ตอนที่ 45 : บทที่ 45 เส้นทางคู่ขนาน (100%)
บทที่ 45 เส้นทางคู่ขนาน
ขณะที่คนสองคนยังคงยืนมองกันและกันผ่านกระจกบางใสที่กั้นขวางเอาไว้ด้วยความทุกข์ทรมานในใจจากความรักที่ไม่อาจเปิดเผยให้ใครรับรู้ได้ ยังมีใครอีกคนกำลังมองมาทางชายหนุ่มเจ้าของรถสปอร์ตคันงามที่ยืนนิ่งงันท่ามกลางสายฝนอยู่หลังกระจกบานใหญ่ตรงมุมหนึ่งในล็อบบี
เพราะความบังเอิญที่เผลอลืมโทรศัพท์มือถือของตนเอาไว้ในรถกว่าจะนึกขึ้นได้ว่าต้องลงมาหยิบก็เป็นเวลาดึกดื่นเอาป่านนี้แล้ว แวบแรกที่ภวัฐได้เห็นรถยนต์สีแดงเพลิงคันหรูจอดอยู่ที่ลานจอดรถด้านข้างอาคารที่พักอาศัยของเขานั้น ชายหนุ่มผมยาวจึงยังไม่ทันได้คิดเอะใจอะไร กระทั่งเหลือบไปเห็นใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนแหงนหน้ามองขึ้นไปบนอาคารราวกับว่ากำลังมองหาใครบางคนบนนั้น ก็ทำให้เขาเริ่มรู้สึกเอะใจกับใบหน้าที่แลดูคุ้นตาคลับคล้ายคลับคลาราวกับว่าเคยพบที่ไหนมาก่อน
เพียงไม่นานก็นึกขึ้นได้ว่าเป็นคนเดียวกับประธานหนุ่มรูปหล่อเจ้าของโปรเจ็กต์ใหญ่ที่แฟนสาวของเขากำลังร่วมงานด้วย และต้องหอบเอางานไปทำถึงที่บ้านของชายหนุ่มเมื่อหลายคืนก่อนนั้นเอง พลันลางสังหรณ์บางอย่างในใจภวัฐก็บอกกับเขาว่าบางทีสิ่งที่เขาเคยนึกระแวงสงสัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหญิงสาวคนรักของเขากับชายหนุ่มตรงหน้านี้ อาจจะกลายเป็นความจริงขึ้นมาก็เป็นได้ ฟู้ดสไตลิสต์หนุ่มได้แต่เก็บงำความสงสัยนี้เอาไว้ในใจ เขาอยากจะได้ยินมันให้ชัดจากปากของแฟนสาวเองเท่านั้น ไม่อยากที่จะตีตนไปก่อนไข้ด้วยเพราะความเชื่อใจที่ยังคงมีต่อคนรักไม่เสื่อมคลาย
เสียงกริ่งดังขึ้นที่หน้าห้องปลุกให้คนที่เผลองีบหลับไปทั้งที่ยังคงนั่งเกาะขอบหน้าต่างต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ รวินันท์ปรือตาขึ้นมาด้วยท่าทางสะลึมสะลือ แต่กลับรู้สึกถึงความหนักอึ้งเมื่อเปลือกตาของเธอนั้นเกิดอาการบวมช้ำเพราะร้องไห้มาตลอดแทบทั้งคืนกระทั่งไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหน พลันก็รีบถลาไปเปิดม่านออกเพื่อมองดูว่าคนที่บอกจะยืนตากฝนรอเธอเมื่อคืนนั้นยังมีชีวิตอยู่ดีหรือไม่ แต่กลับพบเพียงลานจอดรถที่ว่างเปล่าปราศจากเงาของรถสปอร์ตสีแดงเพลิงหรือแม้แต่ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของดังที่คิดไว้
เสียงกริ่งหน้าห้องที่ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้สไตลิสต์สาวได้แต่ยืนละล้าละลังอยู่กลางห้องอย่างชั่งใจ ไม่กล้าเปิดประตูออกไปเพราะกลัวว่าจะเป็นประธานหนุ่มรูปหล่อที่กล้าบุกขึ้นมาถึงบนห้องของเธอก็เป็นได้ กระทั่งเสียงเรียกที่คุ้นหูดังขึ้นมาจากทางหน้าประตูจึงทำให้หญิงสาวถึงกับถอนหายใจยาวออกมาอย่างโล่งอก
ตื่นรึยังครับวิ ไหนว่าวันนี้จะไปเยี่ยมคุณแม่กับคุณยายของคุณด้วยกันไงครับ ลืมไปแล้วเหรอ
รวินันท์เมื่อได้ยินคำถามของชายหนุ่มคนรักที่ดังแว่วเข้ามา ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเธอเป็นคนบอกกับเขาเองว่าวันนี้จะไปเยี่ยมมารดาและผู้เป็นยายอย่างที่ได้นัดแนะกันเอาไว้ เธอจึงรีบตะโกนตอบอีกฝ่ายกลับไปทันที
ตะ...ตื่นแล้วค่ะวัฐ ขอเวลาวิอาบน้ำแต่งตัวสิบนาที แล้วเดี๋ยวเจอกันที่รถนะคะ
ตามสบายเลยครับวิ ไม่ต้องรีบหรอกนะ ผมรอได้อยู่แล้วครับ
เมื่อภวัฐได้ยินเสียงของแฟนสาวตอบกลับมา เขาจึงได้แต่อมยิ้มน้อยๆ พลางนึกจินตนาการภาพของคนที่เพิ่งตื่นและอยู่ในอาการงัวเงียแบบเมื่อคราวก่อนที่เธอเผลอเปิดประตูออกมาต้อนรับเขา ทั้งที่ลืมไปว่ายังไม่ได้อาบน้ำหรือแม้แต่ล้างหน้าแปรงฟันอย่างนั้นได้ ถึงใครจะมองว่าเป็นมารยาทที่ไม่ดีอย่างไร แต่สำหรับชายหนุ่มผมยาวแล้ว เขากลับรู้สึกว่าภาพแบบนั้นของเธอดูน่ารักและเป็นธรรมชาติดีกว่าตอนที่ได้เห็นใบหน้าและเรือนกายที่อยู่ภายใต้การประทินโฉมเอาไว้เป็นไหนๆ
แม้ว่าภาพของธามที่ยืนตากฝนมองขึ้นไปยังห้องแฟนสาวของเขาเมื่อคืนนี้จะยังคงติดตาและคอยวนเวียนเข้ามารบกวนจิตใจอยู่เป็นระยะ แต่ชายหนุ่มก็พยายามที่จะสลัดมันทิ้งไปไม่อยากที่จะนึกถึงให้มากนัก บางทีเขาอาจจะคิดมากเกินไปก็ได้ ตึกนี้ใช่ว่าจะมีแต่เพียงคนรักของเขาพักอยู่เสียเมื่อไร บางทีผู้ชายคนนั้นอาจจะกำลังยืนรอง้องอนผู้หญิงคนอื่นอยู่ก็เป็นได้ คิดแล้วภวัฐก็ได้แต่สะบัดหน้าไปมาเพื่อขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตนออกไป โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นเป็นเรื่องจริงที่กำลังจะถูกเปิดเผยขึ้นมาในเร็ววันนี้แล้ว
ในขณะที่รถเต่าสีเขียวแล่นผ่านหน้าทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิไป รถตู้คันใหญ่สีดำสนิทก็แล่นมาจอดตรงหน้าอาคารผู้โดยสารขาออกต่างประเทศพอดี ธามก้าวลงมาจากรถในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทคลุมทับไว้ด้วยเสื้อสูทเข้ารูปสีเทาอ่อนกับกางเกงแสล็คสีเดียวกัน บนใบหน้าขาวใสนั้นมีแว่นกันแดดสีชาอันใหญ่รูปทรงทันสมัยสวมเอาไว้เพื่ออำพรางดวงตาแดงก่ำและบวมช้ำจากการร้องไห้อย่างหนักมาตลอดคืน ชายหนุ่มหันไปกล่าวกับเลขานุการสาวที่ล่วงหน้ามาจัดการเรื่องเอกสารการเดินทางและสัมภาระต่างๆ ของเขาตั้งแต่เช้าตรู่และยืนรอท่าอยู่ก่อนแล้ว
ขอบใจมากนะเจี๊ยบที่ช่วยหาตั๋วเครื่องบินเที่ยวด่วนที่สุดของวันนี้มาให้ผมได้ ช่วยจัดการยกเลิกนัดทุกอย่างของสัปดาห์นี้แล้วเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดด้วยนะ อย่าให้ใครรู้เด็ดขาดว่าผมไปไหน ถ้าใครถามก็แค่บอกว่าผมบินไปดูงานที่ต่างประเทศก็พอ เข้าใจไหม
เลขานุการสาวรีบพยักหน้าหงึกหงักรับคำสั่งผู้เป็นเจ้านายโดยไม่กล้าปริปากถามอะไร ทั้งที่รู้สึกคันปากยุบยิบอยากรู้เสียให้ได้ว่าเหตุใดประธานหนุ่มต้องรีบบินด่วนไปที่ต่างประเทศเช่นนี้แถมยังกำชับไม่ให้แพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครรู้เสียอีก เธอจึงทำได้เพียงแค่ส่งยิ้มน้อยๆ พร้อมกล่าวคำอวยพรแก่ผู้เป็นเจ้านายขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ แล้วจึงกลับขึ้นรถไป ทิ้งให้ชายหนุ่มในชุดสูทถือพาสปอร์ตพร้อมแนบเอาไว้ด้วยตั๋วเครื่องบินเดินหายเข้าไปในอาคารท่ามกลางฝูงชนมากมายที่มาใช้บริการภายในสนามบินแห่งนั้น
ต่อ
ระหว่างรอเวลาขึ้นเครื่องตามเวลาที่ระบุเอาไว้บนตั๋วเครื่องบินซึ่งเลขานุการสาวได้จัดหามาให้ตามคำสั่งของเขา ธามได้แต่นั่งเหม่อมองไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมายพลางนึกทบทวนเรื่องราวต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับสไตลิสต์สาว ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบหน้าจวบจนกระทั่งเมื่อคืนนี้ที่เธอตัดขาดความสัมพันธ์กับเขาอย่างเด็ดขาดและยังผลักไสไล่ส่งเขาไปให้พ้น ราวกับว่าเขาเป็นคนน่ารังเกียจสำหรับเธออย่างไรอย่างนั้น
ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า พยายามปลอบใจตัวเองว่าเส้นทางของเธอและเขาคงไม่มีวันมาบรรจบกันได้ และเขาเองก็ควรที่จะตัดใจเสียที เพราะรู้ดีว่าถึงดื้อแพ่งต่อไปอย่างไรก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจหญิงสาวได้อย่างแน่นอน พลางก้มลงมองนาฬิกาเรือนหรูราคาแพงบนข้อมือ เมื่อเห็นว่าใกล้จะได้เวลาที่เครื่องออกแล้วจึงลุกขึ้นเตรียมพร้อม พลันเสียงเรียกชื่อของเขาที่ดังแว่วมาจากทางด้านหลัง ก็ทำให้ธามถึงกับหันขวับไปมองเพราะคิดว่าอาจจะเป็นใครบางคนที่เขารอคอยอยู่ แต่เมื่อไม่พบใครจึงได้รู้ว่าเขาเพียงแค่หูฝาดไปเท่านั้น ประธานหนุ่มนึกสมเพชตัวเองยิ่งนักที่คิดถึงสไตลิสต์สาวมากเกินไปจนถึงกับหูแว่วได้ยินเสียงเรียกของเธอในจินตนาการ เขาสบถออกมาเล็กน้อยก่อนจะมุ่งหน้าเดินเข้าเกตเวย์ไปด้วยจิตใจที่หดหู่ยิ่งนัก
ทางด้านของรวินันท์ เมื่อเธอและแฟนหนุ่มมาถึงบ้านหลังย่อมไม่ใกล้ไม่ไกลจากสนามบินสุวรรณภูมิมากนัก สมาชิกทั้งสองของบ้านก็รีบพากันออกมาต้อนรับว่าที่ลูกเขย-หลานเขย ด้วยความร่าเริงแจ่มใส จนหญิงสาวอดรู้สึกสำนึกผิดขึ้นมาไม่ได้ ที่เธอเผลอแอบปันใจไปให้กับใครอีกคน ทั้งที่ชายหนุ่มคนรักดูจะสนิทสนมและเข้าขากันได้เป็นอย่างดีกับบุพการีของเธอขนาดนี้ แม้ว่าภาพที่อยู่ตรงหน้านั้นอาจทำให้ผู้ที่พบเห็นอดชื่นชมไม่ได้ เมื่อว่าที่แม่ยายชวนว่าที่ลูกเขยมาช่วยกันลงมือทำอาหารมื้อเที่ยงอยู่ในครัวโดยมีหญิงชราอีกคนคอยยืนส่งเสียงเชียร์อยู่ใกล้ๆ
แต่สำหรับรวินันท์แล้ว ภาพแห่งความสุขเหล่านั้นกลับตอกย้ำความรู้สึกที่เธอมีต่อชายหนุ่มอีกคนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก วูบหนึ่งที่เธอเผลอมองเห็นภวัฐซึ่งกำลังยิ้มหัวเราะอยู่กับมารดาและผู้เป็นยายของเธอเป็นภาพของนักธุรกิจหนุ่มจอมเอาแต่ใจคนนั้น คนที่เธอไม่เคยนึกฝันว่าเขาจะค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาในหัวใจของเธอทีละน้อยได้ กระทั่งบัดนี้ไม่มีพื้นที่เหลือเว้นว่างไว้ให้กับใครอีกแล้ว แม้จะรู้ตัวว่ากำลังทำผิดต่อชายหนุ่มผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นคนรัก แต่หัวใจกลับยิ่งคิดถวิลหาแต่เขาผู้นั้นอย่างห้ามไม่ได้
หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า นี่เธอคงเผลอรักธามเข้าให้แล้ว แต่จะให้ทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอเองก็มีคนที่แสนดีอย่างภวัฐคอยอยู่ดูแลเคียงข้างไม่ห่างกายเช่นนี้อยู่แล้วทั้งคน อีกทั้งฝ่ายนั้นก็มีเพื่อนสาวคนสนิทที่พร้อมจะตีตราจองเป็นเจ้าของหัวใจเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เห็นได้ชัดว่าถึงอย่างไรเธอและเขาก็คงไม่มีวันลงเอยกันได้ แต่ทำไมหนอหัวใจกลับยิ่งเจ็บลึกเหมือนถูกบีบแรงๆ จนบางครั้งก็แทบหายใจหายคอไม่ได้อย่างไรอย่างนั้น
ท่าทางซึมเซาและหมองหม่นของสไตลิสต์สาวตกอยู่ในสายตาของภวัฐมาโดยตลอด ทั้งที่ในใจนั้นเริ่มวิตกกังวลระคนกระวนกระวายใจจนแทบเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อรับรู้ได้ว่ามีความไม่ชอบมาพากลบางอย่างที่กำลังคืบคลานเข้ามาแทรกกลางอยู่ในชีวิตรักระหว่างเธอและเขา แต่เพราะไม่อยากทำให้มารดาและยายผู้บังเกิดเกล้าของหญิงสาวต้องระแคะระคายถึงความสัมพันธ์ที่เริ่มสั่นคลอนของทั้งคู่ ชายหนุ่มจึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นอาการผิดปกตินั้นและแสดงบทบาทของตนต่อไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังกลับจากการไปเยี่ยมเยียนบุพการีของรวินันท์แล้ว บรรยากาศภายในรถเต่าสีเขียวสะท้อนแสงจึงคืนกลับมาสู่ความเงียบงันอีกครั้ง ภวัฐได้แต่ลอบมองใบหน้าด้านข้างของแฟนสาวที่เอาแต่นั่งเหม่อใจลอยมองออกไปนอกหน้าต่างเกือบตลอดเส้นทาง เสียงถอนหายใจยาวหลายต่อหลายครั้งที่ดังมาจากปลายจมูกรั้นของคนข้างกาย ทำให้ชายหนุ่มทนเก็บงำความสงสัยเอาไว้ไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากถามหญิงสาวคนรักถึงสิ่งที่ยังค้างคาใจเขาอยู่ตลอดเวลาสองวันที่ผ่านมา ทันทีที่รถแล่นมาจอดยังลานจอดรถใต้อาคารที่พักอาศัยของทั้งคู่แล้ว
วิชอบคุณธามหรือครับ
น้ำเสียงราบเรียบที่ไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ของคนพูด เปิดประเด็นด้วยประโยคสั้นๆ ทำเอาคนมีชนักปักหลังถึงกับออกอาการร้อนตัวขึ้นมาทันที
หืม? หมายความว่าไงคะวัฐ วิไม่เข้าใจ
รวินันท์หันขวับมายังแฟนหนุ่ม เธอแกล้งตีหน้าซื่อพลางย้อนถามกลับไป ทั้งที่ในใจเริ่มเต้นระส่ำด้วยความสับสนระคนตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าเขาจับอาการพิรุธของเธอได้ หรือเพียงแค่แกล้งเอ่ยถามลองใจเท่านั้น
ผมดูออกนะครับว่าคุณเปลี่ยนไป และคุณก็ดูจะสนใจนายธามอะไรนั่นเป็นพิเศษด้วย อืม ถ้าคุณมีเรื่องอะไรอยู่ในใจก็พูดกับผมมาตรงๆ เถอะครับวิ ผมรอที่จะฟังจากปากของคุณเอยู่นะ
ชายหนุ่มผมยาวหันมามองหน้าหญิงสาวที่เขารัก ดวงตากลมโตมองจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่งามคล้ายกับว่าเขากำลังมองทะลุเข้าไปถึงในหัวใจของเธอเพื่อค้นหาความจริงบางอย่างที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ ภาพเหตุการณ์เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ไหลย้อนกลับเข้ามาในห้วงความทรงจำของภวัฐอีกครั้ง
ต่อ
ในวันที่มีการถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ภาพที่รวินันท์กับธามต่างฝ่ายต่างแอบมองกันและกันยังคงติดตาและตรึงอยู่ในใจของชายหนุ่มไม่คลาย ทั้งที่วันนั้นเขาตั้งใจจะแอบไปเซอร์ไพรซ์แฟนสาวเนื่องจากงานของเขาเสร็จเร็วกว่าที่คาดเอาไว้ แต่สุดท้ายคนที่ต้องเซอร์ไพรซ์กลับเป็นเขาเสียเองเมื่ออารมณ์อยากแกล้งให้หญิงสาวตกใจเล่นจึงยืนแอบหลบอยู่ในมุมหนึ่งของสตูดิโอกว้างขวางนั้นเพื่อรอจังหวะที่จะโผล่หน้าออกไปทักทาย แต่อารมณ์สนุกนั้นก็มีอันต้องสลายหายไปเมื่อเขาได้มาเห็นท่าทีแง่งอนราวกับตั้งท่าจะประชดประชันใส่กันของคนทั้งสองที่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ดูเหมือนเป็นคู่รักที่กำลังผิดใจกันและดึงเอาคนอื่นเข้ามาร่วมเป็นตัวประกอบฉากมากกว่าจะมองเห็นเป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมงานธรรมดาเหมือนอย่างที่นักธุรกิจหนุ่มได้บอกกับเขาเอาไว้ก่อนหน้านี้เลยสักนิด
ไม่มีเสียงใดตอบกลับมาจากหญิงสาวคนรัก ใบหน้างามเบือนหน้าไปอีกทางอย่างไม่กล้าสบตาและตั้งท่าว่าจะเปิดประตูเดินลงจากรถไป แต่ภวัฐก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้เสียก่อน พลางเอ่ยถามย้ำซ้ำอีกครั้งทั้งที่รู้ดีว่าการเงียบไม่ปฏิเสธนั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากการยอมรับกลายๆ ว่าสิ่งที่เขาพูดตรงกับใจของเธอทุกอย่าง แต่ยังหวังว่าบางทีอาจเป็นแค่การระแวงสงสัยของเขาจนเก็บเอาไปคิดเพ้อฝันจินตนาการไปเองก็เป็นได้
คุณชอบผู้ชายคนนั้นจริงๆ หรือผมแค่คิดมากเกินไปกันแน่ บอกผมหน่อยได้ไหมครับวิ อย่าเงียบอยู่อย่างนี้สิ
คนที่ถูกเค้นเอาความจริงถึงกับน้ำตาร่วง พลางพยักหน้าน้อยๆ แทนคำตอบ เมื่อไม่สามารถหลอกหัวใจตัวเองได้อีกต่อไป และเธอเองก็ไม่อยากปิดบังความจริงกับชายหนุ่มตรงหน้ามากไปกว่านี้อีกแล้ว จึงจำใจยอมรับแต่โดยดี
คำตอบของหญิงสาวคนรัก ทำเอาภวัฐแทบหมดเรี่ยวแรงในทันที ชายหนุ่มไม่อยากจะเชื่อว่าเวลาเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมาจะทำให้หัวใจของแฟนสาวเปลี่ยนไปราวพลิกฝ่ามือได้ง่ายๆ เช่นนี้ ทั้งที่เขาสู้อุตส่าห์แอบรักเธออยู่ข้างเดียวมานานกว่าสองปีกว่าจะกล้าเอ่ยปากขอเธอมาเป็นแฟน แต่ผู้ชายคนนั้นกลับใช้เวลาเพียงไม่กี่วันแทรกซึมเข้ามาในใจคนรักของเขาและตัดหน้าคว้าเอาหัวใจของเธอไปครอบครองแต่เพียงผู้เดียวได้อย่างนี้
วัฐคะ วิขอโทษ วิไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันกลายมาเป็นแบบนี้ วิรู้ว่าวัฐรักวิมากแค่ไหน แต่ว่า...ตอนนี้วิ...วิรักเขา...
น้ำเสียงสั่นเครือของหญิงสาวที่พร่ำขอโทษขอโพยต่อเขา ทั้งคำที่เธอพูดบอกว่ารักผู้ชายอีกคนนั้นคล้ายดั่งน้ำกรดราดรดลงมาบนหัวใจที่ถูกทุบจนแหลกละเอียดแทบไม่เหลือชิ้นดีของภวัฐ มันเจ็บปวดรวดร้าวเสียจนเขาแทบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้ ทั้งที่ทำใจไว้แล้วว่าสักวันเรื่องแบบนี้ก็ต้องเกิดขึ้น แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันกลับยากเย็นเหลือเกินที่จะยอมปล่อยมือเธอให้เดินจากไปอย่างที่คิดได้
ขอบคุณนะครับที่บอกผมมาตรงๆ ผมไม่โกรธวิหรอกนะเพราะผมเข้าใจดีว่า ความรักมันเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้ ผมยินดีที่จะเป็นฝ่ายถอยให้ถ้าคุณรักคนอื่นหรือว่าอยู่กับเขาแล้วมีความสุขมากกว่าอยู่กับผม
นานทีเดียวกว่าที่ชายหนุ่มจะหาเสียงของตัวเองเจอ เขากลั้นใจบอกกับหญิงสาวพลางฝืนยิ้มส่งให้ เป็นรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความเศร้าเสียใจอย่างที่สุดเมื่อความรักหวานชื่นที่เคยวาดฝันเอาไว้ต้องกลายมาเป็นความรักที่ไม่สมหวัง
วิเสียใจที่ต้องทำร้ายความรู้สึกของวัฐแบบนี้ วินี่มันแย่จริงๆ เลยนะคะ
รวินันท์พูดได้เพียงแค่นั้นก็ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาได้อีก น้ำตาแห่งความเสียใจเอ่อขึ้นมาท่วมท้นขอบตารินไหลลงมาเป็นสายอย่างไม่อาจห้ามได้ เธอรู้สึกตื้นตันกับคำพูดของเขามากเหลือเกิน สำหรับคนอื่นๆ แล้วอาจจะคิดว่ามันเป็นเพียงคำพูดสร้างภาพที่ทำไม่ได้จริงอย่างที่บอกเอาไว้ แต่เธอรู้ดีว่าภวัฐแตกต่างจากคนเหล่านั้นอย่างสิ้นเชิง เขาเป็นคนที่สามารถเข้าใจและยอมรับอะไรได้ง่ายๆ ในเมื่อเขาพูดอย่างนั้นก็แปลว่าเขาหมายความตามนั้นจริงๆ ยิ่งทำให้หญิงสาวนึกละอายแก่ใจนัก ที่เผลอปันใจไปรักคนอื่นแทนที่จะเป็นเขาเสียได้
อย่าคิดมากอีกเลยครับวิ ขอแค่คุณความสุขเท่านี้ผมก็มีความสุขมากแล้วล่ะครับ ขอบคุณนะที่ครั้งหนึ่งเคยให้โอกาสผมได้รักคุณ
มือใหญ่เอื้อมไปเช็ดน้ำตาบนแก้มนวลอย่างแผ่วเบา เขาโน้มหน้าลงไปจุมพิตบนหน้าผากของหญิงสาวที่กำลังจะกลายเป็นอดีตคนรักในไม่ช้านี้ พลางสวมกอดเอาไว้แน่นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะไม่มีโอกาสได้ทำแบบนี้กับเธอในฐานะคนรักอีกแล้ว อ้อมกอดของชายหนุ่มที่รักเธอสุดหัวใจนั้นบอกอะไรได้มากมายกว่าคำพูดนับร้อยนับพันคำ รวินันท์รับรู้และเข้าใจมันได้เป็นอย่างดี เธอนึกตำหนิตัวเองซ้ำๆ ที่ทำให้เขาต้องเจ็บช้ำและเสียใจเช่นนี้ แต่ก็รู้ดีว่าไม่อาจฝืนความรู้สึกหัวใจของตัวเองให้กลับมารักเขาได้เหมือนอย่างที่เธอครั้งหนึ่งเธอเคยเชื่อว่าเธอเองก็รักเขาไม่ต่างกัน จนกระทั่งวันนี้ได้เข้าใจแล้วว่าที่ผ่านมาความรู้สึกที่เธอมีต่อเขามันเป็นเพียงแค่ความผูกพันเท่านั้น
ต่อ
เมื่อชายหนุ่มคลายอ้อมแขนและผละออกห่าง รวินันท์จึงล้วงลงไปในกระเป๋าสะพายของตนและหยิบเอากล่องกำมะหยี่สีชมพูซึ่งภายในบรรจุแหวนเพชรเม็ดงามที่เขาเคยให้กับเธอเอาไว้พร้อมด้วยคำขอแต่งงานในคราวก่อนนั้นขึ้นมายื่นส่งคืนให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ พร้อมคำพูดขอบคุณอย่างจริงใจ
ขอบคุณมากค่ะวัฐ ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กับวิเสมอมา ส่วนแหวนวงนี้วิคงรับมันเอาไว้ไม่ได้แล้ว วิขอคืนให้วัฐแล้วกัน ขอโทษจริงๆ นะคะ
ภวัฐมองกล่องสีชมพูใบน้อยที่ถูกวางลงมาบนมือของเขาแล้วก็รู้สึกใจหาย เมื่อคิดว่าถึงเวลาที่ต้องยอมปล่อยหญิงสาวตรงหน้าไปแล้วจริงๆ เขากำมันเอาไว้แน่นด้วยมือที่สั่นระริก พลางเอ่ยคำลาในฐานะคนรักเป็นครั้งสุดท้ายเพราะรู้ดีว่าถึงอย่างไรก็คงไม่มีทางรั้งเธอเอาไว้ให้เป็นของเขาตลอดไปได้อีกแล้ว
ถ้าผู้ชายคนนั้นเขาทำให้คุณเสียใจ ก็ไม่ต้องลังเลที่จะกลับมานะครับวิ ความรักและความหวังดีที่ผมมีให้กับคุณมันจะยังคงอยู่ในใจดวงนี้ตลอดไป ถ้าเมื่อไรก็ตามที่คุณคิดอยากจะกลับมา ผมก็พร้อมจะยืนรอรับคุณเข้ามาในอ้อมแขนอยู่ตรงนี้เสมอนะครับ
รวินันท์อดซาบซึ้งและตื้นตันกับคำพูดของอีกฝ่ายไม่ได้ พลางกล่าวกับชายหนุ่มที่เคยเป็นคนรักของเธอมาตลอดจวบจนกระทั่งถึงวินาทีนี้ด้วยความรู้สึกที่แท้จริงจากข้างในใจ
ถึงวันนี้เราจะต้องเลิกกัน แต่วิอยากให้วัฐรู้ว่าวิเองก็รักวัฐในฐานะเพื่อนคนหนึ่งเหมือนกันนะคะ วัฐเป็นคนดีมากคนหนึ่ง วิเชื่อว่าสักวันต้องมีคนที่เขารักวัฐจริงๆ และพร้อมที่จะเดินเคียงคู่ไปด้วยกันตลอดชีวิตได้อย่างแน่นอนค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาอีกครั้งนะคะ
พูดจบหญิงสาวก็เป็นฝ่ายยื่นมือออกไปคว้าคนตรงหน้าเข้ามาสวมกอดเอาไว้แน่นแทนคำขอบคุณที่มากมายจนแทบไม่สามารถบรรยายออกมาได้ ก่อนจะผละออกห่างและเงยหน้าขึ้นประทับจุมพิตแผ่วเบาบนริมฝีปากของเขาโดยไม่ให้ชายหนุ่มได้ทันตั้งตัว ก่อนจะถอนริมฝีปากออกแล้วกล่าวคำลาสั้นๆ แล้วจึงเปิดประตูรถเดินกลับขึ้นห้องของตัวเองไปเพียงลำพัง ทิ้งให้คนที่ถูกจูบลาแทนคำว่าเสียใจนั้นได้แต่นั่งนิ่งงันกับเรื่องราวไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที
ชายหนุ่มผมยาวทิ้งตัวลงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้คนขับอย่างคนหมดแรง คำพูดของหญิงสาวคนรักที่บัดนี้กลายเป็นเพียงอดีตคนรักของเขาไปแล้วนั้น กระทบใจของเขาเข้าอย่างจัง
เป็นคนดี แต่ไม่ใช่คนที่รัก
ประโยคที่ทำให้ภวัฐฟังแล้วรู้สึกเหมือนถูกตบหลังแล้วลูบหัวราวสุนัขรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ที่ต้องเชื่อฟังและทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายโดยมิสามารถคัดค้านใดๆ ได้ ไม่ใช่ถูกตบหัวแล้วลูบหลังเหมือนอย่างในสำนวนสุภาษิตที่มีมาแต่โบราณนั้นเลย นี่หรือคือรางวัลของคนที่ทำดีเพื่อหญิงสาวคนที่รักมาตลอด บทสรุปอันแสนเศร้าทำให้หนุ่มผมยาวถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาอย่างนึกเจ็บใจกับความอ่อนแอของตัวเองที่ยอมปล่อยให้เธอจากไปอย่างง่ายดายเช่นนี้
หลังจากยอมเปิดปากสารภาพความจริงกับชายหนุ่มผู้กลายเป็นอดีตคนรักไปแล้ว รวินันท์ก็รู้สึกโล่งใจราวกับยกภูเขาลูกใหญ่ออกจากอก แม้จะยังรู้สึกผิดและละอายใจต่อภวัฐอยู่บ้างแต่ก็คิดว่าดีแล้วที่เธอตัดสินใจบอกความจริงออกไปเสียจะได้ไม่ต้องมานั่งอึดอัดใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย
เมื่ออาการปวดใจเพราะต้องทนเก็บงำเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างตัวเธอกับชายหนุ่มเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่เอาไว้เพียงลำพังนั้นคลายลงไปได้ ความรู้สึกคนึงหาใครบางคนก็แทรกเข้ามาแทนที่ราวกับรอจังหวะอยู่นานแล้ว ดวงตาคมมองไปยังนาฬิกาแขวนบนผนังฝั่งตรงข้ามเตียงนอนบอกเวลาราวสองทุ่มเศษ พลางนึกไปถึงคนที่เคยมายืนตากฝนรอเธออยู่เกือบครึ่งค่อนคืนเมื่อสองวันก่อน
ไม่รู้ว่าป่านนี้ธามจะเป็นอย่างไรบ้าง จะเกิดเจ็บป่วยไม่สบายตรงไหนขึ้นมาอีกหรือเปล่า และหากเขาได้รู้ว่าตอนนี้เธอเป็นอิสระจากแฟนหนุ่มแล้วเขาจะมีท่าทีอย่างไรบ้าง จะดีใจจนแทบกระโดดโลดเต้นหรือจะแกล้งทำเป็นวางมาดนิ่งเพียงแค่ยิ้มกริ่มด้วยนัยน์ตาเป็นประกายเท่านั้น หญิงสาวอดเป็นห่วงไม่ได้พลางนึกจินตนาการไปต่างๆ นานา ก่อนจะคว้าโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างกายขึ้นมากดต่อสายไปยังคนที่กำลังคิดถึงอยู่ทันที เสียงสัญญาณสายว่างดังอยู่นานก่อนจะตัดกลับเข้าระบบตอบรับอัตโนมัติที่บอกว่าเลขหมายปลายทางนั้นไม่สามารถติดต่อได้ ทำให้หัวใจที่กำลังพองโตด้วยความตื่นเต้นของรวินันท์มีอันต้องห่อเหี่ยวลงไปทันตา
โธ่เอ๊ย หมดกัน ทำไมต้องมาปิดเครื่องเอาตอนนี้ด้วยนะ หรือว่าเขาจะโกรธเราแล้วที่พูดแรงๆ ไปแบบนั้น ไม่หรอกน่าคนที่ชอบเอาชนะอย่างนายนั่นไม่มีทางยอมแพ้กับเรื่องนี้ง่ายๆ แน่ บางทีเขาอาจจะไม่สบายมากเหมือนคราวที่แล้วก็ได้นะ จริงสิ สงสัยต้องรีบไปดูที่บ้านแล้วล่ะ
สไตลิสต์สาวพึมพำกับตัวเองด้วยความสับสนระคนไหวหวั่น ก่อนจะตัดสินใจว่าเป็นอย่างไรเป็นกัน เธอต้องไปดูให้เห็นกับตาและบอกให้เขาได้ฟังจากปากของเธอเอง ต่อให้เขาเกลียดเธอแล้วก็ตาม เธอก็ยังคงยืนยันที่จะสารภาพความจริงในใจออกมา ความจริงที่ว่าเธอตกหลุมพรางที่เขาวางกับดักรักเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทันได้รู้ตัว
ติดตามตอนต่อไปได้เร็วๆ นี้ค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

มารู้ตัวเอาเมื่อสาย
เหอ ๆ
จะตามทันไหมนะ
สงสารธาม ฮือ ๆ จะไปต่างประเทศแล้ว แล้วจะรู้เรื่องกันไหมเนี่ยะ วิทำเวลาหน่อยเร็ว !!!
พึ่งมีโอกาสมาอ่านค่ะ สนุกมากเลย ^^
รออ่านตอนต่อไปนะคะ
ลุ้ยเลยค่ะวิ
หนูวง้อนายธามให้ได้นะ....
เสียใจกับนายวัฐ เขาเป็นสุภาพบุรุษจริง ๆๆ ถึงตอนนี้ คงเป็นได้แค่ คนที่ดี แต่ไม่ใช้คนที่รัก... ของสาววิ จริงๆๆๆ
ทาถึงคราวน้องวิ บ้างแล้ว คงต้องยืนตากฝน ง้อนายธามบ้างแล้ว .......แอบลุ้นนายธาม และวิ จะเจอกันได้อย่างไร
รอไรเตอร์มา up ต่อ
แต่ตอนนี้มาลุ้นว่าสาววิจะตามหาธามเจอรึเปล้า
หมดปัญหาไปหนึ่ง
รอไรเตอร์มา up ต่อ
555+ ....เอาแล้วงัยหนูวิ
วิไม่ลองเล่าให้วัฐฟังล๊
สงสารทั้ง ธาม และ ภวัฐ
คุณวิ ....เปิดเผยความในใจเถอะ จะทนเก็บไว้แล้วทำให้ตนเอง และคนอื่นที่เกี่ยวข้องเจ็บไปด้วยทำไม นายวัฐน่าจะเป็นคนที่ยอมรับความจริงได้ จึงกล้าถามแบบตรงๆ ๆ ออกมาแบบนี้
รอไรเตอร์มา up ต่อ