ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    hey! boy - #พี่เตคนคูล

    ลำดับตอนที่ #5 : #พี่เตคนคูล - 03

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.53K
      36
      11 ก.พ. 64

    **คำเตือน**
    นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหา คำพูด การกระทำ และฉากที่ไม่เหมาะสม
    ไม่ควรลอกเลียนแบบ ตรรกะความคิดของตัวละครผิดเพี้ยนไปตามคาแรคเตอร์
    ผู้อ่านควรมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
    และผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
    .
    .
    .

    - 03 -

    VADKA PART

    นายจะเรียกเธอมาทำไมผมแอบไม่พอใจนิดหน่อยที่เควาย เพื่อนตัวแสบกวักมือเรียกผู้หญิงที่ได้สถานะเป็น คนที่ชอบผม ให้เดินเข้ามาหาเรา ผมไม่ได้รังเกียจเธอ แต่ที่ไม่อยากให้เธอมาเจอ มาคุย มาชอบผมเพราะไม่อยากทำให้เธอเสียใจ ต้องเตดูเหมือนจะชอบผมจริงๆ แต่ผมชอบเธอไม่ได้ ผมมี คนที่ผมชอบ อยู่แล้ว และเธอคนนั้นก็นั่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เลย

    อ้าว ก็นึกว่ามึงอยากเจอเธอซะอีกเควายตอบกวนๆ มันน่ะรู้ดีอยู่แล้วว่าผมไม่มีทางชอบต้องเตได้เลยเพราะผมมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ที่มันเรียกเธอมาคงอยากจะแกล้งผมนั่นแหละ

    ต้องเตไม่ใช่ผู้หญิงไม่สวยเลย เธอมีใบหน้าคล้ายกับตุ๊กตา ริมฝีปากจิ้มลิ้ม จมูกโด่งรั้นบงบอกความดื้อที่ยังไม่ได้แผงฤทธิ์ ดวงตากลมโต เรือนผมสีไพลินยาวประบ่า รวมๆ แล้วเธอก็เป็นผู้หญิงสวยๆ คนหนึ่งเลยล่ะ แต่เธอไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่ผมชอบเลยสักนิด ทั้งกิริยาท่าทางและรูปลักภายนอก แม้เธอจะเป็นคนดีๆ คนหนึ่ง แต่ผมก็ไม่อาจชอบเธอได้ ผมมีคนที่ผมชอบอยู่แล้ว

    ผู้หญิงที่สูงเกือบร้อยเจ็ดสิบซึ่งมีผมที่สั้นและสีอันเป็นเอกลักษณ์เดินเข้ามาใกล้โต๊ะที่ผมกับเพื่อนนั่งอยู่มากเท่าไหร่มันก็ยิ่งเพิ่มความอึดอัดให้ผม ก่อนหน้านี้ที่เราเจอกันเธอไม่ได้ทำให้ผมอึดอัด อย่างมากเธอก็แค่ทำให้ผมแปลกใจกับคำพูดคำจาของเธอแค่นั้น แต่มันไม่ใช่กับตอนนี้

    โต๊ะนี้รับสมาชิกเพิ่มมั้ยอ่ะทันทีที่หยุดการเคลื่อนที่ลงต้องเตก็ถามด้วยท่าทางปกติของเธอ

    ถ้าบอกว่าไม่รับเธอยังจะนั่งมั้ยผมย้อนถามเธอกลับ และแน่นอนว่าผมก็พอเดาออกว่าเธอจะตอบว่ายังไง

    นั่ง

    นั่นแหละเธอ

    ร่างบางทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เควายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผมกับเค้ก ต้องเตมองผมก่อนจะยิ้มทักท้าย เธอมีรอยยิ้มที่สวย แต่เธอไม่เคยจะยิ้มแบบนั้นนานๆ เลยสักครั้ง เธอเอาแต่ยิ้มมุมปากแบบร้ายๆ รอยยิ้มสวยๆ นั่นผมได้เห็นเพียงครู่เดียวเธอก็ปรับสีหน้าเป็นปกติที่เรียบนิ่ง เธอเป็นผู้หญิงที่ผมคิดว่าแปลกไปจนถึงแปลกมาก คำพูดคำจา ตรรกะต่างๆ ของเธอ มันต่างจากทุกคนที่ผมเคยเจอ

    แปลกในที่นี้ไม่ได้หมายความว่ามันไม่ดี แต่แปลกในที่นี้หมายถึงแปลกแบบที่หลายคนคิดไม่ถึง เพราะบางครั้งผมเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน

    เธอมาทำอะไรที่นี่อ่ะเควายถามคนมาใหม่อย่างใส่ใจ ผมเองก็อยากรู้ไม่ต่างกัน เนื่องด้วยชุดที่เธอใส่ไม่ใช่ชุดนักศึกษาทั่วไป มันเป็นเสื้อช็อปสีกรมท่าของวิศวกรรมศาสตร์ ทว่าเธอดันมาโผล่ที่ตึกนี้ มันทั้งดูแปลกและแตกต่างแบบเห็นได้ชัด

    รอเพื่อนเธอตอบเควายแต่สายตายังจับจ้องอยู่ที่ผมไม่ละไปไหน

    เพื่อนไหนอ่ะ สวยป้ะอาการหน้าหม้อของเพื่อนกำเริบทันทีที่ได้ยินคำตอบของต้องเต

    รีบมั้ยล่ะ ถ้าไม่รีบก็รอดูดิเดี๋ยวมันก็ลงมาแล้ว

    เรานัดสัมภาษณ์ประธานสโมสรฯ กี่โมงนะก้าเควายหันมาถามผมหลังจากได้ยินคำชวนของคนมาใหม่

    บ่ายสี่โมง

    ที่เด็กนิเทศศาสตร์อย่างผมต้องมาที่ตึกบริหารแบบนี้เพราะต้องมาสัมภาษณ์ประธานสโมสรนักศึกษาเรื่องโครงการห่มน้องเหนือเพื่อไปทำข่าวส่งอาจารย์ในวิชาผลิตสื่อออนไลน์น่ะ ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้เห็นพวกผมอยู่แถวนี้

    มีเวลาเพื่อนหน้าหม้อของผมพึมพำอยู่คนเดียวเบาๆ ทว่าก็ได้ยินกันทั้งโต๊ะ

    ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ต้องเตรู้สึกยังไงหรือว่าคิดอะไรอยู่ เธอไม่ได้พูดอะไรแปลกๆ หรือพยายามรุกผมเหมือนครั้งที่แล้วตอนเราเจอกัน เจ้าของเรือนผมสีไพลินเอาแต่นิ่งเงียบและมองหน้าผมอยู่แบบนั้นจนผมเริ่มทำตัวไม่ถูก การที่ผมบอกให้เธอเลิกชอบผมเมื่อคืนไม่ได้ทำให้เธอถอดใจไปได้ก็จริง แต่ในสายตาเธอก็มีบางอย่างเปลี่ยนไปจากเดิมอยู่เหมือนกัน แม้จะเป็นการเปลี่ยนไปเพียงนิดหน่อยก็เถอะ

    ผมแกล้งเมินเฉยที่ถูกต้องเตมอง สายตาเปลี่ยนไปโฟกัสผู้หญิงที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะเรา ระยะห่างเพียงสามโต๊ะเท่านั้น ความโดดเด่นของความเป็นดาวทำให้เธอดึงดูดสายตามากกว่าทุกคนใบบริเวณนี้ คนที่สายตาผมโฟกัสอยู่เธอมีชื่อว่า หนึ่งเป็นดาวของคณะบริหาร แต่นั่นมันตำแหน่งเมื่อตอนที่เธออยู่ปีหนึ่ง ตอนนี้เธอได้อำลาตำแหน่งไปแล้ว หนึ่งเป็นผู้หญิงที่สวย แถมยังเป็นผู้หญิงในอุดมคติของผู้ชายหลายๆ คนอีก

    และใช่ เธอคือคนที่ผมชอบ

    อดีตดาวบริหารงั้นเหรอเสียงนิ่งๆ และสายตาเรียบเฉยของบุคคลที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทำให้ผมหลุดจากภวังค์ความคิด

    ห๊ะ พูดกับเราเหรอผมเลิกคิ้วสูงเชิงถาม

    อาฮะต้องเตพยักหน้าเบาๆ ใช่เธอมั้ยที่น้องก้าชอบ ดาวบริหารเมื่อปีที่แล้วน่ะ

    ไม่รู้ว่าตอนทอดสายตาไปยังอดีตดาวบริหารผมได้ทำสีหน้าเพ้อๆ อะไรออกไปหรือเปล่าต้องเตถึงจับสังเกตได้และถามออกมาแบบนี้ บอกตรงๆ ว่าผมไม่อยากบอกเธอ ผมไม่อยากให้เธอได้รับรู้ หากเธอเสียใจผมเองก็รู้สึกผิด ผมอยากให้เธอตัดใจจากผมก็จริง แต่ผมก็ไม่ได้อยากทำร้ายจิตใจเธอเลยสักนิด แม้บางทีเธอจะทำตัวเพี้ยนๆ ไปบ้างแต่ต้องเตไม่ใช่คนไม่ดี ผมรับรู้ว่าเธอจริงใจ ผมไม่อยากให้เธอเสียใจเพราะผมจริงๆ

    ดราม่าแน่นอนงานนี้เป็นเสียงเค้กที่พูดขึ้นหลังจากที่เงียบอยู่นาน

    “…” ผมไม่ได้ตอบคำถามต้องเต แค่มองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่งก็เท่านั้น

    รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งนะต้องเตว่าจบก็ยักคิ้วข้างเดียวใส่ผม ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะมีความพยายามมากขนาดนี้ เอาตรงๆ ผมก็แอบชื่นชมในความพยายามและความกล้าของเธอนะ ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เธอมีความพยายามได้ขนาดนี้ มันอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน เอาเป็นว่าเธอประหลาดแต่น่าประทับใจ

    ใช่ผมเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ หนึ่งคือคนที่เราชอบ

    ผมรู้ว่าผมไม่คู่ควรกับหนึ่ง แต่เธอคือผู้หญิงที่ผมชอบที่สุดตอนนี้แล้วจริงๆ เธอมีทุกอย่างที่ตรงข้ามกับต้องเตอย่างเห็นได้ชัด ต้องเตเป็นคนห่ามๆ มีความเป็นผู้หญิงน้อย ส่วนอดีตดาวบริหารเธอเป็นคนเรียบร้อย อ่อนโยน น่าทะนุถนอม แล้วอีกอย่าง เธอก็ดันตรงสเปคที่ผมตั้งไว้ด้วย

    แบบนี้ต้องดมกาวป้ะถึงจะได้ดาวมาครอง

    หึผมถึงกับหลุดหัวเราะกับคำพูดของต้องเต มันก็หลายครั้งนะที่ผมหัวเราะได้เพราะเธอ ช่างเป็นผู้หญิงที่ลิมิเต็ดอิดิชั่นแบบที่เธอเคยบอกไว้ซะจริง

    คำพูดติดตลกบวกกับสีหน้าที่นิ่งเฉยของต้องเตมันทำให้ผมสับสนว่าแท้จริงแล้วเธอรู้สึกยังไงกันแน่

    ผิดคาดว่ะเค้กพึมพำหลังจากได้ยินประโยคนั้นจากปากต้องเต แน่นอนว่าเค้กคงแปลกใจไม่ต่างจากผม เธอเดาผิด ไม่มีดราม่าอะไรแบบที่เธอคาดไว้เลยสักนิด กลับกันดันมีแต่เสียงหัวเราะ ในสถานการณ์ที่ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงหัวเราะไม่ออก

    นี่สิถึงจะเรียกว่าต้องเต

    เห็นมันชอบแบบนั้นมันไม่เคยเข้าไปคุยหรอกนะ เธอไม่ต้องห่วงว่ามันจะนอกใจเควายยังคงสนับสนุนต้องเตไม่เลิก เมื่อวานมันเพิ่งบอกกับผมว่ามันชอบต้องเต ไม่ได้ชอบในแบบของคนรักอะไรเทือกนั้น แต่มันชอบในความตรงไปตรงมาและความเจ๋งในตัวเธอ ความเจ๋งที่บางทีผมก็มองว่ามันคือความเพี้ยนน่ะ แต่ก็อดยอมรับไม่ได้หรอกนะว่าหลายอย่างในตัวเธอมันเจ๋งจริงๆ

    ทำไมล่ะต้องเตถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ เห็นหน้าใสๆ แต่ใจกากเหรอ

    ฮ่าๆ ๆทั้งเควายและเค้กหัวเราะลั่นทันทีที่ได้ยินคำพูดปนหลอกด่าของต้องเต

    แต่ผมก็กากแบบที่เธอว่านั่นแหละ ผมไม่ได้เหมือนเธอที่ชอบใครก็บอกไปตรงๆ ผมไม่ได้มีความกล้าขนาดนั้น แล้วอีกอย่างผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้คู่ควรกับผู้หญิงแบบหนึ่งอะไรขนาดนั้น เธอเป็นเหมือนกับดาว อยู่สูงเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังหวังว่าจะมีโอกาสได้คุยกับเธอสักครั้งเผื่อโชคดีได้สานสัมพันธ์

    แม้ทุกวันนี้จะเอาแต่มองแล้วเพ้อไปเองแต่ผมก็ไม่ได้หมดหวัง

    เธอกำลังด่าเราอยู่นะเต

    บ้า ไม่ได้ด่าคู่สนทนาแย้งด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแบบเดิม ใครจะกล้าด่าคนที่ชอบอ่ะ

    “…” การที่เธอตอบแบบนั้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่งมันทำให้ประโยคดูกวนมากเลยนะ แต่ผมจะทำเป็นไม่ได้ยินก็แล้วกัน

    ทำไมถึงไม่เข้าไปคุยกับเธอเสียงเดิมเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นมาอีก

    ไม่กล้าและผมตอบตรงๆ

    แล้วยังมีหน้ามาบอกให้พี่เลิกชอบอ่ะนะ

    “…” ผมเงียบไปเมื่อไม่มีอะไรจะตอบเธอ ผมแค่มั่นใจตัวเองว่าคงไม่ชอบคนแบบเธอแน่ๆ เลยบอกให้เธอเลิกชอบผมไปแบบนั้น

    ทำไมไม่ลองเสี่ยงดูล่ะ ทุกคนควรมีโอกาสได้บอกชอบคนที่เราชอบนะเป็นอีกครั้งที่เธอทำให้ผมมองเธอด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ เธอช่างเป็นผู้หญิงที่ทำให้ผมประหลาดใจได้ตลอดจริงๆ เธอบอกชอบผม แต่ดันมาบอกให้ผมเข้าหาคนที่ผมชอบ ผมไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้วเธอเป็นคนยังไงกันแน่ ไม่ได้อยากนางเอกนะแต่พี่ว่าน้องก้าควรไปบอกเธออ่ะ

    เหมือนต้องเตจะไม่รู้จักความรักเอาซะเลย ไม่ใช่ทุกคนจะสมหวังเมื่อบอกออกไปว่าชอบ

    ทำไมล่ะเธอมีทัศนคติแบบไหนกันแน่ ผมเดาทางเธอไม่ออกเลยจริงๆ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงไม่บอกให้คนที่ตัวเองชอบไปบอกชอบคนอื่นแบบที่เธอทำอยู่หรอก

    เพราะถ้าโดนปฏิเสธตรงๆ น้องก้าก็จะตัดใจทันที

    นั่นคือสิ่งที่ผมพูดกับเธอไปเมื่อคืน

    “…” ผมเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อได้ยินแบบนั้น จากที่ไม่มั่นใจในตัวเองอยู่แล้ว คำพูดของต้องเตมันยิ่งทำให้ผมไม่มั่นใจยิ่งกว่าเก่า

    พูดเล่นน่าต้องเตกระตุกยิ้มมุมปากแบบที่เธอชอบทำก่อนจะพูดสร้างความมั่นใจให้ผมขึ้นมาใหม่หลังจากเธอทำลายมันลงไปเมื่อครู่ อย่างน้องก้าใครน่ะไม่มีใครกล้าปฏิเสธหรอก ถ้ามีคนกล้าทำแบบนั้นจริงๆ ก็คงเป็นคนที่โง่เต็มทนอ่ะบอกเลย

    เหมือนเธอตบหัวแล้วลูบหลังผมยังไงไม่รู้สิ

    “…” ผมยิ้มนิดๆ ให้กับคำพูดเชิงเยินยอนั่นครู่หนึ่งก่อนที่เบนสายตามองผ่านต้องเตไปยังร่างเพรียวบางในชุดนักศึกษา หนึ่งลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะสะบัดผมยาวสีน้ำตาลอ่อนที่ถูกเปียไว้หลวมๆ ไปไว้ข้างหลัง กระโปรงพลีทที่สั้นเลยหัวเข่าขึ้นมานิดหน่อยไหวตามแรงลมเบาๆ มือเรียวคว้ากระเป๋าใบเล็กมาสะพายไว้ข้างตัวก่อนหยิบหนังสือและกระดาษหลายแผ่นขึ้นมากอดไว้ หนึ่งเดินมาทางที่ผมนั่งอยู่

    ผมรู้ว่าเธอแค่จะเดินผ่านไป เหมือนทุกครั้งที่เราเดินสวนกัน แต่ยิ่งเธอเดินเข้ามาใกล้โต๊ะที่ผมนั่งอยู่มันยิ่งทำให้ผมมองเห็นความน่ารักของเธอได้ชัดเจนขึ้น เธอควรจะเดินผ่านผมไปในเร็วๆ นี้ ทว่า

    ตุบ!

    หนังสือและกระดาษหลายแผ่นหล่นจากอ้อมแขนคนตัวเล็กทำให้อดีตดาวบริหารต้องหยุดการเคลื่อนที่ลงใกล้ๆ กับโต๊ะที่ผมนั่งอยู่

    จังหวะแม่งได้ว่ะต้องเตพึมพำกับตัวเองเบาๆ และผมก็มั่นใจว่าเข้าใจความหมายของประโยคของเธอ

    ผมรีบลุกจากโต๊ะไปช่วยหนึ่งเก็บกระดาษหลายแผ่นที่กระจัดกระจาย มันแน่นอนอยู่แล้วที่ผมจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือไม่ว่าเธอจะเป็นคนที่ผมชอบหรือเปล่า สำหรับคนอื่นที่ผมช่วยเหลือในหลายๆ ครั้งอาจจะไม่ใช่คนที่ผมชอบ แต่สำหรับคนตัวเล็กที่กำลังทำหน้างอพร้อมทั้งก้มเก็บหนังสือและกระดาษที่ปลิดปลิวไปทั่วนั่นใช่เธอคือคนที่ผมชอบ

    หนึ่งน่าจะสอดมันไว้ในหนังสือนะผมยื่นกระดาษหลายแผ่นคืนเจ้าของหลังจากคิดว่าเก็บมันขึ้นจากพื้นหมดทุกแผ่นแล้ว

    ขอบใจนะหนึ่งพูดพร้อมกับรับกระดาษพวกนั้นจากมือผม เอ๊ะ! รู้ชื่อเราด้วยเหรอ

    ใครๆ ก็รู้จักหนึ่งทั้งนั้นแหละ

    นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมได้คุยกับหนึ่ง ผมแอบชอบเธอมาตลอดแต่ไม่เคยสักครั้งที่เราจะมีโอกาสได้คุยกัน มันเป็นเพราะผมไม่กล้าเอง แต่พอคิดถึงคำพูดของต้องเตก่อนหน้านี้ก็ทำให้ผมมีความกล้าขึ้นมาบ้าง

    ไม่หรอกน่าหนึ่งฉีกยิ้มหวานจนตาเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวประกอบคำพูด ผมรู้ว่าเธอถ่อมตัว เธอเป็นที่รู้จักในคนหมู่มาก น้อยคนเหลือเกินที่จะไม่รู้จักเธอ

    เตเสียงคนมาใหม่เรียกความสนใจจากทุกคนในบริเวณโต๊ะไม้สีเข้มที่เราอยู่ รอนานป้ะ

    โคตรนานต้องเตลุกพรวดพราดเต็มความสูง เธอดูสูงถ้าเทียบกับผู้หญิงด้วยกัน ทว่าเธอกลับเตี้ยกว่าผม แม้จะไม่มากแต่ก็ยังถือว่าเตี้ยและมีรูปร่างที่บางกว่ามาก รอนานจนหงุดหงิดอ่ะบอกเลย

    ประโยคหลังต้องเตไม่ได้มองหน้าเพื่อนแต่กลับมองมาที่ผมสลับกับหนึ่ง ผมก็พอเข้าใจแหละว่าเธอไม่ได้จะสื่อว่าหงุดหงิดเพื่อน สายตาที่เธอมองมามันทำให้ผมอึดอัดและทำตัวไม่ถูก ผมไม่อยากให้เธอรู้สึกไม่ดี แต่นี่เป็นโอกาสเดียวที่ผมได้คุยกับหนึ่ง และก่อนหน้านี้เธอก็เป็นคนบอกเองว่าผมควรคุย

    อ้าวยัยหัวฟ้า เพื่อนเธอไม่ใช่ผู้หญิงหรอกเหรอเควายพูดขึ้นหลังจากเงียบไปนานจนผมคิดว่ามันไม่ได้อยู่ตรงนี้

    “…” ต้องเตไม่ได้ตอบอะไรเพื่อนผมแค่ใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มกวนๆ พลางจับจ้องอยู่ที่ผมแบบไม่ละสายตาไปไหน ตอนแรกที่เธอบอกให้เควายรอดูเพื่อนเธอ ผมเองก็นึกว่าเพื่อนเธอจะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน ถ้าเป็นเวลาปกติต้องเตคงเล่นหรือตอบอะไรเควายแล้ว มันผิดกับตอนนี้ที่เธอเอาแต่จ้องมองหน้าผมด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเควายมันก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ มันคงจะเข้าใจสถานการณ์ดี

    โทษทีว่ะ อาจารย์รั้งตัวอ่ะ คุยอะไรเยอะแยะก็ไม่รู้เพื่อนตัวสูงในเครื่องแบบเดียวกันกับต้องเตอธิบาย แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ใส่ใจอะไรที่เพื่อนพูดเลย

    ช่างมันผู้หญิงผมสั้นที่มีสีผมเป็นเอกลักษณ์พูดกับเพื่อนทว่ากลับยังจ้องมองอยู่ที่ผมไม่ละสายตาไปไหนเลยสักวินาทีไปกันเถอะ

    ทุกครั้งที่ต้องเตทำหน้านิ่งพูดคำเสี่ยวๆ ผมก็ไม่รู้ว่าเธอเขิน หรือแม้แต่ตอนที่ผมบอกให้เธอเลิกชอบเธอก็ทำหน้าแบบเดียวกัน และมันทำให้ผมไม่รู้ว่าเธอรู้สึกยังไง ใบหน้าเรียบนิ่งของเธอสามารถเก็บอารมณ์ได้ดีมาตลอด ตอนนี้ก็เช่นเดียวกัน ผมจะไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าเธอรู้สึกยังไงถ้าไม่ใช่เพราะดวงตากลมโตของเธอที่วูบไหวจนเห็นได้ชัด

    สายตาที่ต้องเตใช้มองผมตอนนี้ไม่สมกับเป็นเธอเลยจริงๆ

    โอเค ไปก็ไปเพื่อนของต้องเตดูตามใจเธออยู่ระดับหนึ่งเลยล่ะ เธอพูดอะไรก็เออออตามไปหมด

    ขอทางหน่อยดิน้ำเสียงแข็งกร้าวของผู้หญิงที่มีสีผมอันเป็นเอกลักษณ์พูดขึ้น เธอไม่รอให้ผมได้หลบทาง ขายาวๆ ของเธอก้าวเข้ามาแทรกกลางระหว่างผมกับหนึ่งเพื่อเดินผ่าน แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเดินผ่านพ้นไปร่างบางก็สะดุดจนเกือบล้ม เหวอ~”

    เต!” ผมคว้าข้อแขนเล็กๆ ของเธอแล้วกระชากร่างบางให้เซเข้ามาประชิดตัวก่อนที่เธอจะล้มหน้าคะมำลงไป นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้ใกล้ชิดกันขนาดนี้ มันทำให้ผมได้รู้ว่าตัวต้องเตหอมขนาดไหน เจ็บตรงไหนมั้ย

    ผมถามเธอด้วยความเป็นห่วงจริงๆ ดวงตากลมโตของต้องเตมองผมนิ่งๆ ทั้งๆ ที่ร่างกายเรายังแนบชิดกันอยู่ ความวูบไหวในตาเธอยังส่งมากดดันผมอยู่ไม่ละ ผมรู้สึกไม่ดีจริงๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย

    เกือบไปแล้วนะเสียงหวานๆ ของหนึ่งพูดขึ้นเรียกสติผมกับคนที่อยู่ในอ้อมแขน เจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ

    และดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ผมที่เป็นห่วงต้องเตเพราะหนึ่งเองก็แสดงออกแบบนั้น แม้ว่าเธอจะไม่ได้รู้จักต้องเตมาก่อนก็ตาม ผมแอบชอบหนึ่งมานานพอสมควรถึงได้รู้ว่าเธอมีจิตใจที่ดี นั่นเลยทำให้ผมไม่สงสัยว่าทำไมเธอถึงถามออกมาแบบนั้น

    ผมปล่อยต้องเตออกจากอ้อมแขนเมื่อแน่ใจว่าเธอไม่เจ็บตรงไหน ต้องเตเสยผมหน้าม้าของตัวเองขึ้นไปลวกๆ ก่อนจะหลุบตาต่ำมองเท้าตัวเอง นำพาให้ผมมองตามเธอไปด้วยเลยเห็นว่าเชือกรองเท้าผ้าใบที่เธอสวมอยู่มันหลุดลุ่ยไปข้างหนึ่ง นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เธอจะล้มคะมำสินะ สายตาเรียบเฉยตวัดขึ้นมามองผมครู่หนึ่งก่อนจะเบนสายตาไปจับจ้องผู้หญิงที่ดูตัวเล็กกว่าเธอแทน

    ไม่เจ็บ

    ไปเหอะร่างสูงใหญ่ของเพื่อนต้องเตแทรกกลางระหว่างเราสามคนก่อนจะคล้องลำแขนแกร่งไว้ที่คอเธอ

    ต้องเตเดินตามแรงลากของเพื่อนไปง่ายๆ โดยไม่บอกลาอะไรสักคำ ไม่รู้ว่าผมต้องทำตัวยังไงกับสถานการณ์นี้ ในระหว่างที่ผมกำลังสับสนว่าต้องลาเธอหรือเปล่าต้องเตกับเพื่อนของเธอก็เดินห่างเราไปไกลในระดับหนึ่งแล้ว ทั้งสองคนหยุดเดินก่อนที่เพื่อนผู้ชายของเธอจะคุกเข่าลงตรงหน้าแล้วก้มผูกเชือกรองเท้าให้เธอ

    เธอดูอารมณ์ไม่ดีนะผมละสายตาจากต้องเตมาจับจ้องอยู่ที่ผู้หญิงตรงหน้าแทน อดีตดาวบริหารทอดสายตามองไปยังต้องเตก่อนจะหันมาถามความคิดเห็นจากผม ว่ามั้ย

    คะคงงั้นมั้ง

    ผมรู้ว่าเตอารมณ์ไม่ดี และรู้อีกว่าผมเป็นต้นเหตุให้เธออารมณ์ไม่ดี

    ขอบใจอีกครั้งนะที่ช่วยเราเก็บกระดาษไม่รักดีพวกนี้หนึ่งยิ้มหวานให้ผมอีกครั้ง

    ไม่เป็นไรผมเองก็ฉีกยิ้มให้เธอไม่ต่างกัน

    นายรู้จักชื่อเราแล้ว แต่เรายังไม่จักชื่อนายนะ

    อะอ๋อ เราชื่อวอดก้าผมตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักพร้อมกับเกาจมูกแก้เก้อ

    แม้จะเป็นครั้งแรกที่เราคุยกันแต่ผมกลับไม่รู้สึกว่านี่เป็นครั้งแรกเลย ความเป็นมิตรของหนึ่งลดระยะห่างของเราลงได้มากทีเดียว

     

    TONGTE PART

    ไปเหอะเบียร์สดแทรกตัวเข้ามาระหว่างฉันกับวอดก้าและอดีตดาวบริหาร เพื่อนตัวสูงคว้าคอฉันไปล็อกไว้ในอ้อมแขนแกร่งก่อนจะออกแรงลากให้เดินตาม

    ฉันแอบดีใจตอนได้ยินเควายบอกว่าวอดก้าไม่เคยคุยกับคนที่เขาชอบ แต่ในขณะเดียวกันก็เห็นว่าวอดก้ามองอดีตดาวบริหารด้วยสายตาที่ไม่เคยใช้มองฉัน ดูก็รู้แล้วว่าเขาชอบเธอมากแค่ไหน แน่นอนว่าวอดก้าคงไม่กล้าเดินเข้าไปบอกชอบใครตรงๆ แบบที่ฉันทำ แต่อย่างน้อยเขาก็ควรทำอะไรบ้าง

    ถึงแม้จะคิดแบบนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าให้เขามาสานสัมพันธ์กันต่อหน้าฉัน

    อดีตดาวบริหารแค่เดินผ่านก็ทำให้วอดก้าหน้าแดงได้ มันแตกต่างจากฉันโดยสิ้นเชิงที่พยายามหามุกมาหยอดเขาแค่ไหนเขาก็ไม่เขินเลยแม้แต่ครั้งเดียว ถ้าเปรียบวอดก้าเป็นต้นไม้ ฉันซึ่งเป็นคนที่ชอบเขาก็คงเป็นได้แค่เพียงลมที่แรงไม่พอให้เขาสั่นไหว ส่วนคนที่เขาชอบอย่างอดีตดาวบริหารคงเป็นลมพายุ

    เธอคนนั้นสนใจวอดก้าไม่ได้ครึ่งฉันเลยด้วยซ้ำ แต่กลับเป็นคนได้ใจวอดก้าไปครอง

    มันไม่แฟร์เลยว่าไหม

    เธอดูเป็นคนดีนะเสียงพูดของฉันตอนที่พูดคำนั้นออกมามันแทบจะเป็นเสียงกระซิบอยู่แล้ว

    ใครเพื่อนตัวสูงที่รั้งคอฉันอยู่ถามกลับ

    อดีตดาวบริหารน่ะ

    เธอดูเป็นคนดีจนฉันรู้สึกโกรธตัวเองที่พยายามแทรกเข้าไปในจุดที่ไม่ควรอยู่ วอดก้าเองก็เป็นถึงคิ้วท์บอยของคณะนิเทศศาสตร์ เหมาะสมกับอดีตดาวบริหารอย่างเธอคนนั้นจนฉันเองยังอดยอมรับไม่ได้ แม้หนึ่งจะเป็นแค่อดีตดาว แต่ออร่าความเป็นดาวของเธอก็ยังเปล่งประกายอยู่ตลอด

    ยิ่งคิดว่าพวกเขาเหมาะสมกันเท่าไหร่อกข้างซ้ายก็ยิ่งปวดหนึบราวกับมีมือปริศนามาบีบคั้นมัน

    ก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่นหรอก

    “…” ฉันไม่รู้ว่าเพื่อนหมายความว่ายังไง หมายความว่าเธอก็ดีหรือหมายความว่าเธอไม่ดี แม้จะไม่เคลียร์กับคำพูดของไอ้เบียร์แต่ฉันก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป ทำได้แค่เงียบอยู่อย่างนั้นจนผู้ชายที่สูงน้อยกว่าเปรตนิดหน่อยพาฉันหยุดการเคลื่อนไหวลงหลังจากเดินออกมาห่างจากโต๊ะที่เคยนั่งได้ระดับหนึ่งแล้ว

    อยู่เฉยๆเบียร์สดบอกก่อนจะนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าแล้วก้มลงผูกเชือกรองเท้าผ้าใบที่หลุดลุ่ยให้ ฉันไม่ได้ประหลาดใจเลยที่เพื่อนทำให้เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก เราเป็นเพื่อนกันมานาน หลายครั้งแล้วที่มันทำให้ฉันแบบนี้

    ฉันกับอดีตดาวบริหารนั่นแกว่าใครสวยกว่ากันวะฉันถามคำถามโง่ๆ ออกไปพร้อมกับหันกลับไปมองที่ที่เพิ่งเดินจากมา ฉันรู้อยู่แล้วว่าฉันสวยน้อยกว่าเธอคนนั้น แต่อย่างน้อยก็คงมีไอ้เบียร์คนหนึ่งที่ไม่มองอย่างนั้นเพราะฉันเป็นเพื่อนมัน มันต้องเข้าข้างฉัน

    แน่นอนว่าต้องเป็นอดีตดาวบริหารเบียร์สดตอบแบบไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองฉัน

    มันผิดคาดฉันไปนิดหน่อยเพราะเพื่อนแม่งสาระแนตอบความจริง

    วอดก้าดูไม่ได้สนใจฉันเลยสักนิด เขาเอาแต่พูดคุยอยู่กับอดีตดาวบริหาร ร่างสูงที่ฉันมองที่ไรก็ใจเต้นแรงยกมือขึ้นมาเกาจมูกพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่สนทนาอยู่กับคนที่เขาชอบ

    ให้ตายเถอะฉันควรจะจัดการกับความรู้สึกอิจฉานี่ยังไงวะ!

    รู้ตัวป้ะว่าปากแกอยู่ใกล้ตีนฉันมากแค่ไหนฉันหันกลับมามองผู้ชายที่กำลังตั้งอกตั้งใจผูกเชือกรองเท้าให้ ในเมื่อไม่มีที่ระบายอารมณ์ก็ลงกับเพื่อนซะเลย ฉันให้โอกาสแกตอบใหม่

    เบียร์สดเงยหน้ามองฉันหลังจากมันจัดการผูกเชือกรองเท้าเสร็จแล้ว ร่างสูงลุกขึ้นยืนประจันหน้าฉันก่อนจะตอบคำถามนั้นกระแทกหน้าฉันเบาๆ

    อดีตดาวสวยกว่า ชัดเนาะ

    “…” ความจริง ยังไงมันก็เป็นความจริงฉันรู้ แต่บางครั้งความจริงก็ไม่ต้องโถมมากระแทกหน้าฉันขนาดนี้ก็ได้

    แต่ถ้าถามถึงความเจ๋ง เธอเจ๋งกว่า

    ตบหัวแล้วอย่ามาลูบหลังฉันทำหน้าเซ็งใส่เพื่อน

    ถ้าเจ๋งจริงฉันคงไม่เดินหนีออกมาแบบที่ทำอยู่หรอก ฉันทนมอง ทนฟังวอดก้าคุยกับคนที่เขาชอบไม่ได้ด้วยซ้ำ ฉันไม่มีความเจ๋งอะไรเลย แม้จะอวดดีบอกให้เขาไปคุยกับคนที่ชอบแต่เอาเข้าจริงฉันก็รับไม่ได้ ฉันมันก็แค่คนปากดีแต่ใจกาก

    น่าสมเพชชะมัด!

    ตอนไอ้ผิงบอกว่าเธอมีความรักฉันก็ไม่เชื่อหรอกนะเพื่อนตัวสูงใช้แขนหนักๆ ของมันพาดไหล่ฉันก่อนจะพาก้าวต่อไปข้างหน้า ส่วนปากก็ยังพูดอยู่ไม่หยุด แต่พอเห็นเธอมองไอ้หน้าอ่อนนั่นด้วยสายตาเจ็บปวดแล้วก็อดยอมรับไม่ได้จริงๆ ว่าเธอมีความรักซะแล้ว

    “…” ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแสดงออกทางสายตาไปแบบไหน ฉันรู้แค่ว่าฉันพยายามเก็บสีหน้าที่สุดแล้ว

    ไอ้หน้าอ่อนนั่นมันโง่ที่มองข้ามเธอไปชอบผู้หญิงคนนั้น

    เนาะฉันเห็นดีเห็นงามกับเพื่อนแม้ในใจอยากจะแย้งว่าเขาเหมาะกันแล้ว

    ฉันอยากถอยแล้วแต่ความรู้สึกลึกๆ มันก็ยังสั่งให้สู้ต่อ บอกตรงๆ ว่าฉันสับสน ฉันไม่รู้ว่าควรจัดการกับความรู้สึกแบบนี้ยังไง ฉันชอบวอดก้าได้แค่วันเดียวแต่ไม่รู้ทำไมมันถึงยากเหลือเกินที่จะเลิกชอบเขา

    นี่สินะที่มีคนเคยบอกไว้ว่าใช้เวลาตกหลุมรักแค่ไม่กี่นาทีแต่ใช้เวลาเป็นปีเพื่อจะลืม

    จริงฉิบหาย! แค่ฉันคิดว่าจะเลิกชอบเขา หัวใจมันก็ปวดหนึบๆ แล้ว

    เธอเองก็โง่ที่มองข้ามฉันไปชอบไอ้หน้าอ่อนนั่นเหมือนกันเบียร์สดเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ ถ้าหาแฟนดีได้ไม่เท่าเพื่อนแบบฉันก็ไม่ต้องมี

    ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าฉันกับเบียร์สดจะได้สนทนากันเรื่องความรักของฉัน ตลกดีเหมือนกันนะที่เกิดมาจนเรียนอยู่ปีสองแล้วฉันเพิ่งจะมีปัญหาเรื่องนี้

    แบบแกนี่เรียกดีแล้วเหรอฉันเดินมองเท้าตัวเองแบบเซ็งๆ

    ฉันรู้อยู่แล้วว่าไอ้เบียร์มันดี ดีจนฉันนึกไม่ออกว่าถ้าไม่มีมันเป็นเพื่อนฉันจะเป็นยังไง และมันเองจะเป็นยังไง แต่คงไม่มีวันนั้นหรอก วันที่เราสองคนไม่ได้เป็นเพื่อนกันน่ะ ฉันกับเบียร์เราแทบไม่เคยทะเลาะอะไรกันรุนแรงเลย ที่เคยทะเลาะกันแรงสุดก็คงเป็นตอนมัธยมต้น ตอนนั้นเบียร์มันไม่ยอมให้ฉันลอกการบ้านเลขเพราะกลัวฉันโง่

    ปากแบบนี้ไงไอ้หน้าอ่อนนั่นถึงไม่ชอบ อึก!” เสียงอึกตอนท้ายประโยคบอกได้ดีว่าคนที่โดนศอกกระทุ้งหน้าท้องจุกขนาดไหน เพื่อนตัวสูงของฉันถึงกับผละลำแขนแกร่งออกจากลาดไหล่ฉันเพื่อไปกุมท้องตัวเอง

    “…” ฉันเถียงอะไรไม่ออก วอดก้าไม่ชอบฉันเพราะฉันเป็นฉัน

    แม่งเป็นประโยคตอกย้ำที่โคตรเจ็บเลย! นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกเกลียดความจริง

    เจ็บนะเนี่ย

    ก็ทำให้เจ็บ

    “…” เพื่อนตัวสูงใช้สายตามองค้อนฉัน

    จบเรื่องวอดก้าไว้แค่ตรงนี้ ก้าวออกจากตึกบริหารแล้วถ้ายังพูดถึงเรื่องเขาอีกแกจะไม่โดนแค่ศอกฉันขู่ออกไปโง่ๆ ความจริงตอนนี้มันตอกย้ำฉันเกินไป บอกตรงๆ ว่ามันทำให้ฉันเจ็บได้มากกว่าตอนโดนก้านมะยมที่พ่อตีอีก

    เบียร์สดเชื่อฟังฉันง่ายๆ เราไม่ได้คุยเรื่องของวอดก้าเลยหลังจากออกจากบริเวณตึกบริหาร ไม่ใช่เป็นเพราะเพื่อนกลัวคำขู่โง่ๆ ของฉันหรอกนะ แต่มันคงรู้ว่าฉันยังไม่อยากยอมรับความจริงในตอนนี้ ฉันกับเบียร์ไปกินข้าวและดูหนังแบบที่เราแพลนกันไว้ ตอนกินข้าวฉันก็เอาแต่คิดว่าจะทำยังไงต่อไป จะยังไปเจอ ไปคุยกับวอดก้าอยู่ไหม นั่นเลยทำให้ฉันเหม่อลอยจนโดนเพื่อนด่าหลายครั้ง ตอนดูหนังก็ไม่ต่างกัน ฉันเอาแต่คิดถึงเขาจนดูหนังไม่รู้เรื่องเลยด้วยซ้ำ

    ให้ตายเถอะ ฉันใช้เวลาตกหลุมรักเขาแค่ไม่กี่วินาที ทำไมเขาถึงได้มีอิทธิพลกับฉันแบบนี้ล่ะ เกินไปหรือเปล่าทำไมฉันถึงได้คิดเรื่องเขาตลอดเวลาขนาดนี้

     



    tbc.
    #พี่เตคนคูล
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×