คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #245 : Saikai no Chi to Bara -再会の血と薔薇-
ผู้หญิง...ปีศาจ...อย่างนังอิเสะ เมนะก็แค่พวกตอแหล สับปลับ จอมปลอม คำว่ามิตรภาพที่หล่อนสำรอกออกมาสุดท้ายก็แค่ลมปากพล่อยๆ เพื่อหลอกให้เธอตายใจเท่านั้น อาจเป็นเพราะตลอดชีวิตสิบเจ็ดปีที่ผ่านมา คิริซาเมะ ซากุโระไม่เคยพบเจอใครที่ทุ่มเททำดีให้ตั้งมากมายขนาดนี้ ถึงได้โง่หลวมตัวไปหลงเชื่อนังปีศาจพรรค์นั้น ทั้งที่คนฉลาดอย่างเธอน่าจะนึกเอะใจได้ตั้งแต่แรก และเธอหมายถึงนับตั้งแต่วินาทีแรกที่บอกหล่อนว่าแอบชอบเพื่อนร่วมห้องที่มีชื่อว่าอิวาซากิ ไทโช เด็กผู้ชายที่อาจไม่ได้หล่อมากถ้าเทียบกับเพื่อนในห้องคนอื่นหรือแม้แต่เด็กต่างห้องที่เคยมาสารภาพรักกับเธอ แต่ซากุโระก็ตกหลุมรักใบหน้าน่ารักที่มักจะแต้มแต่งด้วยรอยยิ้มสดใส ราวกับแสงสีทองที่ส่องสว่างลงมาอาบย้อมชีวิตที่เป็นสีเทาหม่นของเธอ
ครั้นหวนย้อนคิดดูแล้ว คำพูดหวานหูกับหน้ากากฉาบรอยยิ้มกว้างของหล่อนยามที่เอ่ยว่า “ถ้าสารภาพรักออกไป ยังไงไทโชก็ต้องตอบรับซากุโระแน่!” ก็ไม่ต่างจากยาพิษที่หล่อนป้อนให้
แต่เพราะว่าพระเจ้าย่อมไม่เข้าข้างปีศาจ ถึงได้ดลใจให้เธอรู้แจ้งเห็นจริงถึงเรื่องราวของเพื่อนทรยศกับตาตัวเอง ในตอนที่ต้องไปเอาของที่ห้องศิลปะเมื่อฝ่ายตกแต่งสถานที่ต้องอยู่โยงหลังเลิกเรียนสำหรับกิจกรรมวันวิชาการ ตรงโถงทางเดินนั่นเองที่ซากุโระจะได้เห็นเมนะ — ที่บอกว่าจะไปกดน้ำจากตู้มาให้ — และไทโช — ซึ่งควรจะกลับบ้านไปแล้ว — ยืนอยู่ด้วยกัน
ทว่าคำพูดที่ได้ยินชัดเจนเต็มสองหูเพราะระยะห่างจากตรงหัวมุมที่ไม่ไกลกันนักจะทำให้ฝีก้าวในรองเท้าหนังชะงักกึก มือที่ยกขึ้นทำท่าว่าจะโบกทักทายตกลงข้างตัว เช่นเดียวกับริมฝีปากที่ก็หุบกลับลงไป มีเพียงดวงตาที่จดจ้องมองดูพวกเขาแทบไม่กะพริบหลังประโยคที่ว่า
“ฉันชอบเธอ คบกันฉันนะ”
“ไม่ได้หรอก นายก็รู้ว่าเพื่อนฉันชอบนาย...”
“แต่คนที่ฉันชอบคือเมนะนะ!”
ถึงเรื่องที่ได้ยินจะทำให้ข้างในอกของเธอเจ็บปวดราวกับคมมีดที่กรีดแทง แต่ถ้าเธอไม่มีวันสมหวัง ไทโชเองก็ไม่มีวันนั้นเหมือนกัน เพราะซากุโระเชื่อ...รู้...ว่าเมนะจะต้องปฏิเสธ ไม่ว่าหล่อนจะแอบหวั่นไหวหรือมีใจให้กับเด็กผู้ชายที่มาสารภาพรักกับตัวเองหรือไม่ ในเมื่อนั่นคือสิ่งที่คนเป็น ‘เพื่อน’ ทำ
เว้นแต่ว่าพวกเธอจะไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว นับตั้งแต่วินาทีที่เมนะเงยหน้าขึ้นมาส่งรอยยิ้มเขินอายให้เขากับศีรษะที่ผงกตอบรับ แค่เพียงเท่านั้นความอดทนที่แทบไม่ได้มีอยู่แล้วของซากุโระก็หมดลง พร้อมกับน้ำตาและเสียงกรีดร้องที่ระเบิดออกมา เธอเข้าไปกระชากท่อนแขนของคนที่เคยเรียกว่า ‘เพื่อน’ ให้หันมา ไม่สนใจต่อดวงตาที่เบิกกว้างและริมฝีปากที่อ้าขึ้นเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างที่ก็คงเป็นแค่คำแก้ตัวสั่วๆ แล้วฟาดฝ่ามือตบเข้าไปที่ใบหน้าขาวของเมนะจนเต็มแรง ตามด้วยการพุ่งตัวเข้าไปกระชากปกคอเสื้อแล้วเขย่ามัน
“แกทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง เมนะ! ทั้งที่แกเป็นเพื่อนฉัน! ทั้งที่แกรู้ว่าฉันชอบเขา! แต่แกก็ยังหน้าด้านจะคบกับเขา! แกยอมเลือกผู้ชายที่ฉันรักมากกว่าคนที่แกตอแหลบอกว่าเป็นเพื่อนรักอย่างฉันเหรอ! แกทำกับฉันได้ยังไง! เมนะ! แกทำได้ยังไง!”
“ฉัน...ฉันขอโทษ...”
“เก็บคำขอโทษจอมปลอมของแกลงนรกไปเถอะ!”
แต่มือทั้งสองข้างของเธอก็ไม่ทันได้เลื่อนขึ้นไปบีบคอหล่อนให้หมดลมคามือ เมื่อไทโชจะเข้ามาจับตัวเธอไว้ด้วยเรี่ยวแรงที่มากกว่าจนซากุโระทำได้แค่ขืนขัด น้ำเสียงอบอุ่นของเขาที่เคยปลอบประโลมหัวใจของเธอเสมอมา บัดนี้ก็เป็นได้แค่คมมีดกรีดเฉือนบาดแผลสดใหม่ข้างในหัวใจให้ยิ่งเปิดอ้าและอีกไม่นานเธอคงจะกระอักเอาลิ่มเลือดออกมา เป็นเพราะเสียงแผดตะโกนของเธอที่ดังมากจนทำให้เพื่อนในห้องที่ยังเหลืออยู่พากันวิ่งกรูออกมา ตะโกนถามไถ่ว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนเป็นต้องตกอกตกใจกับภาพที่เห็น ขณะที่เพื่อนผู้หญิงจะรีบเข้าไปประคองนังปีศาจที่ทรุดลงไปกับพื้นพร้อมกับน้ำตาที่ซากุโระมองเห็นเป็นความเสแสร้ง...เหมือนอย่างที่หล่อนเป็นมาตลอด และเมื่อไทโชคลายมือที่จับท่อนแขนของเธอไว้ ซากุโระก็จะสะบัดมันจนหลุดแล้ววิ่งหนีออกไป ไม่สนใจต่อเสียงตะโกนไล่หลังของใครทั้งนั้นอีก
บัดนี้หัวใจของเธอกำลังแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ เหมือนกับลมหายใจที่ก็คล้ายกับว่าจะขาดห้วงลงไป หรือต่อให้มันจะขาดหายไปตลอดกาลเลยก็ช่างปะไร ในเมื่อเธอจะไม่มีวันได้สมหวังกับผู้ชายที่ตัวเองรัก ไหนจะเพื่อนรักคนเดียวที่ไว้ใจที่สุดในชีวิตก็ยังมาหักหลัง ซากุโระไม่ใช่คนเข้มแข็งพอที่จะทนดูพวกเขารักกัน — ไปจนถึงวันที่เลิกกัน — ถ้าจะเป็นอย่างนั้นเธอก็ไม่ขออยู่รับรู้ถึงความเจ็บปวดรวดร้าวใดๆ บนโลกใบที่แสงสว่างของเธอได้ดับลงไปแล้วอีกต่อไปดีกว่า
คมมีดสีเงินวาวที่กดกรีดลงบนข้อมือยังไม่ทำให้เธอรู้สึกเจ็บเจียนตายได้เท่ากับที่หัวใจกำลังรู้สึกเลยด้วยซ้ำ สตินึกคิดของซากุโระเริ่มลอยละล่องออกไป ก่อนที่เธอจะภาวนาเป็นครั้งสุดท้ายว่า หากพระเจ้ามีอยู่จริง ได้โปรดช่วยลงโทษนังปีศาจพรรค์นั้นให้สาสมกับความผิดของมันด้วยเถิด
ซากุโระมองดูเลือดสีแดงที่ไหลทะลักลงมาอาบย้อมข้อมือสีขาวแล้วปิดเปลือกตาลง
∞
แสงสีขาวที่ลอดผ่านผ้าม่านโปร่งเข้ามาภายในห้องสี่เหลี่ยมคือสิ่งแรกที่ซากุโระลืมตาตื่นขึ้นมาเห็น
เธอไม่ได้ตายไปแล้วอย่างที่ตัวเองคิด...ต้องการ...และมันก็ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น เมื่อไม่มีทางที่ใครจะเข้ามาในห้องเช่าที่เธออาศัยอยู่คนเดียวตอนกลางดึกได้ ไม่ต้องพูดถึงเพื่อนร่วมห้องเช่าที่เรียกได้ว่าต่างคนต่างอยู่ กว่าจะมีคนมาพบศพเธอก็คงเป็นตอนที่ครูให้เพื่อนมาตามดูว่าทำไมเธอถึงขาดเรียนไปนานหลายวัน หากเมื่อได้เห็นผ้าพันแผลที่ข้อมือข้างขวากับใบหน้าของเด็กหนุ่มหัวหน้าห้องพ่วงมาด้วยฐานะลูกเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนแพงระยับซึ่งคงจะเป็นที่นี่จากความใหม่เอี่ยมที่ได้เห็น ซากุโระถึงได้แน่ใจว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ บนโลกอันแสนจะโหดร้ายที่อุตส่าห์เฝ้าภาวนาว่าอยากหลุดพ้นใบเดิมนั้น
ด้วยความที่ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับอุกิโช ฮิดากะมากไปกว่าการเป็นเพื่อนร่วมห้อง ซากุโระถึงอดแปลกใจขึ้นมาไม่ได้เมื่อได้เห็นเขานั่งอ่านหนังสือเหมือนกับว่ากำลังเฝ้าเธออยู่ข้างเตียง
ทว่าคำถามแรกผ่านน้ำเสียงที่อ่อนแรงของเธอก็คือ “ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
อุกิโชที่เงยหน้าขึ้นมองเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่ลืมตาตื่นส่งยิ้มกว้างจากทั้งดวงตาและริมฝีปากมาให้
“ฉันเป็นคนช่วยเธอไว้เองแหละ”
“ช่วยฉัน?”
“ทั้งที่มีทางเลือกตั้งมาก แต่ทำไมเธอถึงเลือกทางที่ตัวเองต้องเจ็บคนเดียวด้วยล่ะ? ถึงขนาดยอมเลือกความตายแล้วปล่อยให้สองคนนั้นได้คบกัน เธอยอมได้จริงๆ เหรอ คิริซาเมะ? ถ้าเธอตาย เพื่อนรักที่หักหลังไปคบกับคนที่เธอรักก็จะได้เสวยสุขกันสบายโดยไม่ต้องกังวลกับเรื่องของเธออีก คิดว่าแบบนั้นมันยุติธรรมแล้วเหรอ? คนที่ควรต้องเจ็บไม่ใช่แค่เธอคนเดียวสักหน่อย ไม่คิดอย่างนั้นเหรอ? ทั้งที่เมื่อวานเธออุตส่าห์ทำให้ฉันประทับใจได้มากแท้ๆ ตอนที่ได้ไปเห็นฉากสารภาพรักของสองคนนั้นกับตาตัวเอง เพราะอย่างนั้นฉันถึงได้ผิดหวังมากที่เห็นเธอเลือกเส้นทางนี้และอยากให้โอกาสเธอได้เลือกอีกครั้ง”
ซากุโระไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะแสงแดดยามเช้าที่จัดจ้าเกินไปจนหลอกตาเธอหรือว่าอะไร หากรอยยิ้มกว้างตลอดคำพูดร่ายยาวของเด็กหนุ่มอุกิโชนั้นดู...บิดเบี้ยว...แปลกแปร่ง เธอยังไม่สามารถสรรหาคำที่เหมาะสมมานิยามให้มันได้ในเวลานี้ เหมือนกับคำพูดของเขาที่ก็ฟังดู...พิลึก...พิกล
แต่ซากุโระก็ไม่สนใจที่จะถามไถ่หรือว่าใคร่ครวญถึงเรื่องราวที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรในตอนนี้ บางทีเขาอาจเป็นพระเจ้าที่เธอวอนขอก่อนตายก็ได้ เช่นนั้นเธอก็จะรับโอกาสครั้งที่สองที่พระองค์มอบให้ด้วยความยินดี
“ลองนึกภาพสองคนนั้นอยู่ด้วยกัน...” คำพูดของอุกิโชหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงเลื่อนบานประตูห้องเปิดออก ซากุโระไม่จำเป็นต้องเสียเวลาวาดภาพตามให้รกสมองเลยด้วยซ้ำ เมื่อภาพของสองคนนั้นที่ว่าจะปรากฏชัดเจนอยู่เต็มสองตา
ซากุโระไม่สามารถทนมองหน้าพวกเขาโดยไม่เกิดความรู้สึกเจ็บปวดต่อไทโชหรือเกลียดชังต่อเมนะได้ ใบหน้าซีดเซียวกับใต้ตาที่บวมช้ำของนังปีศาจก็แค่เรื่องตอแหลเรียกร้องขอความเห็นใจไม่ใช่หรือไง แถมยังหน้าด้านหน้าทนเป็นบ้าที่กล้ามาเยี่ยมเธอกับผู้ชายคนที่เธอบอกว่ารักอีก ซากุโระกลับไปล้มตัวลงนอน มองเมินด้วยการหันหลังให้อย่างจงใจ แววตาของอุกิโชที่มองสบกับเธอพราวระยับอย่างมีเลศนัย ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายเริ่มต้นเอ่ยปากทักทายสองคนนั้นให้แทน
“ซากุโระไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม?”
เธอคิดว่าอยากจะตอบโต้อะไรสักอย่าง บางทีอาจหันไปตะโกนด่า ไม่ก็ลุกขึ้นไปตบหน้าของนังปีศาจที่เสแสร้งแกล้งทำว่าเป็นห่วงเธอจนบวมฉึ่งดูไม่ได้ให้สาแก่ใจ อยากรู้นักว่าถ้าหล่อนหน้าตาน่าเกลียดขึ้นมาแล้วเขาจะยังโง่ชอบลงได้อยู่ไหม หากซากุโระก็พยายามกดกลั้นความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลเอาไว้ ขณะที่ความมุ่งมั่นของเธอแจ่มแจ้งชัดเจน
เธอได้รสสนิมจากริมฝีปากที่ตัวเองกัด
∞
รสชาติขมปร่าของน้ำย่อยเหนียวหนืดคือสิ่งที่ซากุโระรู้สึกถึงอยู่ในตอนนี้
ก่อนประโยคแรกของวันหลังจากที่เธอตื่นนอนมาแล้วเอาแต่นั่งเหม่อมองดูผนังสีขาวที่ว่างเปล่าอยู่นานจะไหลเลื่อนผ่านลำคอให้กับเด็กหนุ่มคนที่กำลังนั่งก้มหน้าปอกแอปเปิ้ลอยู่ข้างๆ ว่า
“นี่ ชาติหน้ามีจริงหรือเปล่า?”
อุกิโชยิ้มออกมาโดยที่ไม่ได้เงยมอง
“ทำไม? อยากขอให้ชาติหน้าเธอได้สมหวังกับไทโชเหรอ?”
“ถ้าชาติหน้ามีจริง ช่วยทำให้ฉันไม่ต้องรู้จักไทโชเลยต่างหากจะได้ไหม?”
“เธอจะคิดว่าสิ่งที่ทำในอดีตจะไม่ส่งผลกับอนาคตไม่ได้” อุกิโชยังคงว่าต่อไปด้วยรอยยิ้มเรียบเรื่อย
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ขอให้เขาเกลียดฉัน แค้นฉัน มากจนอยากฆ่าฉันให้ตายจากสิ่งที่ฉันกำลังจะทำ”
อุกิโชไม่ทันได้ตอบรับคำพูดของเด็กสาวบนเตียงในตอนที่บานประตูห้องเลื่อนเปิดออก แม้ว่าจะผ่านมาสามวันได้แล้ว แต่ดูเหมือนความเจ็บปวดและเคืองแค้นเมื่อได้เห็นใบหน้าของทั้งสองคนนั้นจะยังคงไม่จางหายไปไหน ตรงกันข้าม มันกลับยิ่งเข้มข้น รุนแรง ขับดันเจตนารมณ์อันมุ่งมั่นแรงกล้าอย่างที่ทำให้อุกิโชซึ่งมองดูใบหน้าบูดเบี้ยวจากด้านข้างของเธอฉีกยิ้มออกมา
“ซากุโระ ฉันขอ...”
แต่เจ้าตัวก็จะเอ่ยขัดคำพูดที่ไม่ต้องการจะฟังของนังปีศาจนั่นเสียก่อนว่า “ฉันเคยคิดจริงๆ ว่าเธอเป็นเพื่อนฉันนะ เมนะ”
“ฉันเป็นเพื่อนเธอจริงๆ นะ ซากุโระ”
“งั้นเธอเลิกกับคนที่ฉันรักได้หรือเปล่าล่ะ?”
“ฉันขอ...”
“เลิกเอาแต่ขอโทษสักทีเถอะ!” ซากุโระแผดตะโกนออกมาเมื่อสุดจะทนได้ไหวอีกต่อไป “ถ้าเธอก็ชอบไทโชเหมือนกันทำไมเธอไม่บอกฉัน! ทำไมเธอต้องหลอกฉัน! ทำไมเธอต้องทรยศฉัน!” ก่อนที่จะหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะข้างเตียงปาไปโดนผนัง เฉียดร่างของเมนะที่ได้แต่ยืนตัวสั่นพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มร่วงเผาะลงมา เรียกความโกรธของซากุโระให้ยิ่งทบทวีขึ้นไปอีก ทั้งที่หล่อนได้ทุกอย่างไปแล้วแท้ๆ แต่ทำไมถึงได้ยังทำตัวน่าสมเพชเวทนาแบบนี้อยู่ได้
“ฉันผิดเอง ซากุโระ อย่าโทษเมนะเลย”
แต่สิ่งที่ทำให้ฟางเส้นสุดท้ายของเธอขาดลงมาจากประโยคคำพูดของไทโชกับมือที่จับไหล่ทั้งสองข้างเอาไว้ มันไม่ใช่คำปลอบประโลมเพื่อเธอ แต่เป็นการปกป้องนังปีศาจที่ได้เขาไปแล้วต่างหาก ซากุโระตั้งใจไว้แล้วว่าอย่างไรวันนี้เธอก็จะไม่ร้องไห้ออกมา หากความร้อนผ่าวก็รื้นขึ้นมาที่ขอบตาเมื่อได้มองดูใบหน้าที่เธอ...รัก
“ถ้าหัวใจของไทโชจะไม่มีวันเป็นของฉัน งั้นก็อย่าหวังเลยว่าคนอื่นจะได้มันไป”
คมมีดที่ปักเข้าไปตรงหน้าอกของเขารวดเร็วเกินกว่าที่ใครจะทันได้มองเห็น ไม่แม้แต่ให้เขาจะได้ทันป้องกันตัวเอง ก่อนที่เธอจะดึงมีดออกมา ผลักร่างของเขาที่ชะงักงันลงไปกับพื้นแล้วแทงมันย้ำซ้ำที่ตรงจุดเดิมอยู่อย่างนั้นจนเลือดสีแดงฉานเปื้อนเปรอะไปทั่วเสื้อสีอ่อนทั้งของเขาและเธอ ขณะที่เมนะก็จะทำได้เพียงกรีดร้องร่ำไห้ออกมาพร้อมกับเข่าที่ทรุดฮวบลงไปอยู่ไม่ห่าง ครั้นแน่ใจแล้วซากุโระจึงค่อยๆ หันใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดไปหาหล่อน
“ที่ไทโชต้องตายเป็นความผิดของแก เมนะ ฉันขอให้แกอยู่กับความรู้สึกผิดที่ทำให้เขาและฉันต้องตายไปตลอดชีวิต”
ว่าจบเธอก็ยกมีดเล่มเดิมนั้นขึ้นปาดลำคอของตัวเองจนแอ่งเลือดสีแดงพุ่งกระฉูด ด้วยความสยดสยองมากพอที่จะทำให้สติของเมนะดับวูบลงไป
อุกิโชมองภาพของชายหญิงทั้งสามบนพื้นตรงหน้าด้วยความรู้สึกตื่นตะลึงที่เปี่ยมไปด้วยความหฤหรรษ์ เขาไม่คิดเลยว่าซากุโระจะเลือกใช้โอกาสที่สองด้วยการปล่อยให้เพื่อนรักที่หักหลังมีชีวิตรอดอยู่ต่อไป แล้วทำลายหัวใจของตัวเองด้วยน้ำมือของตัวเองก่อนที่จะตายตกตามกันไป ความรัก ความแค้น ความรู้สึกมากมายที่ทะลักล้นจนทำให้มนุษย์ตัดสินใจทำในสิ่งที่เกินคาดคิดยังคงเป็นสิ่งที่น่าบันเทิงเริงใจสำหรับอุกิโชได้เสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ร้อยกี่พันปีก็ตาม
“แล้วเธอจะได้ในสิ่งที่ขอ คิริซาเมะ”
_______________
ความคิดเห็น