ตอนที่ 46 : บทที่ 46 หน้าที่ของคนรอ (100%)
บทที่ 46 หน้าที่ของคนรอ
ไม่กี่นาทีต่อมา รวินันท์ก็มาถึงหน้าบ้านหลังน้อยของนักธุรกิจหนุ่มด้วยความร้อนรนกระวนกระวายใจ เมื่อพยายามกดต่อสายไปหาชายหนุ่มกี่ครั้ง ก็ยังคงเป็นเสียงจากระบบตอบรับอัตโนมัติเช่นเดิม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเจ้าของหมายเลขนั้นกดปิดเครื่องไปแล้วหรือเพราะแบตเตอรี่หมดกันแน่
นอกเหนือจากดวงไฟกลมตรงหัวเสาริมประตูรั้วแล้ว โคมไฟแทบทุกดวงในบ้านถูกปิดเอาไว้ทำให้บ้านน้อยหลังนั้นมืดสนิทและมองไม่เห็นแม้แต่เงาของคนหรือสิ่งมีชีวิตใดๆ ภายในนั้นเลยแม้แต่น้อย ทีแรกเธอคิดว่าชายหนุ่มเจ้าของบ้านอาจจะออกไปข้างนอกและยังไม่ได้กลับเข้ามา แต่เมื่อมองผ่านประตูรั้วสีขาวเข้าไปก็ได้เห็นว่ารถสปอร์ตสีแดงเพลิงคู่ใจของเขายังคงจอดนิ่งอยู่ในโรงรถไม่ได้หายไปไหน สไตลิสต์สาวอดเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้ บางทีเขาอาจกำลังนอนซมอยู่บนเตียงเพราะพิษไข้อยู่ในห้องนอนเพียงลำพังเหมือนอย่างเมื่อคราวก่อนก็เป็นได้
เมื่อเธอเอื้อมมือไปเปิดประตูแต่ก็พบว่ามันถูกล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนา จึงยื่นมือไปกดกริ่งพลางเกาะประตูรั้วชะเง้อคอมองฝ่าความมืดเข้าไปภายในบ้านด้วยความร้อนใจและอดเป็นห่วงสวัสดิภาพของคนที่อยู่ข้างในไม่ได้
พลันแสงไฟจ้าจากโคมไฟหน้ารถคันหนึ่งก็สาดส่องมาที่ร่างของหญิงสาว เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มเคลื่อนเข้ามาใกล้ก่อนจะเงียบเสียงลงไปเมื่อเจ้าของรถดับเครื่องแต่ยังคงเปิดไฟส่องสว่างเอาไว้จนคนที่ยืนชะเง้อคอยืดคอยาวอยู่หน้าประตูต้องหันมาเอามือป้องใบหน้าพลางหยีตามองดูว่าผู้มาใหม่นั้นเป็นใคร และเหตุใดจึงได้มาเปิดไฟสว่างจ้าแยงเข้าตาคนอื่นโดยไม่มีมารยาทแบบนี้
เงาร่างของคนสองคนก้าวลงมาจากรถพร้อมกับเดินตรงรี่มาที่หน้าประตูบ้านของธาม จนกระทั่งพอมองเห็นได้รางๆ ว่าคนหนึ่งที่ลงมาจากฝั่งคนขับนั้นเป็นชายรูปร่างอวบอ้วนผมสั้นเกรียนแทบติดหนังศีรษะ ส่วนอีกคนเป็นชายร่างผอมสูงโย่งราวเสาไฟฟ้าเดินได้ ทั้งคู่เดินดุ่มๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนมาหยุดยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าของรวินันท์พอดี หญิงสาวรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนกับว่าเคยเห็นคนทั้งสองที่ไหนมาก่อนแต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก
กระทั่งเสียงของหนุ่มร่างอ้วนเอ่ยขึ้นมาก่อน เธอจึงจำได้ว่าผู้ชายสองคนที่เพิ่งมาใหม่นั้นเป็นใคร พร้อมกับรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ถูกยัดเยียดมาให้ทันที
นี่เธอมาด้อมๆ มองๆ อะไรอยู่หน้าบ้านเจ้านายของพวกเราเนี่ย หน็อยแน่ะ คิดจะปีนเข้าไปขโมยของใช่ไหมล่ะ
เปล่านะ ฉันไม่ใช่ขโมยสักหน่อย ฉันแค่จะมาหาเจ้าของบ้านนี้ต่างหากล่ะ อ้อ จำได้แล้วที่แท้พวกคุณสองคนก็คือลูกน้องของเขานี่เอง มาพอดีเลย ช่วยอะไรหน่อยสิ ฉันโทร.หาธามตั้งหลายรอบแล้ว แต่เขาปิดเครื่องตลอดเลย พอฉันมาถึงนี่ก็เห็นว่ารถจอดอยู่แต่ในบ้านมืดตึ้ดตื๋อเหมือนกับไม่มีใครอยู่เลย ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า พวกคุณมีกุญแจบ้านของเขาไหมคะ ฉันอยากเข้าไปดูเขาหน่อย บางทีเขาอาจจะกำลังป่วยหนักมากก็ได้
สิ้นเสียงของรวินันท์ ลูกน้องหนุ่มร่างอ้วนก็ไล่สายตามองคนที่บอกว่ามาหาเจ้านายของตนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างพินิจพิจารณา วายุเองก็นึกทบทวนว่าเคยเจอกับผู้หญิงคนนี้ที่ไหน ก่อนที่ทั้งคู่จะโพล่งออกมาเกือบพร้อมกัน
อ๋อ แฟนของเจ้าหนุ่มรถเต่านั่นเอง ว่าแต่เธอมีธุระอะไรกับเจ้านายเหรอ
ลูกน้องหนุ่มร่างสูงสวมแว่นตากรอบสีดำหนาเตอะเอ่ยถามด้วยสีหน้าแปลกใจ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่เคยทำท่ารังเกียจรังงอนเจ้านายของเขาอย่างกับอะไรดี มาตอนนี้กลับมีสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยในตัวเจ้านายหนุ่มรูปหล่อของเขาดูแตกต่างราวกับเป็นคนละคนกับคราวก่อนอย่างสิ้นเชิง
เรื่องนั้น ช่างมันก่อนเถอะ พวกคุณเป็นลูกน้องเขาก็น่าจะมีกุญแจสำรองอยู่บ้างใช่ไหมล่ะ ถ้าไงช่วยเปิดประตูให้หน่อยได้ไหมคะ ฉันกลัวว่าธามเขาจะไม่สบายมาก กดกริ่งเรียกตั้งนานแล้วไม่เห็นมีเสียงตอบกลับมาเสียที ฉันต้องรีบขึ้นไปดูหน่อยแล้วล่ะ เผื่อว่าเป็นอะไรจะได้พาไปส่งโรงพยาบาลได้ทัน
รวินันท์รีบชี้แจงทันที พลางส่งสายตาอ้อนวอนคนทั้งสองตรงหน้า คณิณอ้าปากจะบอกว่าธามนั้นไม่อยู่บ้านแต่ก็ถูกวายุขัดขึ้นมาก่อนพร้อมกับเอ่ยด้วยรอยยิ้มยียวนกวนประสาทอย่างที่เจ้านายของพวกเขาชอบทำอยู่บ่อยครั้ง
แล้วคุณคนสวยเป็นอะไรกับเจ้านายของพวกเราล่ะครับ ถึงได้อยากจะเข้าไปในบ้านเขานักน่ะ นั่นแน่ แอบติดใจเจ้านายเข้าแล้วล่ะสิ
สไตลิสต์สาวอ้าปากจะตอบออกไป แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้แม้แต่ตัวของเธอเองยังไม่รู้เลยว่าความสัมพันธ์ที่มีต่อชายหนุ่มเจ้าของบ้านนั้นอยู่ในระดับไหนกันแน่ เธอจึงได้แต่ละคำตอบนั้นเอาไว้พลางหาทางเลี่ยงไปด้วยการเร่งให้สองลูกน้องหนุ่มของธามเปิดประตูบ้านให้ เพราะตอนนี้ใจของเธอเป็นห่วงคนที่อยู่ข้างในมากกว่า
ฉันเป็น...เอ่อ ฉันเป็นอะไรกับเขาก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับคุณสองคนสักหน่อย นี่อย่ามามัวเสียเวลาอยู่เลย พวกคุณไม่ห่วงเจ้านายของคุณบ้างเหรอ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง รีบเปิดประตูให้ฉันเข้าไปเถอะน่า
ต่อ
จะห่วงทำไมเจ้านายไม่ได้อยู่บ้านเสียหน่อย เขาไปต่างประเทศตั้งแต่วันก่อนนู้นแล้ว ที่พวกเราสองคนมาที่นี่ก็เพราะว่าเจ้านายบอกให้มาทำความสะอาดบ้านให้ต่างหากล่ะ
ลูกน้องหนุ่มร่างอ้วนทำหน้างุนงงกับคำพูดของหญิงสาวพร้อมกับบอกจุดประสงค์การมาของพวกเขา โดยมีเพื่อนซี้ร่างสูงโปร่งพยักหน้าหงึกหงักช่วยยืนยันอีกแรง ส่งผลให้คนที่อุตส่าห์รีบตะลีตะลานมาเพราะความเป็นห่วงเจ้าของบ้านถึงกับหน้าเหวอไปเมื่อได้รับข้อมูลจากสองลูกน้องคนสนิทของเขา
ว่าไงนะ ไม่อยู่บ้านเหรอ โธ่เอ๊ย ปล่อยให้เราเป็นห่วงแทบแย่แน่ะ จริงสิแล้วพวกคุณรู้รึเปล่าคะว่าเขาจะกลับมาเมื่อไหร่
วายุกับคณิณหันมามองหน้ากัน ก่อนที่ทั้งคู่จะส่ายหน้าแทนคำตอบ รวินันท์มีสีหน้าหงอลงไปถนัดตาด้วยความผิดหวังที่อุตส่าห์มาถึงนี่เพื่อบอกว่าเธอกับแฟนหนุ่มเลิกกันแล้ว แต่เขากลับไม่อยู่ให้บอกเสียนี่ หญิงสาวอดนึกในใจไม่ได้ว่าการที่เขารีบร้อนเดินทางไปต่างประเทศอย่างกะทันหันแบบนี้บางทีอาจมีสาเหตุมาจากคำพูดของเธอเมื่อสองวันก่อนก็เป็นได้ เขาอาจจะเสียใจมากที่ถูกเธอพูดจาตัดรอนอย่างไร้เยื่อใยซ้ำยังไล่เขาไปแบบนั้น หากเป็นเธอก็คงต้องหาที่หลบพักเพื่อทำใจชั่วคราวเหมือนกัน แต่ไม่นึกเลยว่าเขาจะหนีเธอไปไกลถึงคนละซีกฝั่งของโลกอย่างนี้
ถ้าคุณอยากเจอเจ้านายขนาดนั้น ทำไมไม่ลองถามคุณเมนี่ดูล่ะ เขาสองคนสนิทกันจะตาย อาจจะรู้ก็ได้นะว่าเจ้านายไปไหนและจะกลับเมื่อไหร่
วายุเมื่อได้เห็นสีหน้าและแววตาที่หม่นหมองลงไปของหญิงสาวตรงหน้าก็อดสงสารไม่ได้ แม้เขาจะไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้เป็นเจ้านายกับเธอคนนี้เกี่ยวข้องกันอย่างไรก็ตาม แต่ความรู้สึกลึกๆ ในใจเขาบอกว่าเธอคงไม่ได้มีเจตนาร้ายอย่างที่เพื่อนร่างอ้วนกล่าวหาไว้เมื่อครู่เป็นแน่ หนุ่มร่างโย่งจึงเอ่ยคำแนะนำที่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับหญิงสาวออกไป แต่หารู้ไม่ว่าคำพูดของเขากลับตอกย้ำความรู้สึกผิดในใจของสไตลิสต์สาวยิ่งนัก
ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ ถ้างั้นฉันกลับก่อนดีกว่า เอาไว้ค่อยมาใหม่วันหลังก็ได้ ขอบคุณมากนะคะ ขอตัวก่อนนะ
รวินันท์ส่งยิ้มจืดเจื่อนให้ลูกน้องทั้งสองของธาม พลางโค้งศีรษะน้อยๆ ให้คนตัวสูงพร้อมกับกล่าวขอบคุณในความหวังดีของเขา แล้วทำท่าจะเดินออกไปทางหน้าซอยเพื่อเรียกรถกลับยังที่พักของตัวเองด้วยใบหน้าเศร้า
อ้าว จะไปแล้วเหรอครับ ไหนว่ามีเรื่องสำคัญจะรอบอกเจ้านายไง
วายุพอจะจับความรู้สึกได้ว่าหญิงสาวตรงหน้านี้มีท่าทีที่เปลี่ยนไปจากวันแรกที่พวกเขาเจอกันดูเธอจะให้ความสำคัญกับเจ้านายของเขามาก เหมือนกับว่ากำลังตกหลุมรักเจ้านายของพวกเขาขึ้นมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น
แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาเมื่อไหร่นี่คะ จะให้เข้าไปรอในบ้านก็คงไม่ได้ เพราะพวกคุณคงไม่ไว้ใจฉันหรอก
สไตลิสต์สาวเอ่ยเสียงเศร้า แต่ก็พร้อมเข้าใจและยอมรับว่าคนอย่างเธอก็คงเป็นแค่คนแปลกหน้าสำหรับพวกเขาเท่านั้น ไม่มีทางที่ลูกน้องคนสนิทจะเปิดประตูบ้านเชื้อเชิญให้เธอเข้าไปรอเขาได้ง่ายๆ อยู่แล้ว
นั่นสิ เกิดเธอโลภมากแล้วไปขโมยของในบ้านเจ้านายมาขาย พวกเราสองคนก็ซวยกันพอดีน่ะสิ
หนุ่มร่างอ้วนรีบกล่าวเสริมทันที พลางยกมือขึ้นกอดอกมองคนตรงหน้าอย่างไม่ค่อยไว้วางใจนัก บางทีผู้หญิงคนนี้อาจจะแค้นที่ต้องพ่ายแพ้ให้กับเจ้านายหนุ่มรูปหล่อของเขาในการแข่งขันประลองความเร็วครั้งก่อน และคิดจะกลับมาแก้แค้นก็ได้
แต่ฉันว่าคุณผู้หญิงเขาดูไม่ใช่คนแบบนั้นเลยนะ เอาอย่างนี้แล้วกัน ถ้าคุณช่วยอะไรพวกเราสักอย่าง ผมจะช่วยให้คุณได้เข้าไปรอเจ้านายในบ้านแล้วก็จะไปถามคุณเมนี่ให้ก็ได้ว่าเจ้านายจะกลับมาเมื่อไหร่ จะยอมรับข้อเสนอนี้ไหมล่ะ
วายุรีบแย้งขึ้นมา พลางทำหน้ายิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัยจนเพื่อนหนุ่มร่างอ้วนและสไตลิสต์สาวคนงามอดสงสัยไม่ได้ว่าข้อเสนอที่เขาว่ามานั้นคืออะไรกันแน่
ช่วยอะไรคะ
ช่วยทำความสะอาดแล้วก็เฝ้าบ้านแทนพวกเราจนกว่าเจ้านายจะกลับมาไงล่ะ
หลังได้ฟังสิ่งที่คนร่างสูงบอก คณิณก็ถึงกับหันไปหาเพื่อนซี้ของเขาร้อมกับกล่าวคำอุทานออกมาอย่างตกใจ ขณะเดียวกับที่รวินันท์มองเจ้าของแผนการที่ยืนทำหน้าเจ้าเล่ห์แต่ดูเหมือนเขาจะเข้าใจความรู้สึกของเธอที่มีต่อธามได้เป็นอย่างดี จึงรีบตอบตกลงอย่างรวดเร็วก่อนที่อีกฝ่ายจะคิดเปลี่ยนใจ
เฮ้ย ไอ้วาย แกว่าไงนะ
ตกลงค่ะ ฉันยอมรับข้อเสนอของคุณ
ต่อ
จอมวางแผนมองหน้าคนที่ตอบรับข้อเสนอของเขา แล้วจึงได้เห็นสายตาที่มุ่งมั่นเปล่งประกายออกมาจากดวงตาคมคู่นั้น เขาจึงยิ้มน้อยๆ พลางหันไปหาเพื่อนซี้ที่ยังคงแปลกใจกับคำพูดของเขา
เค แกเอากุญแจบ้านเจ้านายให้คุณผู้หญิงเขาไปสิ
ไม่ล่ะ ฉันไม่ให้กุญแจกับใครทั้งนั้น แกจำไม่ได้เหรอ คราวก่อนที่เจ้านายบอกจะไปยุโรปตั้งสองอาทิตย์กว่า พอเราแอบจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดแทน แล้วเจ้านายกลับก่อนกำหนดมาเจอพอดี ทั้งแกทั้งฉันโดนด่าเปิงไปตั้งสามวันเจ็ดวันยังไม่เข็ดอีกหรือไง
หนุ่มร่างอ้วนส่ายหน้าดิก พลางปฏิเสธเสียงลั่น ด้วยยังรู้สึกเข็ดขยาดกับการถูกเจ้านายตำหนิติเตียนเอาเสียยกใหญ่ที่บังอาจพาคนนอกเข้ามาในบ้านทั้งๆ ที่รู้ว่าผู้เป็นนายนั้นไม่ชอบให้คนแปลกหน้าเข้ามายุ่มย่ามในบ้านระหว่างที่เขาไม่อยู่ แต่วายุกลับไม่สนใจ พลางพยายามโน้มน้าวเพื่อนของตนอย่างเต็มที่
ใจเย็นก่อนสิวะเค เรื่องคราวก่อนฉันก็ยังจำได้แต่นี่มันไม่เหมือนกันนะ แกดูสิผู้หญิงคนนี้เขาเป็นห่วงเจ้านายเราขนาดไหน แล้วอีกอย่างฉันสังหรณ์ใจว่าสำหรับเจ้านายแล้ว เธอคงไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ทั่วไป ที่เอาแต่วิ่งเล่นไล่จับเจ้านายขึ้นเตียงแบบนั้นหรอกนะ ดีไม่ดีถ้าแกไล่เธอไปวันนี้ แล้วเจ้านายรู้เข้า แกอาจจะโดนด่าหนักยิ่งกว่าเก่าก็ได้นะ
สไตลิสต์สาวได้แต่ยืนมองสองลูกน้องคนสนิทของธามกระซิบกระซาบกันอยู่เป็นนานสองนาน กว่าที่คนร่างอ้วนจะยอมล้วงเอากุญแจบ้านพวงใหญ่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อแจ็กเกตตัวเก่ง แล้วโยนมาให้เธออย่างรวดเร็วจนมือน้อยแทบยื่นออกไปคว้าเอาไว้ไม่ทัน
เอ้า! นี่กุญแจ แต่จำไว้นะ เธอห้ามขโมยของบ้านเจ้านายเด็ดขาด พวกเราจะคอยมาเฝ้าดูเป็นระยะ ถ้ามีอะไรสักอย่างหายไป เธอกับเจ้าหนุ่มรถเต่านั่นไม่รอดแน่
แม้คณิณจะเริ่มคล้อยตามความคิดของวายุบ้างแล้ว แต่เขายังไม่สามารถไว้วางใจใครได้นอกจากเพื่อนซี้ของเขา เมื่อถูกกล่อมหนักๆ เข้า ก็จำต้องยอมทำตามที่เจ้าเพื่อนรักบอกจนได้แม้จะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรนัก จึงพูดขู่พร้อมกับกำชับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงดุดัน
ขอบคุณมากค่ะ ฉันรับรองจะทำให้บ้านเจ้านายของพวกคุณสะอาดเอี่ยมอ่องเหมือนเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่เลยล่ะ
รวินันท์กล่าวขอบคุณลูกน้องทั้งสองของธามด้วยความจริงใจ พลางส่งยิ้มหวานให้ด้วยใบหน้าที่ดูสดชื่นและอารมณ์ดีแตกต่างกับเมื่อครู่นี้ราวฟ้ากับดิน เธอยืนมองส่งคนทั้งสองขึ้นรถและขับออกไปจากหน้าบ้านสีขาวหลังน้อยนั้นแล้ว จึงค่อยหยิบกุญแจขึ้นมาไขเปิดประตูเข้าไปภายใน ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างไปจากทุกครั้งที่มีโอกาสได้ย่างกรายเข้ามาในบ้านหลังนี้
เพียงแค่สไตลิสต์สาวก้าวเท้าเข้าไปภายในบ้านของธาม พลางกวาดสายตามองไปรอบกายหลังจากกดเปิดสวิตช์ไฟ ทำให้บ้านที่มืดทึบพลันสว่างไสวขึ้นมาทั้งหลัง ความเงียบเหงาอ้างว้างก็วิ่งเข้ามาจู่โจมในหัวใจของเธอแทบจะทันที ภายในบ้านที่มีอาณาเขตเนื้อที่ไม่ได้มากเท่าไรนัก แต่กลับแลดูกว้างขวางจนเกินไปเมื่อคิดว่าเจ้าของบ้านใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้แค่เพียงลำพัง
ที่จริงแล้วบ้านของธามก็ไม่ได้สกปรกรกรุงรังเหมือนอย่างที่คิดไว้นัก ดูจะสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยมากกว่าห้องของเธอที่คอนโดมิเนียมด้วยซ้ำไป รวินันท์คิดในใจพลางนึกไปถึงคราวที่เธอโหมทำงานจนดึกดื่นและเผลอหลับไปบนเตียงนอนของเขา และตื่นเช้ามาพบว่าชายหนุ่มเจ้าของบ้านกำลังทำท่าตะกายจากพื้นขึ้นมาบนโซฟาพร้อมไม้กวาดดอกหญ้าที่อยู่ในมือแล้วก็อดหัวเราะขำขันออกมามิได้ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนประเภทรักความสะอาดมากเสียจนถึงขนาดต้องให้ลูกน้องมาช่วยทำความสะอาดบ้านให้ทั้งที่เขาเพิ่งไม่อยู่บ้านแค่สองวันเท่านั้นเอง
นึกแล้วหญิงสาวก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อยว่าในเมื่อมณิการ์เองก็มีห้องส่วนตัวอยู่ในบ้านหลังนี้ อีกทั้งบ้านของเธอก็อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร แต่ทำไมธามจึงไม่ให้เพื่อนสาวคนสนิทของเขามาช่วยดูแลบ้านให้ กลับใช้ให้ลูกน้องทั้งสองมาดูแลแทนเช่นนี้ แต่เธอก็ไม่อยากจะใส่ใจอะไรมากนัก เขาคงมีเหตุผลบางอย่างที่ไม่อยากให้ใครเข้ามายุ่งวุ่นวายภายในสถานที่อันเป็นส่วนตัวของเขาอย่างที่ลูกน้องอ้วนผอมเผลอหลุดปากเล่าออกมาเมื่อครู่นี้ พลางค่อยๆ เริ่มงานของตนทีละอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการปัดกวาดเช็ดถู ทำความสะอาดตามจุดต่างๆ ภายในบ้าน ไล่ไปตั้งแต่ชั้นล่างจนถึงชั้นบน เพื่อรอคอยการกลับมาของชายหนุ่มที่เธอรัก
หลังจากที่จัดการทำความสะอาดบ้านทั้งหลังเสร็จเรียบร้อยแล้ว รวินันท์จึงถือวิสาสะเข้ามาในห้องนอนของชายหนุ่มเจ้าของบ้าน เธอนั่งลงบนเตียงนุ่มพลางมองไปยังภาพถ่ายบนผนังฝั่งตรงข้าม แต่ละรูปนั้นสไตลิสต์สาวได้เห็นธามในหลากหลายภาพลักษณ์และอิริยาบถที่แตกต่างกัน จะว่าไปแล้วเธอได้เห็นภาพเหล่านี้ครั้งแรกเมื่อตอนที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาบนเตียงในคืนฝนพรำที่พรหมจรรย์ของเธอถูกช่วงชิงไปโดยฝีมือเขา หรือแม้กระทั่งในเช้าของวันที่เธอต้องไปเยี่ยมมารดาและยาย ก็มัวแต่รีบร้อนจนไม่มีโอกาสได้พินิจพิจารณาภาพของเขานานๆ เช่นในตอนนี้
แต่ละภาพที่หญิงสาวได้เห็นนั้นล้วนแต่เป็นใบหน้าของชายหนุ่มในอารมณ์ต่างๆ กัน บางภาพก็แลดูเศร้าสร้อยหงอยเหงา บางรูปก็ดูเหมือนเขากำลังวางมาดเก๊กหล่อจนน่าหมั่นไส้ บางรูปก็ทำหน้าบูดบึ้งเหมือนโกรธขึ้งใครมาอย่างไรอย่างนั้น เธอเพิ่งสังเกตว่าภาพที่แขวนอยู่บนผนังห้องหรือแม้แต่ภาพที่วางอยู่ตามจุดต่างๆ ภายในบ้านนั้น กลับไม่มีภาพใดเลยที่จะได้เห็นรอยยิ้มกว้างอย่างคนมีความสุขแม้แต่ภาพเดียว จนรวินันท์อดคิดไม่ได้ว่าคนอย่างเขาเคยมีความสุขในชีวิตเหมือนอย่างคนอื่นๆ บ้างหรือเปล่า เพียงเท่านั้นน้ำตาของหญิงสาว ก็ร่วงหล่นลงมาจากดวงตาคู่งามรินรดลงอาบสองแก้มนวล
ต่อ
ฉันขอโทษนะคะธามที่ไล่คุณไปแบบนั้น ที่จริงแล้วฉันไม่ได้อยากทำอย่างนั้นเลย เห็นคุณยืนตากฝนรอฉันอยู่กลางลานจอดรถทั้งคืนแล้ว ฉันเองก็ต้องทนปวดใจแค่ไหนคุณรู้บ้างหรือเปล่า แล้วนี่คุณหายไปไหน เมื่อไหร่จะกลับมาสักที รู้ไหมว่าฉันคิดถึง ฉันมีเรื่องมากมายอยากจะคุยกับคุณเหลือเกิน รีบๆ กลับมานะคะ
เหมือนฟ้าจะรู้ว่าที่ตรงนี้มีใครบางคนกำลังทนทุกข์ทรมานอยู่กับความเงียบเหงา ความเศร้าเริ่มก่อตัวขึ้นมาในใจ เพราะเฝ้าแต่คิดถึงชายหนุ่มอันเป็นที่รัก จึงดลบันดาลให้หยาดพิรุณโปรยปรายลงมาเป็นสายคล้ายจะร่วมร้องไห้กับเธอไปด้วยในค่ำคืนนี้
สไตลิสต์สาวเดินมาหยุดยืนตรงกระจกหน้าต่างเหม่อมองออกไปภายนอก พายุฝนยังคงเทกระหน่ำลงมามิหยุดหย่อนจนทัศนียภาพเบื้องนอกขาวโพลนไปหมดมองแทบไม่เห็นสิ่งใด มือเรียวรูดผ้าม่านสีครีมปิดลงอย่างเชื่องช้า ก่อนจะพาร่างกายที่สั่นสะท้านไปด้วยความเหน็บหนาวมานั่งลงบนเตียงใหญ่ เธอเอนตัวนอนลงไปบนที่นอนนุ่ม กลิ่นกายจางๆ ของชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของลอยมาแตะสัมผัสจมูกรั้นอย่างแผ่วเบา และทำให้สมองของหญิงสาววาดฝันจินตนาการไปว่าธามกำลังนอนอมยิ้มมองเธออยู่ข้างกาย
รวินันท์เผยยิ้มออกมาทั้งน้ำตาพลางยื่นมือออกไปหมายจะดึงรั้งร่างของชายหนุ่มเข้ามาใกล้ แต่ภาพของเขากลับค่อยๆ เลือนหายไปเหลือเพียงพื้นเตียงอีกฟากที่ว่างเปล่า ตอกย้ำว่าสิ่งที่เธอได้เห็นเป็นเพียงแค่ภาพของธามที่ยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำเท่านั้น สไตลิสต์สาวไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนอย่างเขาถึงได้มีอิทธิพลต่อเธอเช่นนี้ อดถามตัวเองมิได้ว่าเธอรักธามมากมายขนาดนั้นเชียวหรือ เหมือนว่าทั้งหัวใจและร่างกายเริ่มไม่ฟังคำสั่งซ้ำยังร้องเรียกหาเพียงแต่เขา
ดูเอาเถิดแค่ชายหนุ่มหายตัวไป หัวใจดวงน้อยๆของเธอก็แทบจะปลิดปลิวหลุดออกไปตามหาเขาด้วยอยู่แล้ว ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอเพิ่งพบกับเขาได้เพียงไม่กี่วัน แต่กลับหลงรักเขาจนหมดหัวใจราวกับได้รู้จักพบเจอกับเขามาเป็นหลายสิบปีอย่างไรอย่างนั้น รวินันท์ได้แต่ร่ำไห้ซุกหน้าลงกับหมอนหนุนนอนของเขา ปล่อยให้ธารน้ำตาไหลหลั่งพรั่งพรูลงมาเป็นสายไม่ต่างอะไรกับน้ำตาฟ้านอกบานกระจกหน้าต่างนั้นเลยแม้แต่น้อย ก่อนที่หญิงสาวจะผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ปลุกให้ภวัฐตื่นจากความฝันมาพบกับความจริงอันแสนปวดร้าว เมื่อรู้ดีว่าคนที่เขารักกำลังจะกลายเป็นคนรักของคนอื่นไปแล้ว เช้านี้เป็นเช้าวันแรกในรอบกว่าสองปีที่ชายหนุ่มผมยาวนึกอยากนอนหลับต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่เหมือนอย่างวันอื่นๆ ที่เคยผ่านมา
ทุกคืนชายหนุ่มเฝ้าแต่ภาวนานึกอยากจะเร่งเข็มนาฬิกาให้เดินเร็วขึ้น เพื่อที่เขาจะได้ตื่นแต่เช้ามาพบกับหญิงสาวที่อาศัยอยู่ในห้องฝั่งตรงข้ามซึ่งเขาได้แต่แอบหมายปองมาตลอดนับตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จัก กระทั่งมีโอกาสได้คบกับเธอในฐานะคนรักเมื่อสองเดือนก่อน ยังอดนึกทึ่งตัวเองไม่ได้ที่เขาสามารถรวบรวมความกล้าซื้อแหวนเพชรเม็ดงามมามอบให้แด่เธอพร้อมด้วยคำขอแต่งงานที่เขากลั่นกรองออกมาจากหัวใจและบรรจงถ่ายทอดให้เธอฟังด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าที่อยากจะครองคู่กับหญิงสาวไปจนแก่จนเฒ่าจวบจนกว่าชีวิตจะหาไม่
ในความคิดของภวัฐ รวินันท์เปรียบเหมือนดั่งนางฟ้าแสนสวยที่ร่วงหล่นจากสวรรค์และตกลงมาสู่อ้อมกอดของคนเดินดินธรรมดาอย่างเขา เมื่อเธอก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในหัวใจ ความร่าเริงสดใสของเธอก็ได้ทำให้หนุ่มขี้อายที่ชอบเก็บตัวอยู่เงียบเชียบเพียงลำพังอย่างเขา เหมือนได้เปิดประตูออกมาพบกับความสว่างไสวของโลกใบกว้างที่อบอวลไปด้วยความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้ว่างานของเขาจะทำให้มีโอกาสได้พบปะหญิงสาวมากมายทั้งดารา นักร้อง นางแบบชื่อดังหรือแม้กระทั่งคนในแวดวงสังคมชั้นสูง แต่ก็ไม่เคยมีใครที่ทำให้เขาสนใจหรือนึกชอบพอขึ้นมาได้มากเท่ากับเธอคนนี้
แต่เพียงไม่นานความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขากลับต้องดำเนินมาถึงจุดจบ เมื่อหญิงสาวได้พบกับใครอีกคนที่ดูดีและเหมาะสมกับเธอมากกว่าเขาหลายเท่านัก แม้ว่าตอนแรกที่ได้รับรู้ความจริงจากปากของรวินันท์ เขารู้สึกโกรธเธอมากเมื่อรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยวาดหวังไว้เกี่ยวกับเธอนั้นพังทลายลงมาแทบไม่เหลือชิ้นดี ความรู้สึกที่เหมือนถูกทรยศหักหลังทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดและบอบช้ำแทบปางตาย แต่พอได้เห็นน้ำตาของเธอที่หยาดหยดลงมาเป็นสาย หัวใจก็พร้อมยอมให้อภัยแก่เธอแต่โดยดี
เป็นเพราะเขารักเธอมากเกินไปหรือเปล่านะ ความรักของเขาอาจจะบีบรัดแน่นเกินไปจนทำให้เธอหายใจหายคอไม่ออก จนต้องหันไปหาใครอีกคนที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจได้มากกว่านี้ หรือเป็นเพราะเขาดูแลเธอได้ไม่ดีพอ จึงทำให้เธอเผลอปันใจไปให้ผู้ชายอีกคนที่เขาอาจจะดูแลปกป้องเธอได้ดียิ่งกว่า ภวัฐนอนก่ายหน้าผากอย่างครุ่นคิดพลางถามตัวเองวนเวียนไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า กระทั่งเสียงข้อความเข้าดังขึ้นมาจากโทรศัพท์มือถือ ชายหนุ่มผมยาวจึงจำใจต้องลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานขึ้นมากดดูข้อความนั้น
วิขอคุณมลลาพักร้อนสามวัน วัฐไปทำงานได้เลยไม่ต้องรอนะคะ
ชื่อผู้ส่งและข้อความสั้นๆ ที่ถูกส่งเข้ามายังโทรศัพท์มือถือเครื่องน้อย ทำให้ชายหนุ่มผมยาวได้แต่ถอนหายใจยาวพลางยิ้มจืดเจื่อนให้กับตัวเอง ก่อนจะกดส่งข้อความตอบกลับไปหาหญิงสาวอดีตคนรัก แล้วจึงวางโทรศัพท์ลงที่เดิมพร้อมกับเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างคนที่ทำใจยอมรับกับสถานะที่ถูกเปลี่ยนกลับไปเป็นเช่นเดิมกับเมื่อสองเดือนก่อน สถานะของความเป็นเพื่อนที่คอยย้ำเตือนว่าเขาไม่อาจแสดงความรู้สึกเกินเลยต่อเธอได้อย่างเช่นคนรักมีให้แก่กันอีกแล้ว
ติดตามตอนต่อไปได้เร็วๆ นี้ค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ธามมมมมม
ขอตีก้นนายธามสักทีเถอะนะ
นายธาม....ถึงเวลากลับแล้ว มีคนกำลังตั้งหน้าตั้งตารออยู่ เธออยากสารภาพความในใจของเธอ อย่าช้าน่ะ....ลุ้น ลุ้น
รอไรเตอร์มา up ต่อ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 19 เมษายน 2554 / 20:21
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 19 เมษายน 2554 / 21:37
ตอนนี่เจ๊ขอไปซับน้ำตาให้วัฐก่อนนะจ๊ะ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 24 เมษายน 2554 / 13:28
ลูกน้องนายธามคิดอะไรอยู่เนี่ย
ถึงไม่บอกหนูวิ
เลววววววววววววววววววววว
มาถึงตรงนี้ วิคงได้มองเห็นมุมมองชีวิตของนายธามในหลายแง่มุม แต่สำหรับเธอแล้วคงต้องร้องเพลงรอ และภาวนา
ให้เขารีบกลับมา เพื่อได้สารภาพความจริงใจของเธอ เอาใจช่วยทั้งคู่
รอไรเตอร์มา up ต่อ
ธามกลับมาไวๆๆนะ
วิรออยู่ที่บ้าน
อิอิอิอิ
ก็ฝึกการเป็นแม่บ้านไปในตัวรอว่าที่คนรักเลยแล้วกันเนอะ
รับไว้ก่อนเลยหนูวิ ...อย่างไรนายธามก็ต้องกลับบ้านแน่ แต่อย่าพึงถอดใจก็แล้วกัน .... อย่างไรก็ขอให้นายธามมีสัมผัสที่ 6 ให้รู้ว่ามีใครรออยู่บ้าน555
รอไรเตอร์มา up ต่อ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 11 เมษายน 2554 / 19:20
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 11 เมษายน 2554 / 20:10
แล้วไรเตอร์จะรู้ไหมว่าคนอ่านรออ่านทุกวินาทีเช่นกัน ฮ่า ๆ ^^
เป็นกำลังใจให้คุณวิ สู้สู้ อย่าพึงท้อน่ะ ........คงต้องเจอนายธามในไม่ช้านี้
ฮิ ฮิ ฮิ