ตอนที่ 6 : บทที่ 6 ทางเลือกสุดท้าย (รีไรท์)
บทที่ 6
ขณะเดียวกันที่บ้านตระกูลภูมิชนก หญิงสูงวัยออกอาการนั่งไม่ติดเมื่อโทรศัพท์หาลูกสาวสุดที่รักอยู่หลายรอบแต่กลับไม่มีใครรับสาย ครั้นโทร. หาลูกชายคนโตก็เป็นเสียงสัญญาณว่าปิดเครื่องเสียอย่างนั้น พิศมัยรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างไรชอบกล เวลาบ่ายคล้อยจนใกล้ค่ำแล้ว ทำไมลูกสาวลูกชายยังไม่โทรศัพท์มารายงานอีก หรือว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับทั้งคู่ คิดได้ดังนั้น จึงหันไปบอกถึงความผิดปกตินี้กับสามีที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์
ทำไมป่านนี้ยายนียังไม่โทร. กลับมาอีกนะ ระยองอยู่ใกล้แค่นี้เอง ตั้งหลายชั่วโมงแล้วทำไมไม่ถึงสักที
นี่คุณ จะห่วงอะไรนักหนาลูกเราโตแล้วนะ อีกอย่างยายนีก็ไปกับเจ้าภาส ไม่เห็นมีอะไรจะต้องเป็นห่วงขนาดนั้นเลย ลูกอาจจะติดงานหรือไม่ก็ไปถึงแล้วมัวแต่เล่นเพลินจนติดลมอยู่เลยไม่ได้โทร. มาก็ได้ เดี๋ยวค่ำๆ พอได้เข้าห้องพักผ่อนก็คงจะโทร. มาเองละน่า
ภูรินทร์ส่ายศีรษะน้อยๆ อย่างระอาใจกับโรคห่วงลูกจนเกินเหตุของผู้เป็นภรรยา พลางหัวเราะขำกับรายการโทรทัศน์ที่ชมอยู่เบื้องหน้า โดยไม่ได้สนใจภรรยาที่มีอาการหงุดหงิดกระวนกระวายใจเลยสักนิด พิศมัยกลับไม่เห็นด้วยกับคำพูดของสามี เธอย้อนกลับทันทีที่ได้ยิน
ที่ฉันเป็นห่วงก็เพราะว่าไปกันสองต่อสองนั่นแหละ คุณก็เห็นนี่คะตั้งแต่ยายนีกลับมาเมื่อวาน มันก็ทำท่าทำทางกระฟัดกระเฟียดไม่พอใจ ไม่รู้ว่าปล่อยให้ไปกันสองคนแบบนี้ยายนีจะถูกรังแกเอาหรือเปล่า
คิดมากน่า ตอนยายนีเด็กๆ เจ้าภาสมันรักมันหวงน้องขนาดไหนคุณก็รู้ มดสักตัวยังไม่ให้ไต่ ใครจะมาแกล้งน้องก็สู้หัวชนฝา แบบนั้นเหรอจะรังแกน้องนุ่งได้ลงคอ ผมว่าคุณคงดูละครน้ำเน่ามากไปแล้ว
คุณภูรินทร์เปรยถึงเรื่องอดีตที่ใครๆ ก็ทราบดีว่าภาสกรนั้นรักน้องสาวคนนี้มากแค่ไหน ขนาดโดนเพื่อนที่โรงเรียนหัวเราะเยาะที่ต้องมาคอยดูแลภาวินี หรือแม้ต้องเล่นกับเธอด้วยของเล่นของเด็กผู้หญิง แต่เด็กชายก็ไม่เคยทิ้งน้องเอาไว้ให้อยู่ลำพังแม้แต่ครั้งเดียว
ละครมันก็เอามาจากชีวิตจริงกันทั้งนั้นแหละ เชอะ ไม่พูดกับคุณแล้ว ฉันโทร. หายายนีเองดีกว่า คุณพิศมัยค้อนขวับวงใหญ่ให้สามี พลางกดต่อสายไปยังเลขหมายปลายทางอีกครั้งอย่างว้าวุ่นใจ
อีกด้านหนึ่ง ภาวินีรู้สึกตัวตื่น ค่อยๆ ปรือตาขึ้นมาทีละน้อยพลางมองไปรอบตัว เสียงคลื่นซัดสาดบวกกับความรู้สึกสากที่ผิวทำให้หญิงสาวรับรู้ได้ว่าในที่สุดเธอก็มาถึงฝั่งเสียที เธอผุดลุกขึ้นนั่งพลางมองไปรอบกายก็เห็นว่ามีอีกคนที่นอนคว่ำหน้าอยู่ห่างไปไม่ไกลนัก
พี่ภาส เป็นไงบ้างคะ พี่ภาสฟื้นสิ อย่าเล่นแบบนี้นะ นีไม่ชอบ อย่าเงียบสิคะ
ภาวินีเขย่าตัวพี่ชายแรงๆ หลายครั้ง น้ำตาไหลรินลงมาเมื่อเห็นว่าพี่ชายยังนอนแน่นิ่งอยู่ เธอพลิกตัวเขาหงายกลับขึ้นมาอย่างลำบาก พลางก้มลงเอาหูแนบอกกว้างเพื่อฟังเสียงหัวใจว่ายังเต้นดีอยู่หรือไม่
พี่ภาส ตื่นสิ อย่าทิ้งนีไว้คนเดียวแบบนี้สิคะ พี่ภาส ตื่นๆ
หญิงสาวทุบลงบนแผ่นอกของพี่ชายซ้ำๆ ในที่สุดชายหนุ่มก็ฟื้นคืนสติ เขาสำลักน้ำออกมาเล็กน้อยแต่ยังคงหลับตาอยู่เช่นเดิม ภาวินีดีใจมากที่เห็นว่าพี่ชายไม่เป็นอะไร เธอโน้มตัวลงกอดร่างสูงนั้นแนบแน่นพลางร้องไห้ออกมาอย่างยินดีที่เขาปลอดภัย เสียงงึมงำดังขึ้นจากร่างของคนที่นอนอยู่
ถ้าเธอยังทับอยู่อย่างนี้ ฉันคงได้หายใจไม่ออกตายกันพอดี ลุกออกไปได้แล้วยายตัวยุ่ง
ขอโทษค่ะ นีดีใจมากไปหน่อย โชคดีจังที่พี่ไม่เป็นอะไร นีตกใจแทบแย่แน่ะ ทีนี้เราจะทำยังไงกันต่อคะ ที่นี่มันคือที่ไหนกันเนี่ย
น้องสาวตัวยุ่งยิ้มทั้งน้ำตาพลางมองไปรอบตัว เบื้องหน้าเป็นผืนน้ำทะเลกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ด้านหลังเป็นป่าเขียวครึ้มจนดูเหมือนเกาะร้างก็ไม่ปาน
ไม่รู้สิ แต่ถ้าฉันเดาไม่ผิด น่าจะเป็นด้านหลังของเกาะเรานะ ภาสกรชันตัวขึ้นนั่งโดยมีภาวินีช่วยประคอง เขามองไปรอบๆ อย่างพินิจพิจารณา เมื่อหญิงสาวได้ยินที่พี่ชายบอกก็ดีใจเป็นอันมาก
จริงเหรอคะ งั้นเรารีบไปที่รีสอร์ตกันเลยสิคะ นีทั้งหิว ทั้งเหนื่อย แล้วก็เริ่มจะหนาวแล้วด้วย
นี่มันก็ใกล้จะค่ำแล้วนะ อีกอย่างสภาพฉันตอนนี้ถ้าจะให้เดินไป ฉันคงจะขาดใจตายกลางก่อนถึงรีสอร์ตแน่ๆ ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เขานึกทึ่งความอึดของตัวเองจริงๆ ที่แม้ถูกยิงจนเสียเลือดมากขนาดนี้ ยังไม่เป็นอะไรมาก เพียงแค่รู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรงเท่านั้น
แต่ว่านีหิวน้ำ แล้วก็หิวข้าวมากเลยค่ะ โอย ปวดท้องจัง
หญิงสาวพูดจบก็ทำหน้าเหยเก เอามือกุมท้องก่อนจะทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นทราย ภาสกรหันมาเห็นเข้าพอดี เขาสังเกตว่าใบหน้าของน้องสาวดูซีดเซียวราวคนป่วย ริมฝีปากแห้งผากและมีเลือดไหลซิบๆ อาการแบบนี้คงไม่ใช่แกล้งทำแน่ๆ
ชายหนุ่มเองก็ไม่เคยออกมาเดินสำรวจด้านหลังของเกาะเสียด้วย จึงไม่รู้ว่าจะไปหาน้ำจืดกับอาหารมาให้น้องสาวประทังชีวิตได้อย่างไร
จริงสิ เคยได้ยินพวกคนงานเล่าว่าท้ายเกาะมีถ้ำอยู่ นี ลุกขึ้นไหวไหม ดูท่าทางว่าเดี๋ยวคงมีพายุที่หนักเอาการอยู่ ยังไงเราก็ต้องไปหาที่หลบฝนก่อนนะ ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มีกลุ่มเมฆสีเทาเข้มลอยคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ แล้วย่อตัวลงส่งมือให้น้องสาวที่นั่งบิดจนตัวงอเพราะอาการปวดท้องทวีความรุนแรงขึ้นทุกที
ถ้ำเหรอคะ มันจะเป็นเหมือนในหนังรึเปล่า แล้ว...มันจะมีผีโผล่มาไหมคะ ไม่เอาดีกว่า นีว่าเรากลับรีสอร์ตกันเถอะค่ะ คงไม่ไกลเท่าไหร่ นีเดินไหว
บ้าแล้ว ดูหนังมากไปรึไง ใจคอเธอจะให้คนที่ถูกยิงเลือดสาดขนาดนี้มาเดินเป็นกิโลๆ เพื่อกลับรีสอร์ตเพราะกลัวผีเนี่ยนะ ก็ดีถ้าฉันตายไป ฉันจะมาหลอกเธอคนแรกเลย
ภาสกรชักเริ่มหงุดหงิดกับความเอาแต่ใจตัวเองของน้องสาว เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ฉุดแขนภาวินีขึ้นมา ก่อนจะเดินนำไปโดยมีเป้าหมายคือถ้ำที่เคยได้ยินพวกคนงานคุยกัน แต่น้องสาวตัวยุ่งกลับทำท่าอิดออดไม่ยอมเดินตาม จนเขาต้องออกแรงกระชากจนดูเหมือนว่าภาวินีจะถูกพี่ชายลากไปเสียอย่างนั้น
ไม่เอาอะ ก็นีกลัวนี่นา
เรื่องมากจริงๆ แค่หาที่หลบฝนคืนเดียวจะอะไรนักหนา รีสอร์ตของเราอยู่ทางตะวันออก เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าก็เดินตามพระอาทิตย์ได้ละนะ ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินจ้ำอ้าวมุ่งตรงไปยังทิศทางที่คาดว่าน่าจะเป็นที่ตั้งของถ้ำดังกล่าวนั้น
เมื่อไหร่จะถึงสักทีเนี่ย นีปวดท้องจะแย่อยู่แล้วนะคะพี่ภาส เราพักกันตรงนี้ก่อนไม่ได้เหรอ พี่ชายนีเป็นมนุษย์หรือหุ่นยนต์กันแน่นะ โดนยิงยังไม่เป็นอะไร แถมยังเดินดุ่มๆ ยังกับตามคะ...เอ่อ
น้องสาวตัวยุ่งนอกจากจะเดินลากเท้าทำให้ภาสกรต้องเสียพลังงานออกแรงเพิ่มขึ้นแล้ว ยังพร่ำบ่นไม่ได้หยุดจนความอดทนของชายหนุ่มเริ่มเหลือน้อยลงทุกที เขาหันกลับมาจ้องใบหน้าไร้เดียงสานั่นด้วยสายตาดุดัน ก่อนจะพูดเสียงเรียบแต่น้ำเสียงนั้นจับได้ถึงความโกรธาที่รุนแรงจนคนถูกจ้องต้องหยุดอ้าปากค้าง กลืนน้ำลายลงคออย่างลำบากยากเย็น
ถ้าเธอยังไม่ยอมหุบปากเงียบๆ แล้วเดินตามฉันมาดีๆ ฉันจะทิ้งเธอไว้ที่นี่คนเดียว จะได้จบเรื่องวุ่นวายนี่สักที
ภาวินีค่อยๆ หุบปากที่อ้าค้างไว้ลง พลางพยักหน้าตอบรับอย่างกลัวเกรง ในสัญชาตญาณบอกว่าคราวนี้พี่ชายเธอเอาจริงแน่ ก่อนจะก้าวเท้าเดินตามไปติดๆ
ไม่นานโพรงหินขนาดใหญ่ก็ปรากฏเบื้องหน้าของสองพี่น้อง ถึงแม้ว่าจะมีไม้เลื้อยขึ้นปกคลุมจนทั่ว แต่ก็ยังพอดูออกว่าภายในเป็นถ้ำขนาดไม่ใหญ่มากและน่าจะเป็นสถานที่ที่คนงานของภาสกรพูดถึงไม่ผิดแน่
มีที่แบบนี้จริงๆ ด้วยสินะ ชายหนุ่มเปรยขึ้นเบาๆ น้องสาวที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังชะโงกหน้ามามองถ้ำที่สูงตระหง่านตรงหน้าด้วยสีหน้าวิตกกังวล
ท่าทางน่ากลัวจังเลย จะมีผีโผล่มาไหมเนี่ย หญิงสาวคว้าชายเสื้อของพี่ชายไว้ ใช้ร่างสูงใหญ่นั้นเป็นเกราะกำบังจากภัยอันตรายต่างๆ ที่เธอจินตนาการขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
เปรี้ยง! จู่ๆ บนท้องฟ้าก็เกิดประกายไฟสว่างวาบขึ้นก่อนจะตามมาด้วยเสียงฟ้าผ่าคำรามกึกก้อง เหมือนห่างจากจุดที่ทั้งคู่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก ทำเอาภาวินีตกใจจนควบคุมสติไม่ได้วิ่งพรวดพราดเข้าไปในถ้ำตรงหน้า ทั้งที่เมื่อครู่ยังบอกว่ากลัวอยู่แท้ๆ ภาสกรตกใจที่เห็นน้องสาววิ่งนำหน้าเข้าไปก่อน ด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าจะเจอกับอันตรายในนั้น เขาจึงรีบวิ่งตามไปติดๆ
นีอยู่ไหนน่ะ เป็นอะไรรึเปล่า
ชายหนุ่มร้องถามที่ตรงปากทางเข้า เสียงของเขาดังก้องไปทั่วทั้งถ้ำ แต่เขากลับไม่ได้ยินเสียงของภาวินีเลย เขารู้สึกใจหายขึ้นมาทันที พลางรีบก้าวเข้ามาในถ้ำสอดส่ายสายตามองหาน้องสาว แต่คงเพราะสายตายังไม่ทันปรับให้ชินกับความมืด ชายหนุ่มจึงต้องหยุดยืนหลับตาสักพักก่อนจะเปิดตาอีกครั้งแล้วมองหา พลางส่งเสียงเรียกไปด้วย สักพักเขาได้ยินเสียงสะอื้นของผู้หญิงดังแว่วมาจากทางด้านซ้าย
คุณพ่อขาคุณแม่ขา นีกลัวจังเลย พี่ภาสอยู่ไหน ช่วยนีด้วย
ภาวินี เธออยู่ไหน ส่งเสียงหน่อยซิ ฉันจะได้หาเจอ ภาสกรตะโกนเรียกชื่อน้องสาว แม้ว่าภายในถ้ำทั้งมืดมิดและอับชื้นจนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหายใจไม่สะดวก แต่สองเท้าก็ยังก้าวเดินต่อไปข้างหน้าอย่างไม่ลดละความพยายาม
พี่ภาสขา นีอยู่ตรงนี้
เมื่อจับตำแหน่งของน้องสาวได้แล้ว ภาสกรจึงมุ่งตรงไปยังทางที่คิดว่าใช่อย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าพื้นถ้ำนั้นจะค่อนข้างมีผิวขรุขระ เพราะเขาเกือบจะหน้าทิ่มล้มคะมำอยู่หลายหน ระหว่างนั้นเองชายหนุ่มก็นึกขึ้นได้ว่ามีไฟแช็กติดตัวมาด้วย จึงจุดไฟเพื่อส่องหาน้องสาว ในที่สุดเขาก็พบว่าน้องสาวนั่งกอดเข่าจุ้มปุ๊กอยู่ข้างๆ โขดหินขนาดใหญ่
ไหนบอกว่ากลัวไง แล้ววิ่งเข้ามาทำไม ภาสกรย่อตัวลงนั่ง พลางเอ่ยถามน้องสาวที่นั่งกอดเข่าคุดคู้ เธอเงยหน้าขึ้นมามองพี่ชาย ใบหน้ามีหยดน้ำใสๆ ไหลรินอาบแก้มทั้งสองข้าง
ก็เมื่อกี้มันตกใจเสียงฟ้าผ่านี่นา พี่ภาสคะ นีเจ็บข้อเท้าจังเลย ภาวินีตอบ พลางชี้ให้เขาดูบาดแผลจากการสะดุดล้มจนข้อเท้าแพลง ชายหนุ่มมองตามมือน้องสาวก็เห็นว่าข้อเท้าของเธอเริ่มบวมแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
ยายตัวยุ่ง ทำไมถึงได้ชอบหาเรื่องนักนะ ลุกไหวรึเปล่า พี่ชายเอ่ยถาม แต่น้องสาวกลับสั่นศีรษะจนผมกระจาย
นีเดินไม่ไหวแล้วค่ะพี่ภาส ทั้งเจ็บขา แล้วก็ปวดท้องด้วย
งั้นเหรอ ฉันได้ยินมาว่าที่นี่เป็นที่เก็บทรัพย์สมบัติที่พวกคนงานหาได้จากเรืออับปาง แล้วก็รู้สึกว่าพวกข้าวของนั่น มันคงจะกองอยู่แถวๆ นี้ด้วยนะ
ภาสกรว่าพลางชูไฟแช็กขึ้นส่องไปยังรอบๆ สายตาของภาวินีมองตามแสงไฟไปก็พบกับบรรดาข้าวของเครื่องใช้หลายอย่างที่วางระเกะระกะอยู่ตามพื้นบ้าง พาดอยู่กับผนังบ้าง จู่ๆ ก็มีลมวูบหนึ่งพัดเข้ามาในถ้ำ พร้อมกับเสียงหวีดหวิวเหมือนเสียงคนร้องโหยหวนดังมาจากกองทรัพย์สมบัติ หญิงสาวสะดุ้งขนลุกชัน ก่อนจะกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ
กรี๊ด...ช่วยด้วย ผีหลอก อย่ามาหลอกหนูเลยนะคะ
ภาวินีลุกขึ้นยืนอย่างลืมตัวไปว่าขาเจ็บอยู่ แล้ววิ่งโกยแนบ เผ่นกลับออกไปทางเดิมที่เข้ามาอย่างไม่คิดชีวิต ทำเอาชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ ถึงกับงุนงง ปนขำ ก่อนจะปล่อยหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น ก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามน้องสาวออกมาที่หน้าปากถ้ำ
นี่เธอ ไหนว่าขาเจ็บไง นี่กลัวผีมากกว่ากลัวเจ็บอีกเหรอเนี่ย
ภาสกรพูดไปหัวเราะไป เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่งจนหอบด้วยความเหนื่อย ส่วนน้องสาวก็ยืนหอบด้วยความเหนื่อยไม่แพ้กัน แต่สาเหตุมาจากการวิ่งแบบใส่เกียร์สี่หนีบางสิ่งบางอย่างที่มองไม่เห็น พอถูกพี่ชายทักเท่านั้น คนขาเจ็บก็เหมือนนึกขึ้นได้ลงไปทรุดนั่งกองอยู่กับพื้นแล้วร้องโอดโอยขึ้นมาทันที
โอ๊ย เจ็บขาจังเลย พี่ภาสบ้า รู้ก็รู้ว่านีกลัว ยังมาเล่าเรื่องแบบนั้นให้ฟังอีก ไม่รู้ละ นีจะกลับรีสอร์ตแล้วด้วย พี่จะอยู่ที่นี่ก็ช่าง นีหาทางกลับของนีเองได้
ภาวินีบ่นออกมาชุดใหญ่ พลางกัดฟันฝืนลุกขึ้นยืน เธอนิ่วหน้าด้วยความเจ็บแต่ก็ยังไม่ยอมทิ้งความพยายามที่จะกลับไปยังรีสอร์ตที่เธอไม่เคยมาเลยแม้แต่ครั้งเดียวให้จงได้ แต่ด้วยสังขารที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้เธอล้มลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้ากับพื้น คราวนี้นอกจากข้อเท้าที่เจ็บแล้ว บั้นท้ายก็ยังเจ็บไปด้วย
เป็นไงล่ะ ยายตัวแสบ เก่งนักไม่ใช่เหรอ ลุกขึ้นมาสิ ภาสกรที่ยืนกอดอกอยู่ มองดูน้องสาวที่พยายามจะลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล
พี่ภาสเป็นผู้ชายที่ใจร้ายใจดำที่สุดในโลกเลย นีเกลียดพี่แล้ว
ภาวินีเงยหน้ามองค้อนพี่ชายตาแทบหลุด พลางพยายามดันตัวเองยืนขึ้น แต่พอทรงตัวยืนได้ไม่เท่าไรก็ล้มลงไปนั่งกับพื้นเหมือนเดิม หญิงสาวจึงตัดสินใจนั่งแปะอยู่ตรงนั้นไม่พยายามที่จะลุกขึ้นอีก
อ้าวไหนว่าจะกลับรีสอร์ตไม่ใช่เหรอ นั่งอยู่อย่างนี้รีสอร์ตมันไม่วิ่งมาหาหรอกนะคุณหนู อืม ดูท่าทางฝนคงจะตกหนักซะด้วยสิคืนนี้ ฉันขอเข้าไปหลบข้างในก่อนละนะ เธอยังอยากจะนั่งตากฝนอยู่ตรงนี้ก็ตามใจ
ภาสกรพูดพลางส่งยิ้มอย่างล้อเลียนให้น้องสาว ก่อนจะหันไปมองท้องฟ้าสีหม่น ที่มีกลุ่มเมฆสีเทารวมตัวกันหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ แล้วเขาก็ทำท่าว่าจะเดินเข้าไปในถ้ำอย่างที่พูดจริงๆ แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวขาออกไป มือเล็กของภาวินีก็ยื่นออกมาจับขาของพี่ชายเอาไว้ เขาก้มลงมองบริเวณที่ถูกสัมผัส แล้วจึงมองไล่ขึ้นมาประสานสายตากับน้องสาว ใบหน้าขาวเนียนใสนั้น ส่งสายตาวิงวอนมายังคนที่ยืนอยู่พอจับใจความได้ว่าเจ้าของสายตานั้นกำลังขอความช่วยเหลืออยู่ แต่ชายหนุ่มกลับแสร้งทำเป็นว่าไม่เข้าใจ
อะไรอีกล่ะ
โธ่ พี่ภาสก็เห็นอยู่นี่คะว่านีเดินไม่ไหว ใจคอจะปล่อยทิ้งไว้ตรงนี้ให้หนาวตายกลายเป็นผีเฝ้าเกาะหรือไงคะ
น้องสาวเองก็เริ่มฉุนขึ้นมาเหมือนกัน ที่พี่ชายทำท่าเหมือนไม่ได้เป็นห่วงเป็นใยเธอเลยสักนิดเดียว ภาสกรได้แต่ทำหน้าเซ็ง นี่เขาต้องทำตัวเป็นพี่ที่ดีไปอีกนานแค่ไหนกัน
เฮ้อ ชาติที่แล้วฉันทำกรรมอะไรเอาไว้นักหนานะ ถึงได้ต้องมาดูแลเธอทุกฝีก้าวแบบนี้ เอ้า ขึ้นมาเร็วเข้า
ภาสกรบ่นอุบ พลางย่อตัวลงข้างๆ ภาวินีหันมามองพี่ชายอย่างงุนงง เอ่ยถามด้วยสายตาว่าเขากำลังพยายามจะทำอะไร
มองหน้าหาเรื่องรึไง เดินไม่ไหวก็ขี่หลังนี่
ชายหนุ่มไม่พูดเปล่า แต่ยังพยายามฉุดให้น้องสาวเขยิบขึ้นมาขี่หลัง ในตอนแรกภาวินีทำท่าอิดออดแต่เมื่อเห็นสายตาที่มองมาอย่างดุดัน ก็ทำเอาผู้เป็นน้องกลัวจนต้องรีบทำตามคำสั่งนั้นทันที ภาสกรแบกร่างเธอขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปในถ้ำ เมื่อเข้ามาแล้ว เขาจึงค่อยๆ ย่อตัวลงวางเธอบนโขดหินใหญ่ตรงที่ไม่ไกลจากปากถ้ำมากนัก
แสงจากดวงอาทิตย์เริ่มจางหายไปหมดแล้ว มีเพียงความมืดของยามราตรีเข้ามาปกคลุมแทนที่ ชายหนุ่มจุดไฟแช็กขึ้นอีกครั้ง พลางมองไปรอบๆ ตัว ดูว่าพอจะมีอะไรที่จะทำเป็นเชื้อเพลิงสำหรับก่อกองไฟได้บ้าง เพราะถ้าจะจุดไฟแช็กต่อไปนานๆ แบบนี้ ไม่น้ำมันแก๊สหมดก็เป็นมือเขาเองนั่นละที่ถูกเผาจนไหม้เกรียมเพราะความร้อน ภาวินีมองดูพี่ชายเดินไปเดินมาก่อนจะเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย
พี่ภาสเดินไปเดินมาทำไมคะ นีเวียนหัวไปหมดแล้วนะ
ช่วยนั่งเงียบๆ หน่อยได้ไหม ฉันกำลังใช้ความคิดอยู่
ภาสกรหันไปดุน้องสาวที่กลายเป็นเจ้าหนูขี้สงสัยในเวลาที่เขากำลังรวบรวมสมาธิ ภาวินีจึงได้แต่นั่งหน้าจ๋อยปิดปากสนิท มีเพียงลูกตาเท่านั้นที่เคลื่อนไหวกลอกไปมาตามทิศทางที่พี่ชายเดินไป ในที่สุดชายหนุ่มก็รวบรวมเอาเศษไม้แห้งๆ ที่พอหาได้ในบริเวณนั้นกับพวกกองสมบัติที่มีเศษกระดาษและเสื้อผ้าเก่าๆ ขาดวิ่นอีกสองสามตัวมากองไว้ตรงกลาง ก่อนจะใช้ไฟแช็กจุดไฟเพื่อก่อกองไฟ ภายในถ้ำสว่างไสวขึ้นมากทีเดียว ขณะที่ชายหนุ่มกำลังขะมักเขม้นอยู่กับการเกลี่ยเชื้อเพลิงท่ามกลางความเงียบ อยู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
โครก...โครก
ชายหนุ่มหันขวับมาตามต้นเสียง ด้วยความตกใจนึกไปว่าเป็นเสียงของสัตว์ที่อยู่ลึกเข้าไปภายในถ้ำร้องคำราม พลางกระซิบบอกน้องสาวว่าอย่าขยับตัวหรือส่งเสียงใดๆ ทั้งสิ้น เพราะมันอาจจะเป็นเสียงของเสือก็ได้ ภาวินีได้แต่สั่นหน้า พลางพยายามอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับถูกมือของพี่ชายปรี่เข้ามาปิดเอาไว้เสียสนิท
จุๆ ...อย่าส่งเสียงดังสิ เดี๋ยวพวกมันก็รู้ตัวกันพอดีว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาหรอก
อื้อ อื้อ อื้อ ภาวินีสั่นหน้าพลางพยายามเอามือแกะมือเหนียวหนึบของพี่ชายที่ตะครุบปากเธอเอาไว้
สายตาของภาสกรกวาดตามองไปรอบๆ อย่างวิตกกังวล พยายามเพ่งมองไปยังทิศทางที่เป็นทางเดินลึกเข้าไปภายในถ้ำ แต่ก็ยังไม่เห็นความผิดปกติใด จนกระทั่งเสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้งแถมคราวนี้ดังสนั่นหวั่นไหวยิ่งกว่าเมื่อครู่เสียอีก
โครก...โครก...โครก
ชายหนุ่มก้มมองไปยังต้นเสียง ที่แท้เสียงสัตว์ร้ายที่ว่าดังมาจากท้องของน้องสาวเขานั่นเอง ภาสกรค่อยๆ เลื่อนมือที่ปิดปากเธอเอาไว้ออกก่อนจะพบกับรอยยิ้มเจื่อนๆ ของน้องสาวที่ส่งมาให้
นีจะบอกแล้วว่าไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่ไหน แต่เป็นเสียงท้องนีร้องตะหากล่ะคะ โอย หิวจัง แสบท้องไปหมดแล้วด้วย
หิวเหรอ ในเวลาอย่างนี้เธอยังมีอารมณ์กินได้อีกเหรอ
ภาสกรส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ เมื่อเห็นว่าภาวินีพยักหน้ารับอย่างเขินอาย เขายกมือขึ้นลูบใบหน้าตัวเองรู้สึกว่าวันนี้ช่างเป็นวันที่โชคร้ายสำหรับเขาเสียจริง
เดี๋ยวฉันลองเดินไปดูแถวนี้ก่อนแล้วกันว่ามีอะไรกินบ้าง ชายหนุ่มว่าพลางเดินออกไปด้านนอกถ้ำ ภาวินีพยายามยันตัวเองลุกขึ้นจะเดินตามไป แต่พี่ชายก็หันมาปรามไว้เสียก่อน
ไม่ต้องตามมาหรอก เธอไปด้วยก็เป็นภาระฉันเปล่าๆ นั่งรออยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวฉันกลับมา
แต่ว่านี...
ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น เธอเป็นคนที่หิวเองนะไม่ใช่ฉัน แล้วในถ้ำนี่มันคงไม่มีผีเผออะไรหรอก ถ้ากลัวก็นั่งสวดมนต์ไปซะ ยายตัวยุ่ง
ภาสกรเดินออกไปแล้ว ภาวินีจึงได้แต่นั่งกอดอกอยู่บนโขดหิน เหลียวซ้ายแลขวาด้วยท่าทางตื่นกลัว ในสมองของเธอจินตนาการไปร้อยแปด ว่ามีผีโผล่ออกมาบ้าง มีสัตว์ร้ายจะออกมาขย้ำเธอไปเป็นอาหาร หญิงสาวไม่เคยต้องถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวในที่เปลี่ยวและน่ากลัวแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้งในชีวิต เธอได้แต่ภาวนาให้คืนนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี และขอให้พี่ชายของเธอกลับมาอย่างปลอดภัย
ด้วยความเหน็ดเหนื่อยและความอ่อนเพลียจากการขาดอาหารทำให้ภาวินีเผลอนั่งหลับไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงฟ้าร้องดังกึกก้องไปทั่ว สายฟ้าที่สว่างแลบแปลบปลาบอยู่ภายนอกสะท้อนเข้ามาภายในถ้ำเป็นระยะ พร้อมๆ กับสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย และดูท่าว่ามันจะไม่หยุดตกง่ายๆ เสียด้วย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เปลี่ยนนางเอกตอนนี้ทันไม๊ค๊ะ รึไม่ก็เปลี่ยนให้นางเอกฉลาดขึ้นกว่านี้หน่อยเถอะค่ะ
น้องนีไม่ใช่เด็กอายุ3ขวบแล้วน๊ะค๊ะ ถึงได้ทำตัวอ่อนต่อโลกซะขนาดนี้
เฮ้ออ...นางเอกทำตัวเหมือนเด็กๆเลย
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ทำตัวน่ารำคาญ
ทำตัวให้สมกับวุฒิภาวะหน่อยเหอะ ชิ น่าหมั่นไส้จริงๆเลย
โตแต่ตัวรึไงเนี่ย??
น่าสงสารพระเอกจัง
เจ็บแล้วต้งมาหาของกินให้นางเอกอีก