คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : chapter 5 ที่นี่ไม่มีเธอ
บนเกาะกลางถนน
คยองซูที่ยืนกอดอกเอาแต่สั่งนู้นสั่งก็ยังคงพูดไม่หยุด
ขนาดจงอินพยายามเอามืออุดหูก็ยังตามมาตะโกนแข่งกับเสียงรถรอบข้างอยู่ได้..จะจับมือก็ดื้อไม่ยอมให้จับเหมือนกำลังงอน..แต่จงอินไม่รู้ว่าคยองซูงอนเขาเรื่องอะไร?
“กูไม่อยู่ห้ามพาใครเข้าห้องนะ”
“เออ รู้แล้ว”
“ถ้ากูกลับมาเจอแม้แต่เศษซากมึงตายแน่”
“ปากเนี้ยหุบบ้างนะ พูดอยู่นั้นแหละ”
ยิ่งสั่งไปเรื่อยๆคำสั่งมันก็ยิ่งออกทะเล
ความจริงห้องนั้นมันก็ห้องเขาจะพาใครมาเขาก็มีสิทธิไม่ใช่หรอ? ถ้าจะพูดมากขนาดนี้จงอินคิดว่าคยองซูไม่ต้องกลับบ้านยังจะง่ายกว่า...เพราะยังไงก็ไม่มีใครยินดีกับการกลับบ้านครั้งนี้อยู่แล้ว
“เมื่อไหร่จะเลิกเดินล้อมหน้าล้อมหลังกูเนี้ย”
“แล้วมันมีสะพานลอยมั้ยล่ะ?”
จงอินได้แต่ถอนหายใจให้กับคนปากจัดที่เอาแต่ทำหน้าบูด
เขาไม่ได้ตั้งใจทำให้คยองซูรำคาญแต่เลนที่แล้วรถมันมาทางขวามือคยองซู
เลนนี้เขาก็แค่ย้ายมาทางซ้ายมือ..อย่างน้อยเขาก็สายตาดีกว่าและถ้ารถพุ่งเข้ามา...ก็จะได้ชนเขาเป็นคนแรก
“จับมือด้วย กูขี้เกียจโดนผีขี้บ่นหลอก”
“ส่งแค่นี้นะ”
“อื้อ”
สุดท้ายจงอินก็ทั้งฉุดทั้งลากคยองซูมาจนได้นั้นแหละ
ไม่รู้วันนี้เป็นอะไรทำไมถึงดูหงุดหงิด พูดมากแล้วก็เอาแต่สั่งไม่หยุด
ความจริงแค่ป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามคอนโดทำไมคยองซูจะเดินมาเองไม่ได้? ไอ้กระเป๋าที่ใช้เขาถือมันก็ไม่ได้หนักอะไรเลย คยองซูไม่ใช่คนบอกบางขนาดที่แบกของหนักไม่ไหว
มันเลยเป็นคำถามอยู่ในใจว่าคยองซูจะปลุกให้เขาลงมาส่งทำไมตั้งแต่เช้าขนาดนี้.. มันน่าใจหายจะตาย
ทำเหมือนว่ากลับบ้านคราวนี้จะไม่กลับมาอีกอย่างนั้นแหละ..
“กลับให้ถึงห้องนะ ไม่ใช่ไปหลับในลิฟท์”
“เออ ถึงบ้านแล้วบอกด้วย”
คยองซูไม่รู้ว่าทำไมเขาจะต้องมานั่งหงุดหงิดอยู่แบบนี้ แค่รู้สึกไม่ชอบที่เห็นจงอินข้ามถนนกลับไปโดยที่ไม่หันกลับมามองเขาอีก รู้นะว่าง่วงและจะรีบกลับไปนอนแต่ก็ควรหันมามองกันหน่อยไม่ใช่หรือไง
ใครจะรู้กระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่มันอาจจะถ่วงเขาหงายหลังหัวฟาดพื้นไปก็ได้ คยองซูรู้ว่าจงอินคงไม่สะดวกใจเหมือนก่อนแต่ใจคอจะปล่อยให้เขานั่งรอรถคนเดียวแบบนี้จริงๆหรอ...
20นาทีผ่านไป...
จริง จงอินหนีไปนอนแล้วทิ้งเขาไว้ที่ป้ายรถเมล์คนเดียวจริงๆ
“เออ แค่นี้แหละ”
“มึงก็นอนได้แล้ว”
ตอนนี้เป็นเวลาทุ่มกว่าๆ จงอินยังคงนอนสไลด์หน้าจอโทรศัพท์ไปมาอย่างคนไม่มีอะไรทำ เขากดวางสายจากคยองซูไปแล้วแต่ไม่รู้ทำไมถึงอยากโทรไปอีกทั้งที่เป็นคนบอกเองแท้ๆว่าให้คยองซูพักผ่อน
ดวงตาคมมองไปรอบๆแล้วก็ได้แต่ถอนใจ
มันไม่ง่ายเลยที่เขาจะนอนอยู่คนเดียวในห้องที่เงียบจนได้ยินเสียงแอร์แบบนี้
จริงๆเขาควรจะดีใจที่จะเล่นเกมส์เสียงดังแค่ไหนก็ได้จะถอดเสื้อผ้ากระจัดกระจายแค่ไหนก็ไม่มีใครบ่น
แต่ไม่เลย..จงอินไม่รู้สึกว่าการอยู่คนเดียวมันสนุกเลยสักนิด
“แม่ง..เหงาชิบหาย”
มือหนาลูบไปบนหมอนใบข้างๆก่อนจะดึงมันขึ้นมากอด
เสียงของจงอินมันฟังดูอู้อี้เพราะฝังจมูกลงกับหมอน เขาก็เพิ่งรู้วันนี้แหละว่าแชมพูที่ไปช่วยกันเลือกมันหอมมากๆ..แล้วถ้ากลิ่นแบบนี้อยู่บนผมคยองซูมันจะหอมขนาดไหนนะ
คยองซูไม่ได้หายไปไหนและพวกเขาก็ยังอยู่ด้วยกัน ในช่วงหยุดยาวคยองซูก็แค่กลับบ้านที่อิลซานและอีกสองสามวันก็จะกลับมา พวกเขาห่างกันแค่คนละจังหวัด นาฬิกาที่ยังบอกเวลาเดียวกันนั้นหมายความว่าระยะมันยังไม่มากพอที่ต้องรู้สึกเหงา แต่ตอนนี้จงอินกลับรู้สึกว่าเขากำลังอยู่ห่างจากคยองซูจนน่าใจหาย เวลาอาจเดินช้าลงหรือแค่คิดไปเอง แต่ที่แน่ๆจงอินรู้สึกว่าเขากำลังรอคอยจนเริ่มหงุดหงิด.....เมื่อไหร่คยองซูจะกลับมาสักที?
“นอนแล้วนะ”
จงอินพูดกับหมอนของคยองซูในอ้อมกอด
เขาไม่สนใจหรอกว่ามันจะดูตลกมากแค่ไหนแต่อย่างน้อยของที่มีกลิ่นคยองซูมันก็ให้ความรู้สึกเหมือนคุยกับคยองซูนั้นแหละ
เสียงแจ้งเตือนไลน์จากแบคฮยอนยังดังขึ้นถี่ๆ คนบนเตียงช่างใจนิดหน่อยก่อนจะกดปิดเครื่องและโยนมันทิ้งข้างตัวเหมือนไม่ได้เป็นของสำคัญ ก่อนจะตั้งใจที่จะหลับให้ได้ในคืนนี้...
“แล้วแม่มึงทำอะไรให้กิน”
“อร่อยมั้ยล่ะ ”
เสียงเคี้ยวข้าวจากปลายสายทำให้จงอินอดยิ้มออกมาไม่ได้
แค่ได้ยินเสียงก็นึกภาพออกเลยว่าเวลากินหน้าตาคยองซูจะเป็นยังไง มันอาจดูเป็นคำถามโง่ๆแต่จงอินไม่รู้ว่าเขาจะอ้างธุระอะไรในการโทรหาคยองซู
นอกจากเรื่องนี้
...ก็คยองซูชอบกิน
เลยคิดว่าถามเรื่องของกินเนี้ยแหละน่าจะดูเนียนที่สุดแล้ว
(“แล้วมึงไม่ออกไปไหนหรอ
กูอุตส่าห์ไม่เอารถมา”)
“แหม่
มึงไม่เอารถไปแต่มึงเอากุญแจไปไง”
(“อ้าว
กูลึมหรอ โทษทีๆ”)
“เออ
ช่างเถอะกูก็ไม่ได้ออกไปไหนอยู่แล้ว”
เสียงของจงอินมันไม่ได้ดูหงุดหงิดหลังประโยคพวกเขายังหัวเราะออกมาพร้อมกันด้วยซ้ำ
คยองซูไมได้เอารถไปก็จริงแต่การเอากุญแจรถไปนี่จะให้เขาเข็นเอาหรือไง? นี่แหละความคยองซูอีกข้อที่จงอินควรจะรู้..คยองซูแผนสูงและวางมันไว้อย่างแยบยล
ถ้าออกไปไหนไม่ได้ก็เท่ากับว่าออกไปหาแบคฮยอนไม่ได้เช่นกัน ..ถึงจะพูดว่าลืมแต่เสียงที่ได้ยินจงอินยิ่งกว่ามั่นใจอีกว่ามันมีแต่ความสะใจซ่อนอยู่ล้วนๆ..ร้ายกาจ
คยองซูร้ายกาจกว่าแม่เลี้ยงของซินเดอเรลล่าซะอีก
“คยองซู
กูว่าเสื้อที่มึงซื้อมาเมื่ออาทิตย์ก่อนมันใหญ่ไปว่ะ”
(“จงอิน นี่มึงแอบเอาเสื้อกูไปใส่อีกแล้วหรอ
มึงนี่จริงๆเลยนะ กูกลับบ้านทีไรมึงขโมยของกูใช้ทุกที”)
“กูยืมแปปเดียว มึงมาเดี๋ยวกูคืน”
เสียงหัวเราะเบาๆถูกกส่งไปกวนประสาทปลายสาย จงอินไม่ได้ขาดแคลนเสื้อผ้าขนาดนั้นที่ทำไปมันมีเหตุผลนะ ตอนที่เราเป็นเด็กถ้าเราติดของอะไรบางอย่างเราก็อยากจะเอามันไว้ใกล้ตัวมากที่สุดใช่มั้ยล่ะ.. เหมือนกัน ความรู้สึกของจงอินมันเป็นแบบนั้น ..เขาไม่รู้ว่ามันเริ่มมาตั้งแต่ตอนไหนแต่รู้ตัวอีกทีมันก็เลิกไม่ได้แล้ว
เขาอาจจะเสพติดทุกอย่างที่เป็นคยองซู
ทั้งกลิ่น ทั้งเสียงและคำด่า..
(“เหมือนจะหิวตีนนะ
แล้วนี่มึงแดกข้าวยัง”)
“กูยังคิดไม่ออกเลยว่าจะกินอะไร”
และอีกหนึ่งอย่างที่จงอินก็เพิ่งรู้..คำว่า
‘แล้วแต่’ ‘ตามใจ’ ‘อะไรก็ได้’ มันไม่ได้ง่ายเลยเวลาที่อยู่คนเดียว
พูดกันตามตรงจงอินคิดว่าเขาอยู่ใต้อำนาจของคยองซูทุกอย่าง ไม่ว่าคยองซูจะทำอะไรจงอินก็ไม่เคยขัด
จนสุดท้ายก็กลายเป็นว่า คยองซูไปไหนจงอินก็ไปด้วย คยองซูกินอะไรจงอินก็กินด้วย
คยองซูคิดอะไรจงอินก็เออ.ออไปซะทุกเรื่อง สุดท้ายพอต้องอยู่คนเดียวมันเลยทำให้เขาไม่กล้าตัดสินใจอะไรสักอย่าง แม้กระทั่งเรื่องง่ายๆอย่างการกินข้าว..
“กูเลยว่าจะกินเหมือนที่มึงกิน”
ทำไมนะ
สมองถึงมีแต่ชื่อคยองซูเต็มไปหมด
“อืม จริงหรอ”
(“ใช่ แบคนะตอบได้ทุกข้อเลย แม้กระทั่งข้อยากๆ”)
“ก็แบคเก่งเรียนนิหน่า”
เสียงเรียบๆตอบไปอย่างเฉยชา จงอินไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องมานั่งฟังอะไรซ้ำๆแบบนี้ทำไม แบคฮยอนพูดแบบนี้ทุกครั้งที่ไปเรียนพิเศษ เขารู้ว่าแบคฮยอนคงภูมิใจในตัวเอง แต่จงอินไม่ชอบคนพูดเยอะ พูดมากจนน่ารำคาญ หรืออาจจะชอบ แต่ไม่ได้ชอบเสียงแหลมๆของแบคฮยอน..
“แล้วกลับบ้านหรือยัง”
(“ถามแปลกๆ
ก็แบคไลน์บอกพี่ตั้งแต่สองชั่วโมงก่อนว่าถึงบ้านแล้ว”)
“อ้าวหรอ อืม”
(“เป็นห่วงแบคก็บอก อย่ามาทำเป็นเขิน”)
“เห็นว่ามันมืดแล้ว”
(“พี่จงอินอ่ะปากแข็ง แต่แบคก็รักนะ”)
จะบอกว่าเป็นห่วงมันก็เหมือนโกหกแต่ถ้าบอกว่าไม่เป็นห่วงมันก็เหมือนโกหกอีกนั้นแหละ
แบคฮยอนเป็นเด็กม.ปลายก็ควรจะรีบกลับบ้านมากกว่าจะไปเดินอยู่ข้างนอกมืดๆค่ำๆซึ่งนั้นมันคงไม่แปลกที่เขาจะถามออกไป..แต่สาบานได้ว่าจงอินไม่ได้เขิน ไม่ ไม่เลยสักนิดเดียว
เขายังคงฟังเสียงเจื้อยแจ้วของแบคฮยอนต่อไปเรื่อยๆแม้สายตาจะจดจ้องกับหนังสือการ์ตูนในมือมากกว่า
อยู่ๆใจมันก็ดันไปนึกถึงใครบางคนที่บอกว่าจะออกไปถ่ายรูปเล่นสักพัก
ไม่รู้ว่ามืดป่านนี้จะกลับเข้าบ้านหรือยัง ที่โกยางจะมีร้านเหล้าร้านขายบุหรี่หรือเปล่า
แล้วถ้าไม่มีป่านนี้จะลงแดงตายไปหรือยัง ถ้านอนแล้วถีบผ้าห่มใครจะเก็บขึ้นมาห่มให้
จะมีใครตามใจเหมือนอยู่กับเขามั้ย....หรือจะนึกถึงใครทางนี้บ้างหรือเปล่า?
คยองซูอาจจะรู้สึกเหมือนที่เขากำลังรู้สึก
หรืออาจจะไม่รู้สึกอะไรเลยก็ได้...
ไม่น่าเชื่อว่าคนสองคนจะต่างกันสุดขั้วจนดูเป็นมุมกลับของกันและกัน
แบคฮยอนเป็นเด็กพูดเก่งที่ชอบเล่าและถ่ายรูปกิจวัตรประจำวันมาให้เขาดูในไลน์
แต่กลับกันคยองซูไม่เคยเล่าอะไรเลยถ้าหากว่าเขาไม่ถาม บางทีถามแล้วไม่อยากตอบก็ไม่ตอบเสียอย่างนั้น
เผลอๆพูดไม่เข้าหูยังถูกด่ากลับมาอีก แต่เพราะคยองซูเป็นแบบนั้นมันถึงเป็นความท้าทาย
มันรู้สึกยินดีเหมือนได้รับรางวัลหลักเวลาที่ได้รับคำตอบ และรู้สึกได้รับรางวัลรองจากการโดนคยองซูด่า
จงอินสามารถหาเรื่องมาทะเลาะกับคยองซูได้ทั้งวันนั้นแหละ และแม้คยองซูจะชอบไล่ให้ไปไกลๆหรือบ่นว่ารำคาญแต่คนตัวเล็กก็ไม่ได้วางสายและจงอินก็ไม่คิดอยากจะวางเช่นกัน
มันก็มีบางครั้งที่พวกเขาเงียบพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายแต่สักพักก็จะมีคนเริ่มชวนคุยขึ้นมาอีก
คุยกันไปเรื่อยๆแบบนั้น...จนกว่าจะง่วงแล้วหลับไปเอง หรือไม่ก็ใครสักคนมีอะไรที่ต้องไปทำ
จงอินรู้ดีว่าเขารู้สึกยังไงกับคยองซู
เหมือนที่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับแบคฮยอน...แต่บอกแล้วไง ถ้าคยองซูชอบให้มันเป็นแบบนี้..เขาก็จะไม่ขัดใจ
“แบคนอนเถอะ พี่จะนอนแล้ว”
“ครับ ฝันดี”
ลมแรงๆที่ปะทะเข้าหน้าทำให้จงอินต้องหลับตาปี๋
ขนาดที่โซลยังหนาวได้ขนาดนี้แล้วอิลซานล่ะจะหนาวกว่าขนาดไหน เขาโกหกแบคฮยอน
หรือจะพูดจริงๆก็คือจงอินพยายามนอนแล้วแต่ทำยังไงมันก็ไม่ยอมหลับ
สองขาที่ห้อยออกไปนอกระเบียบ ควันสีจางๆค่อยๆลอยไปตามสายลม จงอินหัวเราะออกมาเบาๆ
ถึงตอนนี้เขาก็พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมคยองซูถึงชอบมานั่งสูบบุหรี่ที่นี่ มันเงียบสงบกว่าที่เขาคิดเอาไว้เยอะ
จากชั้นเก้าจะได้ยินเสียงจากการจราจรแค่เพียงเบาๆและมันถูกกลืนหายไปด้วยเสียงเพลงในหูฟัง
มันเหมือนหลุดเข้าไปในโลกอีกใบหนึ่ง..และนี่คงเป็นโลกแบบที่คองซูชอบ
โลกแสนสงบของคนวุ่นวาย
“อาบน้ำหรือตายห่าเนี้ย ”
พูดคนเดียวเหมือนแค่อยากจะระบาย ในหัวมันมันมีแต่ความรู้สึกอยากโทรหา
พยายามคิดว่าตัวเองไม่ได้รอแต่จริงๆกลับจ้องมองเวลาในโทรศัทพ์ทุกสองนาที จงอินไลน์ไปหาคยองซูด้วยสติ๊กเกอร์โง่ๆที่สุ่มกดไปมั่วๆเหมือนแค่ต้องการจะเช็กว่าคยองซูนอนหรือยัง
นี่ก็ผ่านมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วที่คยองซูบอกว่ากำลังจะไปอาบน้ำ จงอินไม่รู้หรอกว่าพอเสร็จแล้วคยองซูจะโทรหาเขาหรือเข้านอนเลย
ก็ในเมื่อเขาไม่รู้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่…เหมือนที่คยองซูก็คงไม่รู้ว่าเขายังไม่นอน
เฮ้อ..ความรู้สึกแบบนี้มันช่างน่าหงุดหงิดจริงๆเลย
แต่จงอินจะทำยังไงได้นอกจากกระวนกระวายอยู่คนเดียวนั้นแหละ จะให้ตามไปบ้านคยองซูหรอ?เรื่องนั้นมันคงเป็นไปได้ถ้าเป็นเมื่อก่อนแต่ถ้าพูดถึงตอนนี้เขาคงทำได้แค่คิดเท่านั้นแหละ..
ก็เล่นไปมีอะไรกับลูกชายเขาแล้วไม่ได้ล๊อคประตู
พ่อเขาเข้ามาเห็นตกใจจนแจกันในมือแตก ความรนรานบวกกับความคนดียังจะอุตส่าห์ไปช่วยพ่อคยองซูเก็บเศษแก้วทั้งแบบบั้บอีก...
ใครยังหน้าด้านกล้าไปสู้หน้าก็ยอมใจเลยจริงๆ
พ่อเขาไม่ยิงตายก็บุญหัวจะแย่
จงอินไม่รู้หรอกว่าหลังจากนั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
คยองซูไล่เขากลับมาก่อนแล้วถึงตามกลับมาทีหลังในอีกสองวันถัดมา
ตอนนั้นไม่มีใครพูดถึงมันเลย..อย่างแรกที่ทำตอนเปิดประตูมาเจอหน้ากันก็คือการกอด..กอดเหมือนไม่อยากให้หายไปไหนอีก
เพราะแบบนี้ไงจงอินถึงไม่ชอบให้คยองซูกลับบ้าน...กลัวว่าคยองซูจะไปแล้วไม่ได้กลับมา
กลัวเหมือนที่กำลังกลัวอยู่ตอนนี้
“ถ้าโทรไม่ติดกูจะนอนแล้วนะ”
เสียงดังๆนั้นคงใช้เรียกพลังตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย
จงอินคิดว่าเขาควรจะลองโทไปรอีกสักครั้ง วัดใจกันไปเลย ถ้ารับก็ได้คุย
แต่ถ้าไม่รับ...ก็คงต้องนอนคนเดียวอย่างเหงาๆ ถึงจิตใจมันจะดูสิ้นหวังไปหน่อยแต่ในเมื่อไปหาก็ไม่ได้
จงอินจะทำอะไรได้นอกจากทำใจ..
ตู๊ด..
ตู๊ด..
จงอินยังคงถือมันไว้ในมือ
ฟังเสียงรอสายเบาๆที่ดังออกมาจากโทรศัพท์เขาไม่กล้ายกมันขึ้นแนบหูด้วยซ้ำเพราะจงอินคิดว่าเสียง
ตู๊ด..ตู๊ด นั้นมันทำให้เขากดดันและคาดหวังมากเกินไป..
ตู๊ด..
ตู๊ด..
ตู๊ด..
ตู๊ด..
.
.
.
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียกกรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ
“เออ!
กูนอนก็ได้วะ”
บุหรี่ที่สูบไปไม่ถึงครั้งถูกจี้ลงกับพื้นระเบียง
ไม่อยากจะยอมรับว่าเขากำลังว้าวุ่นใจเหมือนจะบ้าให้ได้
มันน่าหงุดหงิดเหมือนโดนขัดใจจากอะไรบางอย่าง จงอินหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกอยากจะงอนคยองซู
แต่ไม่รู้ล่ะ ครั้งนี้จงอินจะไม่มีเหตุผล เขาจะงอนคยองซูแล้ว
และถ้าคยองซูไม่โทรมาเขาก็จะไม่โทรหาคยองซูก่อนแน่!..
“กลับไปแล้วไม่ต้องกลับมาเลย!”
“จะนอนก็ไม่ยอมบอก”
“กูก็รอไปดิ แม่ง!”
ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้หมายความแบบนั้นจริงๆซะหน่อย
มันคงดูแย่มากๆถ้าใครมาเห็นสภาพเขาในตอนนี้
จงอินที่นอนดีดดิ้นอยู่บนเตียงเหมือนเด็กที่ลงไปชักเวลาพ่อแม่ไม่ยอมซื้อของเล่นให้
หงุดหงิดจนปาหมอมคยองซูลงไปที่พื้นแต่สุดท้ายก็ต้องเดินลงไปเก็บขึ้นมากอดเอาไว้
เขามันบ้าจงอินคิดว่าเขาอาจจะบ้าไปแล้ว
ตอนแบคฮยอนไปค่ายธรรมะเขาไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลย..แล้วกับคยองซูทำไมถึงต้องรู้สึกโหยหาจะเป็นจะตายขนาดนี้กันนะ
Rrrrr
Rrrr
จงอินหันไปมองโทรศัทพ์ทันทีที่มันแผดเสียง
แต่พอนึกขึ้นได้ก็เลยทำเป็นไม่สนใจ คยองซูโทรกลับมาแล้ว..แต่เสียใจด้วย
จงอินกำลังจะนอนและเขาจะปล่อยให้คยองซูถือสายรอต่อไป จงอินจะไม่รับ จะไม่รับเด็ดขะ...
“ฮาโหล ว่าไง..”
ใครบอกว่าจะไม่รับ..จงอินรับตั้งแต่เสียงเรียกเข้าดังไม่ถึงสองวิด้วยซ้ำ
จงอินนี่มันจงอินจริงๆ
(“ว่าไงพ่อง มึงนั้นแหละโทรหากู”)
“อ้าวหรอ สงสัยมือไปโดนมั้ง”
(“จะนอนก็เอาโทรศัพท์ไปวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงดิ สัส
กูนี่ตื่นเลย”)
“อือๆ”
ไม่รู้ว่าคยองซูเชื่อคนง่ายหรือเพราะเสียง(แกล้ง)ง่วงของจงอิน
แต่มันก็ดีกว่ารู้ความจริงอยู่ดี ถ้าคยองซูรู้ว่าเขาไม่ยอมนอนเพราะรอคยองซูอาบน้ำเสร็จรับรองว่าต้องโดนด่าว่าทำตัวไร้สาระแน่ๆ จงอินรู้ดีว่าคยองซูไม่ชอบสื่อสารทางเดียวเพราะมันไม่จริงใจเหมือนการคุยกันแบบเห็นหน้า..แต่จะให้วีดีโอคอลหามันก็ดูจะตรงประเด็นเกินไป..
จงอินจะไม่บอกคยองซูหรอกว่าเขานอนไม่หลับ..
(“งั้นแค่นี้นะ กูก็จะนอนแล้ว”)
“เออ หนาวป่ะล่ะ หนาวก็ห่มผ้าด้วย”
(“มึงก็เหมือนกัน ปิดระเบียงด้วยเดี๋ยวยุงเอาไปแดก”)
“….”
(“เข้าโรงพยาบาลกูไม่ไปเฝ้านะบอกไว้ก่อน”)
“รู้แล้วน่า”
คยองซูคงไม่รู้ว่าภายใต้เสียงง่วงๆมันมีรอยยิ้มซ้อนอยู่
จงอินกำลังยิ้มให้คำพูดโหดๆแบบฉบับคยองซู บางทีมันดูเหมือนแช่งเลยว่ามั้ย
แต่ต้องลองมองลึกๆถึงจะเห็นอะไรที่ซ้อนอยู่ภายใน...ความเป็นห่วงแบบโหดๆบางทีมันก็น่ารักดีพิลึก
(“เออ จงอินกูคงต้องอยู่ต่ออีกวันสองวันว่ะ”)
(“พ่อกับแม่ไปธุระ กูต้องเฝ้าบ้าน”)
(“อยู่คนเดียวแม่งเหงาชิบหายเลย”)
“งั้น..เอ่อ กูนอนก่อนนะ คราวนี้จะนอนจริงๆแล้ว”
จงอินไม่รู้ว่านี่มันคือความเศร้าหรือความผิดหวังกันแน่
คยองซูหนีเขาไปนอนแล้วยังมีหน้ามาบอกว่าเลื่อนวันกลับอีก
ทำไมมันรู้สึกเหมือนจะร้องไห้เลยล่ะ? เสียงที่พูดออกไปจงอินยังฟังออกว่ามันดูหงอยๆ
เขาควรจะไปนอนจริงๆแล้วล่ะ...เพื่อพรุ่งนี้ตื่นมาเวลาที่คยองซูจะกลับมันจะได้ใกล้ขึ้นมาอีกหนึ่งวัน..อย่างน้อยรีบนอนพรุ่งนี้จะได้เช้าไวๆ
(“เดี๋ยวก่อนจงอิน..”)
“อะไร”
(“กุญแจรถสำรองอยู่ในลิ้นชัก”)
(“บอกเฉยๆเผื่อมึงอยากไปไหน”)
เพราะคยองซูเป็นแบบนี้...แล้วจงอินจะหนีไปไหนรอด
TBC
#ฟิคมันพูดยาก
ความคิดเห็น