ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    hey! boy - #พี่เตคนคูล

    ลำดับตอนที่ #6 : #พี่เตคนคูล - 04

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.93K
      38
      12 ก.พ. 64

    **คำเตือน**
    นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหา คำพูด การกระทำ และฉากที่ไม่เหมาะสม
    ไม่ควรลอกเลียนแบบ ตรรกะความคิดของตัวละครผิดเพี้ยนไปตามคาแรคเตอร์
    ผู้อ่านควรมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
    และผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
    .
    .
    .

    - 04 -

    สองอาทิตย์ผ่านไป

    วันนี้เป็นวันศุกร์ที่โคตรไม่มีความสุขของฉันอีกวัน เรื่องของวอดก้าทำฉันเสียศูนย์ไปสองอาทิตย์กว่าๆ ตั้งแต่วันนั้นเราก็ไม่ได้เจอกันอีก เป็นฉันเองที่ไม่พยายามไปเจอ ซ้ำยังพยามหลบหน้าทุกครั้งที่เราบังเอิญเจอกัน ไม่ใช่ว่าไม่อยากเจอ ไม่อยากคุย แต่มันยังไม่พร้อม ฉันพูดกับตัวเองอยู่ทุกวันว่านี่ไม่ใช่การยอมแพ้ แต่มันคือการถอยออกมาตั้งหลัก

    ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าฉันจะตั้งหลักนานขนาดนี้

    เรื่องวันนั้นทำให้ฉันสับสนกับความรู้สึกตัวเองมาก

    ลูกพี่เร็วๆรุ่นน้องคนสนิทที่เพิ่งจอดรถเข้าที่เข้าทางเสร็จหมาดๆ หันมาเร่งฉันที่กำลังล็อกรั้วบ้าน

    ฉันได้แต่สะบัดหัวไล่ความคิดต่างๆ เกี่ยวกับวอดก้าออกแล้วตอบกลับคนอายุน้อยกว่าไปแบบไม่ได้หันไปมองหน้ามัน

    เออๆ รีบอยู่

    เดี๋ยวผิงไปเปิดคอมรอนะ

    ตอนนี้เป็นเวลาทุ่มเศษๆ พระจันทร์เคลื่อนขึ้นมาแทนพระอาทิตย์ที่คอยส่องแสงสว่าง ความมืดปกคลุมไปทั่วทุกสารทิศบ่งบอกเวลาให้ฉันกับขนมผิงออกจากโลกแห่งความเพลิดเพลินอย่างโลกของเกมแล้วกลับบ้าน แต่ถึงอย่างนั้นฉันกับขนมผิงก็มักจะสร้างโลกเกมที่บ้านอยู่เป็นประจำ เช่นวันนี้ เราเพิ่งกลับจากร้านเกมเฮียเผ่า กลับมาเพื่อเล่นกันต่อที่บ้าน

    ครืนนน ครืนนน ครืนนน

    ยังไม่ทันได้พูดหรือตอบไอ้ผิงโทรศัพท์มือถือของฉันก็สั่นเครือเป็นเจ้าเข้าอยู่ในกระเป๋าหลังของกางเกงยีนส์ขายาวตัวเก่ง ฉันหยิบมันออกมาดูก่อนจะกดรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์โทรของ ฮอนสหายสายเกมเมอร์พ่วงด้วยสถานะอดีตเพื่อนร่วมคณะ

    [เต] ปลายสายเรียกชื่อฉันสั้นๆ เมื่อเห็นว่าฉันไม่ได้กล่าวทักทาย

    ฟังอยู่ฉันพูดกับปลายสายพร้อมกับหมุนตัวเพื่อเดินมุ่งหน้าเข้าไปในบ้านหลังจากล็อกรั้วเสร็จเรียบร้อยแล้ว

    [มีเรื่องให้ช่วย] ฮอนเข้าเรื่องทันทีโดยไม่ยืดยาดให้เปลืองคำพูด แต่คำพูดแสนตรงของมันนั้นทำให้ฉันถึงกับกลอกตาเป็นเลขแปดเมื่อได้ยิน

    วางสายตอนนี้ทันป้ะ

    [ไม่ทันแล้ว]

    แล้วมีอะไรเนื่องจากไม่อยากคุยเยิ่นเย้อฉันเลยถามถึงหัวข้อที่ทำให้อดีตเพื่อนร่วมคณะโทรมาหา

    [ฉันรับปากเพื่อนว่าจะไปซ่อมคอมให้มันวันนี้อ่ะ เธอช่วยไปแทนหน่อยดิ บ้านมันอยู่ในซอยเดียวกับเธอนี่เอง ใกล้ๆ]

    ใกล้แล้วทำไมแกไม่ไปเอง

    นั่นคือสิ่งที่ฉันสงสัย ถ้าใกล้แล้วทำไมมันไม่ไปเอง เพราะจริงๆ แล้วฮอนคือน้องชายคนละแม่ของเฮียเผ่า มันมักจะกิน นอน และเล่นเกมอยู่ที่ชั้นสองของร้านเกมเฮียเผ่าตลอด ฉันกับฮอนสนิทกันดี เราเจอกันบ้างตามโอกาส เนื่องจากเพื่อนสายเกมเมอร์ของฉันคนนี้มันเป็นคนเก็บตัว นั่นเลยทำให้เราไม่ได้เจอกันบ่อยเกินจำเป็นแม้จะอยู่ใกล้กันมากก็ตามที แต่ถึงแม้ว่าฮอนมันจะเก็บตัวสักแค่ไหน ในเมื่อมันรับปากเพื่อนไว้แล้วมันก็น่าจะไปทำธุระของมันเอง ไม่ใช่ปัดความรับผิดชอบมาให้ฉันแบบนี้

    [ฉันไม่ว่าง]

    แกติดอะไร

    [ติดเมีย]

    ให้ตายเถอะฮอนฉันถอนหายใจพรืดใหญ่กับคำตอบแสนงี่เง่าของเพื่อน

    [ฮ่าๆ ๆ ฉันพูดเล่น] ปลายสายบอกเสริมหลังจากอำฉันเล่นจนพอใจ แน่นอนว่าฉันเกือบเชื่อจริงๆ ว่ามันติดเมีย ถึงจะเป็นคนเก็บตัวแต่หน้าตาหล่อๆ แบบฮอนน่ะหาสาวได้ไม่ยากหรอก [เธอช่วยไปซ่อมให้หน่อยนะ ฉันไม่ว่างจริงๆ]

    ฉันซ่อมไม่เป็นหรอกความจริงแล้วก็ซ่อมเป็น แต่บอกปฏิเสธไว้น่าจะเป็นผลดีกับชีวิตฉันที่สุดแล้ว

    [อย่ามาโกหก เธอเรียนวิศวะฯ คอมนะเต]

    นี่เป็นความเข้าใจผิดอันใหญ่หลวงเลยว่าคนเรียนวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ต้องซ่อมคอมเป็น มันไม่ใช่ ฉันไม่ได้เรียนมาให้ซ่อมคอมพิวเตอร์ ที่ฉันเรียนมันเป็นอะไรลึกซึ้งกว่านั้นมาก ลึกมากถึงขนาดที่ทำให้ฉันมองไอ้จอสี่เหลี่ยมเล็กๆ นี่เป็นสิ่งมหัศจรรย์เลยล่ะ

    แกก็รู้ว่าวิศวะฯ คอมไม่ได้สอนให้ฉันซ่อมคอมพิวเตอร์

    ฉันรู้ว่าฮอนมันรู้ดีเพราะมันเองก็เคยเรียนกับฉันตอนปีหนึ่ง เรียนได้เทอมเดียวเท่านั้นเพื่อนคนเก่งของฉันก็ซิ่วหนี เหตุผลเพราะเรียนไม่ไหวบวกกับใจไม่เอา ฮอนเป็นคนที่ชอบเล่นเกมมากมันเลยเลือกเรียนวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ แต่แล้วก็ไม่เป็นอย่างที่หวัง สุดท้ายมันก็เทวิศวะฯ ไปหาเรียนอย่างอื่น

    [แต่อย่างน้อยเธอก็ซ่อมเป็นฉันรู้]

    การที่เราจะซ่อมคอมพิวเตอร์เป็นหรือไม่เป็นมันก็แล้วแต่ว่าเราจะเรียนรู้เพิ่มเติมเอาเองหรือเปล่า ซึ่งแน่นอนว่าฉันศึกษามันเพิ่มเติม

    ไม่ได้เก่งเท่าแก แล้วอีกอย่าง เพื่อนก็เพื่อนแก รับปากไว้ก็ไปทำเองดิฉันไม่ได้อยากทำตัวไร้น้ำใจหรอกนะ แต่ช่วงนี้ฉันไม่มีความรู้สึกอยากทำอะไร แล้วอีกอย่างนี่ก็เป็นความรับผิดชอบของฮอนเอง มันจะมาปัดให้ฉันแบบนี้ไม่ได้

    [อย่าใจร้ายกับเพื่อนดิ]

    ใครเพื่อนแกฉันชิงพูดก่อนที่ไอ้ฮอนจะได้ดราม่าใส่ว่าแค่นี้ทำให้เพื่อนไม่ได้เหรออะไรเทือกนั้น

    [เต~] ฮอนเรียกฉันเสียงอ่อย เหมือนจะน่ารัก แต่ไม่เลย [ช่วยหน่อยนะ อย่างน้อยแค่เข้าไปดูอาการให้หน่อยก็ยังดี ฉันกลัวเพื่อนฉันมันจะรีบใช้]

    พรึบ!

    ฉันทิ้งตัวลงนั่งโซฟาตัวนุ่นก่อนจะเอนศีรษะไปซบไหล่บุคคลที่นั่งดูทีวีอยู่ก่อนแล้วอย่างพี่ไหม การที่ฉันถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ทำให้เธอยกมือขึ้นมาลูบศีรษะฉันอย่างแผ่วเบา

    ขอร้องฉันสิฉันยังเล่นตัวไม่เลิกแม้ใจในจะตกลงยอมช่วยมันไปแล้ว ไม่ใช่ว่าเห็นแก่มันหรอกนะ แต่ฉันเห็นใจเพื่อนมัน ถ้าเขารีบใช้งานเขาก็คงร้อนใจมากที่คอมพิวเตอร์มาพัง ซ้ำยังยอมให้เพื่อนไม่มีความรับผิดชอบแบบไอ้ฮอนไปช่วยอีก คราวซวยของเขาที่แท้จริงเลยล่ะ

    [ขอร้องนะครับเพื่อนครับ]

    ไม่รู้หรอกนะว่าเพื่อนคนนี้ไอ้ฮอนมันด้วยสนิทระดับไหน แต่คงเป็นเพื่อนคนสำคัญอยู่เหมือนกันมันถึงได้แคร์เขาขนาดนั้น ทั้งๆ ที่มันจะเลือกโทรยกเลิกนัดก็ได้ ทว่ามันดันโทรมาขอความช่วยเหลือจากฉัน

    ต้องไปตอนนี้เลยเหรอฉันถามอีกพร้อมกับทอดสายตาไปยังนาฬิกาแขวนผนัง เวลาตอนนี้ใกล้จะสองทุ่มแล้ว

    [อาฮะ]

    แค่ไปดูอาการให้นะ แล้วแกค่อยไปซ่อมเอง

    [แค่นั้นก็เป็นพระคุณอันใหญ่หลวงแล้วครับเพื่อน]

    ไม่อยากว่าเพื่อนโอเว่อร์หรอก แต่แม่งโอเว่อร์จริงๆ ตอนขอให้ช่วยนี่เรียกเพื่อนอย่างนั้นเพื่อนอย่างนี้ ตอนอยู่กันปกตินี่แทบจะแดกหัวฉัน

    แล้วที่ว่าในซอยเดียวกับฉันนี่บ้านหลังไหนวะ ซอยนี้ไม่ได้มีแค่บ้านฉันกับบ้านเพื่อนแกสองหลังนะโว้ย

    [ฉันอธิบายไม่เก่งว่ะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันส่งรูปกับรายละเอียดให้ดูในไลน์แล้วกันนะ]

    อาฮะ

    เมื่อตกลงกันเสร็จแล้วฉันจึงกดวางสายไปก่อนจะวางโทรศัพท์มือถือไว้ข้างตัว

    น้องเตดูเหนื่อยๆ นะน้ำเสียงติดเป็นห่วงของผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ เอ่ยทักตอนที่เห็นฉันละเครื่องมือสื่อสารออกจากหูแล้ว เรียนหนักเหรอ

    อื้อ นิดหน่อยอ่ะฉันวาดแขนทั้งสองข้างโอบเอวบางของพี่ไหมไว้หลวมๆ ทั้งๆ ที่ยังซบไหล่เธออยู่แบบนั้น แต่แค่ได้กอดพี่ไหมเตก็หายเหนื่อยแล้ว~”

    อ้อนอะไรเนี่ยน้องเตพี่ไหมไม่ได้ผลักไสอ้อมกอดของฉัน เธอถามแบบนั้นพร้อมกับโอบหลังฉันไว้แล้วโยกไปมาเบาๆ พาให้ฉันผ่อนคลายลงได้บ้างนิดหน่อย หิวข้าวเหรอ หรือยังไงหื้ม

    ถ้าฉันอยากกินอะไรเป็นพิเศษแล้วอยากให้พี่ไหมเป็นคนทำให้ ลูกอ้อนแบบนี้มักจะใช้ได้ผลเสมอ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ ฉันไม่ได้อยากกินอะไรเป็นพิเศษ แค่อยากกอดใครสักคนก็เท่านั้น

    เตไม่ได้หิวหรอกฉันตอบคำถามก่อนจะเป็นคนถามบ้าง พ่อกลับมาหรือยังอ่ะ

    คุณลุงขึ้นห้องไปพักแล้วจ้ะ เห็นบ่นว่าเหนื่อยๆ น่ะ

    ฉันผละอ้อมกอดออกก่อนจะพยักหน้ารับรู้ รอยยิ้มบางๆ ของพี่ไหมที่ส่งมาทำให้ฉันยิ้มตามง่ายๆ แต่พอคิดถึงรอยยิ้มแสนน่ารักของวอดก้าที่ยิ้มให้อดีตดาวบริหารก็ทำให้ใบหน้าฉันกลับมาเรียบดึงราวกับฉีดโบท็อกซ์มาเป็นสิบเข็มทันที ให้ตายสิ นี่มันสองอาทิตย์แล้วนะ ทำไมฉันยังสลัดเรื่องนี้ไม่หลุดจากหัวสักที!

    ฉันคิดว่าการไม่ไปเจอวอดก้าจะทำให้ฉันมีความคิดที่อยากตัดใจจากเขาบ้าง แต่มันไม่ใช่เลย ยิ่งไม่เจอก็ยิ่งทำให้คิดถึง ฉันอยากไปพูดเสี่ยวๆ ให้เขาทำหน้าตางุนงงที่แสนน่ารักใส่ อยากได้ยินเสียงทุ้มแสนละมุนหูของเขา แต่ถึงจะไม่ตัดใจ ฉันก็ไม่ได้พยายามเข้าไปใกล้เขาแบบที่ทำไปก่อนหน้า

    ฉันยังสับสนอยู่เลยว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี

    ฉันไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วฉันรู้สึกยังไงอยู่กันแน่ เอาจริงๆ ยูนิต NCT ยังเข้าใจง่ายกว่าความรู้สึกของฉันตอนนี้เลย

    ลูกพี่! ผิงรอนานแล้วนะเนี่ยเสียงบุคคลที่สามแทรกเข้ามาระหว่างบทสนทนาของฉันกับพี่ไหม ไอ้ฟ่าขอร่วมตี้[ตี้ : การเล่นเกมแบบทีม] ด้วย รีบมาเร็ว

    “…” ฉันหันไปมองต้นเสียงก็พบขนมผิงยืนเสนอหน้าอยู่ตรงบันได

    พี่ฮอนก็ออนไลน์อยู่ เดี๋ยวผิงชวนเขาด้วย

    ที่บอกฉันว่าไม่ว่างนี่คือไอ้ฮอนมันเล่นเกมอยู่น่ะเหรอ ให้ตายเถอะ!

    พวกแกเล่นกันไปก่อนเลย ฉันมีธุระต้องไปทำฉันตัดบทง่ายๆ แม้จะแอบแค้นเพื่อนหัวหมออย่างไอ้ฮอนอยู่บ้างแต่ในเมื่อฉันรับปากมันไปแล้วยังไงก็ต้องไป

    อ้าว ไปไหนอ่ะ ให้ไปเป็นเพื่อนเปล่า

    ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปคนเดียว

    ไปยังไงคนอายุน้อยกว่ายังถามไม่หยุด มันคงเห็นว่าฉันโดนสั่งห้ามไม่ให้ขี่มอเตอร์ไซค์มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วถึงได้ถามคำถามนั้นออกมา แต่จะให้ตอบดีๆ บทสนทนาระหว่างฉันกับมันคงยืดยาวกว่านี้เป็นแน่

    ไม่เสือกดิ

    แล้วอีกนานมั้ยอ่ะ เดี๋ยวผิงรอรุ่นน้องยังคงเห็นความสำคัญของฉันอยู่เสมอ ตี้ที่ไม่มีลูกพี่ก็เปรียบเหมือนหน้าที่โดนกระดาษซับแล้วอ่ะ

    ยังไง

    ไม่มัน

    ฉันถึงกับถอนหายใจทิ้งเมื่อได้ยินมุกตลกของขนมผิง มันไม่ได้ตลกอ่ะ

    เล่นกันไปก่อนเลยไป อีกนานกว่าจะเสร็จฉันปัดมือไล่รุ่นน้องที่ยืนอยู่ขั้นบันไดอย่างเอือมละอา เนื่องจากไอ้ฮอนยังไม่ส่งรายละเอียดบ้านเพื่อนมันมาให้ฉันเลยยังไปจัดการธุระไม่ได้ และคงอีกนานกว่าฉันจะได้เล่นเกมกับขนมผิง แต่เชื่อเถอะว่าราตรีนี้ยังอีกยาวไกล เพราะพรุ่งนี้วันเสาร์

    โอเค รับทราบครับผมขนมผิงตอบแค่นั้นก่อนจะเดินขึ้นบ้านไปอย่างว่าง่าย ที่ว่าง่ายขนาดนี้เพราะมันเสี้ยนจะเล่นเกมนั่นแหละ มันไม่ได้เป็นเด็กดีเชื่อฟังฉันขนาดนั้นหรอก

    ไอ้น้องคนนี้นี่มันติดเกมซะจริงเลยนะพี่ไหมที่มองฉันกับขนมผิงสนทนากันอยู่พูดออกมาเอือมๆ ฉันก็คิดแบบพี่ไหมแต่ก็พูดอะไรไม่ได้ เพราะฉันเองก็ติดเกมไม่แพ้ขนมผิงเลย

    ไงไอ้อ้วน~” ฉันเอ่ยทักทายแมวหน้าหยิ่งตัวอ้วนที่มีขนสีขาวปุกปุย มันชื่อว่า หมูปิ้งเป็นแมวของเบียร์สดที่เอามาฝากเลี้ยงหลังจากเลิกกับแฟนเก่า

    เมี๊ยว~” แมวแสนรู้ร้องเหมียวรับทันทีที่ฉันเอ่ยทักทายมัน ไอ้ตัวอ้วนปีนขึ้นมานอนบนตักฉันอย่างถือดีก่อนจะใช้หัวเล็กๆ ถูไถแขนของฉันที่วางอยู่หน้าขาอย่างออดอ้อนออเซาะ

    เออน้องเต วันนี้ช่วงห้าโมงเย็นมีผู้ชายคนนึงมารอน้องเตด้วย

    ใครอ่ะ ไอ้เบียร์เหรอฉันถามออกไปแบบนั้นเพราะเพื่อนที่จะมาบ้านฉันได้น่ะมีไม่กี่คนหรอก

    ไม่ใช่เบียร์นะ เห็นบอกว่าชื่อวอดก้า

    “…” ฉันเบิกตากว้างเมื่อได้ยินพี่ไหมบอกแบบนั้น หัวใจที่แห้งเหี่ยวเหมือนต้นไม้ใกล้ตายของฉันตอนนี้กลับมาพองโตราวกับได้รับน้ำประทังชีวิต

    เขามาหาฉันทำไมไม่รู้ แต่ฉันรู้สึกดีใจอย่างที่ฉันเองก็อธิบายไม่ถูก

    หน้าตาน่ารักเชียวแหละพี่ไหมยิ้มแซวฉัน มีเพื่อนน่ารักๆ แบบนี้ทำไมไม่เห็นเคยพามาบ้านเลยล่ะ

    จะพามาได้ยังไงกันล่ะ คุยกันได้สองวันฉันก็หนีหน้าเขาซะแล้ว

    เขาได้บอกไว้หรือเปล่าว่ามาหาเตทำไมฉันถามออกไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่งพร้อมกับเกาหัวไอ้หมูปิ้งที่นอนอยู่บนตักเบาๆ แม้ฉันอยากจะดีใจแค่ไหนแต่การเก็บสีหน้ามันดันเป็นอย่างหนึ่งที่ฉันชอบทำมากๆ ซะแล้ว

    เห็นบอกว่ามีเรื่องอยากคุยด้วยน่ะ

    มีเรื่องอยากคุย

    ฉันกับเขายังมีอะไรที่ต้องคุยกันนะ ฉันนึกไม่ออกเลยจริงๆ

    เขาบอกพี่แค่นั้นแหละ นั่งรอน้องเตตั้งนานสองนานเลยนะ แต่สุดท้ายก็ถอดใจกลับไปก่อนพี่ไหมเอื้อมมือไปหยิบรีโหมดทีวีจากโต๊ะกระจกตัวเตี้ยที่ห่างจากโซฟาเพียงนิดหน่อยมากดเปลี่ยนช่องทีวี ดวงตาคู่สวยมองไปที่จอสี่เหลี่ยมพลางพูดต่อ เขากลับไปได้พักนึงน้องเตก็มาพอดี เสียดายแย่เลยนะคลาดกันแบบนี้

    “…” เงียบคือสิ่งเดียวที่ฉันทำตอนนี้ มันมีคำถามโถมเข้ามาในหัวมากมาย แต่สุดท้ายฉันก็หาเหตุผลดีๆ มาตอบตัวเองไม่ได้เลยสักคำถามเดียว

    ครืน! ครืน!

    โทรศัพท์มือถือของฉันสั่นครืนเพื่อแจ้งเตือนว่ามีข้อความใหม่เข้า ฉันควานหามันจนเจอแล้วหยิบขึ้นมาเปิดดูก็พบว่าเป็นฮอนที่ส่งมา

    H.HON : บ้านเลขที่ 20/2 เป็นบ้านไม้สีเบจอ่ะ เพื่อนฉันชื่อวอดก้า

    H.HON : *แนบรูปภาพ*

    ไอ้ฉิบหายฉันสบถคำหยาบคายออกมาอย่างเหลืออดเมื่อเห็นบ้านไม้สีเบจที่ไอ้ฮอนส่งรูปมา หัวใจมันเต้นรัวและเร็วขึ้นแบบบอกไม่ถูก

    แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นฉันก็ไม่ลืมพิมพ์แช่งไอ้ฮอนที่มันปัดภาระของมันมาให้ฉันแล้วหนีไปเล่นเกมอย่างสบายใจ

    T. : ถ้าที่บอกว่าไม่ว่างคือหนีไปเล่นเกมฉันก็ขอให้แกแรงค์ตก [แรงค์ : อันดับในเกม]

    H.HON : แหะๆ

    ไอ้ห่า แหะที่หน้าแกดิฉันสบถคำหยาบออกมาอีกรอบก่อนจะเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋าเสื้อช็อปสีกรมท่าตัวที่สวมอยู่

    น้องเตพี่ไหมส่งสายตามาเอ็ดเมื่อเห็นว่าฉันพูดหยาบคายออกมาตั้งสองรอบ  

    ปกติแล้วฉันไม่พูดคะหรือขา แต่ก็ไม่พูดคำหยาบเช่นเดียวกัน ไม่พูดหยาบเฉพาะตอนอยู่บ้านน่ะ พี่ไหมกับพ่อไม่ชอบให้ฉันดูเป็นเด็กหยาบคาย ห่ามได้แต่อย่าหยาบ ทว่าอยู่กับเพื่อนฉันก็หลุดปากบ่อยๆ เผลอหยาบใส่เพื่อนไปตั้งหลายครั้งแล้วเหมือนกัน

    พี่ไหมฉันเรียกชื่อคนอายุมากกว่าเบาๆ ก่อนจะทำสีหน้าเหนื่อยหน่ายใส่เธอ ฉันปวดหัวมากจริงๆ เมื่อคิดว่าต้องไปเจอวอดก้าทั้งๆ ที่ยังสับสนกับความรู้สึกอยู่แบบนี้

    ให้แก้โจทย์คณิตเรื่องแคลคูลัสยังง่ายกว่าการไปเจอเขาทั้งๆ ที่ใจฉันยังสับสนอยู่แบบนี้เลย

    ว่าไงจ๊ะ

    แต่ฉันเชื่อว่าพี่ไหมจะเป็นที่ปรึกษาที่ดีสำหรับเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน

    วอดก้าคือคนที่เตชอบ

    หือคู่สนทนายิ้มกริ่มใส่ฉัน เธอคงหวังจะแซวเพราะเขาเพิ่งมาบ้านฉันวันนี้ แต่รอยยิ้มของคนอายุมากกว่าก็เจือจางไปเมื่อฉันบอกออกไปอีกประโยค

    แต่เขามีคนที่เขาชอบอยู่แล้ว

    โถน้องเตพี่ไหมมองฉันอย่างนึกเห็นใจ ฉันไม่ชอบเวลาที่โดนมองด้วยสายตาแบบนี้ มันเหมือนกับว่าฉันแพ้

    เตไม่เป็นไรหรอกนะ แค่สับสนนิดหน่อย

    ฉันเคยบอกวอดก้าว่าฉันจะพยายามจีบเขาให้ติดไม่สนว่าเขาจะชอบฉันกลับหรือเปล่า ฉันพยายามหนักแน่นในคำพูดนั้น แต่ลึกๆ แล้วฉันกลับสับสนจนแทบเป็นบ้า

    มีอะไรจะพูดกับพี่หรือเปล่าจ๊ะมือเรียวเอื้อมมาลูบเรือนผมสีไพลินของฉันอย่างแผ่วเบาก่อนจะเกลี่ยเส้นผมข้างแก้มไปทัดใบหูให้ พูดมาได้นะ ถ้ามันช่วยได้

    ฉันรู้ว่าพี่ไหมเป็นห่วงความรู้สึกของฉัน เธอเป็นทุกอย่างให้ฉัน ทั้งพี่สาวที่แสนใจดี บางครั้งเธอก็ขี้บ่นเป็นคุณแม่ แถมบางครั้งยังดุเป็นคุณครู แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็รู้ว่าเธอทำทั้งหมดเพราะรัก ฉันพยักหน้ารับเบาๆ เพื่อบอกเธอว่าอยากได้คำปรึกษา

    เตไม่รู้ว่าควรสู้ต่อหรือพอแค่นี้นั่นคือสิ่งที่ฉันตัดสินใจไม่ได้สักที มันก่ำกึ่งอยู่ตลอด ตอนฉันยังสู้ต่อ อีกด้านในใจฉันมันก็บอกให้ถอยออกมา แต่พอฉันจะถอยอีกด้านมันก็บอกให้สู้ต่อ

    ฉันจะเป็นบ้าอยู่แล้ว

    น้องเตยังชอบเขาอยู่มั้ย

    ชอบสิฉันกล้าพูดเต็มปากเลยว่าฉันยังชอบวอดก้าไม่เปลี่ยน ความรู้สึกฉันมันยังเหมือนเดิม เหมือนตอนที่เราเจอกันครั้งแรก

    แล้วมีแค่เหตุผลเดียวเหรอที่ทำให้น้องเตจะไม่สู้ต่อ แบบนั้นมันผิดวิสัยของเรามากเลยนะพี่ไหมยังถามต่อ คำถามของเธอทำให้ฉันได้คิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง นั่นเลยทำให้ฉันรู้ว่าการที่เขาชอบคนอื่นไม่ใช่เหตุผลเดียว

    คนที่เขาชอบดูเหมาะสมกับเขามากเลยล่ะ

    แม้จะแอบประท้วงอยู่ในใจแต่สิ่งที่พูดไปมันคือความจริง วอดก้ากับอดีตดาวบริหารดูเหมาะสมกันจริงๆ เธอคนนั้นดูเรียบร้อย อ่อนหวาน วอดก้าเองก็อ่อนโยน สายตาที่เขามองเธอคนนั้นมันอ่อนโยนซะจนฉันอยากอาเจียน

    มันเป็นความจริงที่โคตรเจ็บเลยอ่ะ

    พี่อยากให้น้องเตสู้ต่อนะพี่ไหมเป็นคนมีเหตุผล ดังนั้นเธอจึงอธิบายต่อ เขาแค่มีคนที่ชอบ แต่เขายังไม่ได้คบกันนี่เนาะ น้องเตมีสิทธิ์สู้ต่อ

    “…” อันนั้นฉันรู้ดี ฉันมีสิทธิ์ แต่ฉันไม่มีกำลังใจจะสู้นี่สิปัญหา เขาดูเหมาะสมกันเกินกว่าที่ฉันจะแทรกเข้าไปแม้ว่าอดีตดาวบริหารจะไม่รู้เลยว่าวอดก้าชอบเธอก็เถอะ เขาสองคนเหมาะสมกันนั่นคือความคิดของฉันตอนเห็นเขาสองคนยืนใกล้ๆ กันเมื่อสองอาทิตย์ก่อน แต่อีกด้านในใจฉันมันก็เถียงแบบไม่มีเสียงว่าฉันก็เหมาะสมกับวอดก้าเหมือนกันโว้ย!

    สองความคิดนี้ตีกันในหัวฉันจนถึงตอนนี้

    ฉันรู้ว่าฉันควรหนักแน่นกับคำพูดที่เคยพูดกับวอดก้าไว้ แต่ไม่รู้ทำไมใจฉันมันถึงไม่มีแรงจะฮึดสู้บ้างเลย

    เขาเป็นคนแรกที่น้องเตชอบ พี่อยากให้น้องเตได้เรียนรู้ดวงตาคู่สวยของบุคคลตรงหน้าฉายความอบอุ่นมาปกคลุมหัวใจฉัน น้องเตอาจจะได้เจอความรักจากคนอื่นมากมายในอนาคต คู่แท้ของน้องเตอาจจะไม่ใช่เขา การสู้ครั้งนี้พี่ไม่ได้หวังให้เรามีชัยชนะหรอกนะ แค่สู้ให้เต็มที่ แม้สุดท้ายจะแพ้อย่างน้อยน้องเตก็ได้เรียนรู้เรื่องความรัก

    “…” ฉันใช้ฟันขบริมฝีปากล่างพร้อมกับคิดตามคำพูดของคนอายุมากกว่า

    การเจอรักดีๆ มันยากพอๆ กับการงมเข็มในมหาสมุทรเลยนะ เรียนรู้ไปเถอะ ไม่มีมหาวิทยาลัยไหนเปิดสอนวิชาความรักหรอกนะ พี่อยากให้น้องเตมีความรู้ด้านความรักกับชาวบ้านเขาบ้าง ไม่ใช่เก่งแต่เรียนกับเล่นเกมอย่างเดียว

    ฉันยิ้มออกมาเมื่อความอบอุ่นของพี่ไหมโอบอุ้มใจฉันไม่ให้หลงทาง ฉันไม่รู้เลยว่าจะเปรียบความอบอุ่นนี้เหมือนไมโครเวฟหรือฮีตเตอร์ดี ฉันรู้แค่ว่ามันอบอุ่นเป็นบ้าเลย

    อะไรที่รู้ว่าจะแพ้ก็ไม่ควรแข่งมั้ยวะพี่

    อยู่ๆ ฉันก็นึกถึงคำพูดของขนมผิงขึ้นมา และฉันก็จำได้ว่าตอบรุ่นน้องไปว่ายังไง ฉันต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง ถ้ามันจะเจ็บ อย่างน้อยมันก็ไม่ถึงตาย แม้สุดท้ายจะแพ้ แต่วอดก้าจะเป็นประสบการณ์ที่แสนวิเศษสำหรับฉัน

    รักดีๆ ไม่ได้หายากพอๆ กับการงมเข็มในมหาสมุทรหรอกนะพี่ไหมฉันพูดบ้างหลังจากเงียบไปนาน คำพูดของพี่ไหมทำให้ฉันเข้าใจตัวเองมากขึ้น ฉันไม่ใช่คนที่ไม่พยายาม ฉันตั้งใจอะไรไว้ฉันต้องได้ทำมัน การที่คุยกับพี่ไหมมันทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นเยอะเลยล่ะ ฉันควรคุยกับเธอตั้งนานแล้ว ไม่ควรปล่อยให้ตัวเองต้องอยู่กับความสับสนตั้งสองอาทิตย์เต็มๆ

    หือคนอายุมากกว่าเลิกคิ้วสูงเชิงถามว่าคำพูดของฉันมันหมายถึงอะไร แล้วมันเปรียบกับอะไรได้อีกล่ะ

    มันคือการงมเข็มในกองเข็ม

    งมเข็มในกองเข็มมันยากกว่างมเข็มในมหาสมุทรตรงที่เราไม่มีทางรู้เลยว่าเข็มเล่มไหนคือความรักที่เราตามหา เข็มเล่มไหนคือความรักดีๆ ที่เราอยากเจอ เพราะในกองเข็มมันก็มีแต่เข็มเหมือนๆ กันหมด

    นั่นสินะพี่ไหมเข้าใจคำพูดฉันก็ยิ้มออกมาทันทีแบบห้ามไม่ได้

    ถึงเวลาที่เตต้องไปแล้วแหละฉันอุ้มแมวตัวอ้วนที่มีขนสีขาวปุกปุยไปวางไว้บนตักพี่ไหมก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วปัดขนสีขาวของไอ้หมูปิ้งออกจากตัวจนสะอาดเรียบร้อย

    ไปไหนจ๊ะ นี่มืดแล้วนะ

    ฉันแสยะยิ้มใส่พี่ไหมก่อนจะบอกออกไปอย่างหนักแน่น

    ไปงมเข็ม

    ว่าจบฉันก็สาวเท้าเดินมุ่งหน้าขึ้นบ้านไปหยิบไขควงวัดไฟในห้องก่อนจะกลับลงมาหยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซค์แล้วขี่มันไปยังบ้านเลขที่ 20/2 บ้านไม้สีเบจที่ฉันเคยมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อสองอาทิตย์ก่อน นี่เป็นการขี่มอเตอร์ไซค์บนท้องถนนจริงๆ ครั้งแรกของฉัน และฉันก็ทำมันได้ดี ไม่ได้ไปชนใครที่ไหน

    ฉันจอดมอเตอร์ไซค์ไว้ข้างรั้วก่อนจะยืนทำใจครู่หนึ่งแล้วเอื้อมมือไปกดกริ่งหน้าบ้าน และรอไม่นานนักประตูไม้ก็ถูกเปิดออกด้วยฝีมือผู้หญิงวัยกลางคน

    สะสวัสดีค่ะฉันยกมือไหว้คนอายุมากกว่าประกอบคำพูด ก่อนจะพูดออกไปอีกพร้อมกับชูไขควงวัดไฟในมือไปด้วย มาดูอาการคอมให้วอดก้าแทนฮอนน่ะค่ะ พอดีมันไม่ว่าง

    ฉันรู้สึกเกร็งนิดหน่อยเพราะส่วนมากแล้วฉันไม่ค่อยได้เข้าสังคมกับผู้ใหญ่สักเท่าไหร่

    ฉันอ้างชื่อไอ้ฮอนเพราะคนในบ้านนี้ไม่ได้รู้จักมักจี่กับฉัน แต่แน่นอนว่าต้องรู้จักฮอน ก็มันสาระแนเป็นเพื่อนกับลูกชายเจ้าของบ้านหลังนี้นี่เนาะ ฉันไม่รู้หรอกนะว่ามันไปรู้จักกับวอดก้าได้ยังไง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่านอกจากฉันมันมีคนอื่นคบเป็นเพื่อนด้วย

    เพื่อนตาฮอนเหรอลูกผู้หญิงวัยกลางคนถามฉันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เป็นรอยยิ้มที่ดูใจดีมาก ท่าทางเป็นมิตรนั่นลดอาการเกร็งของฉันลงได้เยอะอยู่เหมือนกัน ชื่ออะไรล่ะ

    ต้องเตค่ะ

    น้องเตเนาะหญิงวัยกลางคนลดความห่างเหินของเราลงมาก ทำให้อาการเกร็งของฉันหายไปจนหมด เข้ามาในบ้านก่อนสิลูก

    “…” ฉันยิ้มนิดๆ พร้อมกับพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินตามหลังเจ้าของบ้านเข้ามาข้างใน

    เดี๋ยวแม่ไปเรียกน้องก้าให้นะลูก นั่งรอก่อนนะรอยยิ้มที่ส่งมาให้ฉันยังดูใจดีไม่เปลี่ยน ใบหน้าของหญิงมีอายุคนนี้เหมือนวอดก้าอยู่มากเลยล่ะ แม้จะเริ่มมีริ้วรอยตามช่วงอายุแต่ก็พูดได้เต็มปากว่าท่านเป็นคนมีอายุที่ดูดีมากเลย

    ได้ค่ะฉันตอบพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ

    ทันทีที่เจ้าของบ้านเดินขึ้นบันไดไม้ที่ดูเรียบหรูไปยังชั้นบนของบ้านฉันก็ทิ้งตัวลงนั่งโซฟาตัวนุ่นสีน้ำตาลแก่ สายตาของฉันกวาดไปรอบๆ บ้านที่ตกแต่งสไตล์วินเทจแบบไม่มีที่วางตา บ้านหลังนี้มองข้างนอกอาจจะไม่ดึงดูดอะไรมากมาย ทว่าภายในกลับตกแต่งได้น่าอยู่เป็นบ้าเลย

    ระหว่างที่ฉันชื่นชมความงามของบ้านหลังนี้อย่างเพลินตาเจ้าของบ้านคนเดิมก็เดินกลับมาหา

    น้องก้าอาบน้ำอยู่น่ะลูก แต่ว่าเขาบอกให้เข้าไปดูในห้องได้เลยฉันลุกเต็มความสูงเมื่อเจ้าของบ้านบอกแบบนั้น ตามแม่มาเลยจ้ะ

    “…” คุณแม่ของวอดก้าพาฉันเดินขึ้นบันไดไม้มายังชั้นบนของบ้าน ฉันเองก็ได้แต่เดินตามหลังท่านอย่างเงียบๆ มือเรียวที่เนื้อหนังเริ่มเหี่ยวย่นตามช่วงอายุเอื้อมไปเปิดประตูไม้บานกว้างออกก่อนจะหันมาคุยกับฉัน

    คอมอยู่ฝั่งนั้นนะลูก ขาดเหลืออะไรบอกแม่ได้นะ เดี๋ยวน้องก้าคงเข้ามา

    ได้ค่ะฉันว่าพร้อมกับฉีกยิ้มให้คนที่อาวุโสกว่า

    ฉันสาวเท้าเดินไปยังมุมที่ถูกจัดเป็นมุมเขียนหนังสือ ข้างๆ โต๊ะคอมพิวเตอร์มีโต๊ะเปล่าๆ ตั้งอยู่ แม้ขาจะก้าวเข้าไปหาคอมแต่สายตากลับกวาดมองรอบๆ ห้องเพื่อสำรวจไปด้วย เจ้าของบ้านเดินกลับออกไปทางเดิมก่อนจะปิดประตูลง ตอนที่ภายในห้องนอนของวอดก้าเหลือเพียงฉันอยู่ตามลำพังทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบสนิทจนได้ยินแค่เสียงเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอยู่

    บอกตรงๆ ว่าฉันอายมาก ห้องนอนวอดก้าเรียบร้อยกว่าห้องนอนของฉันสิบเท่าเลยล่ะ ปกติฉันก็ไม่ใช่คนที่ไม่เรียบร้อยนะสำหรับการจัดห้องนอน แต่เขาแค่เรียบร้อยกว่าก็เท่านั้น

    ฉันถอดเสื้อช็อปสีกรมท่าออกแล้วพาดมันไว้ที่พนักพิงเก้าอี้ก่อนจะนั่งลง ฉันกวาดสายตามองรอบๆ โต๊ะคอมพิวเตอร์ของวอดก้าก่อนจะเอื้อมมือไปกดปุ่มเปิดเครื่องเพื่อเช็คดูว่าอาการมันเป็นยังไงและมีอะไรเสียบ้าง ฉันสงสัยอยู่อย่างเดียวคือคอมพิวเตอร์ที่วอดก้าใช้มันคือคอมพิวเตอร์แบบประกอบ[คอมพิวเตอร์แบบประกอบ : คอมพิวเตอร์ที่ประกอบขึ้นเอง สามารถเลือกใช้อุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างอิสระ] ถ้าเขาใช้คอมประกอบก็น่าจะรู้เรื่องคอมดีนี่ ทำไมยังตามให้ไอ้ฮอนมาซ่อมให้ล่ะ

    แกร๊ก~

    ฉันอยู่ในห้องนอนของวอดก้าคนเดียวเพียงไม่นานก็มีเสียงประตูห้องถูกเปิดออกก่อนจะถูกปิดลงด้วยฝีมือคนๆ เดียว ฉันทอดสายตาไปยังเจ้าของห้องที่เพิ่งเดินเข้ามา ร่างกายท่อนบนของวอดก้าเปลือยเปล่าและพราวไปด้วยหยาดน้ำ นั่นทำให้ฉันกลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคอได้อย่างยากลำบาก ตอนนี้มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนสีขาวสะอาดตาเท่านั้นที่พันรอบเอวปิดบังตัวตนของเขาอยู่

    จะบอกว่าไม่เคยเห็นผู้ชายเปลือยก็ไม่ได้เพราะฉันเห็นไอ้ผิงแก้ผ้าเดินรอบบ้านบ่อยมาก จะพูดให้ถูกต้องบอกว่าไม่เคยเห็นผู้ชายที่ตัวเองชอบเปลือยแบบนี้ ฉันรู้สึกร้อนขึ้นมาทั้งๆ ที่อากาศในห้องนี้เย็นเยือกเพราะเครื่องปรับอากาศกำลังทำงานอยู่

    เราคิดว่านายจะเบี้ยวนัดเราแล้วนะเจ้าของห้องก้มหน้าก้มตาใช้ผ้าสีขาวผืนเล็กที่คล้องคอเข้ามาในห้องด้วยเช็ดเส้นผมที่เปียกโชก เขาไม่ได้สังเกตเห็นฉัน ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนอนก่อนจะว่าต่อ เพิ่งรู้ว่านายรักษาคำพูดเป็นเหมือนชาวบ้านด้วย

    เป็นการด่าแบบสุภาพสไตล์อีกแล้วสินะ ไอ้ฮอนได้ยินมันคงเจ็บกระดองใจอยู่เหมือนกัน ฉันไม่รู้ว่าสองคนสนิทกับระดับไหน แต่ขอยืนยันอีกเสียงว่าคำด่าของวอดก้านั้นค่อนข้างจริง การไม่รักษาคำพูดถือเป็นนิสัยเสียมากที่สุดสำหรับไอ้ฮอน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่คิดจะแก้นิสัยเสียๆ ของมันเลย

    หัวนมสีชมพูเชียวนะแทนที่จะอธิบายเรื่องเพื่อนของเขาให้ฟังฉันกลับเท้าแขนกับพนักผิงเก้าอี้แล้วพูดแซวเจ้าของห้องด้วยเรื่องทะลึ่ง

    วอดก้าเงยหน้าขึ้นมามองฉันก่อนจะชะงักไปเกือบนาที

    เธอ!” และเมื่อสติเขากลับมาคำถามมากมายจึงถูกยิงมาที่ฉันไม่ยั้ง เธอมาอยู่ในห้องเราได้ยังไง แล้วฮอนไปไหน ทำไมเป็นเธอล่ะ เอ๊ะ! ให้ตายสิเต เมื่อกี้เธอทักหัวนมเราเหรอ ทะลึ่ง!”

    ฉันได้แต่นึกขำอยู่ในใจ เขาทำอย่างกับไม่เคยมีใครได้เห็นเรือนร่างแสนกำยำของเขาอย่างนั้นแหละ ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้หน้าบางกว่าผู้ชายที่อยู่รอบๆ ตัวฉันนักนะ

    จะให้ตอบคำถามไหนก่อนดีล่ะแม้ในใจจะนึกขำแต่ฉันกลับถามเขากลับด้วยสีหน้านิ่งเฉย

    คำถามไหนก็ตอบมาเถอะ เรารอฟังอยู่วอดก้าว่าพร้อมกับใช้ผ้าเช็ดผมผืนเล็กที่ใช้เช็ดเส้นผมอยู่ก่อนหน้าปกปิดหน้าอกขาวๆ ที่ฉันเพิ่งใช้สายตาลวนลามไป

    พี่คิดถึงน้องก้าม๊ากมาก

    อะอันนั้นเราไม่ได้ถามซะหน่อย

    อันนี้พี่อยากบอกเองอ่ะ

    นี่อาจจะเป็นการกลับมาที่ไม่ต่างจากเดิม แต่บอกเลยว่าที่เพิ่มเติมคือครั้งนี้ฉันไม่ถอยไปไหนแน่ๆ จนกว่าเขาจะเป็นคนตัดสินฉันให้แพ้จริงๆ



    tbc.
    #พี่เตคนคูล
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×