คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : ห้องสมุดให้อะไรคุณมากกว่าเป็นที่แอบงีบหลับกับที่เล่นผีถ้วยแก้วนะ
เตเต้เคยให้คำมั่นสัญญากับซีเรียอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไม่ทำอะไรที่เสี่ยง ซึ่งเรื่องเหล่านั้นรวมไปถึงการเข้าไปในปราสาทก่อนซีเรียด้วย
ทว่า...
“ไม่เป็นไรหรอกน่า... เราก็แค่อยากลองแว่บมาดูลาดเลาสถานที่เท่านั้นเอง ไม่เห็นจะอันตรายซะหน่อย”
ด้วยเหตุนี้องค์หญิงจึงทรงตอบตกลงคุณลุงแปลกหน้าอย่างไม่ลังเล
ถึงแม้ว่าจะเคยเห็นตัวปราสาทภายนอกมาแล้วหลายคราแล้ว แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะต้องทึ่งในความยิ่งใหญ่ของทุกครั้งไป เตเต้ได้แต่แหงนหน้ามองกำแพงหน้าสีขาวพลางจินตนาการเสมอว่าเบื้องหลังปราการสูงนั่นจะเป็นเช่นไร
และในที่สุดเจ้าหญิงตาลอสติเตส เตเต้ก็ได้เข้ามาในปราสาทโซเฟียสมใจอยาก...
ถึงแม้จะในฐานะคนรับใช้ก็ตามทีเถอะ
ถ้าลองได้ตื่นตากับภาพลักษณ์ภายนอกแล้ว การตกแต่งภายในยิ่งต้องทำให้แขกผู้มาเยือนเป็นครั้งแรกต่างประหลาดใจไม่น้อย ถ้าให้อธิบายความแตกต่างแล้ว ลักษณะภายนอกเปรียบได้กับความเป็นบุรุษเพศอย่างเห็นได้ชัด กำแพงปราสาทกับหอคอยสูงสไตล์โกธิคตั้งตระหง่านอย่างน่าเกรงขามเปรียบดั่งกล้ามเนื้อกำยำ อันทรงพลังไว้สำหรับสยบพลังอื่นที่อ่อนแอกว่า สีขาวอ่อนโยนที่ทารอบกำแพงไม่อาจซุกซ่อนความกดดันที่ถาโถมใส่ผู้คนภายนอกที่ไม่ต่างจากแมลงตัวจ้อยในสายตาของหอคอยสูงอย่างไม่ปราณี ไม่มีใครที่เห็นปราสาทนี้เป็นครั้งแรกแล้วจะไม่รู้สึกถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรพ่อค้าอันมั่งคั่งได้
กระนั้นภายในกลับต่างจากภายนอกโดยสิ้นเชิง หากภายนอกเปรียบเสมือนภาพลักษณ์ของบุรุษเพศ ภายในก็เป็นตัวแทนความงามของอิสตรีวัยแรกแย้มที่ถูกตกแต่งด้วยสถาปัตยากรรมสไตล์รอคโคโค ความคลั่งไคล้ลวดลายโค้งเปลือกหอยสีทองอร่ามทับซ้อนไปมาราวกับเป็นช่อดอกไม้สามารถเห็นได้โดยทั่ว แม้แต่ในที่มืดมิดที่สุดยังหลีกหนีสีทองไปไม่พ้น รูปภาพ และงานปั้นของศิลปินที่มีชื่อเสียงประดับประดาตามผนังและเพดานนับร้อยชิ้นราวกับพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ความหรูหราชวนฝันนี้ก็เปรียบได้กับความฝันของเหล่าสาวน้อยดั่งเช่นองค์หญิงเตเต้นั่นเอง
ทว่าเตเต้กลับมีเวลาอันน้อยนิดที่จะได้ลิ้มรสกับความงามชั้นเลิศเหล่านี้
อย่าว่าแต่เวลาให้พักเลย เวลาให้คิดยังจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ!
“เฮ้ย วางกระเป๋ากันเบาๆ หน่อยสิ ขืนของข้างในเป็นอะไรพวกแกโดนไล่ออกหมดแน่”
“เธอนะ ไปช่วยแบกด้านโน้นที”
“ระวังนะ หนึ่ง สอง สาม เอ้ายก ฮึบ”
หลังฉากของความหรูหราสะดวกสบายของเหล่าชนชั้นสูงคือน้ำพักน้ำแรงของบริวารชายหญิงที่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ คอยบริการเอาใจเหล่าชนชั้นสูวจอมเกียจคร้านเพื่อเศษเงินเพียงน้อยนิด ตั้งแต่มาถึงเตเต้ก็ถูกใช้ให้แบกหามข้าวของสัมภาระของเจ้าชายแห่งอาณาจักรสักแห่งที่เพิ่งมาถึงหมาด ๆ เรือพายบรรทุกสัมภาระตรงมาจากท่าเรือน้ำลึกลำแล้วลำเล่าจอดเรียงรายเป็นตับเพียงเพื่อขนถ่ายข้าวของของคน ๆ เดียว โดยที่เตเต้ก็ทรงอดคิดไม่ได้ว่าเจ้าตัวป่านนี้คงทอดน่องเดินฉุยฉายสบายใจเฉิบอยู่ที่ไหนสักแห่งกระมัง
งานของเตเต้ยังไม่จบลงแค่ขนของเท่านั้น หลังจากสัมภาระส่วนใหญ่ถูกขนถ่ายจากเสร็จสิ้นแล้ว งานต่อไปคือขนกองหนังสือมหึมาที่อาณาจักรทั้งหลายบริจาคมาให้ในปีนี้ไปเก็บไว้ในห้องสมุด
ถึงเตเต้จะชอบหนังสือแค่ไหน แต่ต้องขนหนังสือกองโตขนาดนี้ก็พลางทำให้ขยาดเอาได้เหมือนกัน และด้วยความขี้เกียจที่ไม่อยากเดินหลายเที่ยว เตเต้จึงพยายามซ้อนหนังสือให้สูงที่สุดเท่าที่จะสูงได้...
หลังจากความยากลำบากในการทรงตัวไม่ให้หนังสือถล่มลงมาก่อนเวลาอันควร ในที่สุดเตเต้ก็มาถึงห้องสมุดอันเป็นจุดหมาย —
เตเต้วางกองหนังสือลงเป็นที่เรียบร้อยก็พบว่าตัวเองเหลือเพียงอยู่ตัวคนเดียวภายในห้องสมุดอันกว้างใหญ่ ดูเหมือนว่าเธอจะเดินช้ากว่าคนอื่นจนพลัดหลงกับกลุ่ม แต่เพราะเห็นนี้องค์หญิงจึงได้มีโอกาสแหงนหน้าชื่นชมกับความงดงามของวิทยาลัยโซเฟียอย่างเต็มตาเป็นครั้งแรก
และนับว่าเป็นโชคดีเหลือเกินที่ตอนนี้องค์หญิงได้ยืนอยู่ใจกลางหนึ่งในห้องสมุดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอาณาจักร
องค์หญิงได้แต่ยืนตาโตอ้าปากค้างด้วยความรู้สึกปลื้มปิติ และความยำเกรงในเวลาเดียวกัน
หากกล่าวโดยรวมแล้วพื้นที่ใช้สอยภายในปราสาทเกือบทั้งหมดถูกบูรณะใหม่เมื่อหลายสิบปีก่อนให้เป็นสถาปัตยากรรมรูปแบบรอคโคโคอย่างที่เป็นอยู่ จะมีเพียงส่วนพื้นที่ของห้องสมุดเท่านั้นที่ยังคงรูปแบบโกติคไว้เหมือนเดิม หอสมุดสูงบรรจุหนังสือนับพันนับหมื่นบนตู้เรียงรายไปตามแนวโค้งของอาคารที่สูงนับสิบชั้น บนยอดเพดานเป็นส่วนของเสาที่มาบรรจบกันมองเห็นเป็นรูปคล้ายพัดสานที่ค้ำยันหลังคาไว้ ส่วนต่อเติมชั้นล่างสุดยังมีแถวของตู้หนังสือเรียงรายกันอีกนับสิบแถวเป็นกำแพงแห่งความรู้รักษาภูมิปัญญาของบรรพชนในอดีตให้สืบทอดต่อไปยังชนรุ่นหลัง
แต่สิ่งที่ขึ้นชื่อของหอสมุดนี้มากที่สุดคงจะเป็นกระจกสีโมเสกบริเวณส่วนหน้าของหอที่ตกแต่งเป็นรูปต่าง ๆ อย่างงดงาม แสงแดดยามบ่ายส่องผ่านกระจกหลากสีส่องแสงแวววาวเสียยิ่งกว่าประกายเพชรเสียอีก นับได้ว่าเป็นผลงานชั้นเอกในศิลปะแขนงเดียวกัน
งานศิลปะกระจกสีดึงดูดความสนใจของเตเต้มากขึ้นเมื่อพบว่าภาพเหล่านั้นปรากฏภาพของนางเงือกมากมายราวกับต้องการจะเล่าเรื่องบางอย่างออกมา
กระนั้นเตเต้ก็มีเวลาชื่นชมและตื่นตะลึงกับความงดงามได้ไม่นานนักเมื่อบรรณารักษ์หนุ่มผู้อายุประมาณกลางยี่สิบปลุกให้กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง
“เธอตรงนั้นนะ ฟังที่ฉันพูดรู้เรื่องไหม”
ถึงเตเต้จะหงุดหงิดนิดหน่อยที่เจ้าบรรณารักษ์หนุ่มดูแคลนนึกว่าพระองค์พูดภาษากลางไม่รู้เรื่อง แต่เตเต้ก็พยักหน้าตอบรับ
“ฉันหรือ ?”
“โอ้ยอดมาก” โดยที่ไม่ทันได้ถามถึงความสมัครใจ บรรณารักษ์หนุ่มวิสาสะยกกองหนังสือมาให้กับเตเต้ “ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยขนหนังสือกองนี้แล้วตามฉันมาที”
“ด... เดี๋ยวก่อนสิ ฉันยังไม่ทันตอบตกลงเลย ?”
“เอาน่า ถ้ากลัวหัวหน้าดุล่ะก็เดี๋ยวจะบอกให้เองว่าเธอมาช่วยงานฉันเอง”
ว่าแล้วบรรณารักษณ์หนุ่มก็จัดแจงขนกองหนังสือที่เหลือก่อนจะเดินนำองค์หญิงเตเต้ไปโดยไม่คิดจะรอฟังคำตอบ
เตเต้เห็นดังนั้นจึงได้แต่ถอนหายใจก่อนเดินตาไปอย่างไม่มีทางเลือก
ผ่านตู้หนังสือทะมึนชั้นแล้วชั้นเล่า บรรณารักษ์หนุ่มกวาดสายตามองตามตัวอักษรภาษาตะวันออกอย่างกลุ้มใจ บางทีเขาก็บอกให้เตเต้หยุดก่อนจะมาด้อม ๆ มอง ๆ ชื่อปกหนังสือกับหมวดหนังสือบนตู้อย่างไม่แน่ใจว่าอยู่ถูกหมวดหรือเปล่า
“พี่วางหนังสือผิดที่รึเปล่าเนี่ย”
องค์หญิงทักท้วงก่อนที่บรรณารักษ์จะสอดหนังสือไปจนสุดตู้
“ว่าไงนะ ?”
เตเต้หน้าบู้พลางบ่นในใจอย่างเหนื่อยหน่ายว่าเจ้าหมอนี่ขลุกอยู่แต่กับหนังสือจนหูหนวกหรือไง “พี่จะจัดเรียงหนังสือตามตัวอักษรบนตู้นั้นใช่ไหมล่ะ ก็ชื่อบนสันหนังสือกับตัวอักษรบนตู้มันคนล่ะตัวนี่นา”
บรรณารักษ์หนุ่มหยิบหนังสือขึ้นมาดูเทียบกับตัวอักษรบนตู้อย่างละเอียดอีกรอบ
“จริงด้วย นี่มันคนล่ะตัวนี่นา”
เขาค่อย ๆ หันมามองสาวใช้หัวฟูด้วยความทึ่งและประหลาดใจ
“เธออ่านภาษาตะวันออกได้ด้วยหรือ...”
“นิดหน่อย” เตเต้ตอบ
บรรณารักษ์กลับไปครุ่นคิดอีกรอบ ก่อนจะตบมือเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก
“ดีล่ะ งั้นเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน....”
สุดท้ายแล้วดูเหมือนหน้าที่ของทั้งสองจะกลับตาลปัดกันอย่างช่วยไม่ได้ คุณบรรณารักษ์ผู้แสนดีอาสาจะแบกกองหนังสือแทนโดยที่เตเต้จะเป็นผู้เดินหาหมวดหนังสือ เตเต้ใช้เวลาเพียงไม่เท่าไหร่ในการเรียนรู้ระบบการเรียงหนังสือของห้องสมุดแห่งนี้
หลังจากสลับหน้าที่กันได้ไม่นานนัก ในที่สุดกองตั้งหนังสือก็หมดไปจากอ้อมแขนของบรรณารักษ์ไปสู่ที่มันควรจะอยู่หมดสิ้น
“ยอดเลย ปรกติแล้วเคยใช้เวลาเกือบครึ่งวันกว่าจะจัดหนังสือภาษาตะวันออกเสร็จ...”
“หุหุ ฉันเก่งใช่ไหมล่ะ” องค์หญิงยืนยืดตัวกอดอกแบน ๆ โอ้อวดความสามารถของตนอย่างไม่เกรงใจ คิดว่าเป็นการเอาคืนที่ทำท่าทางเหมือนจะดูถูกความสามารถของเธอในตอนแรก
ทว่าเจ้าหนุ่มบรรณารักษ์กลับไม่มีท่าทีเหมือนโดนดูถูกแม้แต่น้อย
“เก่ง... ไม่สิ เก่งมากด้วยล่ะ” เขามองหน้าเตเต้ด้วยความทึ่ง “ที่อ่านภาษาตะวันออกได้นี่...เธอมาจากจักรวรรดิกลางอันเกรียงไกรเหรอ ? ดูเหมือนเธอจะไม่ได้มาจากแถบนี้เลยนี่นา”
องค์หญิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งได้ใจขึ้นไปอีก
“หึ... เปล่าหรอก ลุงอาลีเคยสอนฉันระหว่างตอนรอลมสินค้านะ”
แน่นอนว่าบรรณารักษ์หนุ่มคงจะไม่รู้จักลุงอาลีที่เตเต้กล่าวถึงหรอก กว่าที่เขาจะรู้ว่า “ลุงอาลี” คนดังกล่าวคือนักเดินเรือผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรทะเลทราย ผู้ผ่านหน้าน้ำมาเจ็ดสมุทร และเป็นตำนานมีชีวิตที่กลายเป็นเรื่องเล่าอันยิ่งใหญ่นั้นก็เป็นเรื่องราวที่จะเล่าถึงในภายหลัง ทว่าสิ่งที่บรรณารักษ์สงสัยมากกว่าในเวลานี้คือตัวเตเต้นั่นเอง
“สำเนียงภาษากลางของราชสำนักนั่นอีก ดูเหมือนเธอจะไม่ใช่แม่บ้านธรรมดา ๆ เลยนะ”
เตเต้ได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อนไป ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องเบนความสนใจ
“อ้อ ใช่แล้ว ฉันสงสัยตั้งแต่เห็นแล้วว่ารูปบนกระจกนั่นมันเกี่ยวกับอะไรน่ะ” เตเต้แหงนหน้าไปมองกระจกสีขึ้นชื่อของห้องสมุด
“อ้อ รูปนางเงือกนั่นเหรอ” เขามองไปยังกระจกโมเสก “ก็ไม่มีอะไรหรอก เธอคงจะแปลกใจใช่ไหมล่ะว่าทำไมถึงเอาภาพของปีศาจอย่างนั้น....”
โครม !
ก่อนที่บรรณารักษ์หนุ่มผู้ไม่ระวังปากจะกล่าวจบ เสียงอะไรบางอย่างกระทบตู้ดังโครมราวกับมีคนเพิ่งเอาค้อนมาทุบอย่างจัง —
“เอ่อ... ผมพูดอะไรผิดรึเปล่าเนี่ย”
เขาจ้องมองอย่างผวาไปยังกำปั้นของเตเต้ที่บัดนี้ประทับอยู่บนตู้ไม้ที่แสนโชคร้าย องค์หญิงน้อยที่เพิ่งสำนึกได้ว่าทำอะไรลงไปรีบชักมือกลับคืน
“อ้อ ทุบแมลงนะ”
รอยยุบเล็ก ๆ ยังคงประทับตราตรึงอีกนานเท่านาน จนกลายมาเป็นหนึ่งในปริศนาลึกลับของห้องสมุดนี้ในเวลาต่อมา
”เล่าต่อสิคะ”
ผู้ดูแลห้องสมุดไอกระอ้อมกระแอ่มอีกสองสามทีก่อนเริ่มจะเล่าต่อ
“ถึงจะเป็นปีศาจ แต่สมัยก่อนนางเงือกก็เป็นตัวแทนของความรู้นะ ลองดูในมือของนางเงือกสิ” เขาชี้ไปยังรูปหนึ่งบนกระจกโมเสก “จะเห็นเป็นม้วนกระดาษแห่งความรู้ อ้อ... แล้วรู้สึกว่าตามตำนานจะเป็นผู้ที่มอบภาษาให้แก่มนุษย์ด้วย แต่ถ้าเธอเข้าโบสถ์ทุกอาทิตย์คงจะไม่เชื่อตำนานโบราณอย่างนั้นหรอก”
เตเต้ยังคงจ้องมองรูปนั้นอยู่ต่อราวกับต้องมนต์สะกด...
นางเงือก
ความรู้
ภาษา...
บางสิ่งบางอย่างบ่งบอกว่าเรื่องราวบนกระจกสีอาจจะเป็นเงื่อนงำบางอย่างเกี่ยวกับความแปลกประหลาดของตัวเตเต้ก็เป็นได้
ในตอนนั้นเองที่เตเต้ถูกปลุกจากภวังค์
“ท่าทางเธอจะชอบนางเงือกนะเนี่ย”
องค์หญิงหันมาก่อนพยักหน้าตอบ
“วันหลังถ้าว่าง ๆ ก็ลองมาหาอ่านดูในนี้สิ ถ้าให้เดาเธอคงอ่านภาษากลางออกด้วยสินะ เดี๋ยวผมจะหามาให้ ไหน ๆ วันนี้ก็อุตส่าห์ช่วยผมมาตั้งเยอะแล้วนี่นา”
บรรณารักษ์หนุ่มกล่าวโดยไม่ถือว่าองค์หญิงจะเป็นเพียงสาวใช้ผิวสีผู้ต่ำต้อย คงเป็นเพราะการแสดงออกของความรู้ของพระองค์กระมังที่ทำให้ชายหนุ่มผู้นี้รู้สึกนับถือในตัวสาวใช้ผู้นี้ ไม่ว่าชาติตระกูลจะสูงต่ำเพียงใด ความรู้ไม่เคยเลือกนายอยู่แล้ว
ก่อนที่บรรณารักษ์จะกลับไปทำงานต่อเขายังอุตส่าห์เชิญชวนองค์หญิงให้ลาออกจากงานแม่บ้านมาทำงานกับเขาด้วยซ้ำ แต่ยังไม่ทันที่เตเต้จะตอบ บรรณารักษ์หนุ่มก็จรลีรีบไปทำงานด่วนที่รออยู่เสียแล้ว ปล่อยทิ้งให้เตเต้ต้องเคว้งอยู่เพียงเดียวดายอีกครั้ง
มองไปรอบ ๆ ก็ไร้ซึ่งกลุ่มแม่บ้านที่มาด้วยกัน
แล้วนี่จะต้องทำอะไรต่อไปดีล่ะ
โดยที่เตเต้ไม่รับรู้ในเวลานั้น เบื้องหลังโต๊ะไม้โอ๊คสำหรับนั่งอ่านหนังสือริมระเบียงถัดออกไปไม่ห่างจากจุดที่เตเต้ยืนอยู่นัก นัยน์ตาคู่หนึ่งกำลังเพ่งพิจจารณาเตเต้ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างมีเลศนัย...
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
Edit Log: Sept 9th, 2008: จบตอน
Edit Log: Sept 10th, 2008: แก้คำผิด
Edit Log: July 3rd, 2011: มหกรรมรีไรท์
Edit Log: April 19th, 2013: รีไรท์
ความคิดเห็น