ตอนที่ 47 : *Flip Love*: Chapter 42 สมุดบันทึก (100%)
Chapter 42 : สมุดบันทึก
ชีวิตของซีวอนหลายวันมานี้พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อเปรียบเทียบกับชีวิตที่โซล ตอนเช้าที่เช้ามากเหมือนตื่นพร้อมพระอาทิตย์และกลับบ้านพร้อมพระอาทิตย์เช่นเดียวกัน
ฮยอกแจที่เห็นซีวอนแทบจะยกหม้อซุปมาวางไว้ข้างชามข้าว หลังจากเหนื่อยและหิวโซมาจากไร่ก็เริ่มใจอ่อน มือเล็กเลื่อนจานอาหารเข้าไปใกล้ๆฝั่งซีวอนที่นั่งอยู่ตรงข้ามของโต๊ะอาหาร
“ถามหน่อยนะ นี่ลูกชายฉันทำอาหารอร่อย หรือว่านายหิวโซกันแน่เนี่ย” ลีแทซอกถามขำๆกับสภาพหนุ่มเมืองกรุงที่ตอนเที่ยงกินข้าวไม่ค่อยลงเพราะเหนื่อย พอตกเย็นมันก็เลยทั้งเหนื่อยทั้งหิวอย่างนี้แหละ
“อึก...ทั้งสองอย่างครับ” ซีวอนกลืนไอ้ที่เคี้ยวๆอยู่ลงเสียงดังอึกแล้วรีบตอบทันที
“ฮยอกแจทำอาหารอร่อยครับ อาหารง่ายๆแต่ทานได้ตลอดดีต่อสุขภาพด้วยครับ”
“เออ ดีๆ กินไปๆ ค่อยๆกินเถอะเดี๋ยวติดคอหายใจไม่ออกตายที่ไร่ฉันล่ะ ปัญหาเลย” ซีวอนหัวเราะตอบครับแล้วก็ก้มหน้าก้มตากินต่อจนจานทุกใบแววเลย
ฮยอกแจออกมาจากครัวหลังจากที่เก็บจานชามทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ได้ยินเสียงทีวีแว่วๆออกมาจากห้องของบิดาเหมือนว่าจะดูกีฬาอะไรซักอย่าง
ร่างเล็กเดินออกมาที่หน้าระเบียงบ้าน แสงของพระจันทร์ในคืนนี้ไม่ค่อยสว่างเท่าไหร่ แต่อากาศยังดีอยู่เช่นเดิม ลมพัดเอื่อยๆมาปะทะหน้า ดอกคาโนล่าที่ลู่ลมยังคงเป็นภาพที่สวยงามเหมือนเดิม
“สวยจัง....” ฮยอกแจพึมพำกับตัวเองเบาๆด้วยรอยยิ้ม
“สวยมากจริงครับ...” เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นมาจากด้านหลังทำให้ฮยอกแจตกใจเล็กน้อย ซีวอนที่เดินเข้ามาหาพร้อมหนังสือในมือหนึ่งเล่ม
ริมฝีปากสีสดเม้มแน่นอย่างที่ไม่รู้ว่าควรทำสีหน้ายังไงดี ตั้งแต่ร่างสูงหายไข้ก็ยังไม่ได้พูดอะไรกันเลย
“ฮยอกแจ....” เสียงเรียกที่ดูเว้าวอนยิ่งทำให้ฮยอกแจไม่กล้ามองสบตาคมคู่นั้น กลัวว่าถ้าเขามองเห็นดวงตาของตนเองจะพาลรู้ความในใจตอนนี้ไปหมด
ร่างสูงคุกเข่าลงตรงหน้าฮยอกแจที่นั่งอยู่แล้วพยายามมองเข้าไปให้ลึกในตาคู่นั้น
“.....”
“ผมอยากให้คุณฟังผมสารภาพความผิดได้มั้ยครับ....” ซีวอนเลือกที่จะใช้คำว่า สารภาพผิด เพราะว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
“......” ฮยอกแจยังคงนั่งนิ่ง ไม่มองสบตาและไม่เอ่ยอะไร แต่ก็เหมือนกับเป็นการอนุญาตสำหรับซีวอนแล้ว
“ผมขอโทษ...ผมเองที่เป็นคนคิดทำเรื่องเลวร้ายนั้น...เพราะความที่เพียงแค่ต้องการตัดปัญหา...ตอนแรกผมไม่เคยคิดเลยว่าจะรักตกหลุมรักใคร...โลกของผมมีแต่การดูแลมิริน...แต่เมื่อมีคุณเข้ามาหัวใจของผมก็เต้นเร็วขึ้นทุกครั้งที่ได้เจอคุณ...ทุกครั้งที่เห็นรอยยิ้มของคุณ...อยากจะเจอคุณทุกเวลา...จนไม่รู้เลยว่าคิดถึงเพียงแค่เรื่องของคุณคนเดียวตั้งแต่เมื่อไหร่...”
“.....” ริมฝีปากบางยังคงเม้มแน่น ยิ่งฟังหัวใจมันก็ยิ่งเต้นแรงด้วยความดีใจ แต่ความกลัวอยู่ลึกๆก็ยังไม่หายไป
“ผมแค่อยากให้รู้ว่าตอนแรกผมอาจจะทำเพื่อมิริน แต่ว่าผมรักคุณจริงๆ ผมไม่รู้ว่ารักคุณตั้งแต่ตอนไปไหน รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ไม่อยากให้คุณเสียใจกับสิ่งที่ผมทำลงไป ไม่อยากเห็นน้ำตาของคุณ”
“...ฮยอกแจ...ให้โอกาสผมนะ...ผมขอโอกาสให้ผมได้ชดเชยกับสิ่งที่ผมพลาดไป ให้ผมได้พิสูจน์ให้คุณเห็นว่าผมรักคุณมากแค่ไหนนะ...นะครับ”
“.......”
แก้มแดงๆกับริมฝีปากที่โดนเม้มจนสีเข้ม และดวงตาที่วูบไหวทำให้ซีวอนนึกอยากจะฟัด หอม จูบจริงๆ แต่ด้วยคดีติดตัวเลยทำได้แค่ยื่นมือเข้าไปจับมือเล็กแล้วเอ่ยต่อ
“ไม่ต้องตอบก็ได้...แต่ระหว่างนี้เพียงแค่รอผม คอยให้ผมพิสูจน์ให้ดูนะ”
“.....อะอือ”
เสียงที่สั่นๆและเบาแสนเบาเอ่ยออกมา เพียงแค่นั้นก็ทำให้เกิดรอยยิ้มกว้างแนบลักยิ้มบนใบหน้าคมได้แล้ว
หมับ
ด้วยความดีใจหรือคว้าโอกาส(?) ซีวอนลุกขึ้นโอบร่างเล็กเข้ากอดแน่นๆทีหนึ่ง
“ขอบคุณครับฮยอกแจ ขอบคุณๆ”
เพียงแค่นี้พลังทำงานในไร่ของซีวอนก็เพิ่มขึ้นเป็น 108% แล้วล่ะ ฮ่าๆ
_.~;*’¯’*;~._.~;*’¯’*;~._.Flip Love._.~;*’¯’*;~._.~;*’¯’*;~._
งานในไร่ทำให้เขาได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างที่บิดาของคนรักของเขาสอนให้มากมาย เหนื่อยจนเหงื่อไหลไม่ต่างจากน้ำฝนหยดลงกาย แต่ทำด้วยความสุขในหัวใจ เพราะกำลังใจที่เขาได้จากฮยอกแจเล็กๆน้อยๆในทุกๆวัน วันนี้ก็ไม่ต่างกัน
“พ่อฮะ ข้าวกล่องอยู่บนโต๊ะอย่าลืมเอาไปนะฮะ” ฮยอกแจตะโกนบอกบุพการีแสนอารมณ์ดีที่ยืนอยู่หน้าตู้เก็บแผ่นซีดีพลางผิวปากในยามเช้า ในขณะที่ตนเองยืนหันหน้าเข้าเตาพลางคนซุปในหม้อไปด้วย
ซีวอนนั่งมองภาพแบบนี้มาหลายวันแล้ว เขาชอบบรรยากาศอบอุ่นแบบนี้ และฮยอกแจที่พูดคุยกับทุกคนด้วยเสียงดังฟังชัด ทำอะไรคล่องแคล่วไม่เกร็งเหมือนช่วงนึงก่อนหน้านี้ที่อยู่กับเขา
ฮยอกแจที่ร่าเริงและมีรอยยิ้มให้ได้มองและเก็บไว้ให้คิดถึงเมื่อเหนื่อยๆ
“ที่บ้านมีเงินใช่มั้ย”
เสียงผิวปากที่หายไปกลายเป็นเสียงทุ้มเอ่ยถามคนที่นั่งเท้าคางมองร่างบางในห้องครัวแทน
“ครับ?”
“ที่บ้านมีเงิน ก็เอาเงินมาใส่กระปุกหน่อย ฉันจะเก็บค่ามองลูกชายแสนน่ารักของฉัน นี่ถ้าคิดวินาทีล่ะ 10 วอนคงได้เป็นล้านแล้วล่ะมั้ง” ลีแทซอกบอกด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์อย่างที่ดูก็รู้ว่าแกล้งซีวอนอยู่
“หึหึ ได้เลยครับ ผมโอนยกให้ทั้งหมดเข้าบัญชีฮยอกแจเลยครับ”
“เออดี วันไหนเข้าเมืองคงต้องแวะไปธนาคารหน่อย”
“อ่ะแฮ่มๆ” เสียงหวานที่พยายามกระแอมให้บทสนาทนานี้จบลงด้วยแก้มแดงๆ ก็พาเอามุมปากของซีวอนยกยิ้มได้อีกครั้ง
“ไปทำงานได้แล้วฮะ”
แทซอกขยี้ผมนิ่มของฮยอกแจพลางหยิบข้าวกล่องที่ตั้งไว้ เดินนำออกจากห้องครัวไป ต่างกับซีวอนที่ยืนนิ่งรอจังหวะอย่างนี้เหมือนทุกวัน จังหวะที่เขาอยู่กับฮยอกแจเพียงสองคน
“....”
ร่างบางที่ยืนเกร็งนิ่ง เพราะรู้ว่าใครคนนี้จะพูดอะไรและไม่รู้จริงๆว่าจะต้องทำตัวอย่างไร ได้แต่ปล่อยให้มือหนาคว้ามือคู่เล็กของตนไปจับไว้
“...ผมขอโทษนะฮยอกแจ.......ผมรักคุณนะครับ”
“.....”
ประโยคที่ฮยอกแจได้ยินจากซีวอนเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้แล้ว ใบหน้าหวานได้แต่ก้มหน้า หลบซ่อนสายตาที่หวั่นไหวของตนเองไว้
“ผมไปทำงานก่อนนะ” ซีวอนบอกด้วยเสียงที่ไม่ได้ดูผิดหวังเลยจากความนิ่งเฉยของฮยอกแจ ทั้งที่ความจริงอยากจะได้รอยยิ้มหวานๆก่อนไปทำงานเหมือนคู่ที่เขาแต่งงานกันแล้วบ้าง แต่ว่าเรื่องแบบนี้รอไว้อนาคตก็คงจะมีอยู่แล้วล่ะ
“................อือ...”
เสียงตอบรับเล็กน้อยพอเป็นกำลังใจให้ แค่นี้ก็พอแล้ว
..
..
..
หลังจากลีแทซอกและซีวอนออกไปไร่กลับมาอีกทีก็ตอนเย็น แม้ว่าฮยอกแจจะแอบแปลกใจเล็กน้อยที่ร่างสูงมักจะหายเข้าไปในห้องหนังสือของคุณแม่ทุกวัน บางวันก็ออกมาจากห้องนั้นตอนเช้าเลยก็มี แต่ก็ไม่กล้าถามอยู่ดีว่าเข้าไปทำไม
ส่วนหนึ่งวันของฮยอกแจก็มาช่วยงานที่ไร่ของซึงโฮเป็นปกติ แต่ความจริงคือคลุกอยู่กับเจ้าตัวซนเฮนรี่ทั้งวัน เพราะไม่ว่าฮยอกแจจะไปไหนก็จะมีเด็กน้อยแสนร่าเริงเดินตามไปด้วยตลอดเวลา ทั้งเก็บองุ่น ช่วยเรื่องเอกสาร ช่วยแม่ครัวทำอาหารเลี้ยงคนงานไปเรื่อยจนระทั่งเย็น
“นี่เราไม่คิดจะให้พี่ฮยอกแจเขาอยู่แบบไม่มีเราเดินตามเหมือนลูกมั่งเลยเหรอ”
ซึงโฮที่กลับมาจากติดต่องานข้างนอกพอถึงห้องครัวก็เห็นเจ้าตัวซนเดินตามฮยอกแจไปมาอยู่ในครัวยังกับกลัวจะหายไป
“อะไรกันอ่ะฮยอง ผมกำลังเรียนรู้การทำอาหารจากพี่ฮยอกแจต่างหากล่ะฮะ เลยต้องตามดูทุกขั้นตอน~”
“หึหึ เอาเถอะๆตามใจเรา” พอได้ยินคำแถ หรือคำตอบจากเฮนรี่ซึงโฮก็มองหน้าฮยอกแจที่ยืนยิ้มขำอยู่ก็พอเข้าใจได้
“ผมต้องเก็บเกี่ยวไว้ก่อนฮะ เดี๋ยวพี่คนหล่อพาพี่ฮยอกแจกลับโซลไป กว่าจะได้เจออีกต้องรอปิดเทอมอ่ะ นานจะตาย”
“.......” คำพูดที่บอกให้รู้ว่าเวลาที่ต้องเจอกับความจริงใกล้จะถึงแล้วก็ทำให้ซึงโฮถอนหายใจออกมา
“พี่ซึงโฮฮะ....” ฮยอกแจที่เห็นสีหน้าของซึงโฮเอ่ยเรียกชื่อขึ้นมาเบาๆ
“นี่ ช่วยพี่ไปเอาตัวอย่างลูกเกตุเซ็ตล่าสุดที่โกดังให้หน่อยสิ” เฮนรี่ยกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นอย่างเป็นตัวแทนเครื่องหมายคำถาม
“ตอนนี้เลยเหรอฮะ พี่คนงานเขากลับแล้วยังอ่ะ”
“น่าจะยังหรอก แต่ถ้าไม่เจอก็ไปถามพ่อเราล่ะกัน”
“งื้อ แต่ว่า...”
“ไปเถอะเฮนรี่ กลับมาอาหารน่าจะเสร็จพร้อมทานพอดี”
เฮนรี่ทำหน้ายู่เล็กน้อยแต่ก็ยอมเดินออกไปซึงโฮถอนหายใจออกมาอีกครั้งแล้วเอ่ยถามฮยอกแจที่มีสีหน้าลำบากใจ
“เราจะกลับไปพร้อมกับซีวอนรึเปล่า...”
“......”
“ยังไม่รู้ใช่มั้ยว่าจะทำยังไงดี....”
“ฮะ....ฮยอกไม่แน่ใจว่าฮยอกกลัวความรัก กลัวการเชื่อใจ...หรือว่ายังเสียใจอยู่....”
“....แล้วสิ่งที่เขากำลังทำอยู่นี่...พิสูจน์อะไรให้เราเชื่อเขาได้รึยัง...”
“...บางทีฮยอกก็คิดว่าฮยอกใจอ่อนเกินไปรึเปล่า....เขาทำให้เห็นเพียงไม่นานก็ยอมใจอ่อนแล้ว หรือควรใจแข็งมากกว่า ไม่ให้โอกาส ไม่กลับไปกับเขาดี....”
“ฮยอกแจ...ถ้าเป็นพี่...พี่ก็คงจะพยายามทำทุกอย่างจนฮยอกแจยอมใจอ่อนกลับไปด้วยกัน...จากที่พี่เห็นมาตลอด...ซีวอนเขาก็รักเรานะ...เพราะพี่ก็ไม่ต่างกัน...”
“พี่ซึงโฮ....”
“แต่ความรักมันบังคับจิตใจกันไม่ได้...ถ้าคิดแล้วว่าไม่ว่ายังไงก็เลิกรักเขาไม่ได้...และเขาก็รักเราไม่ต่างกันก็ปล่อยให้หัวใจมันบอกเราเถอะนะ”
“ฮึก...พี่ซึงโฮฮะ” ก้อนสะอื้นตีขึ้นมาจากความเสียใจที่เขาทำได้แค่พึ่งพาพี่ชายคนนี้มาตลอด ไม่เคยให้ความรักตอบแทนในแบบที่พี่ซึงโฮรักเขาเลย
“พี่เข้าใจ...พี่บอกแล้วว่าพี่จะเป็นพี่ชายของเราตลอดไปนะ” ซึงโฮกอดร่างเล็กที่เริ่มสะอื้นเป็นการปลอบ เพียงแค่นี้เขาก็ดีใจมากแล้ว ไหล่เล็กที่สั่นเพราะสะอื้นไห้กับความเสียใจของเขา
ฮยอกแจยกมือขึ้นกอดตอบพี่ชายที่แสนอบอุ่น ที่พึ่งพาของเขาคนนี้
กึก
เท้าเล็กที่ก้าวเร็วๆเข้ามาในห้องครัวหยุดนิ่ง... ในมือที่ถือห่อลูกเกตุกำแน่น ตาที่มีแววซุกซนเบิกกว้างอย่างตกใจ...
“ฮะ ฮยองฮะ...”
“อ้าว กลับมาแล้วเหรอเรา” ทั้งสองคนที่พอได้ยินเสียงเรียกก็พละออกจากกัน ฮยอกแจยกมือขึ้นซับน้ำตาออกลวกๆ ซึงโฮที่หันไปหาเฮนรี่เพื่อรับเอาห่อลูกเกตุที่เป็นข้ออ้างให้เจ้าตัวซนออกไปจากห้องครัวมา
“พี่ฮยอกแจ!...ร้องไห้ทำไมเหรอฮะ?”
แม้ว่าเขาจะตกใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นพี่ทั้งสองคนกอดกัน แต่เมื่อเห็นว่า ฮยอกแจร้องไห้ ความแคลงใจนั้นก็หายไปเป็นความห่วงใยเข้ามาแทน
“ไม่มีอะไรหรอก” ฮยอกแจบอกเพียงแค่นั้น แต่คนที่รู้จักเฮนรี่ดีอย่างร่างสูง รู้ดีว่าเจ้าตัวคงไม่ยอมหยุดถามตนกว่าจะรู้สาเหตุนั่นแหละ
“พี่ฮยอกแจเขาเสียใจที่พี่อกหักน่ะ”
“!!! พี่ซึงโฮอกหัก อกหักจากใครอ่ะทำไมผมไม่รู้อ่ะ”
คนที่ตกใจไม่หยุดตั้งแต่เดินกลับมาจากโกดังยิ่งตกใจเข้าไปอีก ใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะ รู้สึกแปลกๆกับความเจ็บจี้ดๆในหัวใจ
“หึหึ แล้วเราจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ” ซึงโฮหัวเราะขำเจ้าน้องชายตัวเล็กที่ทำสีหน้าเหมือนกับเด็กฝรั่งตอนที่รู้ว่าซานตาครอสไม่มีจริงยังไงอย่างงั้น
“ฮะฮยอง...ใครอ่ะ....ฮยองรักใครอ่ะ” เจ้าเด็กที่มีรอยยิ้มเต็มใบหน้าทั้งวันตอนนี้กลับมีแต่วสีหน้าที่เหมือนกำลังจะร้องไห้ เลยทำให้ซึงโฮอดสงสารไม่ได้...
“....เฮ้อ....ก็พี่ฮยอกแจสุดที่รักของเราน่ะแหละ”
“.......”
“! จะจริงเหรอฮะ พี่ฮยอกแจ....”
“อืม....พี่ขอโทษนะ” ฮยอกแจยิ่งรู้สึกผิดเมื่อเห็นสีหน้าของเฮนรี่ที่ซีดลงเหมือนได้ยินเรื่องช๊อค
“เหรอฮะ....” ร่างเล็กพูดแค่นั้นแล้ววางห่อลูกเกตุไว้บนโต๊ะอาหาร หมุนร่างเดินออกจากห้องครัวไปอย่างเหม่อลอย
“....เฮนรี่เป็นอะไรไปฮะ เขาดูไม่เหมือนปกติเลย” ฮยอกแจหันไปถามซึงโฮที่ดูแปลกใจกับปฏิกริยาของเฮนรี่ไม่ต่างกัน
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“เดี๋ยวฮยอกตามออกไปดูหน่อยนะฮะ”
..
..
..
ส่วนร่างเล็กที่เดินออกมาด้านหลังบ้าน ทั้งตัวลงนั่งที่เป็นเก้าอี้ไม้สีขาวตัวยาว มือเล็กที่เหมือนเจ้าของจะไม่รู้ตัวว่ามันกำลังสั่นยกขึ้นแนบที่ตำแหน่งของหัวใจ
“ทะทำไมมัน...เจ็บล่ะ....” ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงอยากจะร้องไห้ออกมา ทำไมถึงเสียใจหรือเพราะเสียใจไปกับฮยองด้วยที่ความรักไม่สมหวัง ทำไมถึงไม่อยากให้ฮยองรักคนอื่น...
“คะความรักเหรอ...” อยู่ดีๆร่างเล็กที่นั่งตัวงอก็ตั้งตัวตรง แล้วตะโกนออกมาเหมือนคนที่คิดอะไรออก
รัก....
ความรัก... ตึก ตัก ตึก ตัก
“เรารักฮยองงั้นเหรอ!?....หืม...หรือเรารักพี่ฮยอกแจ...ไม่ๆ ถ้าเรารักพี่ฮยอกทำไมตอนรู้ว่าพี่หล่อเป็นแฟนพี่ฮยอกไม่เห็นเป็นงี้เลย -3- ..................งั้นเราก็รักซึงโฮฮยองสินะ”
“.....ดีล่ะ!! ฮยองชอบคนแบบพี่ฮยอกแจ งั้นเราจะเป็นผู้ใหญ่(?)แบบพี่ฮยอกแจให้ได้เลย...”
เสียงเล็กบ่นคนเดียวงุ้งงิ้งพอคิดอะไรได้ก็ตาโตตัวตรง และพอตัดสินใจหมายมั่นปั้นมือได้ในประโยคสุดม้าย มือเล็กกำแน่นดวงตาเป็นประกายมีความหวัง แม้กระทั่งฮยอกแจที่ตามมาแอบมองอยู่ยังสัมผัสได้ รอยยิ้มที่ยิ้มให้กับความใสซื่อที่แสนน่ารักของเฮนรี่ ความสุขที่ได้แม้คนอื่นยังสัมผัสได้นี่มันเยี่ยมมากเลยจริงๆ
เวลาผ่านไปจนใกล้จะถึงวันเปิดเทอมแล้ว สองวันสุดท้ายก่อนกลับไปเผชิญกับความจริงอีกครั้ง ความจริงที่อาจจะไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
ฮยอกแจที่ยอมรับกับตัวเองเลยว่า ใจอ่อนให้ไปแล้วกับ ผู้ชายคนที่รักมาตั้งแต่แรกและยังรักอยู่ เขาทำให้เห็นว่าการทนอยู่ทำงานยากลำบากจนสภาพตอนนี้เหมือนชาวไร่อย่างเต็มที่ และกับหญิงสาวคนนั้นที่ฮยอกแจไม่เคยแม้แต่จะได้ยินชื่อออกจากปากของซีวอน เขาเคยเห็นแค่ร่างสูงโทรกลับไปหาแม่อยู่บ้างแค่นั้น และก็พฤติกรรมที่หายเข้าห้องหนังสือของคุณแม่เยจินที่ยังสงสัยอยู่
“ฮยอกแจ พ่อไปแล้วนะ”
ยามสายๆระหว่างที่ฮยอกแจคิดอะไรอยู่เพลินๆตอนรถน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน เสียงเรียกของผู้เป็นพ่อก็เอ่ยขึ้น
“หือ? แล้ว....”
“แล้วอะไร เจ้าม้าถึกอ่ะเหรอ พ่อให้หยุดแล้วน่ะ พรุ่งนี้มะรืนนี้ก็จะกลับไปแล้วไม่ใช่เหรอ ขี้เกียจจะใช้มันแล้ว” ว่าจบลีแทซอกก็เหวี่ยงกระสอบใบเดิมขึ้นหลังรถกะบะขับออกไปซะอย่างนั้น
_.~;*’¯’*;~._.~;*’¯’*;~._.Flip Love._.~;*’¯’*;~._.~;*’¯’*;~._
“..... นายมาทำอะไร......”
ซึงโฮรู้สึกแปลกใจมากที่วันนี้เขาเห็นผู้ชายร่างสูง คนที่ฮยอกแจให้หัวใจไปแต่กลับเจ็บกลับมาไม่เหลือดี ตอนนี้เขากลับมายืนอยู่ตรงหน้าเขา
“วันนี้ฮยอกแจไม่ได้มาที่นี่หรอกนะ”
“ผมไม่ได้มาหาฮยอกแจ...”
“ทำไม...จะให้ช่วยพูดกับฮยอกแจรึไง มาเอาวันนี้คงไม่มีหนทางแล้วอย่างงั้นสิ” ซึงโฮทิ้งเอกสารเช็คคุณภาพไวน์ในมือลงบนถังไม้โอ๊คเสียงดังปัง!
“...ผมอยากจะขอโทษคุณ...ผมรู้ว่าคุณรักฮยอกแจไม่ต่างจากผม...ทั้งๆที่คุณดูแลฮยอกได้ดีกว่า...แต่ผมกลับทำผิดอย่างไม่น่าให้อภัย...”
“.....” เจ้าของไร่องุ่นยืนนิ่งไม่ตอบอะไรเพียงแต่ฟังอีกฝ่ายพูดออกมา
“ผมทำผิดทั้งกับคุณและกับฮยอกแจ...”
“....ใช่..นายทำผิด...ถึงนายจะรู้สึกผิด แต่มันก็แก้เรื่องที่ผ่านมาไม่ได้...เรื่องที่นายทำ มันทำให้ฮยอกแจเจ็บปวดมากแค่ไหน...นายไม่รู้หรอก...ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเขา เขาบอกเพียงแค่เขาไม่เป็นไร...ด้วยน้ำเสียงที่....”
ซึงโฮพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง แต่มันกลับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกภายในนั้น
“ถ้าหากฮยอกแจยอมยกโทษให้นาย แต่นายทำตามที่สัญญาไม่ได้...”
“มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีก!”
“...ก็ขอให้เป็นอย่างนั้น...กลับไปซะ คนที่นายควรรู้สึกผิดไม่ใช่แค่ฉัน...”
“ผมไม่มีวันทำให้ฮยอกแจเจ็บอีก...มันไม่มีทางเกิดขึ้นอีกแน่นอน” ซีวอนบอกย้ำอีกครั้งด้วยความหมายมั่น แววตาที่มุ่งมั่นนั้นทำให้ซึงโฮอดหมั่นไส้ไม่ได้
ผั้วะ!!!
“หมัดนี้ฉันต่อยแทนฮยอกแจ...ไปซะ แล้วอย่าให้ฉันเปลี่ยนจากต่อยนายเป็นฆ่านาย ถ้าฮยอกแจต้องเจ็บเพราะนายอีก...”
ซีวอนเช็ดเลือดที่มุมปากออก ยกยิ้มเล็กน้อย เขารู้สึกว่าเขาควรจะโดนหมัดแบบนี้มาตั้งแต่แรกและความจริงสมควรจะโดนมากกว่าด้วยซ้ำ พี่ชายที่ดีของฮยอกแจที่บางทีเขาก็อดจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอรึเปล่า แต่แบบนี้เขาก็ยังมั่นใจได้ว่า ฮยอกจมีพี่ชายที่ดีคอยให้พึ่งพิงได้อยู่ตรงนี้คนหนึ่งแน่นอน...
_.~;*’¯’*;~._.~;*’¯’*;~._.Flip Love._.~;*’¯’*;~._.~;*’¯’*;~._
ร่างเล็กชะเง้อหาว่าซีวอนนั้นอยู่ตรงไหนของบ้าน ไม่มีบิดาตนเองคอยอยู่เป็นกองหนุนเหมือนทุกทีชักจะปอดๆ กลัวจะทำใจแข็งไม่ได้
แต่แล้วเดิมหาทั้งบ้านก็ไม่เจอ ฮยอกแจเลยตัดสินใจทำงานบ้านจนเสร็จก็หันไปเก็บกระเป๋าเตรียมกลับโซลเพราะพี่ซึงโฮบอกไว้ว่าให้เก็บกระเป๋าได้แล้วงดงานสองวัน จนเวลาผ่านไปเข้าสู่ช่วงเย็นๆ
ก๊อกๆ
“ฮะๆ” ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าหนังสือที่เขารื้อเจอ วางทิ้งไว้ในห้องตอนที่เก็บกระเป๋า เปิดอ่านดูนิดเดียว แต่กลายเป็นอ่านยาวจนเย็นป่านนี้แล้ว
ร่างเล็กลุกขึ้นไปเปิดประตูพลางคิดว่าวันนี้พ่อกลับเร็วจัง แต่ก็คิดผิดเมื่อเปิดออกมาเป็นร่างสูงที่หายไปทั้งวัน
“!ซีวอน”
หมับ
“ไปคุยกันในห้องหนังสือนะครับ”
มือหนาคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็ก ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างประหลาดใจ ซีวอนที่วันนึงพูดกับเขาเพียงแค่สองประโยค บอกรักกับขอโทษ วันนี้แปลกไป
ร่างสูงเดินนำฮยอกแจมาโดยที่มือยังกำข้อมือเล็กไว้หลวมๆไม่ปล่อย
ฮยอกแจได้แต่คิดในใจว่าถึงเวลาที่ต้องคุยกันแล้วสินะ
ภายในห้องหนังสือที่ไม่ได้กว้างมาก แต่ผนังห้องทุกฝั่งล้วนเป็นชั้นวางหนังสือสูงจรดเพดาน พื้นไม้สีน้ำตาลกับดวงไฟสีนวลตา บนพื้นเป็นโต๊ะไม้สีเดียวกันกับเบาะรองนั่งดูนุ่ม ฮยอกแจที่ไม่ได้เข้าห้องนี้มานาน เพราะไม่อยากคิดถึงคุณตา และอีกอย่างคือซีวอนคลุกตัวอยู่แต่ในห้องนี้ แม้แต่ตอนนอน(ปกติให้นอนโซฟาทำไปทำมาย้ายมานอนในห้องนี้เฉยเลย)
ร่างสูงมาหยุดยืนตรงกลางห้อง ร่างหนาหันหน้ามาหาร่างเล็กตรงๆด้วยสายตามุ่งมั่น
“!!!หน้าไปโดนอะไรมาน่ะ!”
ใบหน้าคมที่ข้างหนึ่งบวมและดูช้ำอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ฮยอกแจเผลอถามเสียงดังและยกมือขึ้นแตะเบาๆอย่างที่กลัวอีกฝ่ายจะเจ็บได้
ซีวอนไม่เอ่ยตอบอะไร แต่กลับยกยิ้มกว้างอย่างดีใจที่ฮยอกแจเป็นห่วงเขาจนลืมไปว่าแก้มข้างซ้ายนั้นมันเจ็บอยู่
“โอ้ย”
“! เป็นอะไรมั้ย ต้องทายาก่อน” ร่างเล็กร้อนรนจะหันไปหายามาทาแต่ว่ามือหนาก็คว้ารั้งมือเล็กเอาไว้
“ไม่ต้องหรอก”
“แต่...”
“แค่นี้เอง...ไม่เจ็บเท่าไหร่หรอก”
“แล้ว...ไปโดนอะไรมาล่ะ...” ฮยอกแจหลบสายตาที่มองมาถามสิ่งที่สงสัย
“...หมัดพี่ซึงโฮของฮยอกแจน่ะแหละ...บทลงโทษที่ผมควรโดน...” ซีวอนยิ้มออกมาตอนที่ฮยอกแจเบิกตากว้างเมื่อได้ยินว่าเป็นซึงโฮ ฮยอกแจอ้าปากค้างเหมือนจะถามอะไรต่อ ซีวอนเลยเล่าให้หายแคลงใจ
“ผมไปเคลียร์กับเขามาน่ะ เขาเลยต่อยมาหมัดนึง บอกว่า ช้า แล้วก็ขู่ไว้ว่า ถ้าดูแลฮยอกไม่ดี เขาจะไปรับกลับแบบไม่ให้คืนแล้ว หึหึ เหมือนลุงแทซอกเลย พูดกับผมที่ไร่ทุกวัน”
“.....” ฮยอกแจฟังแล้วก็เม้มปากแต่แก้มแดง เพราะสีหน้าของคนที่หน้าช้ำมีแต่รอยยิ้มเหมือนดีใจ
“ผมรู้นะว่า ฮยอกอยากรู้ว่าผมเข้ามาในห้องนี้ทำไมทุกวัน” ซีวอนยกยิ้มเพิ่มขึ้นอีกเมื่อเห็นว่า ฮยอกแจแก้มแดงขึ้นเหมือนคนโดนจับได้
“หึหึ นี่ครับ...”
สมุดเล่มไม่ใหญ่มาก หน้าปกสีขาวโล่ง มีร่องรอยยับจากการใช้งานตรงแนวสันปก เหมือนว่าเจ้าของจะเปิดใช้มันทุกวัน
“ฮยอกชอบอ่านหนังสือ เราได้ใกล้ชิดกัน ได้รักกันก็เพราะหนังสือ ผมทำให้ฮยอกเจ็บก็เพราะว่าเพียงต้องการหนังสือ...ตั้งแต่ผมมาที่นี่ผมไม่กล้าที่จะพูดอะไรกับฮยอก ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่ฮยอกจะเชื่อในเพียงแค่คำพูด...ผมเลยพยายามพิสูจน์ตัวเอง...และเล่มนี้เป็นเรื่องที่ผมอยากจะพูดอยากจะบอกกับฮยอก อย่างน้อยผมก็รู้สึกว่า การเขียนอะไรลงไปก็เหมือนได้คุยกับคุณแล้ว”
ซีวอนยิ้มเขินมองสมุดที่ตัวเองเปิดมันอยู่ทุกวัน ที่ตอนนี้อยู่ในมือของคนที่เขาเขียนถึง
มือเล็กที่จับสมุดเล่มนั้นดูสั่นเล็กน้อย ปลายนิ้วเรียวค่อยๆเปิดหน้าสมุดออกพร้อมกับใจดวงที่น้อยสั่นไหว
วันที่ 1 / xx / xx
วันแรกกับการเข้ามาในห้องนี้ ห้องที่ลุงแทซอกบอกว่าฮยอกแจชอบมาก ในห้องมีแต่หนังสือเต็มไปหมด จนผมไม่รู้ว่าจะเริ่มอ่านหนังสือจากเล่มไหนก่อนดี คุณชอบอ่านหนังสือแบบไหนนะฮยอกแจ...
วันที่ 5 / xx / xx
วันนี้ผมก้มหน้าทำงานอยากให้งานเสร็จเร็วๆเพราะจะได้กลับมาเจอหน้าคุณจนหน้ามืดเลยล่ะ แย่จริงๆ จนต้องไปนั่งพัก พี่คนงานเลยมาชวนคุย ทำไปทำมาเราเลยโดนลุงแทซอกตะโกนว่าว่าให้เก็บของไปนั่งก๊งเหล้ากัน เหมือนหนังสือเล่มนี้เลย คุณเคยอ่านแล้วแน่นอน ผมแอบเห็นรอยพับของหน้าหนังสือนะ “การทำงานแต่งานโดยไม่เล่นสนุกเลยจะทำให้ชีวิตของคุณจืดชืด (if life is a game, there is a rules / Cherie Carter Scott)” จริงใช่มั้ยครับฮยอกแจ...
วันที่ 9 / xx / xx
หนังสือแปลเรื่อง The 15 invaluable laws of Growth [John C. Maxwell] เล่มนี้คุณคงชอบมากจริงๆ หึหึ ผมเห็นรอยยับเต็มไปหมดเลย และประโยคที่ว่า “ทุกคนมีความฝันแต่มีเพียงส่วนน้อยที่ไล่ตามความฝันของตัวเอง” มันจริงมากๆเลยล่ะ เมื่อก่อนผมไม่มีความฝันเลยล่ะ...แต่ตอนนี้ ความฝันของผม ผมกำลังทำมันอยู่นะ...กำลังทำให้มันเป็นจริงอยู่....ฮยอกแจความฝันของคุณล่ะ...คุณฝันว่าอะไร...
วันที่ 18 / xx / xx
ผมคงจะได้อ่านหนังสือหน้านี้ก่อนมาที่นี่ล่ะมั้ง “การโทษโชคชะตาไม่ทำให้ใครสามารถไปในที่ที่เขาต้องการจะไปได้” (The Magic of thinking / David J? Schwartz) ผมมาที่นี่โดยไม่ได้โทษโชคชะตาเลยซักนิด ผมมาที่นี่เพราะผมอยากพิสูจน์...อยากให้คุณยกโทษให้...อยากให้คุณกลับไปเคียงข้างผมเหมือนเดิม... ฮยอกแจคุณอยากกลับไปอยู่เคียงข้างผมมั้ย...
วันที่ 29 / xx / xx
“ความเจ็บปวดมีค่าก็ต่อเมื่อเราเรียนรู้จากมัน (The Magic of thinking / David J? Schwartz)” ประโยคนี้คงจะตรงกับหัวใจผมที่สุดแล้ว ผมเรียนรู้จากมันแล้วจริงๆ...ความเจ็บปวดมันมากมายจนไม่รู้ว่า...ฮยอกแจ...คุณทนมันได้ยังไง...ผมทำร้ายคุณขนาดนี้ได้ยังไง...ทั้งที่ผมรักคุณมากมายขนาดนั้น...ฮยอกแจ...คุณพอจะยกโทษให้ผม...และกลับมารักผมเหมือนเดิมมั้ย...
“ฮึก...” มือคู่เล็กที่สั่นตั้งแต่เริ่มเปิดหน้ากระดาษแรกของสมุดยังคงสั่นเช่นเดิม แต่ที่เพิ่มขึ้นคือน้ำตาหยดใสที่หยดลงบนหน้ากระดาษของการเขียนบันทึกหน้าสุดท้าย
ตลอดเวลาที่ซีวอนมาที่นี่ เขาแทบไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลยทั้งๆที่อยู่ใกล้กันและเจอหน้ากันทุกวัน เพราะเขาเลือกที่จะไม่มองสบตา และเลี่ยงที่จะอยู่ใกล้ๆเขา
ซีวอนที่ทรมานมานาน ได้เจอหน้ากับคนมี่รักทุกวัน แต่กลับไม่ได้พูดคุย สีหน้าที่เจ็บปวดของคนรักแต่กลับปลอบโยนไม่ได้ เพียงเพราะตนเองเป็นต้นเหตุ อยากโอบกอดและปลอบโยน ความคิดถึงมันมากมายแค่ไหน ความทรมานมันก็ยิ่งเท่ากัน
“ฮึก อึก...คนไม่ดี...ใจร้ายที่สุด ฮึก...”
ซีวอนยิ้มกว้างออกมาทันที เมื่อสิ่งที่เขาคิดว่าควรจะได้ยินจากฮยอกแจ คนที่เขาทำร้ายมามากมาย กลับไม่เคยว่าอะไรเขาเลยซักคำ ดีใจที่ฮยอกแจยอมบอกความรู้สึก แขนหนาค่อยๆโอบเอาร่างเล็กเข้าในอ้อมกอด ด้วยความปลอบโยนและคิดถึง
ปึก!
“หึหึ” เสียงดังปึกจากการที่มือเล็กทุบลงบนไหล่หนาของซีวอนทำให้เกิดเสียงหัวเราะที่มาจากความดีใจ
“ฮึก...มันเจ็บแค่ไหนรู้มั้ย...ฮึก คนใจร้าย...” ใบหน้าหวานที่เปื้อนน้ำตา ช้อนตามองค้อนคนที่กอดตนเองอยู่แถมกำมือเล็กๆทุบลงไปอีก
“ขอโทษครับ...ขอโทษ....” คำขอโทษที่มีรอยยิ้มเป็นของแถม จนคนรับเห็นแล้วอยากจะให้พี่ซึงโฮช่วยมาเพิ่มรอยช้ำแทนรอยยิ้มซะ
“ฮึก....ฮือ...”
“ไม่ร้องนะครับ...ผมขอโทษ...ขอโทษจริงๆนะ...ยกโทษให้ผมนะ....” เมื่อเห็นว่าน้ำตาหยดใสยังไหลเปื้อนแก้มอยู่ซีวอนก็เอ่ยขอโทษยอย่างจริงจังอีกครั้งหนึ่ง
“.......ฮึก....ฮึกๆ” ไม่มีเสียงใดนอกจากเสียงสะอื้นของฮยอกแจจนซีวอนใจเต้นตึกตัก กลัวว่าถ้าเกิดฮยอกแจไม่ยกโ?ให้เขาขึ้นมาจริงๆจะทำยังไงต่อไป...
....แต่หัวใจที่เต้นด้วยความกลัวก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นความดีใจแทน เมื่อแขนเรียวค่อยโอบกอดตอบเขา ใบหน้าหวานที่ซุกลงบน อกกว้าง เอ่ยบอกดังอู้อี้ว่า...
“ฮึก...อย่าทำแบบนี้อีกนะ...”
“! ผมสัญญา...ผมสาบาน...ขอบคุณครับ ขอบคุณ...” ซีวอนรู้สึกเหมือนความดีใจมันแผ่ซ่านไปทั่ว ความสุขที่เขามีคนๆนี้อยู่ในอ้อมกอด
ร่างหนาผละออกมาช้อนใบหน้าของฮยอกแจขึ้นแล้วใช้ปลายนิ้วค่อยๆซับน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน ร่างสูงแนบหน้าผากลงตรงที่เดียวกันแล้วเอ่ยบอกคำที่เขาอยากบอกให้ฮยอกแจได้รู้ทุกวันๆ
“ผมรักคุณ”
แก้มแดงๆที่มีมือของเขาประคองยกยิ้มหวานให้แล้วเอ่ยบอกเสียงหวานให้ความสุขมันยิ่งแผ่กระจายไปทั่ว
“ฮยอกก็รักคุณ”
คำพูดแสนน่ารักและรอยยิ้มหวานๆนั้นได้รับรางวัลด้วยริมฝีปากหนาที่ค่อยแนบลงช้าๆอย่างที่ต้องการซึมซับความรู้สึก ความรัก ความคิดถึง
เพียงแค่นี้จริงๆ กับความรัก ต้องการมีต่อกัน ความรักของเรา
ยังไงรออ่านกันนะคะ หลังจากจบเรื่องนี้ ซึงตอนหน้า ตอนสุดท้ายแล้วจริงๆ
ขอบคุณทุกคนที่ยังเข้ามาอ่านและรอให้เรื่องนี้จบและถามเรื่องรวมเล่มกันเข้ามานะคะ ขอบคุณมากๆ
ปล. รีดเดอร์นี้ที่น่ารักค่อยมาเน้าะ ><
ปลล. คอมเม้นบอกหน่อยว่าคิดถึงและยังรออยู่ ขอบคุณอีกครั้งค่า ><
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้ต่อ ตอนหน้าจะจบแล้วหรอ
วอนอย่าทำงี่เง่าให้ฮยอกร้องไห้อีกนะ
เข้าใจกันได้แล้วนะ
กลับไปก็คงมีแต่เรื่องดีๆกับคู่นี้แล้วละนะ ^^
จะจบแล้วเหรอ เสียดาย
ลุ้นหนูเฮนรี่ก็พี่ซึงโฮสินะ 55
ฮยอกเริ่มใจอ่อนแล้ว
จะจบแล้วหรอ เร็วจัง รีบมาต่ออนนี้ให้ครบไวๆๆนะ