“ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะคะ” รีบเงยหน้าขึ้นสบตาเขา พร้อมส่ายศีรษะปฏิเสธเป็นพัลวัน “ถ้าพวกคุณอยากทานอะไรฉันจะทำให้ค่ะ”
“มึงนี่หาเรื่องทุกคนเลยนะ” คุณแซ้งค์ที่นิ่งเงียบอยู่นาน เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาทานอาหารเช้าเอ่ยพูดขึ้นมาบ้าง “เข้าสู่วัยทองแล้วเหรอวะ”
คุณซานไม่ได้ปะทะฝีปากกลับไป มีเพียงดวงตาคมที่ตวัดมองน้องชายฝาแฝดของตนเขม็ง แม้อยากจะนึกขำในประโยคที่คุณแซ้งค์สรรหามาพูดโต้ตอบ ทว่าก็จำต้องเก็บอาการ
"ดีใจไปทำงานบ้านอย่างอื่นต่อเถอะ เดี๋ยวค่อยกลับมาเคลียร์โต๊ะ”
“ค่ะ” ฉันตอบรับคำสั่งของคุณซีนเพียงสั้นๆ แล้วจึงก้าวเดินออกมาจากบริเวณนั้น เพื่อจัดเตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาด
พอเดินออกมาอีกทีก็เห็นว่าพวกเขาไปกันหมดแล้ว จึงได้ลงมือเก็บกวาดจานชาม และทำความสะอาดบนโต๊ะอาหารให้เรียบร้อย
หลังเสร็จสิ้นลำดับต่อไปก็คือการทำความสะอาดภายในบ้านหลังนี้ตามห้องต่างๆ ระหว่างนั้นหูก็ได้ยินเสียงรถยนต์ดังแว่วเข้ามาในหู คาดว่าคงมีใครสักคนที่ออกไปข้างนอก
ฉันใช้เวลาอยู่นานกว่าจะทำความสะอาดทุกห้องที่อยู่ชั้นล่างจนครบ แล้วถึงได้ย้ายอุปกรณ์ขึ้นไปยังชั้นบน ซึ่งมีทั้งห้องนอน และห้องทำงานของพวกเขา ถ้าวันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคนฉันคงทำอะไรสะดวกมากกว่านี้แน่นอน
แต่เมื่อเป็นแบบนี้…อย่างนั้นฉันขอเริ่มทำความสะอาดที่ห้องทำงานก่อนแล้วกัน
“อ๊ะ…ขอโทษค่ะคุณซาน” แล้วใครจะคาดคิดว่าเขานั่งทำงานอยู่ในนั้น พอถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปจึงพบหน้าเขาเข้าอย่างจัง “อย่างนั้นฉันไปทำ…”
ฉันกำลังขยับปากบอกว่าจะไปทำความสะอาดที่ห้องนอนของคุณซานก่อน ทว่าเขากลับเรียกให้เข้าไปหา
“คุณซานจะให้ฉันทำความสะอาดห้องนี้ได้เลยใช่มั้ยคะ” ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“อืม” สิ้นประโยคตอบรับ และคล้ายเป็นการอนุญาตกลายๆ จึงเริ่มลงมือปฏิบัติทันที
ฉันพยายามที่จะทำความสะอาดโดยรอบก่อน เพื่อไม่ให้ตนเองเข้าไปอยู่ใกล้เขามากนัก ในใจก็แอบนึกภาวนาขอให้เขารีบลุกออกไปจากห้องนี้เร็วๆ ทว่าจนแล้วจนรอด ร่างสูงก็ยังคงนั่งทำงานต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่แม้แต่จะสนใจสิ่งรอบข้างเลยสักนิด
“คุณซานคะ” อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงเอ่ยปากเรียกเขาเบาๆ
“ยกขาขึ้นหน่อยค่ะ ตรงนั้นฝุ่นเยอะมากเลยฉันดูดไม่ถนัด” ใต้เท้าของเขามีพรมอยู่ แถมฝุ่นก็เยอะมากจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ฉันทนไม่ไหวจริงๆ รู้สึกขวางหูขวางตาไปหมดจนอยากกำจัดเร็วๆ
“ฉันเป็นเพื่อนเล่นเธอเหรอ”
อะไรกัน…ทำไมอารมณ์เขาถึงเดือดง่ายขนาดนี้
“ปะ…เปล่าค่ะ” น้ำเสียงในยามเอื้อนเอ่ยติดขัด เนื่องจากกำลังตกอยู่ในความงงงวยถึงขีดสุด
“ฉันอายุเยอะกว่าเธอตั้งหลายปี สรรพนามที่ใช้อยู่มันเหมาะสมแล้วเหรอ” ร่างสูงละมือจากงานตรงหน้า แล้วยกแขนขึ้นกอดอก ท่าทางนี้ราวกับอาจารย์ฝ่ายปกครองอย่างไรอย่างนั้น “ถ้าเธอแทนตัวเองว่า ‘หนู’ จะดูน่าฟังมากกว่านี้”
“ฉัน…หนูเข้าใจแล้วค่ะ” มาอยู่ในจุดนี้ฉันคงเลือกอะไรไม่ได้ นอกเสียจากทำตามความพึงพอใจของเขา
“ดี” เมื่อได้ยินในสิ่งที่ต้องการมุมปากหนาพลันยกยิ้มโดยอัตโนมัติ “แต่ใช้กับฉันแค่คนเดียวพอ อย่าไปใช้กับคนอื่น”
“ค่ะ” แม้จะไม่เข้าใจ ทว่าก็ไม่กล้าที่จะซักถาม
“ทำความสะอาดเสร็จเมื่อไหร่ก็ไปเรียกฉันที่ห้อง จะได้กลับมาทำงานต่อ” กล่าวจบร่างสูงก็ผุดลุกขึ้นยืน แล้วใช้ไม้เท้าพยุงตัวเดินออกไป
“งงไปหมดเลยแม่” ฉันยกมือขึ้นเกาหัวพร้อมพึมพำกับตัวเองเบาๆ
บางทีนี่อาจจะเป็นผลพวงมาจากการที่เขาประสบอุบัติเหตุ ก็เลยทำให้นิสัยแปลกๆ ไปบ้าง หวังว่าคุณซานจะกลับมาเป็นปกติโดยเร็ว…
“ให้ฉันส่งแค่นี้เหรอ” คุณแซ้งค์เอ่ยถาม เมื่อรถยนต์คันหรูหยุดจอดที่ป้ายรถเมล์หน้าปากซอยบ้านของเขา
“ค่ะ เดี๋ยวฉันนั่งรถเมล์กลับบ้านเอง คุณแซ้งค์กลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ” ฉันไม่อยากรบกวนเขามากนัก เพราะคุณแซ้งค์ต้องบินไปจีนคืนนี้
“ขอบคุณค่ะ” ฉันยกมือขึ้นไหว้เขา ก่อนจะเปิดประตูก้าวลงจากรถ “เดินทางปลอดภัยนะคะ”
“อืม” คุณแซ้งค์พยักหน้ารับเพราะรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร
********************60%*********************
อาซานทำเป็นเข้มไปอย่างนั้นแหละค่ะ
คำเตือน: หากนิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งที่ไม่เหมาะสม ได้โปรดขอความร่วมมือให้ทุกคนใช้วิจารณญาณในการอ่าน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในนิยายเรื่องนี้ล้วนเป็นเพียงการแต่งเติมเพื่อเพิ่มอรรถรสในจินตนาการของผู้เขียน อะไรที่ไม่เหมาะสมอย่าได้ลอกเลียนแบบและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันโดยเด็ดขาด วอนน้องๆ หนูๆ ที่อายุยังไม่ถึง 18 ให้ตั้งสติก่อนสตาร์ทนะคะหนู
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย