ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    kaido :: awkward #ฟิคมันพูดยาก

    ลำดับตอนที่ #5 : chapter 5 ที่นี่ไม่มีเธอ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.4K
      7
      31 พ.ค. 60





    บนเกาะกลางถนน คยองซูที่ยืนกอดอกเอาแต่สั่งนู้นสั่งก็ยังคงพูดไม่หยุด ขนาดจงอินพยายามเอามืออุดหูก็ยังตามมาตะโกนแข่งกับเสียงรถรอบข้างอยู่ได้..จะจับมือก็ดื้อไม่ยอมให้จับเหมือนกำลังงอน..แต่จงอินไม่รู้ว่าคยองซูงอนเขาเรื่องอะไร?


    กูไม่อยู่ห้ามพาใครเข้าห้องนะ


    เออ รู้แล้ว


    ถ้ากูกลับมาเจอแม้แต่เศษซากมึงตายแน่


    ปากเนี้ยหุบบ้างนะ พูดอยู่นั้นแหละ


    ยิ่งสั่งไปเรื่อยๆคำสั่งมันก็ยิ่งออกทะเล ความจริงห้องนั้นมันก็ห้องเขาจะพาใครมาเขาก็มีสิทธิไม่ใช่หรอ? ถ้าจะพูดมากขนาดนี้จงอินคิดว่าคยองซูไม่ต้องกลับบ้านยังจะง่ายกว่า...เพราะยังไงก็ไม่มีใครยินดีกับการกลับบ้านครั้งนี้อยู่แล้ว


    เมื่อไหร่จะเลิกเดินล้อมหน้าล้อมหลังกูเนี้ย


    แล้วมันมีสะพานลอยมั้ยล่ะ?


    จงอินได้แต่ถอนหายใจให้กับคนปากจัดที่เอาแต่ทำหน้าบูด เขาไม่ได้ตั้งใจทำให้คยองซูรำคาญแต่เลนที่แล้วรถมันมาทางขวามือคยองซู เลนนี้เขาก็แค่ย้ายมาทางซ้ายมือ..อย่างน้อยเขาก็สายตาดีกว่าและถ้ารถพุ่งเข้ามา...ก็จะได้ชนเขาเป็นคนแรก


    จับมือด้วย กูขี้เกียจโดนผีขี้บ่นหลอก



     

    ส่งแค่นี้นะ


    อื้อ


    สุดท้ายจงอินก็ทั้งฉุดทั้งลากคยองซูมาจนได้นั้นแหละ ไม่รู้วันนี้เป็นอะไรทำไมถึงดูหงุดหงิด พูดมากแล้วก็เอาแต่สั่งไม่หยุด ความจริงแค่ป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามคอนโดทำไมคยองซูจะเดินมาเองไม่ได้? ไอ้กระเป๋าที่ใช้เขาถือมันก็ไม่ได้หนักอะไรเลย คยองซูไม่ใช่คนบอกบางขนาดที่แบกของหนักไม่ไหว มันเลยเป็นคำถามอยู่ในใจว่าคยองซูจะปลุกให้เขาลงมาส่งทำไมตั้งแต่เช้าขนาดนี้.. มันน่าใจหายจะตาย


    ทำเหมือนว่ากลับบ้านคราวนี้จะไม่กลับมาอีกอย่างนั้นแหละ..



    กลับให้ถึงห้องนะ ไม่ใช่ไปหลับในลิฟท์


    เออ ถึงบ้านแล้วบอกด้วย


    คยองซูไม่รู้ว่าทำไมเขาจะต้องมานั่งหงุดหงิดอยู่แบบนี้ แค่รู้สึกไม่ชอบที่เห็นจงอินข้ามถนนกลับไปโดยที่ไม่หันกลับมามองเขาอีก  รู้นะว่าง่วงและจะรีบกลับไปนอนแต่ก็ควรหันมามองกันหน่อยไม่ใช่หรือไง ใครจะรู้กระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่มันอาจจะถ่วงเขาหงายหลังหัวฟาดพื้นไปก็ได้ คยองซูรู้ว่าจงอินคงไม่สะดวกใจเหมือนก่อนแต่ใจคอจะปล่อยให้เขานั่งรอรถคนเดียวแบบนี้จริงๆหรอ...

     




    20นาทีผ่านไป...


    จริง จงอินหนีไปนอนแล้วทิ้งเขาไว้ที่ป้ายรถเมล์คนเดียวจริงๆ




    เออ แค่นี้แหละ


    มึงก็นอนได้แล้ว


    ตอนนี้เป็นเวลาทุ่มกว่าๆ จงอินยังคงนอนสไลด์หน้าจอโทรศัพท์ไปมาอย่างคนไม่มีอะไรทำ เขากดวางสายจากคยองซูไปแล้วแต่ไม่รู้ทำไมถึงอยากโทรไปอีกทั้งที่เป็นคนบอกเองแท้ๆว่าให้คยองซูพักผ่อน

    ดวงตาคมมองไปรอบๆแล้วก็ได้แต่ถอนใจ มันไม่ง่ายเลยที่เขาจะนอนอยู่คนเดียวในห้องที่เงียบจนได้ยินเสียงแอร์แบบนี้ จริงๆเขาควรจะดีใจที่จะเล่นเกมส์เสียงดังแค่ไหนก็ได้จะถอดเสื้อผ้ากระจัดกระจายแค่ไหนก็ไม่มีใครบ่น แต่ไม่เลย..จงอินไม่รู้สึกว่าการอยู่คนเดียวมันสนุกเลยสักนิด


    แม่ง..เหงาชิบหาย


    มือหนาลูบไปบนหมอนใบข้างๆก่อนจะดึงมันขึ้นมากอด เสียงของจงอินมันฟังดูอู้อี้เพราะฝังจมูกลงกับหมอน เขาก็เพิ่งรู้วันนี้แหละว่าแชมพูที่ไปช่วยกันเลือกมันหอมมากๆ..แล้วถ้ากลิ่นแบบนี้อยู่บนผมคยองซูมันจะหอมขนาดไหนนะ


     คยองซูไม่ได้หายไปไหนและพวกเขาก็ยังอยู่ด้วยกัน ในช่วงหยุดยาวคยองซูก็แค่กลับบ้านที่อิลซานและอีกสองสามวันก็จะกลับมา พวกเขาห่างกันแค่คนละจังหวัด นาฬิกาที่ยังบอกเวลาเดียวกันนั้นหมายความว่าระยะมันยังไม่มากพอที่ต้องรู้สึกเหงา แต่ตอนนี้จงอินกลับรู้สึกว่าเขากำลังอยู่ห่างจากคยองซูจนน่าใจหาย เวลาอาจเดินช้าลงหรือแค่คิดไปเอง แต่ที่แน่ๆจงอินรู้สึกว่าเขากำลังรอคอยจนเริ่มหงุดหงิด.....เมื่อไหร่คยองซูจะกลับมาสักที?


    นอนแล้วนะ


    จงอินพูดกับหมอนของคยองซูในอ้อมกอด เขาไม่สนใจหรอกว่ามันจะดูตลกมากแค่ไหนแต่อย่างน้อยของที่มีกลิ่นคยองซูมันก็ให้ความรู้สึกเหมือนคุยกับคยองซูนั้นแหละ

    เสียงแจ้งเตือนไลน์จากแบคฮยอนยังดังขึ้นถี่ๆ คนบนเตียงช่างใจนิดหน่อยก่อนจะกดปิดเครื่องและโยนมันทิ้งข้างตัวเหมือนไม่ได้เป็นของสำคัญ ก่อนจะตั้งใจที่จะหลับให้ได้ในคืนนี้...




    แล้วแม่มึงทำอะไรให้กิน


     “อร่อยมั้ยล่ะ


    เสียงเคี้ยวข้าวจากปลายสายทำให้จงอินอดยิ้มออกมาไม่ได้ แค่ได้ยินเสียงก็นึกภาพออกเลยว่าเวลากินหน้าตาคยองซูจะเป็นยังไง มันอาจดูเป็นคำถามโง่ๆแต่จงอินไม่รู้ว่าเขาจะอ้างธุระอะไรในการโทรหาคยองซู นอกจากเรื่องนี้


    ...ก็คยองซูชอบกิน เลยคิดว่าถามเรื่องของกินเนี้ยแหละน่าจะดูเนียนที่สุดแล้ว


    (แล้วมึงไม่ออกไปไหนหรอ กูอุตส่าห์ไม่เอารถมา)


    แหม่ มึงไม่เอารถไปแต่มึงเอากุญแจไปไง


    (“อ้าว กูลึมหรอ โทษทีๆ”)


    เออ ช่างเถอะกูก็ไม่ได้ออกไปไหนอยู่แล้ว


    เสียงของจงอินมันไม่ได้ดูหงุดหงิดหลังประโยคพวกเขายังหัวเราะออกมาพร้อมกันด้วยซ้ำ คยองซูไมได้เอารถไปก็จริงแต่การเอากุญแจรถไปนี่จะให้เขาเข็นเอาหรือไง? นี่แหละความคยองซูอีกข้อที่จงอินควรจะรู้..คยองซูแผนสูงและวางมันไว้อย่างแยบยล ถ้าออกไปไหนไม่ได้ก็เท่ากับว่าออกไปหาแบคฮยอนไม่ได้เช่นกัน ..ถึงจะพูดว่าลืมแต่เสียงที่ได้ยินจงอินยิ่งกว่ามั่นใจอีกว่ามันมีแต่ความสะใจซ่อนอยู่ล้วนๆ..ร้ายกาจ คยองซูร้ายกาจกว่าแม่เลี้ยงของซินเดอเรลล่าซะอีก


     คยองซู กูว่าเสื้อที่มึงซื้อมาเมื่ออาทิตย์ก่อนมันใหญ่ไปว่ะ


    (“จงอิน นี่มึงแอบเอาเสื้อกูไปใส่อีกแล้วหรอ มึงนี่จริงๆเลยนะ กูกลับบ้านทีไรมึงขโมยของกูใช้ทุกที”)


    กูยืมแปปเดียว มึงมาเดี๋ยวกูคืน


    เสียงหัวเราะเบาๆถูกกส่งไปกวนประสาทปลายสาย จงอินไม่ได้ขาดแคลนเสื้อผ้าขนาดนั้นที่ทำไปมันมีเหตุผลนะ ตอนที่เราเป็นเด็กถ้าเราติดของอะไรบางอย่างเราก็อยากจะเอามันไว้ใกล้ตัวมากที่สุดใช่มั้ยล่ะ.. เหมือนกัน ความรู้สึกของจงอินมันเป็นแบบนั้น ..เขาไม่รู้ว่ามันเริ่มมาตั้งแต่ตอนไหนแต่รู้ตัวอีกทีมันก็เลิกไม่ได้แล้ว


    เขาอาจจะเสพติดทุกอย่างที่เป็นคยองซู ทั้งกลิ่น ทั้งเสียงและคำด่า..


     (“เหมือนจะหิวตีนนะ แล้วนี่มึงแดกข้าวยัง”)


    กูยังคิดไม่ออกเลยว่าจะกินอะไร


    และอีกหนึ่งอย่างที่จงอินก็เพิ่งรู้..คำว่า แล้วแต่’ ‘ตามใจ’ ‘อะไรก็ได้มันไม่ได้ง่ายเลยเวลาที่อยู่คนเดียว พูดกันตามตรงจงอินคิดว่าเขาอยู่ใต้อำนาจของคยองซูทุกอย่าง ไม่ว่าคยองซูจะทำอะไรจงอินก็ไม่เคยขัด จนสุดท้ายก็กลายเป็นว่า คยองซูไปไหนจงอินก็ไปด้วย คยองซูกินอะไรจงอินก็กินด้วย คยองซูคิดอะไรจงอินก็เออ.ออไปซะทุกเรื่อง สุดท้ายพอต้องอยู่คนเดียวมันเลยทำให้เขาไม่กล้าตัดสินใจอะไรสักอย่าง แม้กระทั่งเรื่องง่ายๆอย่างการกินข้าว..


    กูเลยว่าจะกินเหมือนที่มึงกิน

     

    ทำไมนะ สมองถึงมีแต่ชื่อคยองซูเต็มไปหมด



     

    อืม จริงหรอ


    (“ใช่ แบคนะตอบได้ทุกข้อเลย แม้กระทั่งข้อยากๆ”)


    ก็แบคเก่งเรียนนิหน่า


    เสียงเรียบๆตอบไปอย่างเฉยชา จงอินไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องมานั่งฟังอะไรซ้ำๆแบบนี้ทำไม แบคฮยอนพูดแบบนี้ทุกครั้งที่ไปเรียนพิเศษ เขารู้ว่าแบคฮยอนคงภูมิใจในตัวเอง แต่จงอินไม่ชอบคนพูดเยอะ พูดมากจนน่ารำคาญ หรืออาจจะชอบ แต่ไม่ได้ชอบเสียงแหลมๆของแบคฮยอน..


    แล้วกลับบ้านหรือยัง


    (“ถามแปลกๆ ก็แบคไลน์บอกพี่ตั้งแต่สองชั่วโมงก่อนว่าถึงบ้านแล้ว”)


    อ้าวหรอ อืม


    (“เป็นห่วงแบคก็บอก อย่ามาทำเป็นเขิน”)


    เห็นว่ามันมืดแล้ว


    (“พี่จงอินอ่ะปากแข็ง แต่แบคก็รักนะ”)


    จะบอกว่าเป็นห่วงมันก็เหมือนโกหกแต่ถ้าบอกว่าไม่เป็นห่วงมันก็เหมือนโกหกอีกนั้นแหละ แบคฮยอนเป็นเด็กม.ปลายก็ควรจะรีบกลับบ้านมากกว่าจะไปเดินอยู่ข้างนอกมืดๆค่ำๆซึ่งนั้นมันคงไม่แปลกที่เขาจะถามออกไป..แต่สาบานได้ว่าจงอินไม่ได้เขิน ไม่ ไม่เลยสักนิดเดียว


    เขายังคงฟังเสียงเจื้อยแจ้วของแบคฮยอนต่อไปเรื่อยๆแม้สายตาจะจดจ้องกับหนังสือการ์ตูนในมือมากกว่า อยู่ๆใจมันก็ดันไปนึกถึงใครบางคนที่บอกว่าจะออกไปถ่ายรูปเล่นสักพัก ไม่รู้ว่ามืดป่านนี้จะกลับเข้าบ้านหรือยัง ที่โกยางจะมีร้านเหล้าร้านขายบุหรี่หรือเปล่า แล้วถ้าไม่มีป่านนี้จะลงแดงตายไปหรือยัง ถ้านอนแล้วถีบผ้าห่มใครจะเก็บขึ้นมาห่มให้ จะมีใครตามใจเหมือนอยู่กับเขามั้ย....หรือจะนึกถึงใครทางนี้บ้างหรือเปล่า?


    คยองซูอาจจะรู้สึกเหมือนที่เขากำลังรู้สึก หรืออาจจะไม่รู้สึกอะไรเลยก็ได้...


    ไม่น่าเชื่อว่าคนสองคนจะต่างกันสุดขั้วจนดูเป็นมุมกลับของกันและกัน


    แบคฮยอนเป็นเด็กพูดเก่งที่ชอบเล่าและถ่ายรูปกิจวัตรประจำวันมาให้เขาดูในไลน์ แต่กลับกันคยองซูไม่เคยเล่าอะไรเลยถ้าหากว่าเขาไม่ถาม บางทีถามแล้วไม่อยากตอบก็ไม่ตอบเสียอย่างนั้น เผลอๆพูดไม่เข้าหูยังถูกด่ากลับมาอีก แต่เพราะคยองซูเป็นแบบนั้นมันถึงเป็นความท้าทาย มันรู้สึกยินดีเหมือนได้รับรางวัลหลักเวลาที่ได้รับคำตอบ และรู้สึกได้รับรางวัลรองจากการโดนคยองซูด่า จงอินสามารถหาเรื่องมาทะเลาะกับคยองซูได้ทั้งวันนั้นแหละ และแม้คยองซูจะชอบไล่ให้ไปไกลๆหรือบ่นว่ารำคาญแต่คนตัวเล็กก็ไม่ได้วางสายและจงอินก็ไม่คิดอยากจะวางเช่นกัน มันก็มีบางครั้งที่พวกเขาเงียบพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายแต่สักพักก็จะมีคนเริ่มชวนคุยขึ้นมาอีก คุยกันไปเรื่อยๆแบบนั้น...จนกว่าจะง่วงแล้วหลับไปเอง หรือไม่ก็ใครสักคนมีอะไรที่ต้องไปทำ


    จงอินรู้ดีว่าเขารู้สึกยังไงกับคยองซู เหมือนที่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับแบคฮยอน...แต่บอกแล้วไง ถ้าคยองซูชอบให้มันเป็นแบบนี้..เขาก็จะไม่ขัดใจ


    แบคนอนเถอะ พี่จะนอนแล้ว


    ครับ ฝันดี



     

    ลมแรงๆที่ปะทะเข้าหน้าทำให้จงอินต้องหลับตาปี๋ ขนาดที่โซลยังหนาวได้ขนาดนี้แล้วอิลซานล่ะจะหนาวกว่าขนาดไหน เขาโกหกแบคฮยอน หรือจะพูดจริงๆก็คือจงอินพยายามนอนแล้วแต่ทำยังไงมันก็ไม่ยอมหลับ สองขาที่ห้อยออกไปนอกระเบียบ ควันสีจางๆค่อยๆลอยไปตามสายลม จงอินหัวเราะออกมาเบาๆ ถึงตอนนี้เขาก็พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมคยองซูถึงชอบมานั่งสูบบุหรี่ที่นี่ มันเงียบสงบกว่าที่เขาคิดเอาไว้เยอะ จากชั้นเก้าจะได้ยินเสียงจากการจราจรแค่เพียงเบาๆและมันถูกกลืนหายไปด้วยเสียงเพลงในหูฟัง มันเหมือนหลุดเข้าไปในโลกอีกใบหนึ่ง..และนี่คงเป็นโลกแบบที่คองซูชอบ


    โลกแสนสงบของคนวุ่นวาย

     


    อาบน้ำหรือตายห่าเนี้ย


    พูดคนเดียวเหมือนแค่อยากจะระบาย ในหัวมันมันมีแต่ความรู้สึกอยากโทรหา พยายามคิดว่าตัวเองไม่ได้รอแต่จริงๆกลับจ้องมองเวลาในโทรศัทพ์ทุกสองนาที จงอินไลน์ไปหาคยองซูด้วยสติ๊กเกอร์โง่ๆที่สุ่มกดไปมั่วๆเหมือนแค่ต้องการจะเช็กว่าคยองซูนอนหรือยัง นี่ก็ผ่านมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วที่คยองซูบอกว่ากำลังจะไปอาบน้ำ จงอินไม่รู้หรอกว่าพอเสร็จแล้วคยองซูจะโทรหาเขาหรือเข้านอนเลย ก็ในเมื่อเขาไม่รู้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่เหมือนที่คยองซูก็คงไม่รู้ว่าเขายังไม่นอน


    เฮ้อ..ความรู้สึกแบบนี้มันช่างน่าหงุดหงิดจริงๆเลย



    แต่จงอินจะทำยังไงได้นอกจากกระวนกระวายอยู่คนเดียวนั้นแหละ จะให้ตามไปบ้านคยองซูหรอ?เรื่องนั้นมันคงเป็นไปได้ถ้าเป็นเมื่อก่อนแต่ถ้าพูดถึงตอนนี้เขาคงทำได้แค่คิดเท่านั้นแหละ..

     ก็เล่นไปมีอะไรกับลูกชายเขาแล้วไม่ได้ล๊อคประตู พ่อเขาเข้ามาเห็นตกใจจนแจกันในมือแตก ความรนรานบวกกับความคนดียังจะอุตส่าห์ไปช่วยพ่อคยองซูเก็บเศษแก้วทั้งแบบบั้บอีก...


    ใครยังหน้าด้านกล้าไปสู้หน้าก็ยอมใจเลยจริงๆ พ่อเขาไม่ยิงตายก็บุญหัวจะแย่


    จงอินไม่รู้หรอกว่าหลังจากนั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง คยองซูไล่เขากลับมาก่อนแล้วถึงตามกลับมาทีหลังในอีกสองวันถัดมา ตอนนั้นไม่มีใครพูดถึงมันเลย..อย่างแรกที่ทำตอนเปิดประตูมาเจอหน้ากันก็คือการกอด..กอดเหมือนไม่อยากให้หายไปไหนอีก


    เพราะแบบนี้ไงจงอินถึงไม่ชอบให้คยองซูกลับบ้าน...กลัวว่าคยองซูจะไปแล้วไม่ได้กลับมา


    กลัวเหมือนที่กำลังกลัวอยู่ตอนนี้



    ถ้าโทรไม่ติดกูจะนอนแล้วนะ


    เสียงดังๆนั้นคงใช้เรียกพลังตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย จงอินคิดว่าเขาควรจะลองโทไปรอีกสักครั้ง วัดใจกันไปเลย ถ้ารับก็ได้คุย แต่ถ้าไม่รับ...ก็คงต้องนอนคนเดียวอย่างเหงาๆ ถึงจิตใจมันจะดูสิ้นหวังไปหน่อยแต่ในเมื่อไปหาก็ไม่ได้ จงอินจะทำอะไรได้นอกจากทำใจ..


    ตู๊ด..


    ตู๊ด..


    จงอินยังคงถือมันไว้ในมือ ฟังเสียงรอสายเบาๆที่ดังออกมาจากโทรศัพท์เขาไม่กล้ายกมันขึ้นแนบหูด้วยซ้ำเพราะจงอินคิดว่าเสียง ตู๊ด..ตู๊ด นั้นมันทำให้เขากดดันและคาดหวังมากเกินไป..


    ตู๊ด..



    ตู๊ด..



    ตู๊ด..



    ตู๊ด..



    .


    .


    .



    ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียกกรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ



     

    เออ! กูนอนก็ได้วะ


    บุหรี่ที่สูบไปไม่ถึงครั้งถูกจี้ลงกับพื้นระเบียง ไม่อยากจะยอมรับว่าเขากำลังว้าวุ่นใจเหมือนจะบ้าให้ได้ มันน่าหงุดหงิดเหมือนโดนขัดใจจากอะไรบางอย่าง จงอินหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกอยากจะงอนคยองซู แต่ไม่รู้ล่ะ ครั้งนี้จงอินจะไม่มีเหตุผล เขาจะงอนคยองซูแล้ว และถ้าคยองซูไม่โทรมาเขาก็จะไม่โทรหาคยองซูก่อนแน่!..


    กลับไปแล้วไม่ต้องกลับมาเลย!”


    จะนอนก็ไม่ยอมบอก


    กูก็รอไปดิ แม่ง!”



    ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้หมายความแบบนั้นจริงๆซะหน่อย มันคงดูแย่มากๆถ้าใครมาเห็นสภาพเขาในตอนนี้ จงอินที่นอนดีดดิ้นอยู่บนเตียงเหมือนเด็กที่ลงไปชักเวลาพ่อแม่ไม่ยอมซื้อของเล่นให้ หงุดหงิดจนปาหมอมคยองซูลงไปที่พื้นแต่สุดท้ายก็ต้องเดินลงไปเก็บขึ้นมากอดเอาไว้ เขามันบ้าจงอินคิดว่าเขาอาจจะบ้าไปแล้ว ตอนแบคฮยอนไปค่ายธรรมะเขาไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลย..แล้วกับคยองซูทำไมถึงต้องรู้สึกโหยหาจะเป็นจะตายขนาดนี้กันนะ



    Rrrrr


    Rrrr



    จงอินหันไปมองโทรศัทพ์ทันทีที่มันแผดเสียง แต่พอนึกขึ้นได้ก็เลยทำเป็นไม่สนใจ  คยองซูโทรกลับมาแล้ว..แต่เสียใจด้วย จงอินกำลังจะนอนและเขาจะปล่อยให้คยองซูถือสายรอต่อไป จงอินจะไม่รับ จะไม่รับเด็ดขะ...



    ฮาโหล ว่าไง..



    ใครบอกว่าจะไม่รับ..จงอินรับตั้งแต่เสียงเรียกเข้าดังไม่ถึงสองวิด้วยซ้ำ


    จงอินนี่มันจงอินจริงๆ



    (“ว่าไงพ่อง มึงนั้นแหละโทรหากู”)


    อ้าวหรอ สงสัยมือไปโดนมั้ง


    (“จะนอนก็เอาโทรศัพท์ไปวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงดิ สัส กูนี่ตื่นเลย”)


    อือๆ


    ไม่รู้ว่าคยองซูเชื่อคนง่ายหรือเพราะเสียง(แกล้ง)ง่วงของจงอิน แต่มันก็ดีกว่ารู้ความจริงอยู่ดี ถ้าคยองซูรู้ว่าเขาไม่ยอมนอนเพราะรอคยองซูอาบน้ำเสร็จรับรองว่าต้องโดนด่าว่าทำตัวไร้สาระแน่ๆ  จงอินรู้ดีว่าคยองซูไม่ชอบสื่อสารทางเดียวเพราะมันไม่จริงใจเหมือนการคุยกันแบบเห็นหน้า..แต่จะให้วีดีโอคอลหามันก็ดูจะตรงประเด็นเกินไป..


    จงอินจะไม่บอกคยองซูหรอกว่าเขานอนไม่หลับ..


    (“งั้นแค่นี้นะ กูก็จะนอนแล้ว”)


    เออ หนาวป่ะล่ะ หนาวก็ห่มผ้าด้วย


    (“มึงก็เหมือนกัน ปิดระเบียงด้วยเดี๋ยวยุงเอาไปแดก”)


    “….”


    (“เข้าโรงพยาบาลกูไม่ไปเฝ้านะบอกไว้ก่อน”)


    รู้แล้วน่า


    คยองซูคงไม่รู้ว่าภายใต้เสียงง่วงๆมันมีรอยยิ้มซ้อนอยู่ จงอินกำลังยิ้มให้คำพูดโหดๆแบบฉบับคยองซู บางทีมันดูเหมือนแช่งเลยว่ามั้ย แต่ต้องลองมองลึกๆถึงจะเห็นอะไรที่ซ้อนอยู่ภายใน...ความเป็นห่วงแบบโหดๆบางทีมันก็น่ารักดีพิลึก


    (“เออ จงอินกูคงต้องอยู่ต่ออีกวันสองวันว่ะ”)


    (“พ่อกับแม่ไปธุระ กูต้องเฝ้าบ้าน”)


    (“อยู่คนเดียวแม่งเหงาชิบหายเลย”)



    งั้น..เอ่อ กูนอนก่อนนะ คราวนี้จะนอนจริงๆแล้ว


    จงอินไม่รู้ว่านี่มันคือความเศร้าหรือความผิดหวังกันแน่ คยองซูหนีเขาไปนอนแล้วยังมีหน้ามาบอกว่าเลื่อนวันกลับอีก ทำไมมันรู้สึกเหมือนจะร้องไห้เลยล่ะ? เสียงที่พูดออกไปจงอินยังฟังออกว่ามันดูหงอยๆ เขาควรจะไปนอนจริงๆแล้วล่ะ...เพื่อพรุ่งนี้ตื่นมาเวลาที่คยองซูจะกลับมันจะได้ใกล้ขึ้นมาอีกหนึ่งวัน..อย่างน้อยรีบนอนพรุ่งนี้จะได้เช้าไวๆ


    (“เดี๋ยวก่อนจงอิน..”)


    อะไร


     (“กุญแจรถสำรองอยู่ในลิ้นชัก”)





    (“บอกเฉยๆเผื่อมึงอยากไปไหน”)


     



    เพราะคยองซูเป็นแบบนี้...แล้วจงอินจะหนีไปไหนรอด







    TBC

    #ฟิคมันพูดยาก




    SQWEEZ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×