คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ก็บอกแล้วไงว่าผลัดวันประกันพรุ่งมันไม่ดีนะ
“เตเต้คะ เมื่อไหร่จะได้ฤกษ์ไปเข้าเรียนเสียทีเอ่ย นี่มันผ่านมาห้าวันแล้วนะ ” แม่บ้านสาวผู้สัตย์ซื่อกล่าวพลางใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตามพระวรกายอันเปลือยเปล่าที่ประทับแช่อยู่ในอ่างไม้
“เอาน่าๆ ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าพรุ่งนี้แน่ ๆ น่ะ” เตเต้ลูบคลำสร้อยคอที่เหลือไข่มุกอยู่เพียงสี่เม็ดเท่านั้น “ยังเหลืออีกตั้งหลายวัน ยังไงก็ทันอยู่ดีน่า”
“เตเต้พูดมาอย่างนี้สี่รอบแล้วนะคะ อีกอย่างประเด็นมันไม่ใช่อยู่ตรงนั้น” ซีเรียสะเด็ดน้ำออกจากผมของเด็กสาว “เตเต้ต้องมั่นใจในตัวเองให้มากกว่านี้หน่อยนะคะ”
เจ้าหญิงแห่งอาณาจักรหอยกาบสะบัดหน้ามาหาซีเรีย ทำเอาแม่บ้านสาวเปียกปอนจากหยดน้ำที่สาดกระเซ็น “ใครว่าฉันกลัวเล่า ฉันก็แค่...ไม่อยากรีบเร่งให้มันอึดอัดแค่นั้นล่ะ”
ถึงจะกล่าวเช่นนั้น แต่เสียงสะอึกเว้นช่วงก็อธิบายทุกอย่างที่ซีเรียต้องการ
ซีเรียค่อย ๆ แหวกผมที่ปรกหน้าเผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล ก่อนจะจ้องตาสีน้ำเงินทะเลที่พยายามจะเบือนหนี
“ถึงเตเต้จะไม่เชื่อมั่นในตัวเอง แต่อย่างน้อยทุกคนที่อาณาจักรหอยกาบทุกคนและดิฉันเองต่างก็เชื่อมั่นในความสามารถของเตเต้นะคะ เตเต้เองก็เป็นถึงเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรหอยกาบ มีศักดิมีศรีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าทุกคนในวิทยาลัยโซเฟียเลยล่ะค่ะ”
กระนั้นคำพูดของซีเรียกลับยิ่งตอกย้ำความรู้สึกอ่อนด้อยของเตเต้หนักเข้าไปใหญ่ นัยน์ตาสีฟ้าคู่งามยังพยายามเบือนหนีสายตาของแม่บ้านสาว ละอายต่อความคาดหวังของทุกคนที่มีต่อเธอ ทรัพย์สินสมบัติทั้งหลายที่เป็นค่าส่งเสียให้เตเต้เข้ารับการศึกษาก็มาจากน้ำพักน้ำแรงของเหล่าประสกนิกรชาวอาณาจักรหอยกาบ เหรียญเงินทุกเหรียญ เครื่องแต่งกายทุกชุด อาหารทุกมื้อต่างโฉลมไปด้วยหยาดเหงื่อแรงงาน และความหวังของทุกคนที่ไม่มีโอกาสอย่างเช่นเตเต้
ความลังเล และความไม่เชื่อมั่นในตัวเองนั้นกลายเป็นว่าเตเต้ได้ทรยศต่อความคาดหวังของทุกคนเข้าเสียแล้ว
“ว่าไหมซีเรีย ฉันนี่เป็นเจ้าหญิงที่ใช้ไม่ได้เลยจริง ๆ นะ ทั้งที่ทุกคนอุตส่าห์พยายามเพื่อฉันขนาดนี้ เชื่อมั่นในตัวฉันขนาดนี้แท้ ๆ”
แทนที่จะพยายามปลอบใจด้วยถ้อยคำที่เพียงแต่จะทำให้เจ้าหญิงน้อยสมเพชตนเองยิ่งขึ้นไปอีก แม่บ้านสาวกลับเพียงยิ้มอย่างภาคภูมิใจที่ได้ยินพระดำรัสเช่นนี้จากปากขององค์หญิงผู้เป็นที่รัก
“ประโยคเพิ่งพูดออกมาก็เพียงพอที่จะยืนยันในสิ่งที่ดิฉันเชื่อมั่นในตัวของเตเต้มาตลอดแล้วล่ะค่ะ”
องค์หญิงมีสีพระพักตร์เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง คำกล่าวของซีเรียที่ดูราวกับกล่าวเพื่อล้อเลียนกับสิ่งที่เพิ่งกล่าวไป แต่เตเต้ก็ทราบดีว่ารอยยิ้มอันอบอุ่นของซีเรียนั้นไม่มีวันโกหกเธออย่างแน่นอน
“เตเต้คิดว่าอะไรทำให้เตเต้มีตำแหน่งเป็นเจ้าหญิงคะ”
เตเต้พิเคราะห์อยู่ครู่หนึ่งจึงตอบ
“เพราะฉันเป็นลูกเด็จพ่อหรือ ?”
“ใช่แล้วค่ะ ซึ่งก็ไม่ต่างจากคนอื่นในวิทยาลัยโซเฟียนักหรอก พวกนั้นส่วนใหญ่ก็รับสืบทอดตำแหน่งโดยสายเลือดทั้งนั้นล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นในข้อนี้เตเต้ก็ไม่ต่างจากคนอื่นหรอก” ซีเรียกล่าว “แต่ว่า ถ้าจะถามว่าอะไรทำให้คนคนหนึ่งเป็นเจ้าหญิงเจ้าชาย เป็นนายเหนือหัวปกครองผู้อื่นกันล่ะ ?”
เตเต้มองซีเรียอย่างฉงนใจ
“ก็คนอย่างลุงเปเป้ หรือคุณป้าขายพายหอยกาบไงล่ะคะ” คำตอบของซีเรียยิ่งทำให้เตเต้งงหนักยิ่งกว่าเก่า ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เมดสาวรอคอยอยู่แล้ว “ที่เตเต้เป็นเจ้าหญิงได้ไม่ใช่เพราะว่าเตเต้เป็นพระราชธิดาของฝ่าบาทอย่างเดียวหรอก แต่เป็นเพราะว่าคนอย่างลุงเปเป้ยอมรับให้เตเต้ต่างหากล่ะที่ทำให้เตเต้เป็นเจ้าหญิงได้ ไม่ว่าจะให้ยอมรับด้วยคมดาบหรือขนมปัง สุดท้ายอำนาจของผู้ปกครองก็มาจากประชาชนทั้งสิ้น ไร้ซึ่งประชาชนก็ไร้ซึ่งอำนาจ พระราชาองค์เดียวทำอะไรไม่ได้หรอกค่ะ”
นอกเหนือจากเรื่องขนมปังที่ไม่ใช่อาหารหลักของเกาะหอยกาบแล้ว องค์หญิงดูพอจะเข้าใจกับคำพูดของซีเรียบ้าง
“แต่พวกผู้ปกครองส่วนใหญ่มักจะลืมเลือนความเป็นจริงในข้อนี้ที่ว่าอำนาจของตนมาจากส่วนไหนกันแน่ มัวแต่หลงระเริงกับเสื้อผ้าสวยงาม งานเลี้ยงหรูหรา อาหารเลิศรส แต่ประชาชนต้องกลับต้องเคี้ยวหญ้าประทังหิว ถูกขูดรีดสารพัด ถ้าเตเต้เข้าไปในวิทยาลัยโซเฟียก็จะทราบเองค่ะว่าที่ดิฉันหมายความว่าอย่างไร”
ซีเรียสำผัสแก้มเนียนนุ่มขององค์หญิงน้อยที่เริ่มแดงระเรื่ออย่างอ่อนโยน
“เทียบกับเตเต้ที่สำนึกความจริงในข้อนี้ได้ ดิฉันว่าเตเต้เป็นเจ้าหญิงที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าพวกเลดี้ที่วัน ๆ ไม่ทำอะไรเอาแต่ไปงานเลี้ยงสวมชุดหรูหรานินทาว่าร้ายคนอื่นอยู่ร่ำไป ฉะนั้นเตเต้ไม่ต้องน้อยเนื้อต่ำใจไปหรอกค่ะ คุณค่าของความเป็นเจ้าหญิงนั้นเตเต้เองมีพร้อมอย่างไม่ต้องสงสัยเลย”
เตเต้ได้แต่ซ่อนใบหน้าหลังอ่างไม้จากใบหน้ายิ้มแย้มของซีเรีย
ยังไงเสียเตเต้ก็แพ้ทางให้กับคำหวานของซีเรียอยู่ร่ำไป
“สรุปพรุ่งนี้ไปลงทะเบียนแน่ ๆ นะคะ”
“อืมมม” เตเต้พึมพำก่อนดำบุ๋งๆ ลงไปในอ่าง “ก็ซีเรียอุตส่าห์พูดขนาดนั้นแล้วขืนฉันเบี้ยวอีกก็แย่สิ”
“เห...เมื่อสักครู่เตเต้พูดว่าอะไรนะคะ”
“เออน่า ช่างมันเถอะ ก็บอกแล้วไงว่าพรุ่งนี้แน่นอน!”
............................................
....................................
............................
...................
..........
....
ถ้าจะให้เปรียบเทียบว่าท้องฟ้ายามเช้าของวันใหม่นี้เหมือนกับอะไร คงจะตอบได้ว่าดูคล้ายกับภาพสะท้อนของท้องทะเลก็ไม่ผิดนัก ท้องฟ้าสีครามอันสดใสเปรียบเหมือนผืนทะเลที่ทอดตัวไปจนสุดลูกหูลูกตา ในขณะที่ปุยเมฆขาวนวลต้องกับแสงอาทิตย์ดูคล้ายเกลียวคลื่นสีขาวที่ซัดเข้าหาฝั่ง ดวงอาทิตย์แสนขี้อายหลีกเร้นอยู่เบื้องหลังปุยเมฆแต่ก็มิอาจซุกซ่อนรัศมีอันเรืองรองของมันได้
ท้องฟ้ายามเช้าเช่นนี้เป็นที่ปรารถนายิ่งสำหรับชาวเมืองที่ต้องอยู่ทนกับอากาศมืดครึ้มเป็นเวลานาน แต่ถึงกระนั้นบนลานกว้างหน้าปราสาทโซเฟียยังมีเจ้าหญิงน้อยองค์หนึ่งในฉลองพระองค์กรุยกรายดูไม่พอใจกับสภาพอากาศอันแจ่มใสเสียเท่าไหร่นัก
“ชิ ฝนดันไม่ตกอีก อุตส่าห์สวดมนต์ขอพรทั้งคืนแล้วแท้ ๆ”
ทั้งที่เมื่อวานกล่าวเอาไว้อย่างดิบดี แต่สุดท้ายเตเต้ก็ยังปอดแหกขึ้นมาอยู่เป็นระยะ
“นี่ซีเรีย มันจำเป็นต้องรัดแน่นขนาดนี้เลยเหรอ” เตเต้ก้มมองดูเอวที่ถูกคอสเซ็ตรัดเสียจากเดิมเป็นตอไม้ตรงแหน่วกลายมามีส่วนโค้งเว้าอย่างน่ามหัศจรรย์ แต่ความสวยงามนั้นมันก็ต้องแลกมากับความอึดอัดที่แทบทำให้เตเต้คลั่งไปเลยทีเดียว ซึ่งไม่แปลกเนื่องจากระหว่างแต่งฉลองพระองค์นั้นซีเรียถึงขนาดใช้เท้ายันตัวรัดคอสเซ็ตซะจนแทบจะหายใจไม่ออก กอปรกับชุดสีฟ้าอ่อนกระโปรงกรุยกรายราวกับผ้าม่านขลิบลายลูกไม้สีขาวที่ถูกดัดทรงด้วยโครงซุ้มยิ่งทำให้เตเต้รู้สึกอึดอัดหนักเข้าไปอีก
“แต่ตอนนี้เตเต้ดูน่ารักมากเลยนะคะ” แม่บ้านสาวซีเรียในชุดเมดเต็มยศชื่นชมเจ้านายของตนราวกับว่าเพิ่งจับตุ๊กตามาแต่งตัวอย่างสนุกสนาน
“แต่ฉันหายใจไม่ออกจนตายก่อนที่จะได้เข้าเรียนนะซี่” เตเต้บ่นโอดครวญพลางพยายามขยับตัวไปมาอย่างยากลำบาก “แล้วยังเจ้าชุดนี่อีก ใส่แล้วเดินลำบากชะมัดเลย ทีทำไมวันแรกไม่เห็นต้องยุ่งยากขนาดนี้เลย”
“หรือว่าเตเต้จะเปลี่ยนเป็นชุดพื้นเมืองก็ได้นะคะ”
องค์หญิงน้อยได้แต่หน้าเบ้กับความคิดของเมดสาวซีเรีย
“ไม่เอาล่ะ ขืนใส่ชุดบา งๆ อย่างนั้นที่นี่มีหวังแข็งตายแหงก่อน”
องค์หญิงเตเต้แหงนมองดูกำแพงขาวสูงที่เดินผ่านตลอดหกวันที่ผ่านมา แต่จนแล้วจนรอดก็ยังมิได้ย่างกรายเข้าไปข้างในเสียที
ในที่สุด..
“นี่ซีเรีย ไหนๆ อากาศดีขนาดนี้เราไม่ไปเดินเที่ยวกันก่อนดีกว่าหรือ ตอนบ่าย ๆ ค่อยกลับมาก็ได้นี่”
แต่ทว่าเมดสาวแสนงามปฏิเสธอย่างไม่ลังเล “ไม่ได้หรอกค่ะ เตเต้ผลัดอย่างนี้มาหลายวันแล้ว แถมวันนี้ดิฉันต้องรีบกลับไปช่วยร็อคซี่ที่โรงเตี๊ยมด้วย วันนี้เราจะมัวแต่โอ้เอ้ไม่ได้หรอกค่ะ”
“อ้าว ก็ยายป้านั่นมีคริสเทียน่าคอยช่วยอยู่แล้วไม่ใช่หรือ”
“อ๋อ เด็กนั่นรู้สึกว่าจะหายไปตั้งแต่วันก่อนแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้เลยวุ่นวายกันใหญ่เลย” ซีเรียตอบ
“หา ทำไมฉันไม่เห็นรู้เลย ! แล้วเรื่องมันเป็นไงมาไงล่ะ”
ซีเรียถอนหายใจเล็กๆ “จู่ ๆ ก็เธอก็หายไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะค่ะ แต่ข้าวของทุกอย่างในโรงเตี๊ยมก็ยังอยู่ครบดี สมบัติในห้องเราก็ไม่หายไปไหน แล้วก็...” ซีเรียหันไปมององค์หญิง “จดหมายเชิญก็ยังอยู่ดี ใช่ไหมคะ”
“ก็อยู่ในกระเป๋านี่ไง ซีเรียเป็นคนยื่นให้ฉันเองเมื่อเช้าไม่ใช่หรือ” องค์หญิงทรงควักม้วนสารหนังออกมาจากกระเป๋าแสดงให้ซีเรียเห็น “ซีเรียก็บอกเองว่าเก็บไว้อย่างดี ตอนเวลามีธุระหรือตอนอาบน้ำก็ฝากไว้ในตู้เซฟของป้านั่นไม่ใช่หรือ แถมคนที่ถือกุญแจก็เป็นตัวยายป้าเองด้วย!”
“จริงอย่างที่เตเต้พูดค่ะ” ซีเรียกลับไปครุ่นคิดต่อ “แต่ว่ามันก็แปลกนะค่ะที่อยู่ดี ๆ ก็หายไปอย่างนี้น่ะค่ะ โรงเตี๊ยมเองก็ไม่ได้มีสมบัติอะไรมากมาย จะว่าเธอแสร้งมาทำงานแล้วฉวยโอกาสขโมยของมันก็ไม่ใช่”
“ดีล่ะ งั้นเราไปตามสืบหาความจริงก่อนดีกว่า ! ”
เตเต้พยายามจะบ่ายเบี่ยงแต่ก็ถูกซีเรียคว้าแขนไว้พลางส่ายศีรษะหยุดความคิดของเตเต้ไว้อย่างเยือกเย็น ถึงใบหน้าของซีเรียจะยิ้มแย้ม แต่เตเต้ก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศตึงเครียดที่ซึมซาบผ่านผิวจนสุดท้ายก็ต้องยอมแพ้แต่โดยดี
“ดีมากค่ะ เตเต้เชิญทางนี้เลยค่ะ”
เตเต้แปลกใจเมื่อเดินซีเรียนำไปทางประตูหน้า บริเวณที่ซึ่งซึ่งมีทหารยามยืนเฝ้าอยู่ราวกับรูปปั้น ประตูหินสูงตระหง่านโดยมีลูกกรงเหล็กขวางกั้นระหว่างสะพานเชื่อมกับต่อกับปราสาทอีกที มันเป็นภาพที่ดูยิ่งใหญ่เสียจนทำเตเต้รู้สึกประหม่าเลยทีเดียวที่ต้องเดินผ่านประตูนั้นเข้าไป
“เห ให้เข้าตรงประตูด้านหน้าเลยเหรอ”
“ใช่แล้วเพคะ ต้องให้สมพระเกียรติกับรัชทายาทอันดันหนึ่งแห่งราชอาณาจักรหอยกาบสิเพคะ” ซีเรียเปลี่ยนระดับของภาษาอย่างกะทันหันทำเอาเตเต้ปรับความรู้สึกแทบไม่ทันเลยทีเดียว
ซีเรียเดินนำหน้าเจ้าหญิงน้อยอย่างสง่างามเพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้านายของตน แต่เนื่องจากความสง่างามและเจิดจรัสเกินฐานะของหล่อนมันจึงดูราวกับว่าเธอเป็นนายหญิงผู้เลอโฉมเดินนำหน้าและองค์หญิงคือบ่าวไพร่คอยเดินติดตามอยู่เบื้องหลัง
เมื่อทั้งสองมาถึงยังหน้าประตูทางเข้าหลัก เหล่าทหารยามที่เคยยืนนิ่งดั่งหินปูก็พลันขยับยกแขนขึ้นมาปรามอย่างแข็งขัน
“ประตูนี้ประชาชนทั่วไปห้ามผ่านครับคุณผู้หญิง ถ้าจะติดต่อขอสมัครงานล่ะก็เชิญทางด้านประตูหลังนะ”
ถึงแม้สิ่งที่ทหารยามกล่าวมาจะดูลบลู่พระเกียรติขององค์หญิง แต่ถ้าดูจากเนื้อผ้าแล้วมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ซีเรียที่เข้าใจในความจริงข้อนี้ดีจึงได้ปรามเตเต้ไว้ก่อนที่จะวิ่งเข้าชาร์จไปซัดทหารยามผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวนั่น
แม่บ้านสาวยืนประจันหน้าเหล่าทหารยามอย่างสำรวมราวกับไม่ยี่หระต่อคำพูดที่ผ่านมา
“พวกท่านโปรดเรียนเชิญผู้ดูแลประจำที่แห่งนี้ว่า เจ้าหญิงเตเต้ ตาลอสติเตส รัชทายาทอันดับหนึ่งราชวงศ์ตาลอสติเตสแห่งราชอาณาจักรหอยกาบได้เสด็จมาเพื่อเข้ารับการศึกษาในวิทยาลัยการส่งเสริมเพื่อสร้างผู้นำชั้นเลิศและความร่วมมือระหว่างอาณาจักรโซเฟียแห่งนี้แล้ว”
เหล่าทหารยามต่างหันมองหน้ากันอย่างงงวงย แล้วยิ่งเมื่อเมดสาวซีเรียเผยโฉมองค์หญิงผู้ศักดิแล้วยิ่งทำให้บรรดาทหารยามงงหนักยิ่งขึ้นไปอีก
“องค์หญิงเพคะ....” สิ่งที่ซีเรียต้องการคือจดหมายเชิญที่เตเต้มักจะยืนยันว่าให้เก็บไว้ที่ตนเองเอง
“อ้อ...จดหมายใช่ไหม” เตเต้คลี่ม้วนสารออกมาเตรียมยื่นให้ซีเรีย แต่ทว่าเมื่อองค์หญิงเหลือบทอดพระเนตรในสารนั่น...
“เห ?”
องค์หญิงรีบม้วนสารคืนก่อนทรงหันไปทางแม่บ้านสาวด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้จะดีนัก
“มีอะไรเหรอเพคะ?”
“นี่ซีเรีย” เตเต้เขยิบเข้ามากระซิบข้างหูซีเรีย “ในที่เก็บนั่นมีแค่ม้วนสารนี้ฉบับเดียวใช่ไหม”
“ใช่แล้วเพคะ”
“งั้นนี่ก็...” องค์หญิงน้อยค่อย ๆ ยื่นสารเชิญให้กับซีเรียอย่างสั่นเทา เหงื่อกาฬผุดขึ้นบนใบหน้าอย่างเคร่งเครียด
เมื่อแม่บ้านสาวคลี่แผ่นสารนั่น ตาสีน้ำตาลสวยของหล่อนก็พลางเบิกกว้างตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นภายในตัวจดหมาย
ไม่สิ... ต้องบอกว่าไม่เห็นมากกว่า
ข้างในจดหมายที่น่าจะมีข้อความและตราประทับยืนยันนั้นกลับว่างเปล่าไม่มีอะไรอยู่เลย
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
Edit Log: April 11th, 2008: จบตอน
Edit Log: April 15th, 2008: แก้คำผิด + ลบคำว่า ค่ะ ที่มากเกินไป
Edit Log: May 4th, 2008: เพิ่มรายละเอียดการแต่งตัวขององค์หญิงเตเต้
Edit Log: May 6th, 2008: แก้ไขรูปประโยคเล็กน้อย
Edit Log: June 27th, 2011: มหกรรมรีไรท์
Edit Log: June 16th, 2012: รีไรท์
ความคิดเห็น