ตอนที่ 27 : ข้ามคืนครั้งที่ 26 : เปิดใจคุยกัน [100%]
TEMPORARY BLISS : CHAPTER 26
ข้ามคืนครั้งที่ 26 : เปิดใจคุยกัน
#ฟิคคืนของชานแบค
“ผมว่า...เรานอนคุยกันมากพอแล้ว”
กึก !
“ลงไปทานข้าวเถอะครับ ป่านนี้ป้าแม่บ้านคงสงสัยแล้วว่าพวกเราหายไปไหน”แบคฮยอนรีบเปลี่ยนเรื่องโดยไวพาให้ผมหัวเราะเบาๆในลำคอ ผมไม่ได้เรียกร้องขอให้เรานอนกอดกันทั้งวัน ผมแค่อยากใช้เวลาร่วมกับเขา ต่อให้จะแค่นั่งมองหน้าหรือมองตาโดยไม่พูดอะไรผมก็ยินดีจะทำ
ผมยอมทุกอย่างขอแค่ได้ใช้เวลาร่วมกับเขา
“แล้วคืนนี้เรานอนด้วยกันได้ไหม”
“ผมให้คุณกอดไปแล้วไง ทำไมคุณถึงโลภมากจัง”คนตัวเล็กขมวดคิ้วถามทั้งที่ก็น่าจะรู้ว่าทำไมผมถึงเป็นคนมักมากขนาดนี้ เพราะงั้นในตอนที่เดินลงบันไดผมเลยหันหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ เล่นเอาใบหน้าอีกฝ่ายขึ้นสีแดงระเรื่อแทบจะทันที “ชานยอล...!”
“ผมไม่ได้ฉวยโอกาส แค่ขอกำลังใจทานข้าว”
“อ๊ะ !”
“ช่วงนี้ร่างกายผมมันอ่อนยวบยาบแค่จะเดินยังไม่ไหวเลย”ร่างเล็กรู้ดีเลยว่าผมมันกะล่อนขนาดไหน ดูได้จากการที่เขาดันหน้าผมออกไปแล้วรีบสาวเท้าลงบันไดหนีผมด้วยความรวดเร็ว จนผมแอบกลัวว่าเขาจะพลาดตกบันไดไปก่อนที่เราจะทานมื้อเย็น
แบบนั้นมันคงไม่ดีแน่เลย
มื้ออาหารผ่านไปไวเหมือนโกหก สุดท้ายแบคฮยอนก็ทนลูกอ้อนผมไม่ไหว ยอมให้ผมได้มานอนห้องของเขาในที่สุด และตามที่ผมบอกผมแค่อยากนอนกอดเขา ไม่ได้หวังทำเรื่องอย่างว่าเรื่องสักนิด แค่คิดว่าถ้าเขายอมมันก็ถือว่าเป็นกำไร
ดีที่แบคฮยอนชอบทำให้ผมขาดทุน
“ถ้าทำตัวไม่ดี ผมไล่คุณกลับห้องแน่”
“ห้องผมก็เหมือนห้องคุณนั้นแหละ ไล่ผมกลับไปผมก็กลับมาอยู่ดี”ผมยกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้อีกฝ่ายก่อนจะจูบลงบนเรียวปากของเขาเบาๆ จากนั้นก็รีบผละออกส่งผลให้แบคฮยอนได้แต่ถลึงตาใส่ ผมเลยดึงเขามากอดเอาไว้ “ฝันดีนะครับ ฝันถึงผมด้วยนะ”
“มันต้องเป็นฝันร้ายแน่ๆ”
“ให้ผมไนท์คิสอีกสักทีไหมล่ะ เผื่อจะได้ฝันดียาวๆ”
“ได้ทำกับคุณยาวๆน่ะสิไม่ว่า อย่าหวังว่าผมจะยอมคุณเลยชานยอล แค่นี้ผมก็ขาดทุนจะแย่แล้ว”ผมหัวเราะให้กับการเปรียบเปรยของเขา ดูคนเราสิพอได้ทีล่ะเอาใหญ่ ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะได้กำไรหรือขาดทุนเหมือนกันไหม แค่เอาตัวเองเป็นใหญ่ก็พอแล้ว ผมอมยิ้มให้กับเด็กน้อยในอ้อมกอดดึงผ้าห่มมาคลุมตัวให้เขา ในเมื่อเขาไม่อยากทำผมก็จะไม่ทำ
ขอแค่นอนกอดเฉยๆก็พอแล้ว
มีค่ามากพอแล้วล่ะสำหรับคนไม่ดีอย่างผมน่ะ
-CHANYEOL PART END-
หลังจากตอนนั้นเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก ทั้งชานยอล ทั้งผมต่างก็หลับสนิทต่างจากเวลานอนคนเดียวที่มักจะกระวนกระวายคิดมากไปเรื่อย อาจเป็นเพราะผมรู้สึกคุ้นชินกับชานยอลมันเลยสบายใจเวลาได้นอนด้วยกัน ผมหลับยาวจนเกือบตื่นสายดีที่ร่างสูงปลุกให้ตื่นผมเลยมามหา’ลัยทันคาบเช้า
พลันหัวใจของผมก็เต้นระรัวไม่เป็นส่ำเมื่อเจอจงแดกับพ่อผมหน้ามหาลัย
ทั้งสองคนเหมือนกำลังคุยอะไรกันบางอย่าง เป็นจังหวะเดียวกับที่รถของชานยอลจอดเทียบฟุตบาทข้างทางพอดี จงแดเป็นคนแรกที่เลื่อนสายตามาเห็นผมตามด้วยพ่อที่หันมา เราสองคนเลยลงจากรถมาหาพวกเขา
อาจมีแค่ผมที่สัมผัสได้ถึงความไม่ปกติระหว่างเขากับจงแด
ทว่ายังไม่ทันที่ผมจะได้ถามไถ่ว่าพ่อมาที่นี่ทำไม จงแดก็ถอนหายใจแล้วเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผม เราสองคนมองตากันแล้วเขาก็เป็นฝ่ายพูดก่อน
“คุยกันหน่อยได้ไหม และมันจะดีมากถ้านายเปิดใจให้กันแบคฮยอน”
“เอ่อ...” ผมถึงกับพูดไม่ออก นี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่จงแดเป็นฝ่ายเข้ามาชวนคุยกับผม หนำซ้ำหน้าต่างยังบ่งบอกถึงความจริงจังระคนซีเรียสออกมาอีก ทำเอาผมอึกอักอยู่พักใหญ่ เลื่อนสายตาไปมองพ่อก็เหมือนเขาเองก็รอคำตอบของผมอยู่เหมือนกัน
นี่พวกเขา...กำลังคาดหวังอะไรจากผมอยู่งั้นเหรอ ?
“ตกลงนายมีเวลาว่างคุยกับฉันไหม”
“อะ...อื้ม แน่นอนสิ”
“งั้นไปกันเถอะ”
“…”
“มันจะดีกว่าถ้าเราคุยกันสองคน”คำพูดของจงแดมาพร้อมกับการสบตาผม ไม่รู้ทำไมขาทั้งสองของผมถึงได้ก้าวเดินตามเขาไปอย่างไม่มีการฉุดรั้ง ทั้งพ่อ ทั้งชานยอลเองก็ต่างไม่ได้ห้ามปราม ปล่อยผมให้เดินมากับจงแดเพียงสองคน เราทั้งคู่มาที่สวนหลังคณะ บรรยากาศตึงเครียดพาเอาหายใจไม่ทั่วท้อง
ผมรู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้
“ฉันทำนายรู้สึกแย่เหรอ”
“อ๊ะ !”
“นายดูระแวงไปหมดเลย”จงแดหันมาถามหลังจากที่พวกเรามาถึงจุดหมาย เล่นเอาผมถึงกับสะดุ้งแสดงพิรุธออกไปอย่างไม่ปิดบัง จงแดถอนหายใจออกมาอีกครั้งเขาทิ้งตัวลงนั่งบนม้าหิน พลางตบมือลงบนเก้าอี้ผมเลยไปทิ้งตัวลงนั่งโดยไม่มีปากมีเสียงใดๆ
เราสองคนเงียบอยู่พักใหญ่ ผมไม่ได้ถามว่าจงแดมีอะไรกับผม แค่รอให้เขาเป็นฝ่ายพูดออกมาเพราะถือว่าเขาเป็นคนชวนผมมา เขาก็ต้องเป็นคนเปิดประเด็นที่เราจะคุยกัน
แม้มันอาจจะไม่ใช่เรื่องดีก็ตาม
“แบคฮยอน”
กึก !
“นายมีความสุขไหมที่ได้อยู่กับอาฉันน่ะ”คำถามแรกถูกส่งมาทันทีที่เขาเรียกชื่อผม ส่งผลให้ผมค่อยๆเลื่อนสายตาไปหา เจ้าตัวทอดสายตาไปข้างหน้าถึงอย่างนั้นผมก็รู้ดีว่าเขารอคำตอบจากปากผมอยู่ “เขาใจดี ดูแลนายอย่างดีไหม”
“…อืม เขาก็ดูแลฉันดี”
“...”
“ฉัน...มีความสุขที่ได้อยู่กับชานยอล แม้ว่าก่อนหน้านี้เราจะไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ก็ตาม”
“แล้วความรู้สึกที่เขาให้ นายรักมันไหม”
“อะ...”
“นายรักเขาไหม แบคฮยอน” ผมอยากจะถามว่า ‘นายหมายความว่าไงจงแด เกิดอะไรขึ้นหรือว่านายกำลังต้องการจะสื่ออะไร’ ทว่าพอเห็นแววตาที่สั่นไหวตอนที่เขาเลื่อนสายตามาหาผม ก็ทำเอาผมพูดไม่ออก วินาทีนั้นผมรับรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายมีหลายอย่างเก็บงำเอาไว้ เขาเองก็คงอยากจะระบายออกมาเหมือนกัน และการที่เขาถามแบบนี้คิดในแง่ดีเขาอาจเป็นห่วงอาของเขา
เหมือนที่ผมห่วงพ่อของผมนั้นแหละ
“ถ้าถามว่ารักไหม ฉันก็ยังไม่แน่ใจ”
“…”
“แต่มันดีกว่าเมื่อมีเขาอยู่ด้วยกัน”ใบหน้าของผมเห่อร้อนนิดหน่อย คิดว่าถ้าชานยอลมาได้ยินคำนี้คงยิ้มไม่หยุด คนคนนั้นมักจะเก็บเอาคำพูดหวานๆของผมไปคิดเสมอ และมันทำให้ผมเขินอายแปลกๆ “ต่อให้เขาจะทำตัวไม่ดีใส่ฉัน แต่เขาก็กลายเป็นส่วนนึงของชีวิตฉันไปแล้ว”
“ฉันเองก็เหมือนกัน”
“หืม ?”
“ฉันเองก็มีคนที่ฉันรู้สึกแบบนั้นอยู่เหมือนกัน”จงแดว่าพลางสูดลมหายใจเข้า จู่ๆผมก็นึกถึงพ่อขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ “ฉันทำตัวไม่ดีใส่เขา ต่อต้านเขาสารพัด แต่เขาก็ยังไม่ยอมไปจากฉัน ทำเพื่อฉันทุกอย่างในขณะที่ฉันเอาแต่ใจตัวเอง ทำร้ายจิตใจเขาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง”
“…”
“เขาเป็นคนแรกและเป็นคนเดียวที่ยอมฉันทุกอย่าง ไม่ว่าตัวฉันจะเลวร้ายแค่ไหน”
“…”
“ที่ฉันเรียกนายมาคุยไม่ใช่แค่บอกว่าฉันกำลังตกหลุมรักใคร”
กึก !
“แต่ฉันต้องการการเปิดใจจากนาย”
“นายหมายความว่าไง”
“…”
“นายต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ จงแด ?”ผมขมวดคิ้วมุ่ยใส่เขา สุดท้ายก็ถามออกไปจนได้ ผมเป็นพวกถ้าไม่พูดตรงๆก็คงจะไม่เข้าใจ อีกอย่างการอ้อมไปอ้อมมาก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยนอกจากสาวความให้มันวุ่นวายขึ้นไปอีก “นายพูดออกมาตรงๆเลยดีกว่า อย่ามัวแต่อ้อมค้อมเลยจงแด นั่นไม่น่าจะใช่นิสัยนายนะ”
“นิสัยของฉันมันไม่ใช่สิ่งที่นายควรทำความรู้จัก”
“อะ...”
“แต่สิ่งที่ฉันกำลังจะสื่อมันเกี่ยวกับพ่อของนาย แบคฮยอน คนที่ฉันบอกว่ากำลังตกหลุมรักคือพ่อของนายเอง”
จงแดหันมามองหน้าผมสบตาผมนิ่งขณะที่ดวงตาสั่นไหวยิ่งกว่าเปลวเทียน เขาเม้มปากแน่นเนื้อตัวสั่นแสดงให้เห็นชัดถึงความกังวลที่แผ่ซ่านออกมา วินาทีนั้นเหมือนสมองของผมไม่ทำงาน หัวใจเกิดอาการวูบโหวงแทบจะทันที พร้อมกับที่นัยน์ตาสีสวยเบิกกว้างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“เมื่อกี้...นายว่าไงนะ”
“ฉันรักพ่อของนาย”
“…”
“เราสองคน...กำลังคบกันอยู่”ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนเดินตกลงไปในเหวลึกที่ไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดที่ตรงไหน มือไม้ของผมมันก็เหมือนจะอ่อนยวบยาบเช่นเดียวกับเรี่ยวแรงที่แข็งขา ถึงอย่างนั้นผมก็ฝืนยืนต่อไปไม่รู้เลยว่าควรจะตอบกลับอีกฝ่ายยังไงดี
แวบนึงผมมองว่านี่คือการเอาคืนที่ผมคบกับอาของเขา ทว่ามันก็ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จงแดจะทำแบบนั้น อีกอย่างถ้าเกิดเขารักอาของเขาในแง่นั้นเขาก็ไม่น่าจะแสดงอาการแบบนี้ออกมา แต่มันก็ไม่มีคำพูดอะไรที่สามารถเอามาอธิบายความรู้สึกตอนนี้ได้
จะโกรธก็ไม่โกรธ จะเกลียดก็ไม่เกลียด จะเจ็บก็ไม่เจ็บ มันกลายเป็นความวูบโหวงในใจอาจเป็นเพราะตั้งแต่ที่แม่จากไป พ่อก็ไม่เคยทำตัวหรือทำอะไรที่เรียกว่าการเอาคืนอื่นมาแทนแม่ผม เขายังคงอยู่คนเดียว เฝ้ามองผมเติบโตทำหน้าที่ของพ่อที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ผมยังเคยถามเลยว่าเขาไม่คิดจะมีใครอื่นเหรอ แน่นอนเขาก็ตอบว่าไม่ และทำตามที่พูดคือเขาไม่สนใจใครเลย กระทั่งวันนั้นที่ทุกคนต่างทิ้งผมไปหาจงแด...
นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมคิดว่าพ่อเอง...
ก็อาจจะรู้สึกเหมือนเขาเช่นกัน
“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้น”
“...”
“นายอย่าเกลียดพ่อของนายเลยนะ ถ้าจะเกลียดก็มาเกลียดฉันนี่ มันผิดที่ฉันเอง ฉันผิดเองที่เข้ามาในชีวิตของพ่อนาย”จงแดเสียงสั่นแวบนึงผมเห็นเหมือนน้ำตาคลอเบ้าเขา ทำเอาผมพูดไม่ออกหนักกว่าเดิม “ฉันยอมรับว่าฉันไม่ใช่คนดีขนาดที่จะคืนเขาให้นายได้ แต่ระหว่างเราตอนแรกมันก็แค่...คู่นอนทั่วไป ฉันไม่ได้คิดว่ามันจะมาถึงตรงนี้ ฉันแค่อยากทำให้มันถูกต้อง”
“…”
“ฉันเข้าใจถ้านายจะยอมรับไม่ได้ ถ้าเป็นฉัน ฉันก็คงยอมรับไม่...”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่นายกับเขาคบกัน”
“อะ...”
“ไปรู้สึกกันตอนไหนเหรอ”ผมถามออกไปด้วยความสงสัย อย่างน้อยก็อยากรู้ระยะเวลาที่พวกเขาคบหากัน ผมจะได้รู้ว่าผมควรจะทำยังไงกับสถานการณ์นี้ บอกตามตรงผมก็ยินดีนะที่เขาได้มีรักครั้งใหม่ แต่พอรู้ว่าคนคนนั้นเป็นหลานของคนที่ผมไว้ใจผมก็ไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไงดี
มันตือไปหมดเลย
“มันเริ่มตั้งแต่ที่เราเจอกันวันนั้นที่ร้านอาหาร”
“ที่นายมากับชานยอลน่ะเหรอ ?”
“ใช่”
“…”
“พ่อนายเข้ามาหาฉัน ฉันยอมรับว่าฉันถูกใจเขา แต่ฉันก็ปฏิเสธเพราะรู้ว่าเขามีครอบครัวแล้ว”คนตรงหน้าพยายามอธิบายให้ผมเข้าใจ ซึ่งผมเองก็กำลังทำความเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด เรื่องระหว่างเขากับพ่อผมไม่ต่างจากเรื่องของผมกับชานยอลเลยสักนิด เราต่างคนต่างเจอคนที่ถูกใจพัฒนาความสัมพันธ์จากคู่นอนมาเป็นคนรัก
โชคชะตาก็เล่นตลกได้ดีเหมือนกันที่ทำให้เราต่างจับคู่กับคนใกล้ตัวของตัวเอง
ผมว่าผมก็เข้าใจความรู้สึกของเขานะ เขารู้ว่าเขาทำผิดต่อผม แอบมีความสัมพันธ์กับพ่อผมลับหลังผมไม่ต่างจากที่ผมกับชานยอลทำ ถ้านี่จะเป็นเวรกรรมผมก็คิดว่ามันตามทันผมเร็วเหมือนกัน แต่เรื่องของความรักผมว่ามันก็ห้ามกันไม่ได้
ผมเองก็ห้ามให้มันเกิดขึ้นไม่ได้เหมือนกัน
“ขอบคุณนะที่มาพูดความจริงกับฉัน”
“แบคฮยอน”
“ขอบคุณนะจงแด”
หลังจากตอนนั้นเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก ผมเป็นฝ่ายเดินหนีเขามาเมื่อได้รู้ความจริงทุกอย่างที่ควรรู้ จงแดเองก็ไม่ได้รั้งผมไว้ คิดว่าการกระทำของผมคงทำให้อีกฝ่ายคิดมากไม่น้อยเลยเหมือนกัน ถึงอย่างนั้นผมก็อยากจะออกมาทบทวนความคิดของตัวเองสักหน่อย
ก็จริงที่ผมไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายเรื่องของพ่อ คนเราต่างก็ต้องมีมุมส่วนตัวกันทั้งนั้นไม่เว้นแม้แต่คนในครอบครัวเดียวกัน มีหลายครั้งที่ผมเจอพ่อกับจงแดอยู่ด้วยกัน แววตาที่เขาใช้มองจงแดมันไม่ใช่แววตาของผู้ใหญ่มองเด็ก มันลึกซึ้งกว่านั้นเหมือนกับแววตาของชานยอล
เวลาที่เขามองผม...
ตลอดทั้งวันผมเรียนแทบไม่เข้าหัว จงแดเองก็ไม่ได้หายตัวไปไหนเขายังคงวนเวียนอยู่ในสายตา ทั้งที่ประจำเรามักไม่ค่อยเจอกันเท่าไหร่ แต่ผมก็สัมผัสได้ถึงความโดดเดี่ยวที่เปลี่ยนไปของเขา จากความเย่อหยิ่งกลายเป็นการแสดงออกถึงความหวาดกลัวอันแตกต่าง
เขาคงไม่ได้คิดแค่เรื่องของผมเป็นแน่ คงมีอีกหลายเรื่องที่กระทบจิตใจของเขาอยู่
กระทั่งเลิกเรียนขณะที่ผมกำลังเดินออกมาจากตึกคณะ ผมเห็นภาพของพ่อที่มารับจงแดที่มหาลัย ระยะห่างของเราทำให้ผมไม่สามารถได้ยินว่าเขาพูดอะไรกัน รู้แค่ว่าพ่อผมกำลังเกลี่ยแก้มเขาก่อนจะดึงไปกอดโดยไม่แคร์ว่าใครจะมองยังไง
ผมมองภาพนั้นอยู่นานมาจนชานยอลที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่เดินมาจับแขนผม รั้งสายตาให้หันไปมองละจากภาพที่ติดตา
“เป็นอะไรหรือเปล่า ยืนนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งเลยคนดีของผม”
“...”
“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ ?”ชานยอลถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าผมไม่ตอบโต้ ซึ่งผมก็ยังคงเงียบมองพ่อกับจงแดที่ขึ้นรถแล้วหายไปด้วยกัน ในตอนนั้นชานยอลมองตามสายตาของผมและเหมือนจะเข้าใจได้ทุกเหตุการณ์โดยไม่ต้องบอกกล่าว “แบคฮยอน ถ้าคุณไม่สบายใจผมจะคุยกับจงแดให้ก็ได้นะ”
“ผมว่าผมคุยกับเขามามากพอแล้วล่ะครับ”
“…”
“ถึงตาที่ผมควรคุยกับพ่อผมบ้างแล้ว”
LOADING 100 PER
เจิมรอเปิดใจคุยกัน งานนี้ต้องจบกันได้แล้ว !
รอเยอะอัพไวนาจา ใครอยากอ่านรีบเจิมไวๆ ไม่นานเกินรอ !
ฝากติดตามด้วยน้า อย่าลืมเม้นน้า
1 เม้น 1 กำลังใจให้กำลังใจแบคฮยอน
เมื่อพูดถึงค่ำคืนของพวกเขา อย่าลืมติดแท็กในทวิต !
#ฟิคคืนของชานแบค
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ปล.ขอบคุณค่า ฝากติดตามด้วยน้า
ฝากติดตามด้วยน้า