ตอนที่ 2 : บทที่ 2 15 นาทีก่อนหน้านี้
บทที่ 2
15 นาทีก่อนหน้านี้
ณ ภัตราคารหรูสไตล์ยุโรปที่ตั้งอยู่ตรงใจกลางย่านชุมชนเมืองในแถบปริมณฑล แสงไฟสีนวลตาที่ส่องสว่างผ่านกระจกบานใสออกมาภายนอก เผยให้เห็นทุกสิ่งอย่างในร้านอาหารแห่งนั้นได้อย่างชัดเจน ภายในร้านประดับประดาไว้ด้วยเฟอร์นิเจอร์และข้าวของเครื่องใช้ตกแต่งในสไตล์คลาสสิก ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ เครื่องเรือนต่างๆ ที่เน้นหนักไปในโทนสีน้ำตาลไหม้ แม้จะดูเรียบง่ายแต่ไม่ทิ้งความหรูหรา เมื่อแหงนมองขึ้นไปเบื้องหน้าจะได้เห็น โคมไฟแบบชานเดอเลียซึ่งทำจากคริสตัลเนื้อดีที่ห้อยระย้าส่องประกายเจิดจ้าลงมาจากด้านบนเพดาน ทำให้บรรยากาศภายในร้านอบอวลไปด้วยความโรแมนติก
เสียงเพลงบรรเลงจากนักดนตรีฝีมือดีดังแว่วเข้ามา ขับกล่อมเป็นท่วงทำนองหวานชื่นรื่นหูตามความต้องการของผู้เป็นเจ้าของร้านที่ต้องการให้ลูกค้าที่มาใช้บริการได้สัมผัสกับบรรยากาศที่หวานซึ้งตราตรึงใจคลอเคล้าไปกับรสชาติอาหารที่สุดแสนล้ำเลิศจากฝีมือเชฟชั้นนำในระดับสากล หากสังเกตดีๆ จะพบว่าลูกค้าที่มารับประทานอาหารในภัตตาคารแห่งนั้น ส่วนใหญ่มักจะมากันเป็นคู่ๆ ทั้งคู่รักข้าวใหม่ปลามัน คู่รักที่ใช้ชีวิตร่วมกันมายาวนาน รวมไปถึงคู่หวานที่กำลังจะเริ่มลงมือปลูกต้นรักร่วมกัน และหนึ่งในจำนวนลูกค้าหลายคู่นั้น มีคู่ชายหญิงวัยยี่สิบปลายๆ อยู่คู่หนึ่งที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่ตรงโต๊ะริมหน้าต่างด้านในสุดของร้าน
ไวน์แก้วนี้ ถือว่าเป็นการแสดงความยินดีจากผมเนื่องในโอกาส ที่วิได้ทำโปรเจคท์ชุดใหม่กับบริษัทยักษ์ใหญ่นั่นนะครับ
น้ำเสียงทุ้มนุ่มลึกของใครบางคนเอื้อนเอ่ยขึ้นมา ก่อนที่มือของเขาจะคว้าเอาแก้วก้านยาวทรงสูงที่ภายในบรรจุของเหลวสีแดงเข้มราวกำมะหยี่เอาไว้เพียงเศษหนึ่งส่วนสามที่วางอยู่บนโต๊ะทางด้านขวาขึ้นมาแล้วยื่นออกมาตรงหน้าเพื่อรอคอยการสัมผัสกับแก้วเครื่องดื่มของอีกฝ่าย
เจ้าของเสียงนั้น เป็นชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งท่าทางสุภาพเรียบร้อย ในชุดเสื้อยืดคอเต่าสีดำคลุมทับด้วยแจ็กเกตผ้าลูกฟูกสีเทา ผมหยักศกที่ยาวระต้นคอทอประกายเป็นสีน้ำตาลอ่อนเมื่อต้องแสงจากโคมไฟนั้นดูลงตัวอย่างเหมาะเจาะกับใบหน้ารูปสามเหลี่ยม คิ้วหนาสีเข้มกว่าเรือนผมเล็กน้อยรับกันดีกับดวงตากลมโตที่ส่องประกายวิบวับจากภายใน ดั้งจมูกโด่งเป็นสันนูน ปลายจมูกงุ้มเข้าเล็กน้อย ริมฝีปากบางของภวัฐคลี่ยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามนั้นถึงกับชะงักไป พร้อมกับวางมีดและส้อมในมือลงแล้วทำหน้าเหลอหลาด้วยความฉงนสนเท่ห์กับกิริยาท่าทางที่ดูเป็นทางการเกินไปไม่เหมือนอย่างทุกทีของเขาในวันนี้
หืม? อะไรกันคะวัฐ ดูพูดเข้าสิทำเป็นพิธีการจังเลยนะ ทางโน้นเขาแค่ให้วิไปช่วยออกแบบเสื้อผ้าแล้วก็พวกพร็อพต่างๆ ให้กับนางแบบของเขาสามสี่ชุดแค่นั้นเอง ไม่ใช่โปรเจคท์ใหญ่โตอะไรเสียหน่อย
หญิงสาวนามว่า รวินันท์ เอ่ยขึ้นกับแฟนหนุ่มอย่างรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยกับท่าทีไม่คุ้นเคยนั้น แต่ก็ยอมยกแก้วไวน์ที่อยู่ด้านขวามือของตนเองขึ้นมาชนแก้วกับเขาแต่โดยดี เครื่องแก้ววาวใสสองใบเมื่อกระทบกันก็ก่อเกิดเป็นเสียงสะท้อนดังก้องกังวานไปทั่วบริเวณ จากนั้นทั้งคู่ต่างยกแก้วขึ้นจิบน้อยๆ แล้วจึงวางกลับลงสู่ที่เดิม
รวินันท์ลอบมองคนตรงหน้าพลางครุ่นคิดอยู่ในใจถึงการกระทำที่แปลกไปของคนรัก เพราะปกติแล้วในสายตาของเธอ ตลอดเวลากว่าสองปีที่ผ่านมาที่ทั้งคู่ได้รู้จักกันในฐานะเพื่อนก่อนจะเลื่อนขั้นมาเป็นคนรู้ใจนั้น ภวัฐดูจะเป็นชายหนุ่มที่มีท่าทางนุ่มนวลและอ่อนโยน ออกจะขี้เล่นหน่อยๆ เสียด้วยซ้ำ ทว่า วันนี้เขากลับมีสีหน้าและแววตาจริงจังกว่าทุกครั้งไป แล้วไหนจะคำชักชวนของเขาที่บอกว่าอยากจะเลี้ยงอาหารค่ำสักมื้อเพื่อเป็นการฉลองที่เธอได้รับมอบหมายในโปรเจคท์ล่าสุดของบริษัทอีก ทีแรกเธอก็นึกว่าจะเป็นร้านอาหารแถวใกล้ๆ ออฟฟิซเหมือนอย่างเคย
แต่นี่เขากลับพาเธอมาเลี้ยงฉลองตั้งไกลถึงในภัตตาคารหรูหราสไตล์ยุโรปเกือบสุดเขตย่านชานเมืองเสียด้วยซ้ำ ทำเอาเธออดแปลกใจไม่ได้กับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของคนตรงหน้าจนแทบวางตัวไม่ถูก แต่ครั้นพอเริ่มซักไซ้ไล่เรียงหนักเข้า เพื่อนชายของเธอก็เอาแต่พร่ำบอกว่าเป็นการฉลองเนื่องในโอกาสที่เธอได้จับโปรเจคท์ใหญ่อันเป็นที่หมายปองของบรรดาเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ก็เท่านั้น
ท่าทางเอียงคอมองเล็กน้อยอย่างงุนงงปนสงสัยของรวินันท์อย่างที่ได้เห็นจนคุ้นชินตานั้น เมื่อถูกบรรยากาศหวานๆ ที่รายล้อมอยู่รอบข้าง กลับทำให้ภวัฐมีอาการตกหลุมเสน่ห์ของแฟนสาวขึ้นมาอีกครั้ง เขาลืมตัวเผลอมองจ้องหญิงสาวในชุดเดรสสายเดี่ยวสีครีมยาวคลุมเข่าเผยให้เห็นลำคอขาวยาวระหงลงมาจนเกือบถึงเนินอกอยู่เป็นนานสองนาน และดีไม่ดีอาจทำให้จิตใจของชายหนุ่มผู้ใสซื่อบริสุทธิ์อย่างเขาต้องกระเจิดกระเจิงไปถึงไหนต่อไหน หากคนตรงหน้าไม่ได้ใช้ประโยชน์จากเรือนผมสีดำสนิทยาวถึงกลางหลังที่ถูกดัดเป็นลอนหลวมๆ มาคลอเคลียอยู่ตรงไหล่เพื่ออำพรางเรือนกายขาวนวลเนียนไว้จากสายตาช่างสำรวจนั้น
เขาพยายามหักห้ามใจตัวเองไม่ให้คิดอะไรไกลเกินไปกว่านั้นก่อนจะไล่สายตาขึ้นไปมองยังใบหน้าขาวใสไร้สิวฝ้าด้วยนัยน์ตาเคลิ้มชวนฝัน เมื่อเห็นคิ้วเรียวบางสีน้ำตาลเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย แพขนตายาวงอนงามที่กะพริบเบาๆ เป็นจังหวะตามธรรมชาตินั้นขับให้ดวงตาคมแลดูโดดเด่นยิ่งขึ้น บนดั้งจมูกแม้ไม่โด่งมากนักแต่ก็ดูสวยได้รูปโดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอของแพทย์ศัลยกรรมแต่อย่างใด แล้วไหนจะริมฝีปากอวบอิ่มรูปกระจับที่ขยับขึ้นลงยามที่เอื้อนเอ่ยวาจานั้นอีก
ภวัฐแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าคนที่สารรูปภายนอกดูจืดชืดแทบมองหาเสน่ห์ของตัวเองไม่เจออย่างเขานั้น จะมีโอกาสได้คบกับหญิงสาวที่งดงามราวกับภาพในความฝันเช่นนี้ได้ มาถึงตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองได้กลายเป็นชายหนุ่มผู้มีความสุขที่สุดในโลกไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น
วัฐ วัฐคะ ฟังอยู่รึเปล่า
เสียงเรียกของนางฟ้าที่เดินออกมาจากห้วงแห่งความฝัน ปลุกให้คนที่จมอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเองกลับเข้ามาสู่โลกแห่งความจริงอีกครั้ง เขาเอ่ยขอโทษพร้อมกับบอกให้คนตรงหน้าพูดใหม่เพราะเมื่อครู่นี้มัวแต่เผลอจ้องมองเธอนานเกินไปเลยไม่ทันได้ฟัง
ครับ? เมื่อกี้วิว่าไงนะครับ ผมคิดอะไรเพลินไปหน่อยเลยไม่ทันได้ฟังน่ะ ขอโทษทีนะ
วิถามว่า บนหน้าวิมีอะไรติดอยู่รึเปล่าคะ เห็นวัฐจ้องหน้ากันอยู่นานแล้ว
รวินันท์ถามแฟนหนุ่ม พลางยกมือขึ้นปัดไปตามส่วนต่างๆ บนใบหน้าของตัวเองอย่างเบามือ ภวัฐแอบลอบถอนหายใจเบาๆ เปรยกับตัวเองในใจว่าบนใบหน้างดงามราวภาพวาดนั้น ไม่มีอะไรติดอยู่หรอกนอกจากความสวยสง่าของหญิงสาวที่ช่างบาดใจเขานัก แต่กลัวจะถูกคนรักหาว่าพูดอะไรเป็นนิยายน้ำเน่า จึงได้หยอดคำหวานลงไปเล็กน้อยก่อนจะรีบเบี่ยงเบนประเด็นไปเป็นเรื่องอื่นแทนเมื่อเห็นว่าในจานของเธอนั้นว่างเปล่าลงเสียแล้ว ทั้งที่เมื่อครู่นี้ยังมีทีโบนสเต๊กชิ้นโตวางอยู่กว่าครึ่งชิ้นด้วยซ้ำ นี่เขาเผลอมองหน้าเธอนานขนาดนี้เชียวหรือนี่ ท่าจะเป็นเอามากแล้วนะเรา ชายหนุ่มนึกขันตัวเองกับอาการหลงใหลได้ปลื้มหญิงสาวตรงหน้าจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร
ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่รู้สึกว่าวันนี้วิดูสวยเป็นพิเศษกว่าทุกวัน ก็เลยเผลอไปหน่อยน่ะครับ แล้วนี่วิอิ่มแล้วเหรอครับเนี่ย ว้า ผมยังกินไม่ถึงครึ่งเลย วิอยากได้อะไรเพิ่มอีกไหมครับ
แหม วัฐก็ ชมกันซึ่งหน้าแบบนี้ วิก็เขินแย่น่ะสิ รู้สึกว่าวันนี้วัฐจะปากหวานกว่าทุกวันนะคะ แต่วิคงไม่สั่งอะไรเพิ่มแล้วล่ะค่ะ แค่สเต๊กชิ้นใหญ่ชิ้นเดียวนี้วิก็อิ่มมากแล้ว วัฐทานไปเรื่อยๆ ตามสบายไม่ต้องรีบก็ได้นะคะ เดี๋ยววิขอตัวไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึง
คนที่เพิ่งได้รับคำชมนั้น จู่ๆ ก็เกิดอาการขัดเขินขึ้นมาจนพวงแก้มทั้งสองข้างแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูเข้มขึ้นมา ก่อนจะสั่นหน้าปฏิเสธ พร้อมกับเอ่ยขอตัวไปสงบสติอารมณ์ของตัวเองที่ห้องน้ำสักครู่ เมื่อภวัฐพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ หญิงสาวจึงส่งยิ้มเขินๆ ให้เขาพลางลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินตรงไปทางด้านหลังของร้าน โดยมีสายตาของชายหนุ่มมองตามเธอไปอย่างรักใคร่
รวินันท์ค่อยๆ เดินอย่างไม่รีบร้อนมาจนถึงในห้องน้ำ หลังจากทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็ออกมายืนล้างมืออยู่ที่ตรงอ่างกระเบื้องทรงครึ่งวงกลมสีน้ำตาลเข้มโทนเดียวกับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นๆ ภายในร้าน พลางเงยหน้ามองตัวเองในกระจกเงาที่ครอบไว้ด้วยกรอบไม้สลักเสลาเป็นลวดลายเถาไม้เลื้อยบนผนังเบื้องหน้า และเห็นประกายตาระยิบวิบไหวอยู่ในนั้น
ความจริงแล้วเธอรู้สึกดีใจเป็นอันมากที่มีคนในแวดวงธุรกิจยักษ์ใหญ่ขนาดนั้นมาสนใจผลงานการออกแบบของเธอ เพราะนี่ถือว่าเป็นงานใหญ่ครั้งแรกหลังจากที่เธอมีโอกาสได้เข้ามาทำงานเป็นนักออกแบบเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายหรือที่เรียกกันทั่วไปว่า สไตลิสต์ ให้กับนางแบบโฆษณาสินค้าอุปโภคและบริโภคประเภทต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาล้วนแล้วแต่เป็นแบรนด์ในระดับเล็กถึงระดับกลางด้วยกันทั้งสิ้น เป็นเวลาเกือบสองปีเต็มแล้วที่เธอใช้ชีวิตอยู่บนเส้นทางที่ใฝ่ฝันและเฝ้ารอคอยวันที่จะมีโอกาสได้สร้างผลงานของตัวเองให้เป็นที่ประจักษ์ในวงกว้างมานาน
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้ โอกาสที่จะได้เป็นสไตลิสต์ชั้นแนวหน้าของเมืองไทยอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วสินะ หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาช้าๆ เพื่อขับไล่ความตึงเครียดและความตื่นเต้นที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่เกิดอาการแบบนี้มาแล้วเมื่อตอนช่วงบ่ายที่ได้รับแจ้งข่าวดีจากหัวหน้าของเธอ
ท่ามกลางความเงียบสงบภายในห้องน้ำแห่งนั้น พลันเสียงโทรศัพท์ของรวินันท์ก็ดังขึ้น หญิงสาวล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าสะพายใบเล็กที่คล้องอยู่บนไหล่มน ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องน้อยออกมา บนหน้าจอโทรศัพท์ปรากฏภาพใบหน้าและชื่อมารดาของเธอกะพริบอยู่เป็นสัญญาณสายเรียกเข้า
หญิงสาวชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อคิดว่าเวลาที่ล่วงเลยมาจนเกือบค่อนคืนน่าจะเป็นเวลาที่ครอบครัวของเธอเข้านอนแล้ว แต่น่าแปลกที่มารดาของเธอกลับโทรศัพท์เข้ามาในตอนนี้ ลางสังหรณ์บอกกับเธอว่าบางทีอาจจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับสมาชิกในครอบครัวของเธอก็เป็นได้ พลางรีบกดรับสายอย่างรวดเร็ว
ฮัลโหล คุณแม่เหรอคะ มีอะไรหรือเปล่า โทร.มาเสียดึกเลย ยังไม่เข้านอนกันอีกเหรอคะ
รวินันท์กรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ แต่แล้วเสียงจากปลายสายที่โทร. เข้ามานั้น กลับไม่ใช่เสียงมารดาของเธอ ทว่า เป็นเสียงของหญิงชราอีกคนที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี
วิ หลานอยู่ที่ไหนน่ะ รีบมาที่นี่เร็วเข้า ไม่รู้แม่ของหนูเป็นอะไร อยู่ดีๆ ก็เป็นลมล้มพับลงไปเลย ทำยังไงดีลูก ยายจะทำยังไงดี
คนที่โทร. เข้ามานั้น หาใช่มารดาแต่อย่างใด กลับเป็นคุณยายของเธอเองที่กดโทรศัพท์มาหาเธอด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ อีกทั้งถ้อยคำนั้นยังฟังดูกระท่อนกระแท่นจนฟังจับใจความแทบไม่ได้เลย
ว่าไงนะคะคุณยาย คุณแม่เป็นอะไรไปคะ คุณยายใจเย็นๆ ก่อนนะ ฮัลโหลๆ คุณยายได้ยินหรือเปล่าคะ ฮัลโหลๆ
หญิงชรายังพูดไม่ทันจบดี เสียงจากปลายสายก็เงียบไปก่อนจะกลายเป็นเสียงสัญญาณที่บอกว่าสายหลุดไปแล้ว รวินันท์พยายามโทรศัพท์กลับไปอีกครั้งก็พบว่าเครื่องถูกปิดไปแล้ว เมื่อโทร.เข้าไปที่เครื่องโทรศัพท์บ้านก็ไม่มีใครรับสาย ความวิตกกังวลกระวนกระวายใจก่อตัวขึ้นมาทันทีเมื่อไม่สามารถติดต่อกับคนในครอบครัวของเธอได้เลย หญิงสาวรีบวิ่งออกมาจากห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ในสมองของเธอคิดเพียงแค่ว่าทำอย่างไรจึงจะไปถึงที่บ้านของมารดาได้เร็วที่สุดเท่านั้น
ทางด้านของภวัฐ ในระหว่างที่หญิงสาวคนรักขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เขาก็อาศัยจังหวะนี้ก็ล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อแจ็กเกตของตนก่อนจะหยิบเอากล่องกำมะหยี่สีชมพูใบจิ๋วขึ้นมาเปิดดู ภายในกล่องนั้นมีแหวนเงินชุบทองคำขาวฝังเพชรเม็ดงามที่ถึงแม้ขนาดของมันจะไม่ได้ใหญ่โตมากมายนัก แต่ก็ผ่านกระบวนการเจียระไนมาอย่างดีจนพอที่จะได้เห็นเหลี่ยมมุมต่างๆ ของมันสะท้อนกับแสงจากโคมไฟส่องประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวบนฟากฟ้าก็ไม่ปาน
ชายหนุ่มมาดนุ่มอมยิ้มน้อยๆ ให้กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของตนอย่างมีความสุข แหวนวงนี้เขาลงทุนซื้อมาด้วยจำนวนเงินมากพอสมควรจากส่วนที่เขาเก็บออมเอาไว้จากน้ำพักน้ำแรงที่ตัวเองหามาได้ด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจยิ่งนัก และเขาก็ได้ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าในวันนี้เขาจะพยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดเพื่อเอ่ยปากขอแฟนสาวแต่งงานให้ได้ ถึงแม้ว่าเขาและเธอจะเพิ่งคบหาดูใจกันในฐานะแฟนมาได้เพียงแค่สองเดือนเท่านั้น ทว่า ความสนิทสนมและคุ้นเคยกันดีที่มีมาตั้งแต่เริ่มทำงานมาด้วยกัน กลับทำให้เขารู้สึกได้ถึงความผูกพันที่เขามีต่อเธอนั้นว่ามันมากมายยิ่งนัก จึงได้อาศัยโอกาสอันดีที่รวินันท์ได้รับมอบหมายในงานชิ้นใหญ่ยักษ์มาเป็นข้ออ้างในการพาเธอมาเพื่อเฉลิมฉลองกับเรื่องที่น่ายินดีนี้
แต่แล้วความคิดของภวัฐก็มีอันต้องหยุดชะงักลงไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อจู่ๆ หญิงสาวคนรักของเขาก็วิ่งกระหืดกระหอบมาจากทางหน้าห้องน้ำด้วยสีหน้าและแววตาตื่นตระหนก พลางละล่ำละลักบอกเขาด้วยน้ำเสียงร้อนรน
วัฐคะ พอดีมีเรื่องด่วนน่ะ ที่บ้านเพิ่งโทร. มาบอกว่าคุณแม่หมดสติไป วิคงต้องขอตัวก่อนนะคะ
เดี๋ยว วิ เกิดอะไรขึ้น ผมงงไปหมดแล้ว มีใครเป็นอะไรหรือครับ
ชายหนุ่มรีบเก็บกล่องแหวนใส่กลับลงไปในกระเป๋าเสื้อของตนแทบไม่ทัน พลางหันมาหารวินันท์ด้วยท่าทีงุนงงด้วยยังจับต้นชนปลายไม่ถูก จนอีกฝ่ายต้องเอ่ยซ้ำอีกครั้งพร้อมทั้งอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เขาฟังอย่างคร่าวๆ
เมื่อกี้คุณยายของวิเพิ่งโทร. มาน่ะค่ะ แต่ยังคุยไม่ทันรู้เรื่องเลยสายก็ตัดไปเสียก่อน พอโทร.เข้าบ้านก็ไม่มีใครรับสาย วิเป็นห่วงคุณแม่มากๆ เลยค่ะ แล้วที่บ้านก็อยู่กันแค่สองคนเอง คุณยายท่านก็แก่มากแล้ว แถมยังเป็นโรคอัลไซเมอร์อีก
เมื่อได้ฟังสิ่งที่หญิงสาวคนรักเล่า ภวัฐก็ออกปากรีบเสนอตัวว่าจะอาสาเป็นคนขับรถพาเธอไปส่งที่บ้านเอง
คุณแม่ไม่สบายเหรอครับ เอ่อ ถ้างั้นเดี๋ยววัฐไปส่งนะ
อย่าลำบากเลยค่ะ พรุ่งนี้วัฐเองก็มีพรีเซ้นต์งานแต่เช้าแถมนี่ก็เริ่มดึกแล้วด้วย บ้านวิก็อยู่ตั้งไกลกว่าจะไปกว่าจะกลับคงใช้เวลานานพอดู อีกอย่างวิเองก็ยังไม่รู้ว่าคุณแม่เป็นอะไรมากแค่ไหน ดีไม่ดีหากต้องเข้าโรงพยาบาลขึ้นมาก็จะยิ่งเสียเวลาไปกันใหญ่ ถ้ายังไงเดี๋ยววินั่งรถไปเองดีกว่า ขอโทษด้วยนะคะวัฐที่วิต้องไปอย่างกะทันหันแบบนี้
รวินันท์รีบปฏิเสธทันที ด้วยรู้ดีว่าแฟนหนุ่มของเธอนั้นขับรถช้าเช่นไร เพราะเขากลัวว่าหากขับเร็วเกินไปอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นตลอดทางเขาจึงมักจะขับรถด้วยความเร็วสูงสุดไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยสักครั้ง แต่ในเวลาเร่งด่วนอย่างนี้หญิงสาวจึงไม่อาจทนนั่งนิ่งๆ มองดูเขาเป็นคนขับได้
อีกอย่างในวันพรุ่งนี้ภวัฐเองก็จะต้องเข้าร่วมประชุมกับลูกค้าคนสำคัญของบริษัทตั้งแต่เช้าด้วยเช่นกัน หากว่าชายหนุ่มพักผ่อนน้อยเกินไปและใช้เวลาเตรียมตัวไม่ดีก็อาจจะส่งผลกระทบถึงหน้าที่การงานได้ เธอเป็นห่วงในข้อนั้นจึงได้เอ่ยปากขอเป็นฝ่ายไปดูอาการป่วยของมารดาที่บ้านในเขตติดต่อระหว่างกรุงเทพมหานครกับจังหวัดชลบุรีแต่เพียงลำพัง ภวัฐพยักหน้าถี่ๆ อย่างเข้าใจ ก่อนจะหยิบกุญแจรถคันเก่งของเขายื่นให้กับแฟนสาวพร้อมทั้งเอ่ยขึ้น
ถ้างั้นเอารถผมไปใช้ก่อนก็ได้นะ ดึกๆ แบบนี้คงหารถวิ่งออกต่างจังหวัดลำบาก อีกอย่างพวกรถรับจ้างสมัยนี้ก็ไม่ค่อยน่าไว้ใจเลย ยิ่งเป็นผู้หญิงนั่งรถคนเดียวดึกๆ แบบนี้ด้วยแล้วผมยิ่งเป็นห่วง แต่อย่างน้อยถ้าขับรถเองน่าจะปลอดภัยกว่า
แต่ว่า...
คนที่บอกว่าจะนั่งรถกลับไปที่บ้านนอกเขตเมืองหลวงเพียงลำพังนั้น พอเห็นว่าอีกฝ่ายหยิบยื่นน้ำใจมาให้ก็อดรู้สึกตื้นตันไม่ได้ แต่เธอก็กังวลกลัวว่าเขาจะต้องกลับไปยังที่พักของตัวเองด้วยความลำบาก จึงพยายามที่จะปฏิเสธ แต่ชายหนุ่มกลับยกมือของเธอขึ้นมาแล้ววางพวงกุญแจรูปตุ๊กตาเต่านินจาคาดผ้าปิดตาสีส้มนั้นลงไปพร้อมทั้งบีบมือเบาๆ พลางสบตาหญิงสาวคนรักด้วยแววตาอ่อนโยน
ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่กลับไปที่คอนโดฯ เองก็ได้ ใกล้ๆ แค่นี้เอง วิรีบไปเถอะครับ
ขอบคุณมากค่ะวัฐ แล้วเดี๋ยวถ้าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ววิจะโทรไปหาทีหลังนะคะ
เมื่อรวินันท์รับพวงกุญแจนั้นไปแล้ว ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นยืนแล้วดึงตัวคนรักเข้ามากอดเบาๆ พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยในตัวหญิงสาวยิ่งนัก
ดูแลตัวเองด้วยนะครับ มีอะไรก็โทร.หาผมได้ตลอดเวลาเลยนะ
รวินันท์กล่าวขอบคุณเขาอีกครั้ง แล้วหันหลังรีบวิ่งออกจากร้านไปทันที โดยมีสายตาของภวัฐมองตามหญิงสาวที่เขารักไปด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่ร่างสูงจะทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทางเหมือนคนหมดแรง มือเรียวหยิบกล่องใส่แหวนขึ้นมาอีกครั้ง พลางระบายลมหายใจยาวอย่างเหนื่อยอ่อน ดูเหมือนว่าวันนี้จะยังไม่ใช่เวลาเหมาะสมนักที่เขาจะขอแต่งงานกับเธอ แต่ไม่เป็นไรครั้งหน้าเขาจะลองดูใหม่อีกที ชายหนุ่มบอกกับตัวเองในใจก่อนจะเรียกบริกรมาเก็บเงินค่าอาหารแล้วจึงเดินออกไปเรียกรถแท็กซี่เพื่อกลับไปพักผ่อนยังคอนโดมิเนียมใจกลางย่านธุรกิจไม่ใกล้ไม่ไกลจากตึกสำนักงานของบริษัทที่ทั้งคู่ทำงานอยู่นัก
หลังจากที่ออกจากภัตตาคารหรูมาแล้ว รวินันท์รีบวิ่งตรงดิ่งไปที่รถยนต์คันหนึ่งซึ่งถูกออกแบบให้มีลักษณะรูปทรงคล้ายเต่าสีเขียวสะท้อนแสงที่จอดอยู่ตรงบริเวณลานจอดรถด้านข้าง เมื่อหญิงสาวสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ก็รีบขับออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะในเวลานี้หัวใจของเธอนั้นช่างร้อนรนยิ่งนักด้วยความเป็นห่วงกังวลกับอาการป่วยของมารดาที่ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด รถเต่าสีเขียวคันน้อยค่อยๆ แล่นทะยานไปบนถนนใหญ่โดยมีจุดมุ่งหมายคือบ้านเดี่ยวที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิเพียงไม่กี่กิโลเมตร
ติดตามตอนต่อไปได้เร็วๆ นี้ค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อะไรน่อออ
สงสัยป๊ะกันเเหม
ไม่น้า
อย่าบอกนะว่า จะผ่านไปทางที่เค้าแข่งรถกัน
โอ โน
แวะมา ให้กำลังใจ นะครับพี่สาว
มาลงชื่อให้กำลังใจก่อน เดี๋ยวค่อยอ่าน