วันนี้นับว่าเป็นวันแรกที่ฉันมาทำงานแบบตัวคนเดียว โดยไม่มีใครคอยช่วยเหลือ และต่อไปก็คงต้องเป็นอย่างนั้น
ฉันเดินทางมาแต่เช้าเหมือนอย่างกับเมื่อวาน พอรถเมล์หยุดจอดที่ป้ายหน้าปากซอย ก็นั่งวินมอเตอร์ไซค์ต่อเข้ามาในซอยบ้านของพวกเขา
“ขอบคุณค่ะ” นับจำนวนเหรียญที่อยู่ในมือให้เพียงพอกับค่าโดยสาร ที่เพิ่งสอบถามจากวินมอเตอร์ไซค์ก่อนหน้านี้ เพื่อยื่นส่งให้เขาโดยไม่ลืมที่จะคืนหมวกกันน็อคไปพร้อมกันด้วย
พอได้รับค่าจ้างแล้วเขาก็บึ่งรถขับออกไป ฉันหยิบกุญแจบ้านที่คุณซีนให้ไว้เมื่อวานออกมาจากกระเป๋าเป้ เพื่อไขเข้าไปด้านใน ตอนนี้บรรยากาศรอบกายยังคงเงียบสนิท เนื่องจากยังเช้าอยู่คาดว่าคงยังไม่มีใครตื่น
ทว่าพอก้าวเข้ามาภายในห้องโถงเท้าทั้งสองก็จำต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นร่างสูงเดินสวนออกมาจากห้องครัว
“เธอเป็นใคร” ริมฝีปากหนาขยับถาม ในมือของเขากำลังถือแก้วน้ำอยู่ด้วย “ใช่แม่บ้านคนใหม่หรือเปล่า”
“ใช่ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับหงึกหงัก ถ้าให้เดา ฉันคิดว่าผู้ชายคนนี้น่าจะเป็นฝาแฝดของคุณซานที่ชื่อว่าแซ้งค์
มันเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาได้ถูกต้อง เพราะหน้าตาของพวกเขาไม่คล้ายคลึงกันเลย แต่ละคนมีความดูดีและหล่อเหลากันคนละแบบ หนำซ้ำเมื่อวานฉันยังไม่ได้พบหน้าคุณแซ้งค์ด้วยซ้ำ จึงไม่แน่ใจว่าจะใช่เขาจริงๆ อย่างที่คิดหรือเปล่า
“ฉันชื่อแซ้งค์ เป็นแฝดน้องของสองคนนั้น” เมื่อได้รับคำตอบที่แน่ชัด ฉันจึงรีบยกมือไหว้พร้อมกล่าวสวัสดีเขาอย่างรวดเร็ว “มาแล้วก็ดี ทำอะไรให้ฉันกินหน่อย หิวแล้ว”
“ได้ค่ะ” หลังรับปาก สองเท้าก็ก้าวตรงไปในห้องครัวเพื่อจัดเตรียมอาหารให้ทั้งสามคนพี่น้อง
นับว่าโชคดีที่ยังพอมีของสดเหลืออยู่บ้าง กระนั้นเมนูที่ทำได้ในช่วงเช้านี้ก็มีแค่เมนูเรียบง่ายเท่านั้น ฉันได้แต่หวังว่าพวกเขาคงทานกันได้
ใช้เวลาเพียงไม่นานอาหารทุกอย่างก็ถูกจัดเตรียมเรียบร้อยอยู่บนโต๊ะอาหาร ประกอบด้วยโจ๊กไก่ใส่ไข่ลวกทานคู่กับผัดผักบุ้ง
“หน้าตาใช้ได้” ครั้นได้ยินคุณแซ้งค์เอ่ยปากชมแบบนี้ พานทำให้ฉันรู้สึกใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง “รสชาติก็ดี ถือว่าผ่าน”
“ขอบคุณค่ะ” รอยยิ้มพอใจปรากฏบนใบหน้าของฉันอย่างภาคภูมิ
“ไปเที่ยวมาทั้งคืนไม่ได้กินอะไรเลยหรือไง” เสียงทุ้มเข้มดังมาแต่ไกล ซึ่งฉันจำได้ดีว่าคือคุณซาน
“กิน แต่อิ่มใจไม่ได้อิ่มท้อง”
ฉันไม่รู้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร และก็ไม่อยากจะสนใจด้วย จึงปล่อยให้บทสนทนาระหว่างสองพี่น้องผ่านหูไปอย่างผิวเผิน
พอคุณซานนั่งลงประจำที่ ฉันจึงรีบปลีกตัวไปตักโจ๊กมาเสิร์ฟให้เขา พร้อมจัดเตรียมยาและน้ำวางไว้ข้างกัน
“ไปเที่ยวบ่อยก็หัดแวะเข้าไปดูผับบ้าง ไม่ใช่ให้เจย์มันดูแลอยู่คนเดียว มึงนี่ยังไง ชอบอุดหนุนแต่ของคนอื่น” คุณซานพูดเอ็ดด้วยน้ำเสียงติดดุ
“ไปผับตัวเองมันจะสนุกอะไร แถมสายเยอะอีก” ทว่าแฝดน้องก็โต้ตอบกลับไป พร้อมตักโจ๊กเข้าปากอยู่เรื่อยๆ
“มึงเคยแคร์ด้วยเหรอว่าจะมีคนมารายงานความประพฤติของมึงให้กูฟัง ทุกทีกูพูดอะไรก็ไม่เข้าไปอยู่ในสมองมึงอยู่แล้ว” บรรยากาศตอนนี้ชักจะไม่ดีแล้วสิ
พอเห็นว่าบทสนทนาเริ่มดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ฉันจึงค่อยๆ ขยับเท้าปลีกตัวออกมาให้ห่าง
“หัวร้อนกันแต่เช้าเลยหรือไงพวกมึงน่ะ” ทว่าก่อนที่อะไรมันจะแย่ไปมากกว่านี้ ผู้ที่กล้าเข้ามาห้ามสงครามก็คือคุณซีน
“ให้ซานมันบ่นไปเถอะ เดี๋ยวคืนนี้กูก็จะบินไปดูสนามแข่งที่จีนแล้ว กว่าจะกลับไทยก็อีกหลายเดือนเลย”
ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกันต่อจากนั้น เพราะรีบปลีกตัวออกไปตักโจ๊กให้คุณซีนในครัว พร้อมกับตักผัดผักบุ้งมาเพิ่มอีกจานก็เลยไม่ทันได้ยินบทสนทนาที่เหลือ
“เธอทำเองหรือซื้อมา” จานผัดผักบุ้งถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่คุณซานโพล่งถามขึ้นมา
“ฝีมือดีใช้ได้เลยนะเนี่ย” ทว่าคนที่เอ่ยปากชมกลับไม่ใช่เขา หากแต่เป็นคุณซีน “ดีใจทำเป็นทุกอย่างเลยหรือเปล่า”
“ถ้าคุณซีนอยากจะทานอะไรเป็นพิเศษก็บอกได้ค่ะ ฉันจะพยายามทำให้” บอกอย่างเอาใจ แต่กลับทำให้ใครบางคนหน้าบึ้งตึง
“บ้านนี้ไม่ได้มีแค่ไอ้ซีนคนเดียวสักหน่อย จะทำให้มันแค่คนเดียวอย่างนั้นเหรอ” รับรู้กระแสน้ำเสียงนั้นได้เป็นอย่างดี ว่าภาวะอารมณ์ของคุณซานเริ่มขุ่นมัว
********************30%*********************
ถ้าอาซานใจเย็นๆ แล้วฟังน้องสักหน่อย
คำเตือน: หากนิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งที่ไม่เหมาะสม ได้โปรดขอความร่วมมือให้ทุกคนใช้วิจารณญาณในการอ่าน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในนิยายเรื่องนี้ล้วนเป็นเพียงการแต่งเติมเพื่อเพิ่มอรรถรสในจินตนาการของผู้เขียน อะไรที่ไม่เหมาะสมอย่าได้ลอกเลียนแบบและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันโดยเด็ดขาด วอนน้องๆ หนูๆ ที่อายุยังไม่ถึง 18 ให้ตั้งสติก่อนสตาร์ทนะคะหนู
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย