ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    kaido :: awkward #ฟิคมันพูดยาก

    ลำดับตอนที่ #6 : chatper 6 หรือว่าอาจจะเป็นเขา?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.56K
      5
      1 มิ.ย. 60


    งื้ออ ตัวเล็กก


    มือใหญ่คลำผ้าปูที่นอนข้างตัวก่อนจะค่อยๆลืมตาเมื่อสัมผัสได้ว่าคนที่กำลังร้องเรียกไม่ได้นอนอยู่ข้างๆ  จงอินลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางงัวเงียความสะลึมสะลือทำให้สมองพยายามประมวลผลว่าเขากำลังอยู่ที่ไหน จนดึงสติกลับมาได้ถึงนึกออกว่านี่คือห้องคยองซู...


    เมื่อคืนนี้หลังจากที่จงอินวางสายจากคยองซูเขาก็รีบขับรถมาที่นี่เลย ไม่อยากจะบอกว่าคยองซูสะเพร่ามากๆจนน่าโมโห ทั้งที่อยู่เฝ้าบ้านคนเดียวแต่กลับไม่ล๊อคประตูอะไรเลย ประตูบ้านก็ไม่ล๊อค ประตูห้องก็ไม่ล๊อค จงอินมั่นว่าคยองซูจะเอาตัวรอดได้...แต่ถ้าโจรมากันหลายๆคนจะทำยังไง


    เปิดบ้านอย่างกับรอใครอย่างนั้นแหละ

     



    “ตอนนี้เป็นไงบ้าง


    ก็เรื่อยๆ


    นี่คยองซูยังไม่เลิกบุหรี่อีกหรอ ตั้งแต่ตอนนั้น..


    แล้วทำไมกูต้องทำตามที่มึงบอก


    ขายาวๆหยุดลงที่ขั้นบันได อีกเพียงสองก้าวจงอินก็คงได้รู้ว่าเสียงตอบโต้ที่คยองซูสนทนาด้วยเป็นใคร แต่เพราะประโยคเมื่อกี้ทำให้จงอินยอมหลบอยู่ภายในบ้าน เขาแค่อยากรู้ว่าเสียงใหญ่ๆนั้นจะพูดอะไรต่อ...ใครกันนะที่มีอิทธพลกับคยองซูมากมายขนาดสั่งให้ทำนู้นทำนี่ได้


    ว่าแต่ตอนนี้มีแฟนใหม่หรือยัง?”


    “ไม่เสือกดิ


    คยองซูตอบไปสั้นๆก่อนจะปล่อยควันสีหมอกออกมาพร้อมจังหวะการถอนหายใจ แอบพลิกข้อมือดูนาฬิกานิดหน่อย เวลาเกือบเที่ยงแบบนี้จงอินน่าจะตื่นสักที เขาทั้งหิวทั้งหงุดหงิด อย่างน้อยจงอินน่าจะเข้ามาพาเขาออกจากบรรยากาศบ้าๆนี่ ....เขารำคาญจะแย่อยู่แล้ว


    ฉันก็ยังไม่เคยลืมนะว่าเรารักกะ...


    .


    .


    คยองซู มึงกินข้าวยัง


    จงอินไม่ได้โง่และเขาเดาทางออกเลยว่าผู้ชายคนนั้นจะพูดอะไรต่อ และตอนนี้ภาพที่เห็นคือคยองซูกำลังนั่งกับผู้ชายตัวสูงคนนึง ดูๆแล้วน่าจะสูงกว่าเขาซะอีก ชายคนนั้นมองเขานิดหน่อยก่อนจะส่งยิ้มทักทายแต่กลับเป็นจงอินที่เสียมารยาท เขาแค่ปรายตามองคนตัวสูงและระยะห่างระหว่างหมอนั่นกับคยองซู


    ถึงจะนั่งห่างกันคนละมุมแต่จงอินก็ยังรู้สึกหงุดหงิดอยู่ดี


    ตื่นแล้วหรอ หิวยัง กับข้าวอยู่ในครัว


    “….”


    “ไปก่อนเลย เดี๋ยวกูตามไป


    จงอินเดินกลับไปด้วยท่าทางหงอยๆ  จากที่หิวข้าวตอนนี้มันกลายเป็นความรู้สึกน้อยใจจนกินอะไรไม่ลงมากกว่า คยองซูแค่มองหน้าเขาแล้วยิ้ม ทิ้งบุหรี่ลงพื้น เหยียบมัน และตอบกลับมาแค่สองสามคำ แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะเดินตามมาเลยด้วยซ้ำ จงอินไม่รู้จักผู้ชายคนนั้น เหมือนที่บางครั้งจำชื่อเพื่อนคยองซูไม่ได้ แต่มันไม่เหมือนกัน ไม่มีครั้งไหนที่เขาอยากจะงอแงใส่คยองซูมากขนาดนี้


    เป็นใครก็ไม่รู้แหละ รู้แค่ไม่อยากให้เข้าใกล้



    อยากจะจับคยองซูมัดเอาไว้จริงๆ จะได้ไม่ต้องรู้จักใครอีกเลยนอกจากเขา..



     

    คนห่าอะไรขี้เสือกชิบหาย


    คยองซูจำไม่ได้แล้วว่านี่เป็นการถอนหายใจครั้งที่เท่าไหร่ของวัน เสียงออดที่น่ารำคาญในตอนเช้าดังขึ้นจนคยองซูกลัวว่าคนที่นอนหลับอยู่ข้างบนจะตื่นทั้งที่พึ่งได้พักผ่อนไปไม่กี่ชั่วโมง แต่ยังโชคดีที่ชานยอลมาตอนที่เขาทำกับข้าวเสร็จแล้ว คยองซูคิดว่าการตื่นมาแต่เช้าทั้งที่แทบจะไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะมัวแต่คอยระแวงว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาจะใช่คนที่รอหรือเปล่ามันไม่ได้ทำให้เขาหงุดหงิดเท่ากับการที่ต้องมานั่งตอบคำถามไร้สาระของชานยอล..สาบานได้ว่าถ้าไม่เห็นแก่ความสุภาพเสมอต้นเสมอปลาย คยองซูจะด่าให้หน้าสั่นเลย..


    อ้าว ทำไมมานอนตรงนี้ ไม่ไปแดกข้าวล่ะ


    ...


    น่ะ อ้อนตีนอีกแล้ว ลุกเลย


    เพราะจงอินดื้อไม่ยอมลุก คยองซูถึงได้ลงไปนั่งบนโซฟาที่มีคนขี้อ้อน(ตีน)นอนซบหน้าบนมือที่ประกบกันแทนหมอน ถึงไม่ได้พูดอะไรแต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจงอินหลับ พื้นที่แคบๆจนต้องนอนตะแคงเมื่ออีกคนทิ้งตัวลงนอนข้างๆ มือใหญ่รั้งสะโพกกลมไว้ไม่ให้หงายหลังตกโซฟา จงอินขยับตัวขึ้นไปซุกหน้าลงกับซอกคอขาวอยากจะกอดอีกคนเอาไว้ ไม่อยากให้เดินไปไหน ไม่อยากให้ใครเห็น ไม่อยากให้คุยกับใคร และความงอแงมันกำลังเพิ่มขึ้นจนถึงขั้นอยากล้างสมองคนที่มีชื่อคยองซูอยู่ในหัว..จะได้มีแต่เขาคนเดียวที่รู้จักคยองซู


    หรือถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะพับคยองซูเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกง


     ไปเลย น้ำก็ไม่อาบ สกปรก


     “อ่ะ ให้ดม หัวเหม็นเปล่า


    “อี๋~ หมาตายบนหัวมึงป่ะเนี้ย


    การที่จงอินไม่ได้ตอบหรือเถียงอะไรและมีแค่ลมหายใจแรงๆที่รดต้นคอนั่นพอจะทำให้คยองซูจับสังเกตอะไรได้บางอย่าง ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่มีอารมณ์มาล้อเล่นกับเขาซะแล้วสิ..



    อื้ออ สัส จะนอนก็นอนดีๆ อย่าแรด!



    แต่อารมณ์อย่างอื่นก็ไม่แน่...


    สัมผัสแรงๆที่กระทบลงมาจนหัวสั่นกระบาลลั่นไม่ได้หยุดจมูกซนๆที่เริ่มไล้ไปตามลำคอขาว ปากก็ดูดเม้มเนื้อที่ไหลมารวมอยู่ใต้คางเหมือนมันเขี้ยว มือหนาเริ่มสอดล้วงไปถกเสื้อจนอยู่ในสภาพที่ควรจะถอดออกไปให้หายรำคาญ กลิ่นตัวของคยองซูมันเหมือนฟีโรโมน เนื้อตัวก็นุ่มนิ่มน่ากัดเหมือนเยลลี่ จะหอมจะจุ๊บตรงไหนก็มีเสียงไปหมด...น่ารัก ร่างกายคยองซูมันน่ารักมุ้งมิ้งจนอยากจะฟัดให้จมเตียงจริงๆ


    ฟัดให้สมกับที่มีสิทธิได้ฟัดเพียงคนเดียว


     เบื่อโซฟาที่ห้องแล้วลองโซฟาที่บ้านมึงบ้างดีกว่า





    อื้อออ




    "จงอิน อื้มม"



    .




    .




    ไม่เอาและ หิวข้าว ไปกินข้าวดีกว่า


    ห๊ะ?


    จงอินลุกข้ามตัวคยองซูเดินหนีเข้าไปในครัวโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกับเขาสักคำ อยู่ๆก็ทิ้งความต้องการให้โดดเดี่ยวเดียวดายในท้องเล ค้างคาและว้าเหว่

     นี่แหละความจงอิน...เหมือนจะหายงอน แต่ถ้านึกขึ้นได้ก็งอนใหม่ จริงๆจงอินเป็นแบบนี้จนเขาชินแล้วล่ะ..แต่


    แต่



    แต่


     ..แต่ใครจะรับผิดชอบน้องคยองของเขาล่ะ ฮือออ



    ท้องเสียหรอ เข้าห้องน้ำซะนานเชียว


    สัส เดี๋ยวก็ถีบไปนู้น


    คนตัวเล็กได้แต่มองค้อนกับคำพูดกวนประสาทของอีกฝ่าย เกลียด..คยองซูเกลียดสีหน้าตอแหลของจงอินตอนนี้จนอยากจะสาดด้วยต้มจืด อยากจะด่าว่าเป็นเพราะมึงนั้นแหละที่ทิ้งให้กูนั่งเอ๋อประติดประต่อเรื่องไม่ถูกอยู่คนเดียวบนโซฟา ยังจะมีหน้ามาพูดมากอีก จงอินนี่มันจงอินจริงๆเลย!


    อ่ะๆ กินซะนะน้องคยองของงินงิน


    กับข้าวถูกตักใส่จานของคยองซูจนพูน ทั้งขำทั้งสงสารและสะใจในเวลาเดียวกัน เขายังงอนคยองซูอยู่ถึงจะบอกไม่ได้ว่างอนอะไรมากกว่ากันระหว่างการที่คยองซูไม่เดินตามมา หรือ การที่ตื่นมาเห็นคยองซูคุยกับคนอื่น.. แต่จงอินคิดว่ามันน่าน้อยใจทั้งคู่นั้นแหละ คยองซุชอบสนใจคนอื่นมากกว่าเขาตลอด


    ทีนี้รู้หรือยังว่าถ้าเขาไม่สนใจจะเป็นยังไง หึหึ สาแก่ใจจงอินจริงๆ


    น้องคยองบ้านมึงดิ มันแดกข้าวได้ที่ไหนล่ะ!”


    สีหน้าเหวี่ยงๆของคยองซูไม่ได้ทำให้จงอินสลดเลยแม้แต่น้อย คนฝั่งตรงข้ามยังคงนั่งขำเหมือนสะใจจนน่าฟาด น้องคยองบ้าบออะไรใครเขาสอนให้พูดจาทะลึ่งขนาดนี้บนโต๊ะอาหาร


    นอกจากจะแล้งน้ำใจแล้วยังไร้มารยาทสิ้นดี!


    บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดำเนินไปเรื่อยๆพร้อมกับคำหยาบที่ปล่อยออกมาเป็นล้านล้านคำ สีหน้าของจงอินมันดูไม่สู้ดีเท่าไหร่ เสียงหัวเราะมันดูไม่จริงใจเหมือนตอนที่เราพิมพ์ห้าห้าห้าแต่หน้านิ่ง เหมือนกำลังนอยด์แต่พอนึกอะไรขึ้นมาได้ก็กลายเป็นน้อยใจ บางทีเล่นกันอยู่ดีๆจงอินก็เงียบ แววตาหงอยๆนั้นทำให้คยองซูหงุดหงิด เขาไม่อยากสำคัญตัวหรอกนะ แต่ถ้าตอนเป็นแฟนกัน อาการแบบนี้มันเรียกว่า หึง


    หึงแต่งี่เง่าไม่ยอมพูด




    มันชื่อชานยอลเป็นแฟนเก่ากูเอง


    อ่อ..


    สุดท้ายความอึดอัดก็บังคับให้คยองซูพูดมันออกมาก่อน ดวงตากลมลอบมองอีกฝ่ายที่ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อโดยที่ไม่พูดหรือไม่เงยหน้ามามองเขาอีก แปลกดีที่มันรู้สึกภูมิใจแบบเขินๆ ในหัวมันมีแต่เสียงเชียร์และเสียงตบมือเข้าจังหวะว่า หึงเลย หึงเลย หึงอีก หึงอีก ก้องไปหมด คยองซูไม่รู้หรอกว่าตอนนี้เขาดูร้ายกาจแค่ไหนแต่เขาจะแกล้งจงอินต่อไปเรื่อยๆ..


    จะได้รู้ซะบ้างว่าเขารู้สึกยังไงกับแบคฮยอน..



    “ตอนนั้นคบกันประมาณห้าหกเดือน


    ....


    แต่มันเป็นคนโคตรดีอ่ะ รักกูเป็นห่วงกูสารพัด


    จงอินได้แต่ฟังแล้วก็พยักหน้า ถ้าคนเราสามารถปิดการได้ยินได้จริงๆเขาคงทำไปแล้ว เขาไม่ได้ถามมีแต่คยองซูนั้นแหละที่พูดเองเออเองไม่ยอมหยุด


    ไม่เห็นจะมีใครอยากรู้เลย


    แต่แม่งโคตรตลกเลย มันเคยพากูไปเข้าคอร์สเลิกบุหรี่ด้วยนะ


    ....


    มันบอกว่าสูบบุหรี่แล้วตายเร็ว มันกลัวกูตายก่อนมัน


    คยองซูยังคงพูดต่อไปโดยที่ไม่ได้เกรงใจสีหน้าของจงอินเลย กลับกันยิ่งเห็นจงอินทำหน้าแบบนั้นมันก็ยิ่งอยากเล่าอยากจะแกล้งให้เข็ด มันก็แค่เรื่องธรรมดาเรื่องนึง คยองซูคิดว่าชานยอลเป็นคนดีจนดูตลก นึกกี่ครั้งมันก็ยังขำไม่หาย ตอนที่เขาป่วยก็เอาขวดน้ำตัวเองให้เขาดื่ม สุดท้ายชานยอลก็ติดไข้ตามแต่ก็ยังมาบอกว่าจะได้ป่วยเป็นเพื่อนกัน ที่น่าขำก็คือ ชานยอลเป็นหนักกว่าเขาจนลงต้องไปนอนโรงพยาบาล หลังจากนั้นไม่นานคยองซูก็ขอเลิกกับอีกฝ่ายเพราะทนความเจ้ากี้เจ้าการไม่ไหว 


    เป็นห่วงน่ะเป็นห่วงได้ แต่ถ้ามากจนน่าอึดอัดมันก็ไม่ไหวเหมือนกัน..


    ถ้ามันดีมากนักก็กลับไปคบกับมันเลยดิ!


    ยิ่งคิดจงอินก็ยิ่งรู้สึกสงสารตัวเอง ทำไมเขาต้องมานั่งฟังอะไรแบบนี้ มันอาจจะดูตลกสำหรับคยองซูแต่จงอินไม่เห็นตลกด้วยเลย เขาไม่ชอบเห็นคยองซูยิ้มแบบนั้นเวลาที่พูดถึงใคร ชานยอลอะไรนั้นอาจจะเป็นคนดีจริงๆก็ได้แต่ไม่รู้ทำไมในหัวมันก็มีแต่ความอคติล้วนๆ ความจริงพวกเขาก็เป็นแค่เพื่อนกัน ถ้าคยองซูจะเจอคนดีๆสักคนมันก็ไม่ผิด แต่จงอินไม่เชื่อหรอกว่าชานยอลจะดูแลคยองซูดีอะไรนักหนา เผลอๆถ้าเปรียบเทียบกันเขาอาจจะทำได้ดีกว่าก็ได้..ถึงแม้คยองซูจะไม่เคยรู้สึก


    แต่จงอินก็ไม่เคยเป็นห่วงใครขนาดนี้แล้วกัน



    ทำไมไม่เห็นชมเขาบ้างเลย..


     

    ...


    คยองซูได้มองคนที่ลุกออกไปด้วยความคิดที่รู้สึกว่าตัวเองอาจเล่นแรงเกินไป เขาไม่น่าแกล้งจงอินแบบนั้นเลย  จากโซลถึงอิลซานมันไกลแค่ไหนใจเขาก็รู้ ก็มีแต่จงอินที่อุตส่าห์มาหาทั้งที่ตอนนั้นมันก็ดึกมากแล้ว เสียงบ่นงุ้งงิ้งว่าทำไมไม่ล๊อคห้องมันก็น่าจะชัดเจนไม่ใช่หรอ..


    ก็คงมีแต่คยองซูนั้นแหละที่แกล้งทำเป็นไม่รู้อะไร..


    แต่ไม่ได้ตั้งใจจะพูดเกทับซะหน่อย



    ยังไงซะ..จงอินก็ดีที่สุดอยู่แล้ว





    มานั่งทำอะไรตรงนี้


    คิดอะไรเรื่อยเปื่อย..


    เสี่ยวหน้าของจงอินมันดูจริงจังจนคยองซูคิดว่ามันคงไม่ได้เรื่อยเปื่อยเหมือนที่ปากว่า มือเล็กยกขึ้นป้องลมก่อนที่มวนกระดาษสีขาวจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลไหม้ตามการมาเยือนของความร้อน จงอินส่ายหัวนิดหน่อยตอนที่เขาส่งมันให้ ขายาวๆแกว่งไปมาเหมือนเด็กไม่รู้จักโต คนตัวเล็กหันหน้าไปทางอื่นก่อนจะปล่อยควันออกมาทางปาก เขาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย..


     มันเงียบจนน่าเบื่อ หน่วงจนน่าหงุดหงิด


    ถ้ามึงเลิกบุหรี่ได้นะ มึงจะมีตังค์ไว้ซื้อนาโชส์ตั้งหลายวอน


    “….”


    หรือมึงจะเก็บไว้ทำอย่างอื่นก็ยังได้


    จริงๆจงอินก็ไม่ได้ชอบที่เห็นคยองซูเป็นแบบนี้แต่ก็ไม่รู้จะบอกโทษของบุหรี่ว่าอะไรเพราะตัวเขาเองก็ยังสูบอยู่เหมือนกันถึงจะไม่บ่อยก็เถอะ และยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่มีเงินมากขนาดที่จะจะซื้อคอร์สเลิกบุหรี่อะไรนั้นได้หรอกนะ จงอินแค่รู้ว่าคยองซูชอบกินขนมอันนั้นมากที่สุดและคิดว่าถ้าใช้มันเชิญชวนก็อาจจะได้ผล


    แต่ถึงไม่ได้ผลจงอินก็ไม่รู้สึกแย่อะไรหรอก..


    เพราะเขาตามใจคยองซู


    และไม่อยากทำให้คยองซูอึดอัด..



    แต่ถ้าไม่ กูก็จะสูบเป็นเพื่อนมึงเอง


    บุหรี่บนนิ้วที่คีบไว้ถูกแย่งไปอย่างหน้าตาเฉย คยองซูไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่จงอินทำ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจงอินงอนอะไรเขาเพิ่มหรือกำลังประชดอยู่หรือเปล่า แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้คยองซูจะไม่พูดแบบนั้น เขากับชานยอลมันจบไปแล้วจริงๆ มันเหลือแต่ความเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน จงอินน่ะเป็นคนโง่ แค่นี้ก็ดูไม่ออก ขนาดชานยอลที่ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนยังดูออกเลย..


    -----

    'ผู้ชายคนนั้นเป็นใครหรอ?'


    'เพื่อนกู ชื่อจงอิน'


    '....'


    'มองหน้ากูแบบนั้นหมายความว่าไงชานยอล?'


    'ฉันไม่เชื่อหรอก แค่ความเป็นเพื่อนมันซื้อรอยยิ้มของคยองซูไม่ได้'


    '.....'


    'แล้วก็ไม่มีเพื่อนคนไหนที่คยองซูยอมเสียเวลาตื่นมาทำอาหารเช้าให้กินแบบนั้นหรอกนะ..'


    -----



    คยองซูได้แต่มองควันจางๆลอยออกมาจากริมฝีปากของจงอิน มันรู้สึกดีแล้วก็รู้สึกผิดแปลกๆ สามปีที่ผ่านมาคยองซูก็พยายามเลิกมันแล้วแต่มันก็ไม่เคยสำเร็จซักครั้ง เมื่อก่อนจงอินไม่ใช่คนสูบแม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ชอบสูบนอกจากเครียดหรือเศร้าจริงๆ มือเล็กดึงบุหรี่ออกจากปากของร่างสูง ทิ้งมันลงกับพื้นก่อนจะขยี้มันเหมือนจะได้ทำแบบนี้เป็นครั้งสุดท้าย


    แต่ก่อนไม่เคยคิดอยากจะเลิกแบบเด็ดขาดเลยนะ


    “…”


    แต่ตอนนี้คิดว่าจะพยายามจริงจังแล้วล่ะ


    “….”


    "สูบบุหรี่มันตายเร็ว"


    "...."


    ไม่อยากให้ไคมาตายเป็นเพื่อน

     



     ใครกันนะที่มีอิทธพลกับคยองซูมากมายขนาดสั่งให้ทำนู้นทำนี่ได้?

     







    TBC.

    #ฟิคมันพูดยาก






    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×