ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #243 : SUMMER OF '13 (20% ใครไม่แคร์ กุก้ไม่แคร์แบร์)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 31
      0
      14 เม.ย. 67

    SUMMER OF '13
    Playlist: Travis Japan – Charging! / Travis Japan – Okie Dokie!












    .

    เพราะเอลล่าเลิกเชื่อเรื่องเพ้อฝันอย่างโลกกลม พรหมลิขิต อะไรทำนองนั้นมาได้สักพักใหญ่ๆ (ที่หมายถึงหนึ่งปี) เมื่อคนเดียวที่จะลิขิตชะตาเราได้ก็คือตัวเราเอง อย่างเช่นการที่เธอวางแผนจะไปแคลิฟอร์เนียช่วงซัมเมอร์ที่เคยปฏิเสธมาได้สักพักใหญ่ๆ (ที่หมายถึงหนึ่งปี) แค่ได้ยินคำว่าแอลเอ แคลิฯ ฮอลลีวู้ด ก็ยังแสลงหู มากกว่าคือแสลงใจ เมื่ออุมิ (ชื่อเต็ม นากามูระ ไคโตะ) อดีตคนรักที่คบหากันมาหนึ่งปีกับอีกสี่เดือน จู่ๆ ก็บอกเลิกกับเธอเพราะต้องย้ายไปอยู่แคลิฟอร์เนียตามคำสั่งของคุณหญิงแม่ เอ้ย! คุณแม่ที่เป็นภรรยานักการเมืองใหญ่ซึ่งย้ายหนีข่าวฉาวจากญี่ปุ่นมาซื้อบ้านหรูอยู่ที่อเมริกา พร้อมกับคำประกาศิตที่ให้เลิกรากับคนรักต่างเชื้อชาติอย่างเธอ และการที่เขาไม่พยายามต่อสู้เพื่อรักษาความสัมพันธ์ทั้งที่เคยรักกันจะเป็นจะตายตั้งขนาดนั้น ก็จะทำให้เอลล่าเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟาย กินไม่ได้ นอนไม่หลับ อยู่เป็นเดือนๆ จนเพื่อนๆ ต้องผลัดเปลี่ยนกันมาเฝ้าเพราะกลัวเธอจะตรอมใจตาย หลังจากน้ำตาที่ไหลรวมกันแล้วคงสร้างแม่น้ำโคโลราโดได้อีกแห่งเหือดแห้งลงไป ความเสียใจก็แปรเปลี่ยนไปเป็นความแค้นเคือง ขนาดที่เอลล่าปณิธานกับตัวเองเลยว่าชาตินี้เธอจะไม่ขอเจอหน้าแฟนเก่าคนนี้อีกเลยตลอดทั้งชีวิต!

    แต่เป็นเพราะข่าวใหม่ล่าสุดที่ได้ยินจากพี่โจ ญาติผู้พี่ที่ดอดไปหากิ๊กไกลถึงแคลิฟอร์เนีย แล้วกลับมาเล่าให้เธอฟังอย่างออกรสออกชาติว่า “บังเอิญเจอแฟนเก่าแกควงสาวคนใหม่ตอนไปดูหนัง หนุงหนิงกันใหญ่ เห็นแล้วหมั่นไส้ฉิบหาย พี่เกือบจะเข้าไปต่อยมันแล้ว ถ้าคุณหญิงแม่ของมันไม่เดินเข้าไปก่อนนะ”

    ทว่าคนที่เอ่ยขึ้นก่อนเอลล่าที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกกลับเป็นนิกกี้ น้องสาวอายุอ่อนกว่าหนึ่งปีที่มาร่ำเรียนและเช่าบ้านอยู่ในสปริงแวลลีย์ด้วยกัน แต่เรียนอยู่ชั้นปีเดียวกัน เมื่อเอลล่าตัดสินใจซิ่วจากคณะที่ไม่ชอบในเมืองไทยมาเข้าคณะศิลปะที่นี่กับน้องสาว ตามคำชักชวนอย่างกระตือรือร้นของญาติผู้พี่แทน

    “จริงพี่! ถ้าคุณหญิงแม่ของอุมิไม่เดินเข้าไปก่อนนะ ป่านนี้เราได้ยกโขยงไปเยี่ยมพี่ที่แอลเอกันแล้ว หมายถึงไม่ที่โรงพยาบาลก็ห้องดับจิตนะ!”

    “โธ่ ไอ้นิกกี้ ปากแกนี่หมายังเรียกพี่”

    โจหัวเราะไม่ถือสาคำพูดของหล่อน แต่ไม่วายยกมือขึ้นดีดหน้าผากน้องสาวคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งจะยกมือขึ้นคลำป้อยๆ ปากก็ขยับมุบมิบเป็นคำสาปแช่ง

    “แต่พี่โกรธแทนแกจริงนะ เอลล่า ยิ่งคิดถึงตอนนั้นที่แกฟูมฟายเหมือนจะตายแล้วยิ่ง... เฮ้อ! ดูแกสิ ทุกวันนี้ยังไม่ยอมเปิดใจให้ใครใหม่ ส่วนไอ้อุมิที่ทิ้งแกไปดันควงสาวคนใหม่หน้าระรื่น ยัยคุณหญิงแม่ก็ได้คุณหนูลูกสะใภ้ใส่แบรนด์เนมหัวจรดเท้าชาติเดียวกันสมใจ ท่าทางจะคิดว่าเรามาจากประเทศโลกที่สามแล้วกลัวแกจะไปฮุบสมบัติล่ะมั้ง โธ่ ถ้ายัยคุณหญิงแม่รู้ว่าพ่อแม่แกทำอะไรนะ ขี้คร้านจะถวายลูกชายใส่พานให้สิไม่ว่า”

    เป็นอีกครั้งที่นิกกี้อดใจไม่ขัดคำพูดของญาติผู้พี่ไม่ไหว

    “เอลล่ายังไม่เคยเล่าว่าคุณหญิงแม่ของอุมิอยากได้ลูกสะใภ้รวยๆ สักคำเลยนะพี่”

    “ซื่อๆ ไม่ทันคนอย่างแกจะไปรู้อะไร” โจหันไปเอ็ดใส่นิกกี้ด้วยท่าทีติดจะรำคาญ ครั้นแล้วก็หันกลับมาหาเอลล่าที่นั่งปิดปากเงียบตลอดการสนทนาอยู่ฝั่งตรงกันข้ามแล้วว่า “ถ้าไม่ติดที่ซัมเมอร์นี้พี่นัดกับกิ๊กว่าจะไปนิวยอร์กด้วยกันแล้วนะ พี่จะติดไปแคลิฟอร์เนียกับไอ้ไทโชแล้วต่อยหน้าแฟนเก่าแกให้สะใจสักทีจริงๆ!

     

    และด้วยเหตุฉะนี้ ในเช้าของวันที่อากาศสดใส ท้องฟ้าเป็นสีน้ำเงินจัด มีแสงแดดสีทองอบอุ่นลอดผ่านแมกไม้ลงมา สมกับเป็นฤดูร้อนที่แจ่มจ้าในสปริงแวลลีย์ สองพี่น้องที่นั่งรออยู่บนพื้นหญ้าหน้าบ้านกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ (ซึ่งยัดเสื้อผ้ารวมกันเพื่อประหยัดเนื้อที่) ก็จะรีบเด้งตัวลุกพรวดพราดขึ้นมา เมื่อบีเอ็มดับเบิลยูคันสีเหลืองรุ่นคลาสสิกที่ต่างก็คุ้นเคยดีจะค่อยๆ เลี้ยวเข้ามาชิดขอบถนน เสียงร้องวี้ดว้ายที่ดังมาก่อนตัวสาวน้อยซึ่งโดดผลุงลงมาทั้งที่รถยังจอดไม่สนิทดี เรียกเสียงหัวเราะจากสองสาวที่โบกไม้โบกมือให้ด้วยความตื่นเต้นยินดีไม่แพ้กัน

    ดีใจสุดๆ เลยค่ะที่พี่เอลล่ามูฟออนได้สักที!” สาวน้อยวิ่งรี่เข้ามาจับมือของคู่สนทนาเอาไว้แล้วเขย่าขึ้นลงเหมือนกับเด็กๆ “ทั้งหมดเป็นเพราะพี่อุมิคนเดียวเลย! หนูถึงพาพี่เอลล่าไปเที่ยวแอลเอด้วยกันไม่ได้สักที ถ้าเจอหน้าพี่อุมิเมื่อไหร่นะ หนูจะไปช่วยซัดให้หน้าหงายอีกแรง ถือซะว่าเป็นตัวแทนของพี่โจ...”

    ทว่าคำพูดของหล่อนก็จะถูกขัดจากคนขับที่เพิ่งจะลงรถตามมาว่า

    เราจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปสู้ โมเอะ แค่วิ่งก็จะล้มอยู่แล้ว”

    ครั้นมองเลยมาหาเอลล่าด้วยความตั้งใจแล้วก็ส่งยิ้มให้ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่รอยยิ้มที่แต้มแต่งบนใบหน้าน่ารักของเขาอยู่เสมอกลับยิ่งดูเปล่งประกายขึ้นกว่าเดิมในวันที่ท้องฟ้าเจิดจ้าแจ่มใส ขนาดทำให้นิกกี้ที่ยืนเป็นของประกอบฉากอยู่ข้างๆ พี่สาวอดเปิดปากร้องแซวไม่ได้ว่า

    โอ้โห ขนาดไม่ได้ยิ้มให้เราแท้ๆ แค่หันไปเห็นเฉยๆ ยังทำเอาตาเกือบจะบอดเลย”

    คนมีความสุขมันก็ออกทางหน้าแบบนี้แหละ”

    จะเก็บยังไงไหว ก็เพราะความรักมันล้นใจ”

    นิกกี้เสริมรับคำพูดของโมเอะแล้วพากันหัวเราะคิกคักชอบอกชอบใจ ขณะที่พี่สาวพี่ชายของพวกหล่อนเลือกที่จะปิดปากเงียบ ด้วยรู้ดีว่าพูดอะไรไปก็มีแต่จะเข้าเนื้อเปล่าๆ

    เอลล่าเดินไปหาไทโชที่กำลังยกกระเป๋าเดินทางขึ้นไปเก็บไว้ที่ท้ายกระโปรงรถ ทำไขสือไม่สนใจต่อเสียงตะโกนร้องห้ามแล้วช่วยเขาด้วยอีกแรงหนึ่ง แม้ว่าจะด้วยความทุลักทุเลเพราะเรี่ยวแรงที่ไม่ค่อยจะมีก็ตามที

    ปกตินิกกี้ไม่ใช่พวกชอบกินแรงคนอื่น และไม่ใช่เป็นเพราะความคิดที่ว่า แค่กระเป๋าเดินทางใบเดียวคงไม่เหนือบ่ากว่าแรงผู้ชายที่ตัวใหญ่กว่าตั้งมากแบบนี้ แต่เป็นเพราะสาวน้อยน่ารักอย่างนิกกี้เห็นแก่ทุกดวงใจที่มีรัก เมื่อไม่มีใครในสปริงแวลลีย์ที่จะไม่รู้ดูไม่ออกว่าไทโชแอบปิ๊งพี่สาวของหล่อนอยู่ ช่วงที่เอลล่าอกหักก็แวะเวียนมาเฝ้ามาหาบ่อยกว่าใครเพื่อน ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็แค่เพื่อนธรรมดา เวลาเจอหน้าก็แค่ทักทายพูดคุยกันไปตามเรื่อง ทั้งตามประสารูมเมตของญาติผู้พี่ และตามประสาสมาชิกชาวเอเชียด้วยกันในเมืองเล็กที่ทุกคนแทบจะคุ้นหน้าค่าตากันหมด

    แต่การที่เอลล่ายังคงก่นด่าคนรักเก่าตลอดทั้งเช้าค่ำนั้นเป็นเพราะว่าเธอยังมูฟออนไม่ได้! ถึงจะรับรู้ดูออกเหมือนกันแหละว่าเพื่อนสนิทที่นิสัยดีที่สุดในโลก — และคงจะทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก — มาตกหลุมรัก — และใช่ว่าหัวใจที่ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรนักจะไม่อ่อนยวบยาบเพราะความดีของเขาตามไปด้วย — แต่ก็วกกลับไปยังเหตุผลแรกสุดนั่นก็คือ เพราะเอลล่ายังมูฟออนจากอดีตคนรักที่ทำตัวใจร้ายกับเธอที่สุดในโลกไม่ได้!

    แค่ดื่มคงไม่พอ สงสัยฉันต้องต้มน้ำใบบัวบกให้ไอ้ไทโชมันอาบซะแล้ว” นิกกี้จำได้ว่าโจที่คอยเชียร์รูมเมตนิสัยดีให้กับพี่สาวของเธอเคยพูดเอาไว้อย่างนี้ ก่อนที่จะโดนเธอไล่เตะเพราะมาจี้ใจดำเข้าให้ อ้อ เดี๋ยวฉันต้มเผื่อให้แกด้วยนะ นิกกี้ เอาไปทั้งโอ่งเลย”

    เสียจนเธอคิดว่าหูฝาดไปเองที่ได้ยินชื่อของคนที่แอบชอบแว่วผ่านเข้ามา แต่เมื่อเธอถามย้อนกลับไปว่าอะไรนะ โมเอะก็จะเป็นฝ่ายชิงตอบแทนพี่ชายที่อ้าปากไม่ทันว่า

    พี่ไทโชบอกว่าพี่เก็นตะกับพี่คาร่าก็จะไปกับเราด้วย อ๊ะ! พูดถึงก็มาพอดีเลย!”

    พร้อมกับที่รถมัสแตงสีน้ำเงินรุ่นใหม่เอี่ยมจะเลี้ยวเข้ามาจอดต่อหลังรถเจ้าคุณปู่ (อย่างที่ทุกคนในเมืองเรียก) ของไทโช และรอยยิ้มกว้างที่ชายคนขับซึ่งเปิดประตูลงจากรถตั้งใจส่งมาให้นิกกี้ ก็ช่างเจิดจ้ามากเสียจนทำให้นัยน์ตาของเธอมัวพร่าได้ยิ่งกว่าพระอาทิตย์ดวงโตบนท้องฟ้าซะอีก!





    2024年03月31日
    _______________
     ไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อเพราะกูยังไม่อยากจะเชื่อ! แต่ในที่สุดกูก็กลับมาเป็นเพื่อนกับอุมิได้แล้วโว้ยยยย!!! ต้องขอบคุณ (โตเกียวทาวเวอร์ที่ทำให้) มึงกลับไปหาเก็นตะก่อน T_T และขอบคุณเพลงทีจีไอกับลุคอุมิหัวทองที่สุดของที่สุดแล้วหลังจากกูเลิกชอบ (ที่ล่าสุดคือไปตัดผมย้อมเข้มแล้ว สวัสดี) / แม้ว่ากูจะบ่นก่นด่าเพลงทราวิสหลังเดบิวต์มากมายรวมกันได้ยิ่งกว่ามหาสมุทร แต่กูก็จำได้ว่าอวยเพลง c/w ในซิงมูฟวิ่งพีสเซสทั้งสามเพลงนี่แหละ และแคนดี้คิสที่เอ็มวีทำเป็นแนว...เกม 55555 อยากตาย U_U แต่ที่สุดที่ทำให้กูแอบมือไม้สั่นคือโอคิโดคิ แต่ก็ยังตีมือตัวเองได้ จนมาถึง(เอ็มวี)ทีจีไอนี่แหละโว้ยย (เอาจริงกูปลงแล้วว่าคงไม่กลับไปทำแนวเดิมแล้ว งั้นก็มาแนวฝรั่งที่ฟังม่วนๆ เพลินๆ แบบนี้ก็ได้ แต่กูยังไม่หมดหวังว่าถ้าหมดสัญญากับแคปปิตอลเมื่อไหร่ก็คงกลับมาทำแนวญี่ปุ่นเหมือนเดิมในสักวันหนึ่ง T_T) / และเพราะโทระทูบที่กลับมาทำให้เราพอยิ้มได้เหมือนตอนก่อนไปเมกาได้อีกครั้ง หลังจากเลิกดูไปนานมาก (เพราะมีตัวตลกในสายตาเธอมั้งนะ) เห้อออ กูจะบอกเลยว่าเบื้องหลังเอ็มวีทีจีไอที่ลงในยูทูบอ่ะ อุมิแม่งเหมือนสมัยที่กูชอบมากกกกกๆๆๆ ขอบคุรที่ทำให้กูเคยได้รักใครจะเป็นจะตายสักครั้งในชีวิตจนมึงด่าว่าจะอะไรขนาดนั้น เคอหมิดแขวนคอ บ้าป่ะ เป็นต้น
     ฟิคเรื่องนี้จริงๆ เกิดขึ้นเพราะคลิปที่ถามว่า catchphrase ของลูสี้ในฟอลเอาท์คืออะไร แล้วเป็นคำว่าโอคิโดคิ! ที่ช่วงนี้กูเพิ่งจะกลับไปติดเพลงโอคิโดคิ! ทีนี้ยูทูบก็แนะนำคลิปขับรถแวดเมืองโดยได้อินสไปร์จากสถานที่ใน GTA5 (ลิงค์) ซึ่งโลกรู้ว่าแรงบันดาลใจมันคือแอลเอ! อันเป็นเมืองที่ทราวิสไปอยู่และถ่ายเอ็มวีจัสต์แดนซ์กับโอคิโดคิ! แล้วกูก็นึกถึงคลิปที่ทราวิสตามหากันโดยส่งอีโมจิ (ที่เก็นตะแม่ง 55555) เลยคิดว่างั้นแต่งฉากแอลเอให้ทราวิสสักเรื่องเหอะวะจะได้ไม่ค้างคา / บังเอิญที่ช่วงนี้กูติดเรื่องของขวัญวันวานมากมึง เบื่อจินตวีร์ละโว้ยย ก็เลยเลือกฉากเป็นโคโลราโด ให้นางเอกเป็นคนไทยไปเลยแล้วกันถึงได้เลือกชื่อฝรั่งแบบบ้านๆ มึงพู่กูพี่แพร ไอ้พี่โจมาเป็นพี่ฐา คุณหญิงแม่ของอุมิมาจากแม่ของเต้+ที่เราพูดถึงแม่เพื่อนคนหนึ่งสมัยเรียนมอปลาย 55555 / ชื่อเรื่องตอนแรกคิดไม่ออก บังเอิ๊นบังเอิญที่กูนึกถึงหนังที่คนช่วยเขียนบทหมีพู์หน้าเหี้ยสองเขียน ตอนแรกจะเป็นปัจจุบันนี่แหละ แต่สุดท้ายก็เลือกปี '13 ที่ GTA5 รีลีสและโซเชียลก็ยังไม่บูมมาก เพราะไม่งั้นเอลล่าส่องไอจีก็รู้เรื่องอุมิหมดละ ไม่ต้องถ่อไปผ่อหน้าเมียใหม่นิ / และเพราะเรื่องนี้กูตั้งใจแต่งเป็นฟิคบอกลาอุมิ (แบบดีๆ) ก็เลยให้เป็นพระเอกไม่ได้จริงๆ เพราะงั้นเอลล่าถึงต้องมีพระเอกตัวจริงเพื่อสื่อว่าเราต่างก็มุ้ปอรได้แล้ว ส่วนมึงแค่เก็นตะคนเดียวยังมุ้ปอรไม่ได้ก็ไม่ต้องไปไหน อยู่นี่ไปนะมึงนะ / แต่เล่านะ กูเคยคิดจะแต่งพล็อตนี้ที่ได้กลับมาเจออุมิหลายรอบมากๆ แต่ทุกเรื่องคือดราม่าหมดแล้วกูก็เห้ออ แต่งโดยไม่ด่าไอ้เหี้ยนั่นไม่ไหว มันเรียลไป ก็เลยพอๆ เลิกๆ กระทั่งได้พล็อตของเรื่องนี้ที่มาแบบใสๆ อบอุ่นหัวใจได้ เพราะวีกอนบีโอเค (จี๊ฟแมวยกนิ้ว ok) ที่เพิ่งรำลึกได้ว่าบชนก็เคยไปแสดงที่แอลเองิ
     ใจร้อนอยากลงก่อนถึงจะมีแค่เจ็ดร้อยคำ ต้องแคร์ไร ไอด๊นท์แคร์แบร์ พล็อตต่อจากนี้เอลล่ากับนิกกี้จะไปแอลเอกับไทโชแล้วก็โมเอะ (ไทโชขับรถโว้ยยย) รถอีกคันคือเก็นตะกับคาร่า (เก็นตะขับเป็นป่าววะ) เดี๋ยวมีแวะแคมป์กราวนด์จ้ะ ไทโชทำกับข้าวๆ >_< พอถึงแอลเอแล้วเรื่องจะไปจบที่ริมหาดจีทีเอ เหมือนที่ทราวิสทุกคนมาเจอกัน อยากแต่งฉากเก็นตะไปซื้อโค้กไปยิงตุ๊กตาไปนั่งชิงช้า (ที่สุด) ตั้งใจแต่งให้เป็นฟิคสั้นๆ ตอนเดียวจบ...ที่ไม่จบหรอกถ้ากูไม่แต่งต่อ ฮ่าๆๆๆ ยังไม่พ้นช่วงแต่งฟิคกะปริดกะปรอยสักทีว่ะมึง ถ้ารอให้แต่งจบแล้วเอาลง กูบอกเลยว่าไม่ได้ลงทั้งปี บ้าบอ
     ปล. เมื่อวานมีคอนฯบชน เห็นอุกิโชหัวแดงละกูมือไม้สั่นเรยนิ ทำไมไม่ถ่ายอันอันตอนหัวแด๊งงง!!!!! / และเดือนหน้าเดือนเกิดอุมิกับเก็นตะ ฮ่าๆๆๆ กูจำได้เสมอทุกปีแหละ

    2024年04月06日
    _______________
     กูจะเล่าเรื่องบังเอิญให้ฟัง จำได้ใช่ป่ะว่าตอนที่สิระมาชวนพู่ไหมไปฟังเพลงเราดันจำได้แค่เพลงมูนริเวอร์เพลงเดียว อีกเพลงไม่คุ้นกันเลยทั้งกูมึง กระทั่งพอกูหยิบมาอ่านวันก่อนแล้วถึงกับต้องยกมือขึ้นทาบอก! เพราะมันคือเพลง Summer of '42 (ไม่เคยฟัง!) แต่โอ้โห บังเอิญป๊ะกับชื่อฟิคนี้ขนาดนี้ เว่อร์ไม่เว่อร์ไปคิดเอานะ / คำในรูปของแก๊งโคโลราโดเอามาจากเพลง Charging! ทั้งเวอร์ญปเวอร์อิ๊ง ผสมๆ กันไป แต่ส่วนตัวกูไม่ฟังเวอร์อิ๊งเพราะไม่เข้าปากเลยว่ะ ฟังแล้วยมมาก เนื้อเพลงก็ไม่ว้าวเท่าเวอร์ญป แค่ไม่มีคำว่าวิวิดก็จบแล้วเด้อสู ส่วนแก๊งแคลิก็โอคิโดคิจ้าา (มึงๆ แอบนึกถึงชื่อเพลงโทคิเมคิไหม อนิจจัง เพลงโปรดกูเอง ไค่ต๋ายง่าวบ่ะ Orz)
    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×