บางสิ่งบางอย่างบ่งบอกว่าเรื่องราวบนกระจกสีอาจจะเป็นเงื่อนงำบางอย่างเกี่ยวกับความแปลกประหลาดของตัวเตเต้ก็เป็นได้

     

    ในตอนนั้นเองที่เตเต้ถูกปลุกจากภวังค์

     

    ท่าทางเธอจะชอบนางเงือกนะเนี่ย

     

    องค์หญิงหันมาก่อนพยักหน้าตอบ

     

    วันหลังถ้าว่าง ๆ ก็ลองมาหาอ่านดูในนี้สิ  ถ้าให้เดาเธอคงอ่านภาษากลางออกด้วยสินะ  เดี๋ยวผมจะหามาให้  ไหน ๆ วันนี้ก็อุตส่าห์ช่วยผมมาตั้งเยอะแล้วนี่นา

     

    บรรณารักษ์หนุ่มกล่าวโดยไม่ถือว่าองค์หญิงจะเป็นเพียงสาวใช้ผิวสีผู้ต่ำต้อย  คงเป็นเพราะการแสดงออกของความรู้ของพระองค์กระมังที่ทำให้ชายหนุ่มผู้นี้รู้สึกนับถือในตัวสาวใช้ผู้นี้  ไม่ว่าชาติตระกูลจะสูงต่ำเพียงใด  ความรู้ไม่เคยเลือกนายอยู่แล้ว

     

    ก่อนที่บรรณารักษ์จะกลับไปทำงานต่อเขายังอุตส่าห์เชิญชวนองค์หญิงให้ลาออกจากงานแม่บ้านมาทำงานกับเขาด้วยซ้ำ  แต่ยังไม่ทันที่เตเต้จะตอบ  บรรณารักษ์หนุ่มก็จรลีรีบไปทำงานด่วนที่รออยู่เสียแล้ว  ปล่อยทิ้งให้เตเต้ต้องเคว้งอยู่เพียงเดียวดายอีกครั้ง 

     

    มองไปรอบ ๆ  ก็ไร้ซึ่งกลุ่มแม่บ้านที่มาด้วยกัน

     

    แล้วนี่จะต้องทำอะไรต่อไปดีล่ะ

     

    โดยที่เตเต้ไม่รับรู้ในเวลานั้น  เบื้องหลังโต๊ะไม้โอ๊คสำหรับนั่งอ่านหนังสือริมระเบียงถัดออกไปไม่ห่างจากจุดที่เตเต้ยืนอยู่นัก  นัยน์ตาคู่หนึ่งกำลังเพ่งพิจจารณาเตเต้ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างมีเลศนัย...    

     


    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

    Edit Log: Sept 9th, 2008: จบตอน
    Edit Log: Sept 10th, 2008: แก้คำผิด
    Edit Log: July 3rd, 2011: มหกรรมรีไรท์
    Edit Log: April 19th, 2013: รีไรท์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×